Who were Las Mariposas, and why were they murdered? - Lisa Krause

Translator: Oraya Tankham Reviewer: Jimmy Tangjaitrong

From 1930 to 1961, thousands of people

ตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 ถึงปี ค.ศ.1961 กว่าพันชีวิต

were imprisoned, tortured, and murdered

ถูกจองจำ ทารุณ และเข่นฆ่า

under Rafael Trujillo’s dictatorship in the Dominican Republic.

ภายใต้การปกครองระบอบเผด็จการ ของ ราฟาเอล ตรูฮิโย ในสาธารณรัฐโดมินิกัน

Three sisters would go on to lead an underground revolution.

สามพี่น้องคงจะนำกลุ่มปฏิวัติใต้ดินต่อไป

But while their courage inspired many, it threatened the man in power,

ขณะที่ความกล้าหาญของพวกเธอปลุกใจประชาชน ทว่าชายผู้กุมอำนาจกลับรู้สึกถูกคุกคาม

and their lives would come to a tragic early end.

และชีวิตของพวกเธอ ต้องมาพบกับโศกนาฏกรรม

Trujillo rose through the military ranks during the United States’ occupation

ตรูฮิโยไต่เต้าขึ้นมามีอำนาจ จากตำแหน่งในกองทัพในช่วงที่สหรัฐอเมริกา

of the Dominican Republic.

ปกครองสาธารณรัฐโดมินิกัน

He assumed power in 1930 through a coup and rigged election

เขาเข้ามากุมอำนาจผ่านการทำรัฐประหาร ในปี ค.ศ.1930 และทุจริตการเลือกตั้ง

and created a system that enriched himself and his allies.

และสร้างระบบที่หนุนอำนาจต่อตนเองและพวกพ้อง

Trujillo’s family alone controlled three-fifths

ลำพังครอบครัวของตรูฮิโย ก็ควบคุมผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ

of the country’s gross domestic product,

ถึงสามส่วนห้าของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

including monopolies over salt, beef, and newspapers.

ซึ่งรวมถึงการผูกขาดสินค้า ประเภทเกลือ เนื้อสัตว์ และหนังสือพิมพ์

He renamed the country's capital after himself

เขาเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงของประเทศ ตามชื่อของตนเอง

and expected his portrait to be displayed in every household.

และทุกบ้านจะต้องมีรูปภาพของเขาประดับข้างฝา

And he committed atrocities, including the massacre of thousands of Haitians.

เขาได้กระทำการอันโหดเหี้ยม ซึ่งรวมไปถึง การสังหารหมู่ชาวเฮตินับพัน

All the while, a secret police force maintained his power

ในขณะเดียวกัน หน่วยตำรวจลับช่วยเขารักษาอำนาจ

by targeting opponents at home and abroad.

โดยจู่โจมฝ่ายตรงข้าม ทั้งในและนอกเคหสถาน

The Mirabal sisters grew up in a middle class family in the countryside.

พี่น้องมิราบัลเติบโตในครอบครัวชนชั้นกลาง ห่างออกไปในชนบท

Their parents sent the four sisters—

พ่อแม่ส่งพวกเธอทั้ง 4 คน

Patria, Dedé, Minerva, and María Teresa—

ปาเตรีย เดเด้ มิเนอร์ว่า และ มาเรีย เทเรซ่า

to one of the country’s best boarding schools.

ไปศึกษาในโรงเรียนประจำ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศ

There, Minerva met a classmate whose relative was killed on Trujillo's orders.

ณ ที่นั่น มิเนอร์ว่าได้พบกับเพื่อนร่วมชั้น ที่ญาติถูกฆ่าเพราะคำสั่งของตรูฮิโย

She began seeking out strong voices of opposition

เธอจึงเริ่มแสวงหาสิทธิ์เสียงแห่งการคัดค้าน

and discussing issues of oppression and justice with her sisters.

และถกประเด็นการถูกกดขี่ และการทวงคืนความยุติธรรมกับพี่น้องของเธอ

While Dedé stayed out of politics,

ในขณะที่เดเด้ไม่ขอข้องเกี่ยวกับการเมือง

Minerva, Patria, and María Teresa became invested in changing their country.

มิเนอร์ว่า ปาเตรีย และมาเรีย เทเรซ่า ได้กลายเป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงประเทศ

However, the Mirabal family’s safe standing soon collapsed.

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าความสงบสุข ของครอบครัวมิราบัลค่อย ๆ หายไป

In 1949, they were invited to one of Trujillo’s parties,

ในปี ค.ศ.1949 พวกเขา ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานสังสรรค์ของตรูฮิโย

which served as his personal hunting grounds for young women.

ซึ่งเป็นงานที่สนองความต้องการส่วนตัว ในการหาเด็กสาวของเขา

Declining the invitation was not an option.

การปฏิเสธคำเชิญไม่ได้อยู่ในตัวเลือก

Despite Minerva’s attempts to avoid him at the reception,

ถึงแม้ว่า มิเนอร์ว่าตั้งใจจะเลี่ยงการพบเจอกับเขา

she eventually danced with Trujillo but rejected his advances.

แต่เธอก็ได้เต้นรำกับตรูฮิโย แต่ปฏิเสธสัมพันธ์สวาทที่เขามอบให้

The Mirabal family left the party early,

ครอบครัวมิราบัลกลับก่อนที่งานจะเลิก

which was seldom done and considered disrespectful to the dictator.

ซึ่งไม่มีใครกล้าทำ และถือเป็นการกระทำ ที่หยามเกียรติผู้นำเผด็จการ

Their father, Enrique, was imprisoned and family property was confiscated.

เอนริเก้ พ่อของพวกเธอถูกจองจำ และทรัพย์สินของครอบครัวถูกยึด

Minerva graduated with highest honors

มิเนอร์ว่าเรียนจบปริญญาพร้อมเกียรตินิยม

as one of the first women in the country to receive a law degree.

ในฐานะสตรีคนแรกของประเทศ ที่ได้รับนิติศาสตร์บัณฑิต

But she was denied state authorization to practice—

แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานด้านกฎหมาย

a process Trujillo oversaw.

ซึ่งเป็นกระบวนการที่ตรูฮิโยควบคุมอยู่

While studying, Minerva met Manolo Tavárez Justo.

ขณะที่ศึกษาอยู่นั้น มิเนอร์ว่าได้พบกับ มาโนโล่ ทาบาเรซ ฮุสโต

He shared her political convictions and the two married in 1955.

เขามีความเห็นทางการเมืองเช่นเดียวกับเธอ และพวกเขาได้แต่งงานกันในปี ค.ศ.1955

They watched as armed revolutions launched throughout Latin America.

พวกเขาเฝ้ามองคณะปฏิวัติติดอาวุธ ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งลาตินอเมริกา

After Trujillo crushed an attempt to overthrow him in 1959,

หลังจากที่ตรูฮิโย ล้มล้างความพยายามที่จะโค่นเขาในปี ค.ศ.1959

they began to prepare a revolution of their own.

พวกเขาจึงเริ่มเตรียมการปฏิวัติของตัวเอง

The Mirabal sisters and their husbands formed the June 14th movement

สามพี่น้องมิราบัลและสามีของพวกเธอ จัดตั้งกลุ่มเคลื่อนไหว 14 มิถุนายน ขึ้นมา

along with many others from the middle class.

ร่วมกันกับชนชั้นกลางอีกหลายคน

Codenamed Las Mariposas, or the Butterflies,

โดยใช้รหัสชื่อว่า ลาส มารีโพซ่า หรือเหล่าผีเสื้อ

the three sisters organized and attended clandestine meetings

สามพี่น้องได้จัดตั้งและเข้าร่วมประชุมลับ

and distributed pamphlets detailing Trujillo’s violations.

และแจกจ่ายแผ่นผับที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การใช้อำนาจอันมิชอบของตรูฮิโย

In January of 1960,

ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.1960

they called representatives together from all over the country

พวกเธอได้เรียกรวมตัว เหล่าตัวแทนจากทั่วประเทศ

to establish the movement’s structure and prepare an uprising.

เพื่อตั้งโครงสร้างกลุ่มเคลื่อนไหว และเตรียมการจลาจล

But it was not to be.

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน

Trujillo had spies everywhere.

ตรูฮิโยมีสายลับอยู่ทุกหนแห่ง

Soon, many revolutionaries, including Minerva and María Teresa, were arrested.

ในไม่ช้านักปฏิวัติจำนวนมาก รวมถึง มิเนอร์ว่าและมาเรีย เทเรซ่า ถูกจับกุม

During this time, Patria found creative ways of transmitting information

ในช่วงนี้ ปาเตรียได้ค้นพบ วิธีแสนชาญฉลาดที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูล

to and from imprisoned rebels.

กับกบฎภายในคุก

Fearful of losing the support of the U.S. and the Church,

ด้วยความกลัวที่จะสูญเสียการสนับสนุน จากสหรัฐอเมริกาและคริสตจักร

which had recently begun to criticize him,

ซึ่งพักหลังเริ่มวิจารณ์การปกครองของเขา

Trujillo released the sisters while leaving their husbands imprisoned.

ตรูฮิโยได้ปล่อยพี่น้องมิราบัลเป็นอิสระ แต่ยังคงกักขังสามีของพวกเธอไว้

But they continued to threaten his regime’s stability— and his ego.

แต่พวกเธอยังคงสั่นคลอน ความมั่นคงในการปกครองและอัตตาของเขา

On November 25th,

ในวันที่ 25 พฤศจิกายน

as the three sisters were returning from visiting two of their imprisoned husbands,

ขณะที่สามพี่น้องเดินทางกลับ จากการเยี่ยมสองสามีที่ถูกคุมขัง

Trujillo’s men stopped their car.

คนของตรูฮิโยหยุดรถของพวกเธอ

The sisters, along with their driver, Rufino de la Cruz,

สามพี่น้องรวมถึงคนขับรถ นามว่า รูฟิโน เดอ ลา ครูซ

were asphyxiated and beaten to death.

ถูกรัดคอและทุบตีจนถึงแก่ชีวิต

The men rolled the Jeep off a hill to frame the murder as a car accident.

คนของตรูฮิโยเข็นรถจี๊ปตกหน้าผา เพื่อจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ

Patria was 36, Minerva was 33, and María Teresa was 25.

ปาเตรีย อายุ 36 ปี มิเนอร์ว่า อายุ 33 ปี และมาเรีย เทเรซ่า อายุ 25 ปี

But Trujillo's plan to silence the Mirabal sisters

แต่แผนที่จะปิดปากสามพี่น้องมิราบัล

and stabilize his regime backfired.

เพื่อคุมบังเหียนอำนาจของตน กลับไม่เป็นไปตามคาด

Much of the public wasn’t fooled by the flimsy coverup.

สาธารณะชนส่วนใหญ่ไม่หลงกล การอำพรางคดีที่ไม่น่าเชื่อถือนี้

The international community condemned the assassination.

ประชาคมระหว่างประเทศ ต่างประณามการลอบสังหารครั้งนี้

And the U.S. closed its Dominican embassy

และสหรัฐอเมริกาได้ปิดสถานทูตในโดมินิกัน

and secretly invested in the anti-Trujillo movement.

และร่วมลงทุนกับ ขบวนการต่อต้านตรูฮิโยอย่างลับ ๆ

Months later, former members of the Dominican military

หลายเดือนถัดมา อดีตสมาชิกกองทัพโดมินิกัน

killed the dictator, bringing his violent, 31-year reign to an end.

ได้สังหารผู้นำเผด็จการ และปิดฉาก 31 ปีแห่งการปกครองอันโหดเหี้ยม

Thanks to their family, especially their surviving sister, Dedé,

ต้องขอบคุณครอบครัวมิราบัล โดยเฉพาะเดเด้ พี่น้องคนสุดท้ายผู้รอดชีวิต

the legacy of the Mirabal sisters would surpass the clutches of Trujillo’s tyranny

มรดกตกทอดของสามพี่น้องมิราบัล จะอยู่เหนือกลุ่มเผด็จการของตรูฮิโย

even long after their deaths.

ตราบนานเท่านาน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะจากโลกไป

Today, the Mirabal sisters are national heroes

ปัจจุบัน สามพี่น้องมิราบัลถือเป็นวีรสตรีของชาติ

with monuments and honors commemorating their struggle.

มีอนุสรณ์สถานและเกียรติยศ เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของพวกเธอ

In 1999, the United Nations declared November 25th,

ในปี ค.ศ.1999 องค์กรสหประชาชาติ ประกาศให้ วันที่ 25 พฤศจิกายน

the anniversary of their deaths,

วันครบรอบการเสียชีวิตของพวกเธอ

the International Day for the Elimination of Violence Against Women.

เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล

Their courageous fight for justice has inspired generations.

การต่อสู้เพื่อทวงคืนความยุติธรรมของพวกเธอ เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง