The little risks you can take to increase your luck | Tina Seelig

Translator: Kanoknart Kaewvichein

I've spent nearly two decades

ฉันใช้เวลาเกือบยี่สิบปี

observing what makes people luckier than others

เฝ้าสังเกตว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ บางคนโชคดีกว่าคนอื่น

and trying to help people increase their luck.

และพยายามช่วยผู้คนให้มีโชคมากขึ้น

You see, I teach entrepreneurship,

ฉันสอนหลักสูตรผู้ประกอบการ

and we all know that most new ventures fail,

เราต่างรู้ว่าการลงทุนในสิ่งใหม่ ๆ แทบจะล้มเหลวทุกราย

and innovators and entrepreneurs need all the luck they can get.

ทั้งผู้บุกเบิกและนักลงทุน ต่างต้องการที่จะโชคดี

So what is luck?

แล้วโชคดีคืออะไร

Luck is defined as success or failure apparently caused by chance.

โชคคือตัวกำหนดว่าจะรุ่งหรือร่วง ซึ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญ

Apparently.

อย่างที่รู้กัน

That's the operative word.

นั่นคือคำนิยามสำคัญ

It looks like it's chance

มันเหมือนเป็นเหตุบังเอิญ

because we rarely see all the levers that come into play to make people lucky.

เพราะเราแทบไม่เห็นปัจจัยอื่น ที่เข้ามาช่วยให้ผู้คนโชคดี

But I've realized, by watching so long,

แต่จากที่ฉันเฝ้าดูมานาน จึงได้ตระหนักว่า

that luck is rarely a lightning strike,

โชคดีไม่ได้เหมือนฟ้าผ่า

isolated and dramatic.

ที่เกิดขึ้นรวดเร็วและถาโถม

It's much more like the wind,

แต่มันเหมือนกับสายลม

blowing constantly.

ที่พัดมาเรื่อย ๆ

Sometimes it's calm,

บางครั้งก็พัดมาแบบสงบ

and sometimes it blows in gusts,

บางครั้งก็กรรโชกแรง

and sometimes it comes from directions that you didn't even imagine.

บางครั้งก็พัดมาจากทิศทาง ที่คุณคาดไม่ถึง

So how do you catch the winds of luck?

แล้วคุณจะพบกับ สายลมแห่งโชคได้อย่างไร

It's easy, but it's not obvious.

มันไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก

So I'm going to share three things with you

ฉันมีสามวิธีมาบอกพวกคุณ

that you can do to build a sail to capture the winds of luck.

ที่จะช่วยให้คุณได้พบเจอ กับสายลมแห่งโชค

The first thing you want to do

อย่างแรกที่คุณต้องทำ

is to change your relationship with yourself.

คือการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

Be willing to take small risks that get you out of your comfort zone.

กล้าออกจากมุมสงบของตัวเอง เพื่อไปเสี่ยงสักหน่อย

Now, when we're children, we do this all the time.

เมื่อเรายังเป็นเด็ก เราทำแบบนี้กันตลอด

We have to do this if we're going to learn how to walk or talk

เราต้องเสี่ยง ถ้าเราจะหัดเดินหรือพูด

or ride a bike

หรือขี่จักรยาน

or even quantum mechanics. Right?

หรือเรียนกลศาสตร์ควอนตัม

We need to go from someone one week who doesn't ride a bike

สัปดาห์แรกเราเริ่มจาก การเป็นคนขี่จักรยานไม่เป็น

to, next week, someone who does.

สัปดาห์ถัดมาเราก็ขี่ได้แล้ว

And this requires us to get out of our comfort zone

การจะทำได้แบบนี้ เราต้องออกจากมุมสงบของตัวเอง

and take some risks.

เพื่อมาเสี่ยง

The problem is, as we get older,

ปัญหาคือเมื่อเราโตขึ้น

we rarely do this.

เราแทบไม่ทำแบบนั้นแล้ว

We sort of lock down the sense of who we are

เราปิดกั้นความเป็นตัวเอง

and don't stretch anymore.

และไม่ก้าวออกมา

Now, with my students,

สำหรับนักเรียนของฉัน

I spend a lot of time giving them encouragement

ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่กระตุ้นให้พวกเขา

to get out of their comfort zone and take some risks.

ออกมาจากมุมสงบของตัวเอง และลองเสี่ยงดูบ้าง

How do I do this?

ฉันทำอย่างไรหรือคะ

Well, I start out by having them fill out a risk-o-meter.

ฉันเริ่มจากให้พวกเขาเขียนหัวข้อ ลงในแบบวัดความเสี่ยง

Now, it's basically a fun thing we developed in our class

เป็นเรื่องสนุกที่เราทำกันในชั้นเรียน

where they map out what risks they're willing to take.

ให้เขียนแผนผังความเสี่ยง ที่พวกเขากล้าทำ

And it becomes clear very quickly to them

พวกเขาเข้าใจกระจ่างแจ้งทันที

that risk-taking is not binary.

ว่าความเสี่ยงไม่ใช่ระบบเลขฐานสอง

There are intellectual risks and physical risks and financial risks

มันมีทั้งความเสี่ยงทางการเรียนรู้ ทางร่างกายและทางการเงิน

and emotional risks and social risks and ethical risks and political risks.

ความเสี่ยงทางอารมณ์และทางสังคม ทางจริยธรรมและทางการเมือง

And once they do this, they compare their risk profiles with others,

พอพวกเขาเขียนลงไปเสร็จ ก็เอามาเทียบกับเพื่อนคนอื่น ๆ

and they quickly realize that they're all really different.

แล้วพวกเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ว่าแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน

I then encourage them to stretch,

แล้วฉันก็กระตุ้นให้พวกเขาก้าวออกมา

to take some risks that get them out of their comfort zone.

จากมุมสงบของตัวเอง เพื่อลองเสี่ยงดู

For example, I might ask them to do an intellectual risk

ตัวอย่างเช่น ฉันให้พวกเขา ลองเสี่ยงทางการเรียนรู้

and try to tackle a problem they haven't tried before;

ให้พวกเขาลองจัดการปัญหา ที่ไม่เคยทำมาก่อน

or a social risk, talking to someone sitting next to them on the train;

หรือเสี่ยงทางด้านสังคม ลองคุยกับคนที่นั่งข้าง ๆ บนรถไฟ

or an emotional risk,

หรือการเสี่ยงด้านอารมณ์

maybe telling someone they really care about how they feel.

อย่างการบอกคนที่พวกเขารัก ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร

I do this myself all the time.

ฉันเองทำแบบนี้อยู่ตลอด

About a dozen years ago, I was on an airplane,

ประมาณ 12 ปีก่อน ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน

early, early morning flight on my way to Ecuador.

เป็นเที่ยวบินเช้าตรู่ไปเอกวาดอร์

And normally, I would just put on my headphones

ตามปกติฉันจะใส่หูฟัง

and go to sleep, wake up, do some work,

แล้วก็หลับไป ตื่นมาทำงาน

but I decided to take a little risk,

แต่ฉันเลือกที่จะเสี่ยงอะไรสักเล็กน้อย

and I started a conversation with the man sitting next to me.

ฉันเปิดบทสนทนากับผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ

I introduced myself, and I learned that he was a publisher.

พอฉันแนะนำตัวเอง ก็ได้รู้ว่าเขาเป็นบรรณาธิการ

Interesting.

น่าสนใจจัง

We ended up having a fascinating conversation.

กลายเป็นว่าเรื่องที่เราคุยกัน มันน่าทึ่งมาก

I learned all about the future of the publishing industry.

ฉันได้รู้เกี่ยวกับ อนาคตของวงการหนังสือ

So about three quarters of the way through the flight,

พอใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง

I decided to take another risk,

ฉันตัดสินใจเสี่ยงดูอีกครั้ง

and I opened up my laptop and I shared with him a book proposal

ฉันเปิดแล็ปท็อปตัวเอง และให้เขาดูโครงร่างหนังสือ

I put together for something I was doing in my class.

ซึ่งฉันรวบรวม เรื่องที่ฉันสอนในชั้นเรียน

And he was very polite, he read it,

เขาสุภาพมากและอ่านมัน

and he said, "You know what, Tina, this isn't right for us,

แล้วบอกว่า "ทีน่า นี่ยังไม่ใช่เรื่อง ที่เราต้องการ"

but thank you so much for sharing."

"แต่ขอบคุณมากที่ให้ผมดู"

It's OK. That risk didn't work out.

ไม่เป็นไร การเสี่ยงครั้งนั้นไม่เห็นผล

I shut my laptop.

ฉันปิดแล็ปท็อป

At the end of the flight, we exchanged contact information.

พอเครื่องบินจอด เราแลกข้อมูลติดต่อกันไว้

A couple of months later, I reached out to him,

สองเดือนต่อมา ฉันติดต่อไปหาเขา

and I said, "Mark, would you like to come to my class?

ถามว่า "มาร์ก คุณอยากมา เยี่ยมชมชั้นเรียนของฉันไหม"

I'm doing a project on reinventing the book,

ฉันกำลังเขียนหนังสือเล่มใหม่

the future of publishing."

เรื่องอนาคตของสำนักพิมพ์”

And he said, "Great. I'd love to come."

เขาตอบว่า "เยี่ยมเลย ผมอยากไป"

So he came to my class. We had a great experience.

แล้วเขาก็มาดูชั้นเรียน เราต่างได้ประสบการณ์ที่ดี

A few months later, I wrote to him again.

ไม่กี่เดือนต่อมา ฉันก็เขียนไปหาเขาอีก

This time, I sent him a bunch of video clips

ครั้งนี้ฉันส่งคลิปวิดีโอ แนบไปด้วยหลายอัน

from another project my students had done.

เป็นอีกผลงานที่ทำโดยนักเรียนของฉัน

He was so intrigued

เขาสนใจอย่างมาก

by one of the projects the students had done,

เกี่ยวกับชิ้นงานอันหนึ่งของนักเรียนฉัน

he thought there might be a book in it,

เขาคิดว่ามันน่าเอาไปตีพิมพ์

and he wanted to meet those students.

และเขาอยากพบนักเรียนกลุ่มนั้น

I have to tell you, I was a little bit hurt.

ฉันยอมรับว่าปวดใจนิดหน่อยนะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I mean, he wanted to do a book with my students and not with me,

เขาตีพิมพ์หนังสือให้ลูกศิษย์ฉัน ไม่ใช่ตัวฉันเอง

but OK, it's all right.

แต่ก็ไม่เป็นไร

So I invited him to come down, and he and his colleagues came to Stanford

เขากับเพื่อนร่วมงานมาที่สแตนฟอร์ด ตามคำเชิญของฉัน

and met with the students, and afterwards, we had lunch together.

และได้พบกับลูกศิษย์ของฉัน จากนั้นเราก็ไปกินมื้อเที่ยงกัน

And one of his editors said to me,

บรรณาธิการคนหนึ่งของเขาถามฉันว่า

"Hey, have you ever considered writing a book?"

"คุณเคยคิดจะเขียนหนังสือบ้างไหม"

I said, "Funny you should ask."

ฉันบอกว่า "บังเอิญจังที่คุณถาม"

And I pulled out the exact same proposal

แล้วฉันก็ดึงหนังสือเล่มเดียวกัน

that I had showed his boss a year earlier.

ที่ฉันเคยให้เจ้านายของเขา ดูเมื่อปีก่อน

Within two weeks, I had a contract,

ภายในสองสัปดาห์ ฉันก็ได้เซ็นสัญญาตีพิมพ์

and within two years, the book had sold over a million copies around the world.

และภายในสองปี หนังสือเล่มนั้น ขายได้มากกว่าหนึ่งล้านเล่มทั่วโลก

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Now, you might say,

คุณอาจจะพูดว่า

"Oh, you're so lucky."

ฉันโชคดีจังเลย

But of course I was lucky,

แน่ล่ะว่าฉันโชคดี

but that luck resulted from a series of small risks I took,

แต่โชคนั้นเป็นผลจาก การเสี่ยงอันเล็กน้อยของฉัน

starting with saying hello.

โดยเริ่มจากการทักทาย

And anyone can do this,

ซึ่งใครๆ ก็ทำแบบนี้ได้

no matter where you are in your life,

ไม่ว่าชีวิตคุณจะอยู่ในจุดไหน

no matter where you are in the world --

หรือว่าคุณอยู่ที่ไหนบนโลกก็ตาม

even if you think you're the most unlucky person,

ถึงแม้คุณจะคิดว่า คุณคือคนอับโชคมากที่สุด

you can do this by taking little risks that get you out of your comfort zone.

คุณก็ทำได้ แค่ลองเสี่ยงสักหน่อย คุณก็ได้ออกมาจากมุมสงบของตัวเอง

You start building a sail to capture luck.

ที่นี้คุณก็ได้เริ่มล่องเรือ ไปตามหาโชคดี

The second thing you want to do

อย่างที่สองที่คุณต้องทำ

is to change your relationship with other people.

คือปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ ของคุณกับคนรอบตัว

You need to understand that everyone who helps you on your journey

คุณต้องเข้าใจว่าทุกคน ที่ช่วยคุณในเส้นทางชีวิต

is playing a huge role in getting you to your goals.

มีบทบาทสำคัญในการช่วย ให้คุณบรรลุเป้าหมาย

And if you don't show appreciation,

และหากคุณไม่แสดงความซาบซึ้ง

not only are you not closing the loop,

ไม่ใช่แค่คุณไม่ตอบรับนะ

but you're missing an opportunity.

แต่คุณกำลังพลาดโอกาส

When someone does something for you,

เมื่อมีใครสักคนทำบางอย่างให้คุณ

they're taking that time

พวกเขาสละเวลาตรงนั้น

that they could be spending on themselves or someone else,

ที่พวกเขาอาจใช้ เพื่ออยู่กับตัวเองหรือคนอื่น

and you need to acknowledge what they're doing.

และคุณต้องรับรู้ ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังทำ

Now, I run three fellowship programs at Stanford,

ฉันเปิดหลักสูตรเฉพาะทาง ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

and they are very competitive to get into,

ซึ่งต้องแย่งกันลงทะเบียนเข้าเรียน

and when I send out the letters to those students who don't get in,

เมื่อฉันส่งจดหมายถึงนักเรียน ที่ลงทะเบียนเรียนไม่ได้

I always know there are going to be people who are disappointed.

ฉันรู้เสมอว่าต้องมีหลายคนผิดหวัง

Some of the people who are disappointed send me notes, complaining.

บางคนก็ส่งจดหมายกลับมา พร้อมกับคำบ่น

Some of them send notes

บางคนส่งจดหมายกลับมา

saying what could I do to make myself more successful next time around?

ทำยังไงพวกเขาถึงจะ ประสบความสำเร็จในครั้งต่อไป

And every once in a while,

นาน ๆ ครั้งเท่านั้น

someone sends me a note thanking me for the opportunity.

จะมีบางคนส่งจดหมายกลับมาเพื่อขอบคุณ

This happened about seven years ago.

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน

A young man named Brian sent me a beautiful note saying,

ชายหนุ่มชื่อไบรอันส่งข้อความ ที่น่าชื่นชมมาให้ฉัน

"I know I've been rejected from this program twice,

"ผมรู้ว่าผมถูกปฏิเสธ จากหลักสูตรนี้มาสองครั้งแล้ว

but I want to thank you for the opportunity.

แต่ผมอยากขอบคุณสำหรับโอกาส

I learned so much through the process of applying."

ผมได้เรียนรู้เยอะมาก จากขั้นตอนการสมัคร"

I was so taken by the graciousness of his message

ฉันประทับใจความสุภาพน้อมนอบ ในเนื้อหาข้อความของเขา

that I invited him to come and meet me.

ฉันเลยเชิญเขามาพบ

And we spent some time chatting and cooked up an idea

เราคุยกันและวางแผนเรื่องแนวคิด

for an independent study project together.

โครงการศึกษาค้นคว้าโดยอิสระ

He was on the football team at Stanford,

เขาเป็นสมาชิกทีมฟุตบอลของสแตนฟอร์ด

and he decided to do a project on looking at leadership in that context.

เขาเลือกทำหัวข้อการสำรวจ ความเป็นผู้นำในสภาพแวดล้อมนั้น

We got to know each other incredibly well through that quarter,

เราต่างได้สนิทกันตลอดภาคเรียนนั้น

and he took the project that he started working on

แล้วเขาก็นำหัวข้อการศึกษานั้น

in the independent study

จากการค้นคว้าวิจัยโดยอิสระ

and turned it, ultimately, into a company called Play for Tomorrow,

ต่อยอดไปเป็นบริษัทชื่อว่า เพลย์ฟอร์ทูมอร์โรว์

where he teaches kids from disadvantaged backgrounds

ซึ่งเขาสอนเด็ก ๆ ที่มาจาก สภาพแวดล้อมไม่อำนวย

how to, essentially, craft the lives they dream to live.

ให้มีทักษะพื้นฐานสำคัญ ที่นำไปสู่ชีวิตที่พวกเขาใฝ่ฝัน

Now, the important thing about this story

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้

is that we both ended up catching the winds of luck

คือเราสองคนต่างได้เจอสายลมแห่งโชค

as a result of his thank-you note.

ซึ่งเป็นผลมาจากข้อความขอบคุณของเขา

But it was the winds that we didn't expect in the first place.

แต่มันเป็นสิ่งที่เรา ไม่ได้คาดคิดไว้ตั้งแต่แรก

Over the course of the last couple of years,

ในช่วงสองปีหลังของหลักสูตรการเรียน

I've come up with some tactics for my own life

ฉันค้นพบวิธีการบางอย่าง สำหรับชีวิตตัวเอง

to help me really foster appreciation.

เพื่อช่วยกระตุ้นความรู้สึกขอบคุณ

My favorite is that at the end of every single day,

สิ่งที่ฉันชอบทำคือในทุก ๆ วัน

I look at my calendar and I review all the people I met with,

ฉันจะดูตารางปฏิทิน และทบทวนว่าได้พบใครบ้าง

and I send thank-you notes to every single person.

แล้วส่งข้อความขอบคุณให้ทุกคน

It only takes a few minutes,

มันใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที

but at the end of every day,

แต่ในทุก ๆ วัน

I feel incredibly grateful and appreciative,

ฉันรู้สึกยินดีและซาบซึ่งอย่างมาก

and I promise you it has increased my luck.

ฉันยืนยันเลยว่ามันช่วยให้ฉันโชคดี

So first, you need to take some risks and get out of your comfort zone.

ฉะนั้นข้อแรก คุณต้องเสี่ยง และออกจากมุมสงบของตัวเอง

Second, you need to show appreciation.

ข้อสอง คุณต้องแสดงความขอบคุณ

And third, you want to change your relationship with ideas.

ข้อสาม คือคุณต้อง เปลี่ยนแนวคิดของตัวเอง

Most people look at new ideas that come there way and they judge them.

คนส่วนใหญ่พิจารณาแนวคิดใหม่ ๆ ที่พบเจอและตัดสินมัน

"That's a great idea" or "That's a terrible idea."

"ความคิดนั้นดีนะ" หรือ "ความคิดนั้นแย่มาก"

But it's actually much more nuanced.

แต่ที่จริงมันแตกต่างกันไม่มาก

Ideas are neither good or bad.

แนวคิดนั้นมีทั้งดีและไม่ดี

บ่อยครั้งแนวคิดแย่ ๆ พวกนั้น ก็มีสิ่งที่น่าทึ่งไม่น้อย

And in fact, the seeds of terrible ideas are often something truly remarkable.

One of my favorite exercises in my classes on creativity

มีแบบฝึกหัดบทหนึ่ง ที่ฉันชอบใช้ในชั้นเรียน

is to help students foster an attitude of looking at terrible ideas

เพื่อช่วยให้นักเรียนปรับมุมมอง ต่อแนวคิดแย่ ๆ เหล่านั้น

through the lens of possibilities.

ผ่านความเป็นไปได้ต่าง ๆ

So I give them a challenge:

ฉันจึงให้โจทย์แก่พวกเขา

to create an idea for a brand new restaurant.

โดยให้คิดแนวคิดสำหรับ ร้านอาหารเปิดใหม่

They have to come up with the best ideas for a new restaurant

พวกเขาต้องหาแนวคิดดีที่สุด

and the worst ideas for a new restaurant.

และแนวคิดแย่ที่สุด สำหรับร้านอาหารเปิดใหม่

So the best ideas are things like a restaurant on a mountaintop

แนวคิดดี ๆ ก็อย่างเช่น ร้านอาหารบนยอดเขา

with a beautiful sunset,

ที่เห็นวิวพระอาทิตย์ตกสวย ๆ

or a restaurant on a boat with a gorgeous view.

หรือร้านอาหารในเรือพร้อมวิวชั้นเลิศ

And the terrible ideas are things like a restaurant in a garbage dump,

พวกแนวคิดแย่ ๆ ก็เช่น ร้านอาหารในลานทิ้งขยะ

or a restaurant with terrible service that's really dirty,

หรือร้านที่บริการห่วยและสกปรก

or a restaurant that serves cockroach sushi.

หรือร้านอาหารที่เสิร์ฟ ซูชิหน้าแมลงสาบ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So they hand all the ideas to me,

พอพวกเขาเอาแนวคิดเหล่านั้นให้ฉัน

I read the great ideas out loud,

ฉันก็อ่านมันดัง ๆ

and then I rip them up and throw them away.

จากนั้นฉีกมันแล้วก็โยนทิ้ง

I then take the horrible ideas and redistribute them.

แล้วฉันก็เอาพวกแนวคิดแย่ ๆ มาแบ่งให้แต่ละกลุ่ม

Each team now has an idea that another team thought was horrible,

แต่ละกลุ่มได้แนวคิดยอดแย่ จากกลุ่มอื่น ๆ

and their challenge is to turn it into something brilliant.

โจทย์ของพวกเขาคือ เปลี่ยนให้มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม

Here's what happens.

และนี่คือผลที่เกิดขึ้น

Within about 10 seconds, someone says, "This is a fabulous idea."

ภายในสิบวินาที มีคนพูดว่า "นี่เป็นแนวคิดที่สุดยอด"

And they have about three minutes before they pitch the idea to the class.

พวกเขามีเวลาสามนาที เพื่อออกมานำเสนอหน้าชั้น

So the restaurant in the garbage dump? What does that turn into?

ร้านอาหารในลานขยะ พวกเขาเปลี่ยนมันยังไง

Well, they collect all the extra food from Michelin star restaurants

พวกเขารวบรวมอาหารเหลือ จากร้านมิชลินสตาร์

that was going to get thrown out,

ที่กำลังจะถูกทิ้งจากร้าน

and they have another restaurant at a much lower price,

เอาไปขายที่ร้านอาหาร ในราคาที่ถูกกว่า

with all the leftovers.

ด้วยอาหารเหลือพวกนั้น

Pretty cool?

เจ๋งใช่มั้ยล่ะ

Or the restaurant that's dirty with terrible service?

หรือร้านที่บริการห่วยแตกและสกปรก

Well, that turns into a restaurant that's a training ground

ร้านนั้นกลายเป็นสถานที่ฝึกงาน

for future restauranteurs to figure out how to avoid all the pitfalls.

สำหรับร้านอื่นๆ ที่กำลังจะเปิด เพื่อเลี่ยงปัญหาทั้งหมดนั้น

And the restaurant with cockroach sushi?

แล้วร้านขายซูชิหน้าแมลงสาบล่ะ

It turns into a sushi bar

ก็กลายเป็นซูชิบาร์

with all sorts of really interesting and exotic ingredients.

ที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบน่าสนใจ และแปลกประหลาด

If you look around at the companies,

ถ้าคุณสังเกตดูบริษัทต่าง ๆ

the ventures that are really innovative around you,

พวกผู้ลงทุนที่มีแนวคิดสดใหม่ รอบตัวคุณ

the ones that we now take for granted that have changed our life,

สิ่งที่เราลืมนึกไป ว่ามันเปลี่ยนชีวิตเรา

well, you know what?

แต่คุณรู้อะไรไหม

They all started out as crazy ideas.

พวกเขาล้วนเริ่มจากแนวคิดบ้า ๆ

They started ideas that when they pitched to other people,

พวกเขาหาแนวคิด แล้วเอาออกสู่สาธารณชน

most people said, "That's crazy, it will never work."

คนส่วนใหญ่พูดว่า "นั่นมันบ้า ไม่มีทางรุ่งหรอก"

So, yes, sometimes people were born into terrible circumstances,

ใช่ บางคร้้งคนเราก็เกิดมา ในสภาพแวดล้อมแย่ ๆ

and sometimes, luck is a lightning bolt

บางครั้งโชคดีก็เหมือนฟ้าผ่า

that hits us with something wonderful or something terrible.

ที่ผ่าลงมาพร้อมโชคดีหรือโชคร้าย

But the winds of luck are always there,

แต่สายลมแห่งโชคมีมาตลอด

and if you're willing to take some risks,

ถ้าคุณกล้าที่จะรับความเสี่ยง

if you're willing to really go out and show appreciation

ถ้าคุณกล้าก้าวออกไป และแสดงความขอบคุณ

and willing to really look at ideas, even if they're crazy,

และมองหาแนวคิดใหม่ ๆ ถึงมันจะบ้าหลุดโลก

through the lens of possibilities,

เมื่อมองจากความเป็นไปได้

you can build a bigger and bigger sail to catch the winds of luck.

คุณได้ต่อเรือลำใหญ่และไปไกลขึ้น เพื่อตามหาโชค

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)