Fresh water scarcity: An introduction to the problem - Christiana Z. Peppard

การขาดแคลนน้ำจืด: บทนำสู่ปัญหา - คริสเตียน่า แซด เพ็บพาร์ด (Christiana Z. Peppard)

Transcriber: Andrea McDonough Reviewer: Bedirhan Cinar

Translator: Pattaramas Jantasin Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

You might have heard that we're running out of fresh water.

คุณอาจเคยได้ยินว่า พวกเรากำลังจะขาดแคลนน้ำจืด

This might sound strange to you because,

มันอาจฟังดูแปลกๆสำหรับคุณ เพราะ

if you live in a place where water flows freely

ถ้าคุณอาศัยอยู่ในที่ที่มีน้ำไหลตลอดเวลา

from the tap or shower at any time,

จากก๊อกน้ำหรือฝักบัว

it sure doesn't seem like a big deal.

มันก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาใหญ่ตรงไหน

It's just there, right?

เพราะน้ำก็อยู่ตรงนั้นนี่ ใช่ไหม

Wrong!

ผิดแล้ว

The only obvious thing about fresh water

สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดเจน เกี่ยวกับน้ำจืด

is how much we need it.

ก็คือ พวกเราต้องการมันมากแค่ไหน

Because it's essential to life,

ก็เพราะ น้ำนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต

we need to think about it carefully.

พวกเราจำต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดี

Right now, at this very moment, some people,

ขณะนี้ ณ ตอนนี้ ใครบางคน

women and girls in particular,

โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กๆทั้งหลาย

walk hours and miles per day to get fresh water,

ต้องเดินเป็นชั่วโมง หลายไมล์ต่อวัน เพื่อไปเอาน้ำจืด

and even then, it may not be clean.

และถึงอย่างนั้น น้ำก็อาจจะไม่สะอาด

Every 15 seconds, a child dies due to water-born diseases.

ทุกๆ 15 วินาที จะมีเด็กคนหนึ่งตายจากโรคที่มากับน้ำ

This is tragic!

มันเป็นเรื่องที่น่าสลดใจ

The most compelling reasons to think about fresh water,

ดังนั้น เหตุผลสำคัญที่สุดที่ึควรคิดเกี่ยวกับน้ำจืด

therefore, have to do with what we might call

ต้องเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเราเรียกว่า

the global common good.

ความดีของโลก

This is not something we normally think about,

มันเป็นเรื่องที่ ปกติแล้วเราไม่ค่อยจะนึกถึง

but it means recognizing how much fresh water matters

แต่มันหมายถึง การยอมรับว่าน้ำนั้นสำคัญแค่ไหน

for the flourishing of human and non-human life on Earth

สำหรับมวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆบนโลกนี้

now and in the future.

ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

How do we think about something

พวกเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับบางสิ่ง

as local as our faucets

ที่อยู่ในพื้นที่เหมือนก๊อกน้ำของพวกเรา

and as global as fresh water?

และบางสิ่งทั่วโลกเหมือนแหล่งน้ำจืด

Is there a connection between them?

มันมีความสัมพันธ์กันไหมนะ

Many people assume that fresh water shortages

หลายคนทึกทักเอาว่า การขาดแคลนน้ำจืดนั้น

are due to individual wastefulness:

เกิดขึ้นเพราะ ความสิ้นเปลืองของแต่ละคน

running the water while you brush your teeth, for example,

ตัวอย่างเช่น การปล่อยให้น้ำไหลระหว่างคุณแปรงฟัน

or taking really long showers.

หรือ การอาบน้ำเป็นเวลานานมากๆ

Most of us assume, therefore,

พวกเราส่วนใหญ่คิดเอาเองว่า

that water shortages can be fixed

การที่ขาดแคลนน้ำนั้นสามารถแก้ไขได้

by improving our personal habits:

โดยการปรับปรุงพฤติกรรมของพวกเรา

taking shorter showers

เช่น อาบน้ำให้เร็วขึ้น

or turning off the water while we brush our teeth.

หรือ ปิดน้ำไว้ตอนที่เราแปรงฟัน

But, global fresh water scarcity

แต่ การขาดแคลนน้ำจืดทั่วโลกนั้น

neither starts nor ends in your shower.

ไม่ได้เริ่มหรือจบในห้องอาบน้ำ

Globally, domestic use of fresh water

การใช้น้ำในประเทศทั่วโลกนั้น

accounts for only 8% of consumption,

คิดเป็น 8% ของการบริโภคเท่านั้น

8%!!

8%

Compare that to the 70% that goes to agriculture

เทียบกับ 70% ที่ใช้ไปกับการเกษตร

and the 22% that goes to industrial uses.

และอีก 22% ที่ใช้ไปกับอุตสาหกรรม

Now, hold up - you're not off the hook!

ตอนนี้ หยุดก่อน - คุณยังไม่พ้นจากประเด็นนี้หรอก

Individual habits are still part of the puzzle.

พฤติกรรมของแต่ละคนนั้นยังคงเป็นส่วนนึงของปัญหานี้

You should still cultivate water virtue in your daily life,

คุณยังควรเรียนรู้เรื่องการใช้น้ำอย่างถูกต้อง ในชีวิตประจำวัน

turn off the tap when you brush your teeth.

ปิดก๊อกน้ำตอนที่แปรงฟัน

But still, it's true.

แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องจริง

Taking shorter showers won't solve global problems,

การอาบน้ำเร็วขึ้นไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาทั่วโลกได้

which is too bad.

ซึ่งแย่หน่อย

It would be much more straightforward and easier

มันควรมีวิธีที่ตรงไปตรงมาและง่ายกว่านี้

if virtuous, individual actions could do the trick.

ถ้าการกระทำอย่างถูกต้องของแต่ละคนนั้นสามารถแก้ปัญหาได้

You'd just stand there for 30 seconds less,

คุณแค่ใช้เวลายืนอยู่ตรงนั้นน้อยลง 30 วินาที

and you'd be done with that irksome,

คุณได้ทำแผนการช่วยโลก ที่น่ารำคาญนิดหน่อย

planet-saving task for the day.

สำเร็จไปแล้วสำหรับวันนั้น

Well, that's not so much the case.

อืม แต่มันก็ไม่ใช่กรณีส่วนใหญ่

Agricultural and industrial patterns of water use

รูปแบบการใช้น้ำของเกษตรและอุตสาหกรรมต่างหาก

need serious attention.

ที่ต้องให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

How do our societies value water?

สังคมพวกเราประเมินค่าของน้ำไว้อย่างไร

Distribute it?

การแจกจ่ายน้ำ

Subsidize its use in agriculture?

ให้เงินทุุนสนับสนุนการใช้น้ำในการเกษตร

Incentivize its consumption or pollution?

จูงใจให้ใช้น้ำ หรือเรื่องมลภาวะ

These are all questions that stem from

ทั้งหมดนี้คือคำถามที่มาจาก

how we think about fresh water's value.

การที่พวกเราได้คิดเกี่ยวกับ คุณค่าของน้ำ

Is it an economic commodity?

มันคือ เศรษฐทรัพย์ หรือเปล่า

A human right?

สิทธิมนุษยชน?

A public good?

สินค้าสาธารณะ

Nobel prize winners,

ผู้ชนะรางวัลโนเบล

global water justice activists,

นักรณรงค์น้ำโลก

transnational institutions like the United Nations,

องค์กรระหว่างประเทศ เช่น หน่วยงานสหประชาชาติ

and even the Catholic Church

หรือแม้แต่ โบสถ์คาทอลิก

are at work on the issue.

กำลังพยายามแก้ปัญหานี้อยู่

But, it's tricky, too,

แต่ มันยากเหมือนกัน

because the business of water

เพราะ ธุรกิจน้ำ

became very profitable in the 20th century.

กลายเป็นสิ่งทำกำไร ในยุคศตวรรษที่ 20 นี้

And profit is not the same thing as the common good.

และกำไร ก็ไม่เหมือนกับ สินค้าทั่วไป

We need to figure out

พวกเราต้องคิดให้ออก

how to value fresh water as a public good,

ว่า จะประเมินค่าของน้ำจืดให้เทียบเท่ากับสินค้าสาธารณะได้อย่างไร

something that's vital for human and non-human life,

บางอย่างที่สำคัญมากๆต่อชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

now and in the future.

ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

Now that's a virtuous, collective task

และนั่นคือความดี งานที่ต้องทำร่วมกัน

that goes far beyond your shower.

ที่ไปไกลเกินกว่าการที่คุณอาบน้ำ