How one of the most profitable companies in history rose to power - Adam Clulow

Translator: Pattara Jermsawat Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

During the 17th century,

ในช่วงศตวรรษที่ 17

the three letters “VOC” formed the world’s most recognizable logo.

ตัวอักษรสามตัว “VOC” เป็น หนึ่งในสัญลักษณ์ที่เป็นที่จดจำที่สุดในโลก

These initials belonged to the Verenigde Oostindische Compagnie,

ตัวอักษรเหล่านี้เป็นตัวย่อจากคำเต็มว่า Verenigde Oostindische Compagnie

or the Dutch East India Company—

หรือบริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย

widely considered the most profitable corporation ever created.

ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้สูงที่สุด เท่าที่โลกเคยรู้จัก

Starting in 1602, it cornered the booming spice market

ตั้งแต่ปี 1602 บริษัทได้ควบคุม ตลาดเครื่องเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

and pioneered trade routes between Asia and Europe.

และยังได้บุกเบิกเส้นทางการค้า ระหว่างเอเชียกับยุโรป

But such success came with an overwhelming cost in human life.

แต่ความสำเร็จนั้นต้องแลกมาด้วย ต้นทุนชีวิตมนุษย์อย่างมหาศาล

When the Dutch state created the Company,

เมื่อชาวดัตช์จัดตั้งบริษัทนี้

it granted the organization the power to wage war,

พวกเขาได้ให้อำนาจบริษัทในการก่อสงคราม

conduct diplomacy, and seize colonies throughout Asia.

ดำเนินการทางการทูต และจัดตั้งอาณานิคมในทวีปเอเชีย

The Dutch East India Company was intended to make money

ความตั้งใจของชาวดัตช์ ในการจัดต้ังบริษัทคือการสร้างผลกำไร

and battle competing European empires.

และแข่งขันกับจักรวรรดิยุโรปอื่น ๆ

The Asian market was the largest at the time

เวลานั้นเอเชียเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุด

and spices were in great demand throughout Europe.

และเครื่องเทศก็เป็นสินค้า ที่ยุโรปต้องการเป็นอย่างยิ่ง

Nutmeg was among the most precious.

โดยเฉพาะลูกจันทน์เทศ

But it was only cultivated on Indonesia’s Banda Islands.

ซึ่งเพาะปลูกได้ในหมู่กาะบันดา ของประเทศอินโดนิเซียเท่านั้น

If Dutch officials could seize exclusive control over nutmeg,

หากชาวดัตช์ผูกขาดการค้าลูกจันทน์เทศได้

they'd make their investors rich,

นักลงทุนของพวกเขาก็จะร่ำรวย

ensure the Company’s long-term survival

ส่งผลดีต่อความอยู่รอดของบริษัทในระยะยาว

and deprive their adversaries of the same gains.

และกีดกันคู่แข่งออกจากการแข่งขันนี้

However, their plan hinged on the submission of the Bandanese people.

ทว่าแผนดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับ การกำราบชาวบันดาพื้นถิ่น

This was something Company officials, like the ruthless Jan Pieterszoon Coen,

ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ ยาน ปีเตอร์ซูน โคเอน ข้าหลวงใหญ่ผู้โหดเหี้ยมของบริษัท

were willing to go to great lengths to ensure.

ได้ใช้ความพยายามอย่างสูงในการจัดการ

หมู่เกาะบันดานั้นประกอบด้วย หลายหมู่บ้านรวมตัวกัน

Home to around 15,000 people,

the Banda Islands were composed of village confederations

โดยมีประชากรราว 15,000 คน

controlled by rich men called orang kaya, who were expert traders.

ปกครองโดยพ่อค้าผู้เก่งกาจและร่ำรวย โอรัง กายา

They'd retained their virtual monopoly over nutmeg for centuries,

ชาวบันดาผูกขาดการค้าลูกจันทน์เทศ มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ

selling at the highest price to Asian and European merchants.

พวกเขาขายลูกจันทน์เทศด้วยราคาสูง ให้กับพ่อค้าชาวเอเชียและยุโรป

When the Dutch East India Company arrived in the early 1600s,

เมื่อบริษัทอินเดียตะวันออกของดัชต์ เข้ามาถึงในช่วงต้นศตวรรษที่ 16

its officials persuaded a group of orang kaya to sign a treaty.

บริษัทโน้วน้าวชนชั้นปกครองกลุ่มโอรัง กายา ให้ลงนามในสนธิสัญญา

It guaranteed protection in exchange for monopoly rights to their nutmeg.

ที่จะมอบการปกป้องให้แก่ชุมชน แลกกับสิทธิผูกขาดการค้าลูกจันทน์เทศ

Bandanese leaders had made similar agreements before,

เหล่าผู้นำชาวบันดาได้เคยตกลง ในสนธิสัญญาแบบเดียวกันนี้มาก่อนแล้ว

but were able to break them without serious consequences.

และสามารถยกเลิกโดยไม่มีผลกระทบที่รุนแรงนัก

The Dutch represented a new threat.

แต่ชาวดัตช์นั้นเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่

They attempted to build forts to control trade and stop smuggling,

พวกเขาพยายามสร้างป้อมปราการ เพื่อควบคุมการค้า การลักลอบขนลูกจันทน์เทศ

and insisted that all nutmeg be sold to them at deflated prices.

อีกทั้งยังกำหนดให้ขายลูกจันทน์เทศทั้งหมด ให้กับพวกเขาในราคาต่ำ

Many Bandanese refused and relations continued to deteriorate.

ชาวบันดาจำนวนมากปฏิเสธ ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงเรื่อย ๆ

In 1609, a group of villagers ambushed and killed a Dutch admiral and 40 of his men.

ในปี 1609 ชาวบ้านได้ซุ่มโจมตีทหารชาวดัตช์ ทำให้นายพลและทหารอีก 40 นายเสียชีวิต

Over the next decade, tensions escalated as treaties were broken and re-signed.

ในช่วงทศวรรษต่อมา ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น จากการฉีกสนธิสัญญาและการลงนามใหม่

The Company and Jan Pieterszoon Coen, its Governor-General,

บริษัทและข้าหลวงใหญ่ ยาน ปีเตอร์ซูน โคเอน

began considering new strategies.

ได้เริ่มพิจารณาถึงกลยุทธ์ใหม่ ๆ

The Bandanese, one official wrote,

พนักงานคนหนึ่งของบริษัท ได้บันทึกว่า ชาวบันดานั้น

should be “brought to reason or entirely exterminated.”

ควรจะ “ปรับเปลี่ยนความคิด มิเช่นนั้นจะถูกกำจัดจนสิ้นซาก”

Coen himself believed that there could be no trade without war.

โคเอนเองเชื่อว่า เป็นการยากที่จะค้าขายโดยปราศจากสงคราม

In 1621, with the approval of his superiors,

ในปี 1621 ด้วยคำอนุมัติจากหน่วยเหนือของเขา

he staged a massive invasion and made Bandanese leaders sign another document.

โคเอนได้สั่งให้กองทัพโจมตี และบังคับให้ผู้นำชาวบันดาลงนามในสนธิสัญญา

But this time, the terms didn’t recognize the Bandanese as a sovereign people—

แต่ในครั้งนี้ สนธิสัญญาไม่ได้รับรอง อธิปไตยของชาวบันดาเลย

they were the Dutch East India Company’s colonial subjects.

พวกเขากลายเป็นคนในปกครองในอาณานิคมของดัชต์

Soon, Dutch officials claimed they'd detected a conspiracy against them.

ไม่นาน เจ้าหน้าที่ดัตช์อ้างว่ามีการสมคบคิด เพื่อต่อต้านชาวดัตช์

Coen used this to eliminate further resistance.

โคเอนจึงใช้ข้ออ้างนี้ในการกำจัดผู้ต่อต้าน

He ordered his soldiers to torture Bandanese leaders to extract confessions.

เขาสั่งให้ทหารของเขาทรมานผู้นำชาวบันดา เพื่อบังคับให้พวกเขาสารภาพ

Over the following months,

ในเดือนต่อ ๆ มา

Company troops waged a brutal campaign that decimated the population.

กองทหารของบริษัทได้ทำลายล้างชาวบันดา ด้วยการรุกรานอย่างโหดเหี้ยม

Many Bandanese people were starved to death or enslaved

ชาวบันดาจำนวนมากอดอาหารจนเสียชีวิต หรือถูกบังคับให้เป็นทาส

and sent to distant Dutch colonies.

และถูกส่งไปยังอาณานิคมของดัตช์อันห่างไกล

Others jumped from cliffs rather than surrender.

ชาวบันดาจำนวนหนึ่งเลือกจบชีวิต ด้วยการกระโดนหน้าผาแทนการยอมแพ้

Thousands fled, emptying out whole villages.

ผู้คนหลายพันคนหนีออกจากเกาะ หมู่บ้านทั้งหลายกลายเป็นหมู่บ้านร้าง

Some survivors resettled on other islands,

ผู้รอดชีวิตต่างโยกย้าย ไปตั้งถิ่นฐานใหม่บนเกาะอื่น ๆ

where they preserved remnants of Bandanese language and culture.

ที่ซึ่งพวกเขาสามารถรักษาเศษซาก ของภาษาและวัฒนธรรมชาวบันดาไว้ได้

When the Company’s violent campaign was over,

เมื่อการรุกรานอันโหดร้ายของบริษัทสิ้นสุดลง

the indigenous population had plummeted to less than a thousand,

ประชากรพื้นถิ่นลดลงเหลือไม่ถึงหนึ่งพันคน

most of whom were enslaved.

โดยส่วนใหญ่นั้นอยู่ในฐานะทาส

The Dutch East India Company sliced the islands into plantations

บริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ได้หั่นดินแดน ของหมู่เกาะให้กลายเป็นไร่เพาะปลูก

and imported an enslaved workforce.

และนำเข้าทาสเพื่อใช้แรงงาน

It was, by many measures, an act of genocide.

ซึ่งนับได้ว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

By securing this global monopoly over nutmeg,

การที่พวกเขาสามารถผูกขาด การค้าลูกจันทน์เทศในตลาดโลก

the Company supercharged its economic development,

บริษัทได้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต

contributing to the Dutch Golden Age.

และได้สร้างยุคทองของชาวดัตช์

Although Coen faced criticism,

ถึงแม้โคเอนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์

he was celebrated as a national hero well into the 20th century.

เขาก็ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาติ เรื่อยมาจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 20

400 years after the massacre on Banda,

400 ปี หลังจากการสังหารหมู่ชาวบันดา

Coen’s statue still stands in the city of Hoorn—

อนุสาวรีย์ของโคเอน ยังคงตั้งตระหง่านที่เมืองโฮร์น

despite mounting pressure for its removal.

ท่ามกลางแรงกดดัน ให้ถอดถอนอนุสาวรีย์ของเขาออก

Coen and the Dutch East India Company brought a prized commodity

โคเอนและบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ ได้ควบคุมการค้าสินค้าอันล้ำค่า

under their control and profits soared.

และสร้างผลกำไรมหาศาลให้กับบริษัท

But they achieved this by violently tearing another society apart.

แต่พวกเขาประสบความสำเร็จได้ด้วยการ ฉีกทึ้งสังคมอื่นให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ