Eric Giler demos wireless electricity

Translator: Surat Bunditraksana Reviewer: Heartfelt Grace

Early visions of wireless power

แนวคิดแรกๆ เกี่ยวกับการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย

actually were thought of by Nikola Tesla

จริงๆ แล้วเป็นแนวคิดของ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)

basically about 100 years ago.

เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว

The thought that

แนวความคิดนี้เริ่มต้นที่ว่า

you wouldn't want to transfer electric power wirelessly,

คุณไม่ต้องการระบบส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สายหรอก

no one ever thought of that.

เพราะไม่เคยมีใครนึกที่จะสร้างมัน

They thought, "Who would use it if you didn't?"

พวกเขาคิดเอาว่า "ใครล่ะจะใช้ถ้าเราเองยังไม่ใช้เลย?"

And so, in fact, he actually set about

ดังนั้น นิโคลาจึงเริ่ม

doing a variety of things.

ทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง

Built the Tesla coil. This tower was built

สร้างหอคอยขดลวดเทสลา

on Long Island back at the beginning of the 1900s.

ที่ ลองไอแลนด์ ในช่วงต้นทศวรรษ 1900

And the idea was, it was supposed to be able to transfer power

แนวคิดก็คือจะให้มันส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย

anywhere on Earth.

ไปยังทุกๆ ที่ทั่วมุมโลก

We'll never know if this stuff worked. Actually, I think the

เราไม่รู้แน่ชัดว่ามันทำงานได้จริงรึเปล่า จริงๆ แล้ว ผมคิดว่า

Federal Bureau of Investigation

FBI ล้มโครงการลง

took it down for security purposes,

ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย

sometime in the early 1900s.

ในช่วงต้นๆทศวรรษ 1900 เช่นเดียวกัน

But the one thing that did come out of electricity

แต่สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมพลังงานไฟฟ้า

is that we love this stuff so much.

ก็คือ พวกเรารักมันมากเลยล่ะ

I mean, think about how much we love this.

ผมหมายถึง ทำไมเราจะไม่รักมันล่ะ

If you just walk outside, there are trillions of dollars

ถ้าเราเดินออกไปข้างนอก เราจะเห็นเงินเป็นล้านล้านดอลลาร์

that have been invested in infrastructure around the world,

ที่ลงทุนไปกับโครงสร้างพื้นฐานทั่วทุกมุมโลก

putting up wires to get power from where it's created

สายไฟฟ้าถูกโยงไปทุกที่ทุกแห่งเพื่อนำพาพลังงาน

to where it's used.

ไปยังที่ที่ต้องการใช้

The other thing is, we love batteries.

อีกสิ่งที่เรารักมันมากเช่นเดียวกันคือ แบตเตอรี่

And for those of us that have an environmental element to us,

พวกมันกลายมาเป็นองค์ประกอบพื้นฐานรอบๆ ตัวเรา

there is something like 40 billion

มีการผลิตถ่ายไฟฉายประเภทใช้แล้วทิ้ง

disposable batteries built every year

ประมาณปีละ 4 หมื่นล้านก้อน

for power that, generally speaking,

เพื่อให้พลังงานกับอะไรก็ตามที่โดยทั่วไป

is used within a few inches or a few feet

ถูกใช้ห่างเพียงไม่กี่นิ้ว หรือไม่กี่ฟุต

of where there is very inexpensive power.

จากแหล่งพลังงานที่มีราคาถูกมาก

So, before I got here,

ก่อนที่ผมจะลงลึกไปในรายละเอียด

I thought, "You know, I am from North America.

ผมว่า "อย่างที่คุณรู้กัน ผมมาจากอเมริกาตอนเหนือ

We do have a little bit of a reputation in the United States."

พวกเราสร้างชื่อเสียงพอสมควรในสหรัฐอเมริกา"

So I thought I'd better look it up first.

ดังนั้น จะดีกว่าถ้าผมให้คุณดูนิยามของคำพวกนี้ก่อน

So definition number six is the North American

นิยามของเลข 6 (ออกเสียง ซิกส์) คืออเมริกาเหนือ

definition of the word "suck."

ความหมายของคำว่า ห่วย (ออกเสียง ซักส์)

Wires suck, they really do.

สายไฟฟ้าห่วย ใช่มันห่วย

Think about it. Whether that's you in that picture

ลองดูว่าถ้านั่นคือคุณในภาพ

or something under your desk.

หรืออะไรที่อยู่ใต้โต๊ะของคุณ

The other thing is, batteries suck too.

อีกสิ่งที่ที่ห่วยเหมือนกัน คือแบตเตอรี่

And they really, really do.

ใช่มันห่วยจริงๆ

Do you ever wonder what happens to this stuff?

คุณเคยสงสัยมั้ยว่า ใช้แบตเตอรี่แล้วเป็นไงต่อไป?

40 billion of these things built.

หลังจากที่ถ่ายไฟฉาย 4 หมื่นล้านก้อนถูกสร้างขึ้น

This is what happens.

มันกลายสภาพเป็นแบบนี้

They fall apart, they disintegrate,

มันเสื่อมสภาพ แล้วค่อยๆ สึกกร่อน

and they end up here.

แล้วก็มาจบที่นี่

So when you talk about expensive power,

ดังนั้น เวลาที่คุณพูดถึงพลังงานราคาแพง

the cost per kilowatt-hour

ราคาต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

to supply battery power to something

โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อทำอะไร

is on the order of two to three hundred pounds.

ตกอยู่ราว 200 - 300 ปอนด์สเตอริงต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงนะครับ

Think about that.

คิดดูสิครับ

The most expensive grid power in the world

พลังงานไฟฟ้าที่แพงที่สุดในโลกมีราคาแค่

is thousandths of that.

หนึ่งในพันของราคาแบตเตอรี่

So fortunately, one of the other definitions

แต่โชคดี อีกหนึ่งความหมายของคำว่า ห่วย

of "suck" that was in there, it does create a vacuum.

นั่นคือ การสร้างสูญญากาศ

And nature really does abhor a vacuum.

สิ่งที่เป็นธรรมชาติไม่ชอบสูญญากาศ

What happened back a few years ago

มาดูกันว่า เกิดอะไรขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน

was a group of theoretical physicists at MIT

มีกลุ่มของนักฟิสิกส์ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเสตต์ (MIT)

actually came up with this concept of transferring power over distance.

เกิดแนวคิดที่ว่า จะส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย

Basically they were able to light a 60 watt light bulb

พวกเขาสามารถส่งพลังงานไฟฟ้าไปจุดหลอดไฟขนาด 60 วัตต์ได้

at a distance of about two meters.

โดยส่งพลังงานที่ระยะห่างประมาณ 2 เมตร

It got about 50 percent of the efficiency --

พวกเค้าทำได้ที่ประสิทธิภาพประมาณ 50% ในการส่งพลังงาน

by the way, that's still a couple thousand times

มันมีประสิทธิภาพมากกว่าแบตเตอรี่ถึง

more efficient than a battery would be, to do the same thing.

2-3 พันเท่า ที่จะให้พลังงานเท่าๆกัน

But were able to light that,

และถึงแม้เราจะทำให้หลอดไฟ

and do it very successfully.

ส่องสว่างได้สำเร็จ

This was actually the experiment. So you can see

มันก็ยังอยู่ในขั้นทดลอง คุณอาจจะได้เห็น

the coils were somewhat larger.

ขดลวดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

The light bulb was a fairly simple task, from their standpoint.

พลังงานไฟฟ้าที่ใช้จุดสว่างในหลอดไฟเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากอยู่แล้ว

This all came from a professor

แนวคิดพวกนี้เริ่มมาจากอาจารย์คนหนึ่ง

waking up at night to the third night in a row

ที่สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเป็นคืนที่ 3 ต่อเนื่องกัน

that his wife's cellphone was beeping

เพราะโทรศัพท์มือถือของภรรยาร้องเตือน

because it was running out of battery power.

ว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมด

And he was thinking, "With all the electricity that's out there in the walls,

ทำให้เขาคิดในใจว่า "ทำไมไฟฟ้าในสายไฟที่เดินสายอยู่ในกำแพง

why couldn't some of that just come into the phone so I could get some sleep?"

ไม่ไหลลงไปอยู่ในโทรศัพท์มือถือให้หมด ผมจะได้นอนหลับสักที?"

And he actually came up with this concept

เขาจึงคิดหาวิธีและเกิดเป็นแนวคิดว่าจะใช้วิธี

of resonant energy transfer.

การส่งพลังงานแบบสะท้อน (resonant)

But inside a standard transformer are two coils of wire.

ในหม้อแปลงไฟฟ้า เราจะมีขดลวดอยู่ 2 ขดพันรอบแกน

And those two coils of wire are really, really close to each other,

ขดลวดทั้ง 2 นี้จะต้องอยู่ใกล้กันมากๆ

and actually do transfer power

เพื่อที่จะส่งพลังงานไปหากัน

magnetically and wirelessly, only over a very short distance.

ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย แต่ส่งพลังงานกันในระยะสั้นมากๆ

What Dr. Soljacic figured out how to do

สิ่งที่ ดร. โซลยาสิกซ์ (Soljacic) ค้นพบก็คือ วิธีการที่จะแยก

was separate the coils in a transformer

ขดลวดทั้ง 2 ขดในหม้อแปลง

to a greater distance than the size of those transformers

ให้มีระยะห่างที่มากขึ้นไปอีก

using this technology, which is not dissimilar

โดยใช้เทคนิคที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก

from the way an opera singer shatters a glass on the other side of the room.

การที่นักร้องโอเปร่าเปล่งเสียงจนแก้วที่อยู่อีกฝั่งของห้องแตก

It's a resonant phenomenon

นั่นคือปรากฏการณ์คลื่นสะท้อน

for which he actually received a MacArthur Fellowship Award,

การค้นพบสิ่งนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลจากสมาคมแมคอาเธอร์ (MacArthur Fellowship Award)

which is nicknamed the Genius Award,

ซึ่งเรียกกันเล่นๆ ว่า รางวัลอัจฉริยะ (Genius Award)

last September, for his discovery.

ในเดือนกันยายนปีก่อน (พ.ศ.2552)

So how does it work?

แล้วมันทำงานได้อย่างไร?

Imagine a coil. For those of you that are engineers,

นึกภาพถึงขดลวดไฟฟ้า สำหรับท่านที่เป็นวิศวกร

there's a capacitor attached to it too.

ที่มีตัวเก็บประจุอยู่ข้างใน

And if you can cause that coil to resonate,

ถ้าคุณทำให้ขดลวดแผ่คลื่นออกมาให้สั่นอย่างพอเหมาะ

what will happen is it will pulse

จะเกิดการสั่นแบบเป็นจังหวะ

at alternating current frequencies --

ที่ความถี่ของสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับ

at a fairly high frequency, by the way.

ซึ่งมีความถี่สูงพอสมควร

And if you can bring another device

แล้วถ้าคุณนำอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกอันหนึ่งเข้ามา

close enough to the source,

วางไว้ใกล้กับแหล่งกำเนิดพลังงานมากพอ

that will only work at exactly that frequency,

ซึ่งทำงานที่ความถี่เดียวกัน

you can actually get them to do what's called strongly couple,

คุณจะได้อะไรที่เรียกว่า คู่ประสานที่แข็งแกร่ง (strongly couple)

and transfer magnetic energy between them.

และสามารถส่งผ่านคลื่นแม่เหล็กหากันได้

And then what you do is, you start out with electricity,

และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของการส่งพลังงานไฟฟ้า

turn it into magnetic field, take that magnetic field,

แปลงมันเป็นคลื่นแม่เหล็ก ส่งผ่านสนามแม่เหล็ก

turn it back into electricity,

และแปลงกลับเป็นพลังงานไฟฟ้า

and then you can use it.

แล้วคุณก็นำมันไปใช้งานต่อได้

Number one question I get asked.

คำถามแรกเลยที่มีคนถามผม ก็คือ

I mean, people are worried about cellphones being safe.

อย่างที่รู้กัน คนกังวลว่าโทรศัพท์มือถือปลอดภัยหรือไม่

You know. What about safety?

อะไรคือความปลอดภัย?

The first thing is this is not a "radiative" technology.

ข้อแรก นี่ไม่ใช่เทคนิคทางรังสี

It doesn't radiate.

มันไม่ได้แผ่รังสี

There aren't electric fields here. It's a magnetic field.

มันไม่ใช่สนามไฟฟ้า แต่มันคือสนามแม่เหล็ก

It stays within either what we call the source,

มันอยู่ภายในต้นกำเนิดพลังงาน

or within the device.

อยู่ในอุปกรณ์รับพลังงาน

And actually, the magnetic fields we're using

และอันที่จริง สนามแม่เหล็กที่เราใช้

are basically about the same as the Earth's magnetic field.

คือสนามแม่เหล็กแบบเดียวกับสนามแม่เหล็กโลก

We live in a magnetic field.

เราอาศัยอยู่ในสนามแม่เหล็ก

And the other thing that's pretty cool about the technology is

และอีกข้อนึงที่เจ๋งมากเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ คือ

that it only transfers energy to things that work at exactly the same frequency.

มันจะส่งผ่านพลังงานได้เฉพาะอุปกรณ์ที่มีความถี่เดียวกันเท่านั้น

And it's virtually impossible in nature to make that happen.

และว่าไปแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ

Then finally we have governmental bodies everywhere

และสุดท้าย เรามีหน่วยงานของรัฐบาล ที่จะออกมาตรการ

that will regulate everything we do.

กำกับในทุกๆ อย่างที่เราทำ

They've pretty much set field exposure limits,

พวกเขาวางข้อกำหนดในการสร้างสนามแม่เหล็ก

which all of the things in the stuff I'll show you today

ซึ้่งก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมนำมาแสดงในวันนี้

sort of sit underneath those guidelines.

ซึ่งจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดที่ว่า

Mobile electronics.

เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบพกพา

Home electronics.

เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน

Those cords under your desk, I bet everybody here

สายไฟฟ้าใต้โต๊ะของคุณ ผมเชื่อว่าเราทุกคนที่นี่

has something that looks like that or those batteries.

มีอไรคล้ายๆแบบนี้ หรือไม่ก็แบตเตอรี่นั่น

There are industrial applications.

อุปกรณ์เครื่องมือในอุตสาหกรรม

And then finally, electric vehicles.

และสุดท้าย รถพลังงานไฟฟ้า

These electric cars are beautiful.

รถพลังงานไฟฟ้าคือสิ่งสวยงาม

But who is going to want to plug them in?

แต่ใครอยากที่จะเสียบปลั๊กมัน?

Imagine driving into your garage -- we've built a system to do this --

เมื่อคุณขับรถเข้าไปในโรงรถ -- ซึ่งเราสร้างระบบรองรับเอาไว้ --

you drive into your garage, and the car charges itself,

แล้วรถก็ชาร์จพลังงานด้วยตัวของมันเอง

because there is a mat on the floor that's plugged into the wall.

เพราะเราทำพื้นรองที่เชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าจากกำแพง

And it actually causes your car to charge safely and efficiently.

ซึ่งทำให้การชาร์จพลังงานในรถยนต์มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

Then there's all kinds of other applications. Implanted medical devices,

และยังมีอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกหลายพวกหลายอย่างที่จะใช้แบบนี้ได้ อย่าง พวกอุปกรณ์การแพทย์ที่ฝังไว้ในร่างกาย

where people don't have to die of infections anymore

ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องตายเพราะติดเชื้ออีกต่อไป

if you can seal the thing up.

ถ้าเราสามารถฝังอุปกรณ์พวกนั้นในร่างกายไปเลย

Credit cards, robot vacuum cleaners.

บัตรเครดิต, หุ่นยนต์ทำความสะอาด

So what I'd like to do is take a couple minutes

ผมอยากจะขอเวลาสัก 2-3 นาที

and show you, actually, how it works.

แสดงให้คุณเห็นของจริง ว่ามันทำงานยังไง

And what I'm going to do is to show you pretty much what's here.

อย่างที่เห็น มีของหลายอย่างบนนี้

You've got a coil.

มีขดลวด

That coil is connected to an R.F. amplifier

ขดลวดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ขยายสัญญาณ

that creates a high-frequency oscillating magnetic field.

ซึ่งสร้างสนามแม่เหล็กความถี่สูง

We put one on the back of the television set.

เราติดอันนึงไว้ที่หลังทีวี

By the way, I do make it look a little bit easier than it is.

ผมพยายามทำให้มันดูง่ายกว่าที่เป็น

There's lots of electronics and secret sauce

ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

and all kinds of intellectual property that go into it.

และชิ้นส่วนที่เป็นความลับภายใน

But then what's going to happen is, it will create a field.

สิ่งที่มันทำก็คือสร้างสนามแม่เหล็ก

It will cause one to get created

ส่งต่อพลังงาน

on the other side.

ไปยังอีกฝั่ง

And if the demo gods are willing,

และถ้ามันเป็นไปตามนั้นจริง

in about 10 seconds or so we should see it.

คุณจะเห็นภาพบนหน้าจอในอีก 10 วินาที

The 10 seconds actually are because we --

10 วินาทีที่ต้องรอ ก็เพราะ

I don't know if any of you have ever thought about plugging a T.V. in

เวลาที่คุณจะดูทีวีที่บ้านของคุณ

when you use just a cord.

คุณก็เสียบปลั๊ก

Generally, you have to go over and hit the button. So I thought

และจากนั้น คุณต้องกดปุ่มเปิด แต่ในกรณีนี้

we put a little computer in it that has to wake up

พวกผมใช้ระบบควบคุมการเปิดปิดอัตโนมัติ

to tell it to do that.

จึงต้องใช้เวลาในการส่งคำสั่งเปิด

So, I'll plug that in.

ผมจะเสียบปลั๊กที่นี่

It creates a magnetic field here.

มันก็เริ่มสร้างสนามแม่เหล็ก

It causes one to be created out here.

และส่งผ่านให้เกิดสนามแม่เหล็กที่นี่

And as I said, in sort of about 10 seconds

อย่างที่ผมบอก ในระยะเวลา 10 วินาที

we should start to see ...

คุณจะเห็นภาพบนหน้าจอ

This is a commercially --

นั่นเป็น

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

available color television set.

ทีวีสีที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด

Imagine, you get one of these things. You want to hang them on the wall.

ลองนึกภาพว่า คุณมีเจ้าสิ่งนี้และอยากแขวนมันไว้บนผนัง

How many people want to hang them on the wall?

มีคนมากมายที่อยากแขวนมันบนผนัง?

Think about it. You don't want those ugly cords coming down.

ลองคิดดู คุณไม่ต้องเห็นสายไฟห้อยลงมาอีก

Imagine if you can get rid of it.

คุณสามารถกำจัดมันทิ้งได้เลย

The other thing I wanted to talk about was safety.

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากพูดคือเรื่องความปลอดภัย

So, there is nothing going on. I'm okay.

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นมั้ย ผมสบายดี

And I'll do it again, just for safety's sake.

ผมจะทำให้ดูอีกที

Almost immediately, though, people ask,

คนมักจะถามต่อโดยทันทีว่า

"How small can you make this? Can you make this small enough?"

"คุณทำมันให้เล็กลงได้อีกแค่ไหน? มันเล็กพอหรือยัง?"

Because remember Dr. Soljacic's original idea

ผมอยากให้นึกถึงจุดเริ่มต้นจากแนวคิดของ ดร.โซลยาสิกซ์

was his wife's cellphone beeping.

ว่ามาจากการร้องเตือนในโทรศัพท์มือถือของภรรยาท่าน

So, I wanted to show you something.

ผมจะแสดงอะไรให้คุณดู

We're an equal opportunity designer of this sort of thing.

เราออกแบบให้ใช้งานกับสิ่งนี้

This a Google G1.

นี่คือ กูเกิล จี 1

You know, it's the latest thing that's come out.

มันคือโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุด

It runs the Android operating system.

ทำงานบนระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์

I think I heard somebody talk about that before.

ผมเคยได้ยินคนพูดถึงมันมาก่อน

It's odd. It has a battery.

มันแปลกใหม่ และใช้แบตเตอรี่

It also has coiled electronics

มันถูกติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

that WiTricity has put into the back of it.

ซึ่ง วายทริกซิตี้ (WiTricity) ใส่ไว้ข้างหลังมัน

And if I can get the camera --

ผมอยากให้กล้องถ่ายมาที่ตรงนี้

okay, great --

โอเค เยี่ยม

you'll see, as I get sort of close...

มองเข้าไปใกล้ๆ

you're looking at a cellphone powered completely wirelessly.

คุณจะเห็นโทรศัพท์มือถือ ได้รับพลังงานไฟฟ้าไร้สาย

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

And I know some of you are Apple aficionados.

ผมรู้ว่าพวกคุณบางคนเป็นสาวกบริษัทแอปเปิล (Apple)

So, you know they don't make it easy at Apple to get inside their phones.

มันไม่ง่ายเลยที่จะเจาะเข้าไปในโทรศัพท์มือถือของแอปเปิล

So we put a little sleeve on the back,

เราจึงติดแผ่นเล็กๆไว้ที่ด้านหลัง

but we should be able to get this guy to wake up too.

ทำให้เราสามารถเปิดและชาร์จพลังงานมันได้

And those of you that have an iPhone recognize the green center.

พวกคุณบางคนคงจำแถบสีเขียวกลางจอนี้ได้

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

And Nokia as well.

โนเกียก็เหมือนกัน

You'll see that what we did there is put a little thing in the back, to do that,

คุณคงเห็นว่าเราใส่อะไรเล็กๆ ไว้ที่ด้านหลัง

and it probably beeps, actually, as it goes on as well.

มันน่าจะร้องบี๊บ ตามปกติ

But they typically use it to light up the screen.

และส่องแสงสว่างบนหน้าจอ

So, imagine these things could go ... they could go in your ceiling.

นึกภาพว่าสิ่งเหล่านี้อยู่บนเพดาน

They could go in the floor. They could go, actually, underneath your desktop.

อยู่บนพื้น อยู่ใต้โต๊ะ

So that when you walk in or you come in from home,

เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน เดินตามทางเดิน

if you carry a purse, it works in your purse.

คุณถือกระเป๋า มันก็ทำงานให้อุปกรณ์ในกระเป๋า

You never have to worry about plugging these things in again.

คุณไม่ต้องคอยกังวลที่จะต้องคอยเสียบปลั๊กพวกมันอีกต่อไป

And think of what that would do for you.

คิดถึงสิ่งที่มันจะทำให้คุณได้

So I think in closing,

ผมคิดถึงการปิดตัวของ

sort of in the immortal visions of The New Yorker magazine,

แนวคิดอมตะจากนิตยสารนิวยอร์คเคอร์แม็กกาซีน (The New Yorker Magazine)

I thought I'd put up one more slide.

ซึ่งเป็นสไลด์แผ่นสุดท้าย

And for those of you who can't read it, it says,

สำหรับคนที่อ่านตรงนี้ไม่ออก เขาเขียนว่า

"It does appear to be some kind of wireless technology."

"มีปรากฎการณ์ของอะไรบางอย่างที่เป็นเทคโนโลยีไร้สาย"

So, thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)