Jeremy Jackson: How we wrecked the ocean

Translator: Sarinee Achavanuntakul Reviewer: Oy Kanjanavanit

I'm an ecologist,

ผมเป็นนักนิเวศวิทยา

mostly a coral reef ecologist.

ส่วนใหญ่เป็นนักนิเวศวิทยาแนวปะการัง

I started out in Chesapeake Bay

ผมเริ่มในอ่าวชีซาพีค

and went diving in the winter

ไปดำน้ำในฤดูหนาว

and became a tropical ecologist overnight.

แล้วข้ามคืนก็กลายเป็นนักนิเวศเขตร้อน

And it was really a lot of fun

ซึ่งมันก็สนุกมากๆ เลยครับ

for about 10 years.

ประมาณ 10 ปี

I mean, somebody pays you

ลองคิดดู ใครบางคนให้เงินคุณ

to go around and travel

เดินทางไปรอบโลก

and look at some of the most

ไปยังหลายที่ที่

beautiful places on the planet.

สวยงามที่สุดในโลก

And that was what I did.

นั่นคือสิ่งที่ผมทำ

And I ended up in Jamaica,

แล้วผมก็ไปลงเอยที่จาไมกา

in the West Indies,

ในหมู่เกาะเวสต์อินดีส

where the coral reefs were really

แนวปะการังที่นั่นเป็นแนว

among the most extraordinary, structurally,

ที่น่าทึ่งที่สุด ในแง่ของโครงสร้าง

that I ever saw in my life.

ที่ผมเคยพบเจอในชีวิต

And this picture here,

รูปนี้

it's really interesting, it shows two things:

น่าสนใจมาก มันแสดงสองอย่าง

First of all, it's in black and white

อย่างแรก มันมีแต่ขาวดำ

because the water was so clear

เพราะน้ำที่นั้นใสมาก

and you could see so far,

คุณมองไปได้ไกลมาก

and film was so slow

และฟิลม์สมัยนั้นสปีดต่ำ แสงน้อยถ่ายไม่ได้

in the 1960s and early 70s,

ปลายทศวรรษ 1960 และต้น 1970

you took pictures in black and white.

คุณถ่ายรูปขาวดำเป็นหลัก

The other thing it shows you

อย่างที่สองที่ภาพนี้แสดง

is that, although there's this beautiful

คือถึงแม้ว่าจะมีป่าปะการัง

forest of coral,

ที่สวยงามป่านี้

there are no fish in that picture.

ก็ไม่มีปลาอยู่ในรูปเลย

Those reefs at Discovery Bay, Jamaica

แนวปะการังที่อ่าวดิสคอเวอรี จาไมกา

were the most studied coral reefs

เป็นแนวปะการังที่คนศึกษามากที่สุด

in the world for 20 years.

ในโลก ตลอดระยะเวลา 20 ปี

We were the best and the brightest.

เราเป็นกลุ่มนักวิจัยที่เก่งที่สุดในตอนนั้น

People came to study our reefs from Australia,

ผู้คนมาศึกษาแนวนี้จากออสเตรเลีย

which is sort of funny

ซึ้งก็ตลกดี

because now we go to theirs.

เพราะตอนนี้เราไปศึกษาแนวของพวกเขา

And the view of scientists

และมุมมองของนักวิทยาศาสตร์

about how coral reefs work, how they ought to be,

เกี่ยวกับวิธีทำงานของแนวปะการัง และสิ่งที่มันควรเป็น

was based on these reefs

ก็ตั้งอยู่บนการศึกษาแนวปะการังเหล่านี้

without any fish.

ที่ไม่มีปลาอยู่เลย

Then, in 1980,

ทีนี้ ในปี 1980

there was a hurricane, Hurricane Allen.

เกิดพายุเฮอริเคน ชื่อพายุอัลเลน

I put half the lab

ผมย้ายคนครึ่งห้องแล็บ

up in my house.

ไปอยู่ในบ้านผม

The wind blew very strong.

ลมพัดแรงมาก

The waves were 25

คลื่นสูงถึง 25

to 50 feet high.

ถึง 50 ฟุต

And the reefs disappeared, and new islands formed,

แนวปะการังหายไป เกาะใหม่ๆ เกิดขึ้น

and we thought, "Well, we're real smart.

และเราก็คิดว่า "นี่เราฉลาดมากเลย

We know that hurricanes

เรารู้ว่าพายุเฮอริเคน

have always happened in the past."

เกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต"

And we published a paper in Science,

เราตีพิมพ์บทความในวารสาร ไซแอนซ์

the first time that anybody ever

เป็นครั้งแรกที่มีคน

described the destruction

อธิบายหายนะ

on a coral reef by a major hurricane.

ของแนวปะการังที่เกิดจากเฮอริเคนลูกใหญ่

And we predicted what would happen,

และเราก็พยากรณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

and we got it all wrong.

แต่เราพยากรณ์พลาดหมด

And the reason was

และเหตุผลที่เราพลาด

because of overfishing,

คือการประมงเกินขนาด

and the fact that a last common grazer,

และข้อเท็จจริงที่ว่าสัตว์กินพืชที่พบบ่อยที่สุด

a sea urchin, died.

คือเม่นทะเล ได้สูญพันธุ์ไป

And within a few months

ภายในไม่กี่เดือน

after that sea urchin dying, the seaweed started to grow.

หลังจากที่เม่นทะเลตายหมด สาหร่ายก็เริ่มเติบโต

And that is the same reef;

รูปนี้คือแนวปะการังเดียวกัน

that's the same reef 15 years ago;

แนวเดียวกัน 15 ปีถัดมา

that's the same reef today.

แนวเดียวกันกับปัจจุบัน

The coral reefs of the north coast of Jamaica

แนวปะการังที่ชายฝั่งตอนเหนือของจาไมกา

have a few percent live coral cover

มีปะการังที่มีชีวิตเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์

and a lot of seaweed and slime.

มีสาหร่ายและเมือกเยอะมาก

And that's more or less the story

นี่คือเรื่องปกติของ

of the coral reefs of the Caribbean,

แนวปะการังในคาริบเบียน

and increasingly, tragically,

และที่น่าเศร้ามากคือเป็นเรื่องปกติ

the coral reefs worldwide.

ของแนวปะการังทั่วโลกด้วย

Now, that's my little, depressing story.

โอเค นั่นคือเรื่องหดหูเรื่องเล็กๆ ของผม

All of us in our 60s and 70s

คนรุ่นเราที่อายุเลย 60 และ 70 ปี

have comparable depressing stories.

ล้วนแต่มีเรื่องราวที่น่าหดหู่ทำนองนี้

There are tens of thousands

มีเรื่องราวแบบนี้นับพันนับหมื่น

of those stories out there,

ในโลกนี้

and it's really hard to conjure up

และก็ยากมากที่ผมจะถ่ายทอด

much of a sense of well-being,

ความรู้สึกที่ว่าเราอยู่ดีมีสุข

because it just keeps getting worse.

เพราะสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ

And the reason it keeps getting worse

และเหตุผลที่มันเลวร้ายลง

is that after a natural catastrophe,

ก็คือ หลังเกิดภัยธรรมชาติ

like a hurricane,

อย่างเฮอริเคน

it used to be that there was

ในอดีตเราเคยมี

some kind of successional sequence of recovery,

กระบวนการฟื้นฟูที่ประสบความสำเร็จ

but what's going on now is that

แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือ

overfishing and pollution and climate change

ประมงเกินขนาด มลภาวะ และภาวะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

are all interacting

กำลังมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

in a way that prevents that.

ในทางที่ขวางกั้นการฟื้นฟู

And so I'm going to sort of go through

ฉะนัั้นผมจะเล่าให้ฟัง

and talk about those three

เกี่ยวกับเรื่องราว

kinds of things.

สามเรื่องนี้

We hear a lot about

เราได้ยินกันมามากแล้ว

the collapse of cod.

ว่าปลาค็อดสูญพันธุ์

It's difficult to imagine that

ยากที่ใครจะเห็นภาพว่า

two, or some historians would say three world wars

สงครามโลก 2 ครั้ง หรือนักประวัติศาสตร์บางคนอาจว่ามี 3 ครั้ง

were fought during the colonial era

เคยเกิดขึ้นในยุคล่าอาณานิคม

for the control of cod.

เพื่อการควบคุมค็อด

Cod fed most of the people of Western Europe.

ปลาค็อดเคยเลี้ยงคนยุโรปตะวันตกทั้งทวีป

It fed the slaves

เลี้ยงทาส

brought to the Antilles,

ที่ถูกส่งมาหมู่เกาะแอนทิลลีส

the song "Jamaica Farewell" --

เพลง "อำลาจาไมกา"

"Ackee rice salt fish are nice" --

"ข้าวอากิปลาเค็มอร่อยดี" --

is an emblem of the importance

นั้นสะท้อนให้เห็นความสำคัญ

of salt cod from northeastern Canada.

ของปลาค็อดเค็มจากตะวันออกเฉียงเหนือของแคนาดา

It all collapsed in the 80s and the 90s:

ธุรกิจนี้พังพินาศในทศวรรษ 1980 และ 1990

35,000 people lost their jobs.

คน 35,000 คนตกงาน

And that was the beginning

นั่นคือจุดเริ่มต้นเท่านั้น

of a kind of serial depletion

ของการสูญพันธุ์เป็นทอดๆ

from bigger and tastier species

จากปลาพันธุ์ที่ตัวใหญ่และอร่อย

to smaller and not-so-tasty species,

ไปสู่พันธุ์ที่ตัวเล็กกว่าและไม่อร่อยเท่า

from species that were near to home

จากพันธุ์ที่อยู่ใกล้บ้าน

to species that were all around the world,

ไปสู่พันธุ์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก

and what have you.

เป็นทอดๆ นะครับ

It's a little hard to understand that,

ยากนิดหน่อยที่จะเข้าใจเรื่องนี้

because you can go to a Costco in the United States

เพราะในอเมริกา คุณเดินไปที่ร้านคอสท์โก

and buy cheap fish.

ซื้อปลาราคาถูกได้

You ought to read the label to find out where it came from,

คุณน่าจะอ่านฉลากเพื่อดูว่ามันมาจากไหน

but it's still cheap,

แต่มันก็ยังถูก

and everybody thinks it's okay.

และทุกคนคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร

It's hard to communicate this,

ยากที่จะสื่อสารเรื่องนี้กับคน

and one way that I think is really interesting

ดังนั้น ผมคิดว่าวิธีหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ

is to talk about sport fish,

คือการพูดถึงกีฬาตกปลา

because people like to go out and catch fish.

เพราะคนชอบออกไปตกปลา

It's one of those things.

ด้วยหลากหลายเหตุผล

This picture here shows the trophy fish,

รูปนี้แสดงปลาใหญ่ที่ตกได้

the biggest fish caught

ปลาตัวใหญ่ที่สุดที่ตกได้

by people who pay a lot of money

โดยคนที่จ่ายเงินเยอะมาก

to get on a boat,

เพื่อออกเรือ

go to a place off of Key West in Florida,

แล่นไปนอกชายฝั่งคีย์เวสท์ในฟลอริดา

drink a lot of beer,

ดื่มเบียร์กันมากมาย

throw a lot of hooks and lines into the water,

โยนเบ็ดลงไปในน้ำหลายเที่ยว

come back with the biggest and the best fish,

และกลับขึ้นฝั่งมาพร้อมกับปลาที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุด

and the champion trophy fish

เขาจะเอาตัวที่ใหญ่ที่สุดที่ตกได้

are put on this board, where people take a picture,

มาขึ้นกระดานนี้ ให้คนถ่ายรูปคู่

and this guy is obviously

ชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้

really excited about that fish.

ตื่นเต้นมากเกี่ยวกับปลาตัวนี้

Well, that's what it's like now,

โอเค นี่คือสถานการณ์ปัจจุบัน

but this is what it was like in the 1950s

แต่นี่คือสถานการณ์ในทศวรรษ 1950

from the same boat in the same place

จากเรือลำเดียวกันในที่เดียวกัน

on the same board on the same dock.

จากกระดานเดียวกันบนท่าเดียวกัน

The trophy fish

ปลาตัวใหญ่ที่สุดนั้น

were so big

ใหญ่มหึมา

that you couldn't put any of those small fish up on it.

จนคุณเอาปลาตัวเล็กไปเทียบไม่ได้เลย

And the average size trophy fish

ขนาดโดยเฉลี่ยของปลาใหญ่นี้

weighed 250 to 300 pounds, goliath grouper,

ปลาเก๋าโกไลแอธ หนัก 250-300 ปอนด์

and if you wanted to go out and kill something,

และถ้าคุณอยากจะออกไปฆ่าอะไรสักอย่าง

you could pretty much count on

คุณก็พนันได้เลยว่า

being able to catch one of those fish.

จะตกเจ้าปลาตัวใหญ่นี่ได้

And they tasted really good.

รสชาติของมันก็ดีมากด้วย

And people paid less in 1950 dollars

ในปี 1950 คนจ่ายเงินตกปลา

to catch that

ตัวนี้น้อยกว่า

than what people pay now

เงินที่คนจ่ายทุกวันนี้

to catch those little, tiny fish.

เพื่อตกปลาตัวจิ๋วๆ พวกนี้

And that's everywhere.

เรื่องนี้เกิดขึ้นทุกแห่ง

It's not just the fish, though,

และไม่ได้มีแต่ปลาเท่านั้น

that are disappearing.

ที่กำลังหายไป

Industrial fishing uses big stuff,

อุตสาหกรรมประมงใช้ของใหญ่ๆ

big machinery.

ใช้เครื่องจักรยักษ์

We use nets that are 20 miles long.

เราใช้ตาข่ายที่ยาว 20 ไมล์

We use longlines

ใช้สายตกปลายาวเหยียด

that have one million or two million hooks.

มีเงี่ยงเบ็ด 1-2 ล้านอัน

And we trawl,

และเราก็ลากอวน

which means to take something

ซึ่งหมายถึงการเอาอวน

the size of a tractor trailer truck

ขนาดเท่ากับรถแทรกเตอร์แบบพ่วง

that weighs thousands and thousands of pounds,

ที่หนักหลายพันปอนด์

put it on a big chain,

แขวนมันเข้ากับโซ่ยักษ์

and drag it across the sea floor

แล้วก็ลากไปบนพื้นทะเล

to stir up the bottom and catch the fish.

เพื่อขูดเอาข้างใต้ขึ้นมา ลากปลาขึ้นมา

Think of it as

ลองนึกว่านี่มัน

being kind of the bulldozing of a city

เหมือนกับการไถเมืองทั้งเมือง

or of a forest,

หรือป่าทั้งป่า

because it clears it away.

เพราะอวนลากทำลายราบ

And the habitat destruction

การทำลายล้างที่อยู่อาศัย

is unbelievable.

แบบนี้เหลือเชื่อมาก

This is a photograph,

นี่คือภาพถ่าย

a typical photograph,

ภาพถ่ายปกติ

of what the continental shelves

นี่คือหน้าตาของชั้นทวีปใต้ทะเล

of the world look like.

ของโลกตอนนี้

You can see the rows in the bottom,

คุณเห็นแถวข้างใต้

the way you can see the rows

เหมือนกับที่คุณเห็นแถว

in a field that has just been plowed

ในไร่ที่เพิ่งถูกไถ

to plant corn.

เพื่อปลูกข้าวโพด

What that was, was a forest of sponges and coral,

ที่เห็นอยู่นี่คือป่าของฟองน้ำและปะการัง

which is a critical habitat

ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยจำเป็น

for the development of fish.

ของการเติบโตของปลา

What it is now is mud,

กลายเป็นโคลนไปแล้ว

and the area of the ocean floor

และพื้นทะเลบริเวณที่

that has been transformed from forest

ถูกแปลงจากป่า

to level mud, to parking lot,

ให้กลายเป็นโคลน เป็นที่จอดรถ

is equivalent to the entire area

มีเนื้อที่เท่ากับเนื้อที่ทั้งหมด

of all the forests

ของป่าทั้งหมดในโลก

that have ever been cut down

ที่คนตัดทำลาย

on all of the earth

ทุกแห่งในโลก

in the history of humanity.

ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

We've managed to do that

และเราทำลายขนาดนี้ได้

in the last 100 to 150 years.

แค่ในรอบ 100-150 ปีที่ผ่านมา

We tend to think of oil spills

เรามักจะนึกถึงน้ำมันรั่ว

and mercury

และสารปรอท

and we hear a lot about plastic these days.

และเราก็ได้ยินเรื่องพลาสติกบ่อยมาก

And all of that stuff is really disgusting,

ทั้งหมดนั้นน่ารังเกียจมาก

but what's really insidious

แต่สิ่งที่เลวร้ายจริงๆ

is the biological pollution that happens

คือมลพิษทางชีววิทยาที่เกิดขึ้น

because of the magnitude of the shifts

เพราะขนาดของการเปลี่ยนแปลง

that it causes

ที่มันก่อ

to entire ecosystems.

ต่อระบบนิเวศทั้งระบบ

And I'm going to just talk very briefly

ผมอยากจะพูดแค่สั้นๆ

about two kinds of biological pollution:

เกี่ยวกับมลพิษทางชีววิทยาสองชนิด

one is introduced species

ชนิดแรกคือพันธุ์ต่างถิ่น

and the other is what comes from nutrients.

และชนิดที่สองมาจากธาตุอาหาร

So this is the infamous

นี่คือสัตว์ที่อื้อฉาวมาก

Caulerpa taxifolia,

คอเลอร์ปา แท็กซิโฟเลีย

the so-called killer algae.

ที่คนเรียกว่า สาหร่ายพิฆาต

A book was written about it.

มีคนเขียนถึงมันเป็นเล่ม

It's a bit of an embarrassment.

มันเป็นเรื่องน่าอับอายไม่น้อย

It was accidentally released

ที่ถูกปล่อยโดยบังเอิญ

from the aquarium in Monaco,

จากอะควาเรียมในโมนาโค

it was bred to be cold tolerant

มันถูกเลี้ยงให้ทนอากาศหนาว

to have in peoples aquaria.

จะได้เลี้ยงในตู้ปลาตามบ้านได้

It's very pretty,

มันสวยงามมาก

and it has rapidly started

และก็เริ่มโตอย่างรวดเร็ว

to overgrow

จนโตเกิน

the once very rich

ความหลากหลายทางชีวภาพ

biodiversity of the

ที่เคยรุ่มรวยมากของ

northwestern Mediterranean.

ทะเลเมดิเตอเรเนียนตะวันตกเฉียงเหนือ

I don't know how many of you remember the movie

ผมไม่รู้ว่ามีพวกคุณกี่คนที่จำหนังเรื่อง

"The Little Shop of Horrors,"

"ลิตเติ้ล ช็อป ออฟ ฮอร์เรอร์ส" ได้

but this is the plant of "The Little Shop of Horrors."

แต่นี่คือพืชจาก "ลิตเติ้ล ช็อป ออฟ ฮอร์เรอร์ส"

But, instead of devouring the people in the shop,

แต่แทนที่มันจะกินคนในร้าน

what it's doing is overgrowing

มันกำลังโตเร็วเกิน

and smothering

และกดทับ

virtually all of the bottom-dwelling life

ชีวิตทั้งมวลที่อาศัยบนพื้นทะเล

of the entire northwestern

ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ

Mediterranean Sea.

ของทะเลเมดิเตอเรเนียนทั้งหมด

We don't know anything that eats it,

เราไม่รู้ว่ามีอะไรที่กินสาหร่ายนี้ได้

we're trying to do all sorts of genetics

เรากำลังทดลองทางพันธุกรรมทุกรูปแบบ

and figure out something that could be done,

เพื่อดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง

but, as it stands, it's the monster from hell,

แต่ตอนนี้ มันยังเป็นอสูรจากนรก

about which nobody knows what to do.

ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี

Now another form of pollution

ทีนี้ มลพิษอีกชนิดหนึ่ง

that's biological pollution

เรียกว่ามลพิษทางชีววิทยา

is what happens from excess nutrients.

คือสิ่งที่เกิดจากธาตุอาหารส่วนเกิน

The green revolution,

จากการปฏิวัติเขียว

all of this artificial nitrogen fertilizer, we use too much of it.

เราใช้ปุ๋ยไนโตรเจนสังเคราะห์มากเกินไป

It's subsidized, which is one of the reasons we used too much of it.

และเหตุผลหนึ่งที่เราใช้มากเกินไปคือ รัฐให้เงินอุดหนุน

It runs down the rivers,

มันไหลไปตามแม่น้ำ

and it feeds the plankton,

เป็นอาหารให้กับแพลงตอน

the little microscopic plant cells

เซลล์พืชตัวจิ๋ว

in the coastal water.

ในทะเลชายฝั่ง

But since we ate all the oysters

แต่ในเมื่อเรากินหอยนางรมไปหมดแล้ว

and we ate all the fish that would eat the plankton,

และกินปลาที่กินแพลงตอนหมดไปด้วย

there's nothing to eat the plankton

ก็ไม่มีอะไรมากินแพลงตอน

and there's more and more of it,

และตอนนี้มันก็แพร่พันธุ์มหาศาล

so it dies of old age,

จนตายเพราะสิ้นอายุขัย

which is unheard of for plankton.

ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับแพลงตอน

And when it dies, it falls to the bottom

พอมันตาย แพลงตอนจะร่วงลงสู่พื้นทะเล

and then it rots,

แล้วก็เน่าเปื่อย

which means that bacteria break it down.

ซึ่งแปลว่าแบคทีเรียย่อยสลายมัน

And in the process

และในกระบวนการย่อยนี้

they use up all the oxygen,

มันก็ใช้อ็อกซิเจนจนหมด

and in using up all the oxygen

และการใช้อ็อกซิเจนจนหมด

they make the environment utterly lethal

ทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษขั้นถึงฆาต

for anything that can't swim away.

สำหรับทุกอย่างที่ว่ายหนีไปไม่ได้

So, what we end up with

ดังนั้นผลลัพธ์ที่เราเห็น

is a microbial zoo

คือสวนสัตว์จุลินทรีย์

dominated by bacteria

มีแบคทีเรียเป็นเจ้าอาณาจักร

and jellyfish, as you see

และแมงกะพรุน ที่คุณเห็น

on the left in front of you.

ทางซ้ายมือของคุณ

And the only fishery left --

ดังนั้นแหล่งประมงเดียวที่เหลืออยู่

and it is a commercial fishery --

นี่คือประมงเชิงพาณิชย์นะครับ

is the jellyfish fishery

ก็คือประมงแมงกะพรุน

you see on the right, where there used to be prawns.

คุณเห็นทางด้านขวา ตรงนี้เคยเป็นแหล่งกุ้ง

Even in Newfoundland

แม้แต่ในนิวฟาวน์แลนด์

where we used to catch cod,

ที่เราเคยจับปลาค็อดได้

we now have a jellyfish fishery.

ตอนนี้เรามีประมงแมงกะพรุนแทน

And another version of this sort of thing

อีกเวอร์ชันหนึ่งของเรื่องทำนองนี้

is what is often called red tides

คือสิ่งที่เรียกกันว่า คลื่นแดง

or toxic blooms.

นั่นคือ พิษที่บานในน้ำ

That picture on the left is just staggering to me.

รูปนี้ทำให้ผมใจหายทุกครั้ง

I have talked about it a million times,

ผมพูดเรื่องนี้มาเป็นล้านครั้งแล้ว

but it's unbelievable.

แต่มันก็ไม่น่าเชื่อจริงๆ

In the upper right of that picture on the left

มุมขวาบนของรูปทางซ้าย

is almost the Mississippi Delta,

คือปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี

and the lower left of that picture

และทางมุมซ้ายล่าง

is the Texas-Mexico border.

คือพรมแดนระหว่างเท็กซัสกับเม็กซิโก

You're looking at the entire

คุณกำลังมองดูภาพถ่าย

northwestern Gulf of Mexico;

บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมดของอ่าวเม็กซิโก

you're looking at one toxic

นี่คือทุ่งพิษแพลงตอน

dinoflagellate bloom that can kill fish,

ไดโนแฟลเจลเลทที่ฆ่าปลาได้

made by that beautiful little creature

สร้างโดยสิ่งมีชีวิตจิ๋วที่สวยงาม

on the lower right.

ในมุมขวาล่าง

And in the upper right you see this

ที่มุมขวาบน คุณจะเห็น

black sort of cloud

เมฆสีดำๆ

moving ashore.

กำลังเคลื่อนสู่ฝั่ง

That's the same species.

นี่คือพันธุ์เดียวกันครับ

And as it comes to shore and the wind blows,

ระหว่างที่มันเข้าใกล้ชายฝั่ง ลมก็พัด

and little droplets of the water get into the air,

หยดน้ำหยดเล็กๆ ระเหยสู่อากาศ

the emergency rooms of all the hospitals fill up

ทำให้ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั้งหลาย

with people with acute respiratory distress.

เต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจรุนแรง

And that's retirement homes

นี่คือบ้านพักคนชรา

on the west coast of Florida.

ทางชายฝั่งตะวันตกของฟลอริดา

A friend and I did this thing in Hollywood

ผมกับเพื่อนคนหนึ่งทำกิจกรรมในฮอลลีวูด

we called Hollywood ocean night,

เราเรียกว่า คืนแห่งทะเลฮอลลีวูด

and I was trying to figure out how to

ผมพยายามอธิบายให้นักแสดง

explain to actors what's going on.

เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

And I said,

ผมบอกว่า

"So, imagine you're in a movie called 'Escape from Malibu'

"โอเค นึกภาพว่าคุณอยู่ในหนังชื่อ 'หนีตายจากมาลิบู'

because all the beautiful people have moved

เพราะคนเก๋เริ่ดทุกคนย้ายออกไป

to North Dakota, where it's clean and safe.

อยู่รัฐดาโกต้าเหนือ เพราะมันสะอาดและปลอดภัย

And the only people who are left there

คนที่ยังเหลืออยู่ที่มาลิบู

are the people who can't afford

คือคนที่ไม่มีกำลังพอ

to move away from the coast,

ที่จะย้ายออกจากชายฝั่ง

because the coast, instead of being paradise,

เพราะชายฝั่ง แทนที่จะเป็นหาดสวรรค์

is harmful to your health."

กลายเป็นหาดที่คุกคามสุขภาพคุณ"

And then this is amazing.

ต่อมา เรื่องนี้น่าทึ่งมาก

It was when I was on holiday last early autumn in France.

ตอนที่ผมไปพักร้อน ต้นฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วในฝรั่งเศส

This is from the coast of Brittany,

รูปนี้มาจากชายฝั่งบริตตานี

which is being enveloped

ซึ่งกำลังถูกกลืนหายไป

in this green, algal slime.

ในเมือกสาหร่ายสีเขียวนี่

The reason that it attracted so much attention,

เหตุผลที่มันดึงดูดความสนใจมากมาย

besides the fact that it's disgusting,

นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันน่าขยะแขยง

is that sea birds flying over it

ก็คือ นกทะเลที่บินข้ามมัน

are asphyxiated by the smell and die,

ดมกลิ่นเข้าไปแล้วขาดใจตาย

and a farmer died of it,

ชาวนาคนหนึ่งตายด้วยสาเหตุเดียวกัน

and you can imagine the scandal that happened.

คุณนึกดูได้เลยว่าเรื่องนี้อื้อฉาวขนาดไหน

And so there's this war

ตอนนี้มันเลยกลายเป็นสงคราม

between the farmers

ระหว่างเกษตรกร

and the fishermen about it all,

กับชาวประมง เกี่ยวกับเรื่องนี้

and the net result is that

ผลลัพธ์สุดท้ายคือ

the beaches of Brittany have to be bulldozed of this stuff

ต้องเอารถไถมากำจัดสาหร่ายบนชายหาดของบริตตานี

on a regular basis.

เป็นประจำ

And then, of course, there's climate change,

ต่อมา เรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

and we all know about climate change.

เราทุกคนรู้แล้วเรื่องสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

I guess the iconic figure of it

ผมเดาว่าภาพที่กลายเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว

is the melting of the ice

คือน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลาย

in the Arctic Sea.

ลงทะเลไป

Think about the thousands and thousands of people who died

นึกถึงคนหลายพันคนที่ตายไปตอน

trying to find the Northwest Passage.

พยายามหาเส้นทางตะวันตกเฉียงเหนือ

Well, the Northwest Passage is already there.

ที่จริงตะวันตกเฉียงเหนือมีอยุ่แล้ว

I think it's sort of funny;

ผมว่าเรื่องนี้ตลกดี

it's on the Siberian coast,

มันอยู่ที่ชายฝั่งไซบีเรีย

maybe the Russians will charge tolls.

บางทีรัสเซียจะเริ่มเก็บค่าผ่านทาง

The governments of the world

รัฐบาลทั้งหลายในโลก

are taking this really seriously.

กำลังจริงจังกับเรื่องนี้มาก

The military of the Arctic nations

กองทัพของชาติที่อยู่ขั้วโลกเหนือ

is taking it really seriously.

ก็กำลังจริงจังมากๆ

For all the denial of climate change

เพราะไม่ว่าผู้นำรัฐบาลจะปฏิเสธ

by government leaders,

เรื่องสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงแค่ไหน

the CIA

ซีไอเอ

and the navies of Norway

กับกองทัพเรือของนอร์เวย์

and the U.S. and Canada, whatever

และกองทัพสหรัฐ แคนาดา และที่อื่น

are busily thinking about

กำลังยุ่งวุ่นวายกับการคิด

how they will secure their territory

ว่าพวกเขาจะประสบชัยชนะ

in this inevitability

ได้อย่างไรจากสภาพที่หนีไม่พ้น

from their point of view.

จากมุมมองของพวกเขา

And, of course, Arctic communities are toast.

และแน่นอน ชุมชนแถบขั้วโลกเหนือแย่แน่ๆ

The other kinds of effects of climate change --

ผลกระทบอื่นของสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

this is coral bleaching. It's a beautiful picture, right?

คือการฟอกขาวของปะการัง มันเป็นภาพที่งดงาม ทางขวานี้

All that white coral.

ปะการังสีขาวทั้งหมดนี้

Except it's supposed to be brown.

เพียงแต่ว่ามันควรจะเป็นสีน้ำตาล

What happens is that

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือ

the corals are a symbiosis,

ปะการังอยู่แบบอาศัยพึ่งพากับชีวิตอื่น

and they have these little algal cells

มันมีเซลล์สาหร่ายเล็กๆ

that live inside them.

ที่อาศัยในปะการัง

And the algae give the corals sugar,

สาหร่ายป้อนน้ำตาลให้กับปะการัง

and the corals give the algae

และปะการังก็มอบธาตุอาหาร

nutrients and protection.

และคุ้มกันความปลอดภัย

But when it gets too hot,

แต่เมื่ออุณหภูมิขึ้นสูงเกินไป

the algae can't make the sugar.

สาหร่ายก็ผลิตน้ำตาลไม่ได้

The corals say, "You cheated. You didn't pay your rent."

ปะการังบอกว่า "แกขี้โกง แกไม่จ่ายค่าเช่า"

They kick them out, and then they die.

ก็เลยเตะสาหร่ายออกไป เสร็จแล้วมันก็ตาย

Not all of them die; some of them survive,

มันไม่ตายหมด บางส่วนเอาตัวรอดได้

some more are surviving,

บางส่วนกำลังฟื้นคืนชีพ

but it's really bad news.

แต่โดยรวมก็เป็นข่าวร้ายมาก

To try and give you a sense of this,

ถ้าคุณอยากเข้าใจว่าแย่แค่ไหน

imagine you go camping in July

ลองนึกภาพว่าคุณไปแคมปิ้งเดือนกรกฎาคม

somewhere in Europe or in North America,

ในยุโรปหรืออเมริกาเหนือ

and you wake up the next morning, and you look around you,

คุณตื่นมาตอนเช้า มองไปรอบตัว

and you see that 80 percent of the trees,

และพบว่าต้นไม้ร้อยละ 80

as far as you can see,

รอบตัวคุณสุดลูกหูลูกตา

have dropped their leaves and are standing there naked.

ใบไม้ร่วงลงมาหมดแล้ว ยืนต้นโกร๋นทั้งหมด

And you come home, and you discover

เสร็จแล้วคุณกลับบ้านมาพบว่า

that 80 percent of all the trees

ต้นไม้ร้อยละ 80 ของทั้งหมด

in North America and in Europe

ในอเมริกาเหนือและยุโรป

have dropped their leaves.

ใบไม้ร่วงหมดต้น

And then you read in the paper a few weeks later,

ไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง คุณอ่านเจอในหนังสือพิมพ์

"Oh, by the way, a quarter of those died."

ถึงบางอ้อว่าต้นไม้หนึ่งในสี่ตายไปแล้ว

Well, that's what happened in the Indian Ocean

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอินเดีย

during the 1998 El Nino,

ในปรากฏการณ์เอลนิโญ ปี 1998

an area vastly greater

ในบริเวณที่กินเนื้อที่

than the size of North America and Europe,

กว้างกว่าอเมริกาเหนือและยุโรปรวมกัน

when 80 percent of all the corals bleached

ปะการังร้อยละ 80 ฟอกขาว

and a quarter of them died.

หนึ่งในสี่ในจำนวนนั้นตายไปแล้ว

And then the really scary thing

สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ

about all of this --

เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้

the overfishing, the pollution and the climate change --

คือประมงเกินขนาด มลภาวะ และสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

is that each thing doesn't happen in a vacuum.

ก็คือแต่ละอย่างไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ

But there are these, what we call, positive feedbacks,

แต่มีสิ่งที่เราเรียกว่า ปฏิกิริยาตอบกลับเชิงบวก

the synergies among them

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน

that make the whole vastly greater

ที่ทำให้ผลลัพธ์โดยรวมมหาศาล

than the sum of the parts.

กว่าผลรวมของปัญหาทุกปัญหา

And the great scientific challenge

ความท้าทายทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่

for people like me in thinking about all this,

สำหรับคนอย่างผมที่คิดเรื่องพวกนี้

is do we know how

คือคำถามที่ว่า เรารู้วิธี

to put Humpty Dumpty back together again?

ประกอบชิ้นส่วนของตุ๊กตาให้เหมือนเดิมหรือเปล่า?

I mean, because we, at this point, we can protect it.

คือผมรู้สึกว่า ณ จุดนี้ เราปกป้องทะเลได้

But what does that mean?

แต่นี่แปลว่าอะไรล่ะ?

We really don't know.

เราไม่รู้เลย

So what are the oceans going to be like

ทะเลจะเป็นอย่างไร

in 20 or 50 years?

ในอีก 20 หรือ 50 ปี?

Well, there won't be any fish

ก่อนอื่น ปลาจะไม่มีเหลือ

except for minnows,

ยกเว้นพวกตัวเล็กๆ

and the water will be pretty dirty,

และน้ำก็จะสกปรกค่อนข้างมาก

and all those kinds of things

เป็นน้ำที่จะเต็มไปด้วย

and full of mercury, etc., etc.

สารปรอท และอื่นๆ

And dead zones will get bigger and bigger

บริเวณที่ไร้สิ่งมีชีวิตจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

and they'll start to merge,

และจะมารวมกันเป็นผืนใหญ่

and we can imagine something like

เสร็จแล้วเราก็สามารถนึกถึง

the dead-zonification

การกลายสภาพเป็นโซนไร้ชีวิต

of the global, coastal ocean.

ของมหาสมุทรระดับโลก

Then you sure won't want to eat fish that were raised in it,

คุณจะไม่อยากกินปลาอะไรเลยที่เลี้ยงในนี้

because it would be a kind of

เพราะมันจะกลายเป็น

gastronomic Russian roulette.

เกมเสี่ยงทายที่เดิมพันด้วยชีวิต

Sometimes you have a toxic bloom;

บางทีคุณจะมีทุ่งพิษ

sometimes you don't.

บางทีก็ไม่มี

That doesn't sell.

อย่างนี้ขายไม่ได้หรอก

The really scary things though

แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ

are the physical, chemical,

คือปรากฏการณ์ทางกายภาพ ทางเคมี

oceanographic things that are happening.

ในทะเลที่กำลังเกิดขึ้น

As the surface of the ocean gets warmer,

ขณะที่พื้นผิวทะเลอุ่นขึ้น

the water is lighter when it's warmer,

น้ำก็เบาลงเมื่อมันอุ่นขึ้น

it becomes harder and harder

มันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

to turn the ocean over.

ที่ทะเลจะพลิกฟื้นคืนสภาพ

We say it becomes

เราใช้คำว่า ทะเล

more strongly stratified.

แบ่งเป็นชั้นๆ มากขึ้น

The consequence of that is that

ผลพวงของเรื่องนี้คือ

all those nutrients

ธาตุอาหารทั้งหลาย

that fuel the great anchoveta fisheries,

ที่หล่อเลี้ยงแหล่งเพาะพันธุ์ปลาแองโชวีตา

of the sardines of California

ที่มาทำปลาซาร์ดีนในแคลิฟอร์เนีย

or in Peru or whatever,

หรือในเปรู หรือที่ไหนก็ตาม

those slow down

ธาตุอาหารจะผลิตได้ช้าลง

and those fisheries collapse.

จนแหล่งประมงเสื่อมสลาย

And, at the same time,

และในเวลาเดียวกัน

water from the surface, which is rich in oxygen,

น้ำจากพื้นผิวทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยอ็อกซิเจน

doesn't make it down

ก็ทะลุลงไปข้างล่างไม่ได้

and the ocean turns into a desert.

ทำให้ทะเลแล้งเหมือนทะเลทราย

So the question is: How are we all

ฉะนั้นคำถามคือ เราทั้งหมด

going to respond to this?

จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร?

And we can do

เรามีวิธี

all sorts of things to fix it,

หลายวิธีที่จะแก้ปัญหาได้

but in the final analysis,

แต่ท้ายที่สุดนะครับ

the thing we really need to fix

สิ่งที่เราต้องแก้จริงๆ

is ourselves.

คือตัวเราเอง

It's not about the fish; it's not about the pollution;

มันไม่ใช่เรื่องของปลา ไม่ใช่เรื่องของมลภาวะ

it's not about the climate change.

ไม่ใช่เรื่องของสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

It's about us

แต่เป็นเรื่องของเรา

and our greed and our need for growth

เรื่องของความโลภและความกระหายการเติบโต

and our inability to imagine a world

และความไร้ความสามารถของเราที่จะนึกภาพ

that is different from the selfish world

โลกที่แตกต่างไปจากโลกที่เห็นแก่ตัว

we live in today.

ที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้

So the question is: Will we respond to this or not?

ฉะนั้นคำถามคือ เราจะรับมือกับเรื่องนี้หรือไม่?

I would say that the future of life

ผมจะบอกว่าอนาคตของชีวิต

and the dignity of human beings

และศักดิ์ศรีของมนุษยชาติ

depends on our doing that.

ตั้งอยู่บนการทำเรื่องนี้เลยครับ.

Thank you. (Applause)

ขอบคุณครับ.