The story of 'Oumuamua, the first visitor from another star system | Karen J. Meech | TED

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

NASA's always on the lookout for possible asteroid collision hazards,

นาซ่ามักจะคอยเฝ้าระวัง อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากอุกาบาตชนกัน

so the Pan-STARRS telescope is scanning the sky every night.

กล้องโทรทรรศน์ Pan-STARRS จึงทำหน้าที่ตรวจตราท้องฟ้าทุกคืน

Each morning, candidate objects are examined by Pan-STARRS staff

ทุกเช้า วัตถุต้องสงสัย จะถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่

and usually discovered to be no big deal.

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันก็มักไม่เป็นอันตรายอะไร

But on October 19, 2017,

แต่เมื่อวันที่19 ตุลาคม ค.ศ. 2017

Pan-STARRS spotted an object moving rapidly between the stars,

Pan-STARRS พบกับวัตถุ ที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วระหว่างดาว

and this time the usual follow-up measurements of position and speed

และครั้งนี้การวัดตำแหน่งและความเร็ว ที่ทำเป็นปกติ

showed something completely different.

แสดงผลลัพธ์ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

By October 22nd, we had enough data

ในวันที่ 22 ตุลาคม เรามีข้อมูลเพียงพอ

to realize that this object wasn't from our solar system.

ที่ทำให้เรารู้ว่าวัตถุนี้ ไม่ได้มาจากระบบสุริยจักรวาล

Holy cow.

เฮ้ย

That's when I got the phone call,

นั่นแหละเป็นตอนที่ฉันได้รับสาย

the phone call that all solar system astronomers are waiting for.

เป็นข่าวที่นักดาราศาสตร์ ที่ศึกษาระบบดาวนี้ต่างรอคอย

Let me tell you how exciting this was.

ฉันจะเล่าให้ฟังนะคะว่า มันน่าตื่นเต้นแค่ไหน

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

NASA's been expecting to see an interstellar comet

นาซ่าคาดการณ์ว่าจะได้เห็น อุกาบาตระหว่างหมู่ดาว

pass through the solar system since the 1970s,

ผ่านระบบสุริยจักรวาลตั้งแต่ยุค 1970

but until now, we'd never seen anything.

แต่ถึงตอนนี้ เรายังไม่ได้เห็นอะไรเลย

Our own solar system is huge,

ระบบสุริยจักรวาลของเราเองใหญ่มาก

so even getting a package from the nearest star system

วัสดุจากระบบดาวที่ใกล้เราที่สุด

4.4 light years away

ต้องถูกส่งผ่านระยะทาง 4.4 ปีแสง

would take over 50,000 years.

ซึ่งใช้เวลากว่า 50,000 ปี

So this is a really big deal.

ฉะนั้น นี่มันเรื่องใหญ่เลยล่ะ

The interstellar visitor entered our solar system

ผู้มาเยือนข้ามหมู่ดาวนี้ เข้ามายังระบบสุริยจักรวาลของเรา

from above the plane of the planets,

จากส่วนเหนือระนาบดาวเคราะห์

coming from the direction of the constellation Lyra,

มาจากทิศทางของกลุ่มดาวไลรา

and it passed closest to the Sun on September 9th,

และผ่านเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ในวันที่ 9 กันยายน

passing inside the orbit of Mercury.

ผ่านภายในวงโคจรของดาวพุธ

Now this isn't a particularly close approach or unusual distance.

ทีนี้ มันไม่ได้ใกล้มาก ๆ หรืออยู่ในระยะที่ผิดปกติอะไร

It's just much easier to see objects close by.

แค่มันง่ายต่อการสังเกตวัตถุใกล้ ๆ

On October 14th,

ในวันที่ 14 ตุลาคม

before we discovered it, it made its closest approach to the Earth,

ก่อนที่เราจะค้นพบมัน มันเดินทางเข้ามาใกล้โลกที่สุด

within about 15 million miles.

ในระยะ 15 ล้านไมล์

This is really close by astronomical standards.

นี่เป็นระยะที่ใกล้มาก ตามมาตรฐานดาราศาสตร์

Now rather than call this by its unwieldy catalog name,

แทนที่เราจะเรียกสิ่งนี้ ตามรายการชื่อแปลก ๆ ของมัน

we briefly called it "Rama,"

เราเรียกมันสั้น ๆ ว่า "รามา"

after the cylindrical spacecraft that passed through the solar system

ตามยานอวกาศทรงกระบอก ที่ผ่านระบบสุริยจักรวาล

in Arthur C. Clarke's classic science fiction story in 1973.

ในนิยายวิทยาศาสตร์คลาสสิก ของอาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก ในปีค.ค.1973

But this wasn't quite right either,

แต่มันก็ยังไม่เข้าทีเท่าไร

so in honor of it being discovered by a telescope in Hawaii,

จากการที่มันถูกค้นพบ โดยกล้องโทรทรรศน์ในฮาวาย

we consulted two experts on Hawaiian culture --

เราปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ด้านวัฒนธรรมฮาวายสองท่าน

a Hawaiian navigator and a linguist --

ซึ่งเป็นต้นหนและนักภาษาศาสตร์ชาวฮาวาย

to propose a name.

ให้เสนอชื่อ

And they suggested "'Oumuamua,"

และพวกเขาตั้งชื่อมันว่า "โอมูอามูอา"

which means scout or messenger from the distant past reaching out to us.

ซึ่งหมายถึง พรานสอดแนม หรือ ผู้ส่งสาสน์ จากอดีตแสนไกลที่กำลังมาหาเรา

Now this discovery was important for many reasons,

การค้นพบนี้มีความสำคัญหลายประการ

but to me the most significant is for what 'Oumuamua can tell us

แต่สำหรับฉันแล้ว สิ่งสำคัญคือ สิ่งที่ โอมูอามูอา จะบอกกับเรา

about the past of our solar system.

เกี่ยวกับอดีตของระบบสุริยจักรวาล

The process of the birth of a new solar system and the growth of planets

กระบวนการเกิดระบบดาวใหม่ และการเติบโตของดาวเคราะห์

can be a violent and messy business.

อาจรุนแรงและเป็นกิจกรรมที่ยุ่งเหยิง

Leftover icy and rocky debris gets ejected from the new solar system

เศษน้ำแข็งและหินที่เหลืออยู่ ถูกผลักออกจากระบบดาวใหม่

as the giant planets migrate through the dusty disk

เมื่อดาวเคราะห์ยักษ์เดินทางผ่านแนวฝุ่น

out of which they're formed.

ที่ให้กำเนิดพวกมัน

Now have you ever felt an emotional chill,

เอาล่ะ คุณเคยรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาไหม

something that's so exciting that a shiver runs up and down your spine?

เมื่อเจออะไรบางอย่างที่น่าทึ่ง แบบที่รู้สึกเย็นวาบลงไปตามสันหลัง

Or something that's very emotionally moving?

หรือบางสิ่งที่สะเทือนอารมณ์คุณอย่างแรง

Well this was it for me.

ฉันรู้สึกเช่นนั้นเลยค่ะ

This was my wow moment.

มันเป็นวินาทีที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน

We actually had a piece of material from another solar system

เราพบกับชิ้นส่วนสสารจากอีกระบบดาว

coming close enough for us to observe.

เข้ามาใกล้พอที่เราจะสังเกตมันได้

So what would you like to know about 'Oumuamua,

แล้วคุณอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับโอมูอามูอา

the very first visitor from another star system?

ผู้มาเยือนรายแรกจากระบบดาวอื่น

Well, I could think of a million things,

ค่ะ ฉันคิดได้เป็นล้านเรื่องเลย

but there's what you want and what you can have,

แต่สิ่งที่เราต้องการ และสิ่งที่เรามีนั้นอาจไม่ตรงกัน

and 'Oumuamua was moving away and fading very rapidly.

และโอมูอามูอาก็กำลังเคลื่อนออกไป และจากไปอย่างรวดเร็ว

In the span of about a week,

ในระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์

it had dropped in brightness by a factor of [10].

มันลดความสว่างลง [10] หน่วย

So this is about all the time we were going to have

เราจึงมีเวลาเพียงเท่านั้น

to study it easily.

ที่จะศึกษามันได้โดยสะดวก

So we had to distill the process of getting telescope time --

เราจึงต้องกลั่นกรองกระบวนการ ที่จะลดการขออนุญาตใช้กล้องโทรทรรศน์

normally a very competitive, peer-reviewed proposal process

ตามปกติแล้วมันเป็นกระบวนการ ที่ต้องได้รับการรับรองและมีการแข่งขันกันมาก

that can take up to months --

ซึ่งใช้เวลากันหลายเดือน

down to less than a few days.

ลงมาเหลือเพียงไม่กี่วัน

So began a "polite" competition for resources.

เราเริ่มการแข่งขัน "อย่างสุภาพ" เพื่อแหล่งทรัพยากรของเรา

OK, let me not mince words. It was a fierce battle.

เอาล่ะ ให้ฉันย่อความให้ดีกว่า มันเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดค่ะ

We dropped everything,

เราทิ้งทุกอย่าง

working around the clock,

ทำงานทั้งวันทั้งคืน

trying to craft perfectly crafted proposal words

พยายามที่จะสรรหาถ้อยคำเสนอ ที่สวยงามสมบูรณ์แบบ

to send to the observatory directors.

เพื่อส่งไปยังผู้อำนวยการหอดูดาว

Well, good news. We got the time.

ข่าวดีก็คือ เรามีเวลา

Now, from a perfectly selfish point of view,

เอาล่ะ จากมุมมองที่เห็นแก่ตัวสุด ๆ

the first thing we might like to know is how massive 'Oumuamua is.

สิ่งแรกที่เราอยากจะรู้ก็คือ โอมูอามูอา มีขนาดใหญ่แค่ไหน

Because after all, it passed very close to the Earth,

เพราะว่าอย่างไรก็ดี มันก็ผ่านเข้ามาใกล้โลกมาก ๆ

and we didn't know about it until afterwards.

และเราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย จนกระทั่งมันผ่านไป

How bad would this have been had it not missed the Earth?

มันจะแย่แค่ไหน ถ้ามันพุ่งโหม่งโลกของเรา

Well, the impact energy

พลังงานจากการพุ่งชน

depends on the square of the velocity times its mass,

ขึ้นอยู่กับกำลังสองของความเร็วคูณ ด้วยมวลของมัน

and the mass depends on how big it is and what it's made of.

และมวลขึ้นอยู่กับ ขนาดความใหญ่และองค์ประกอบของมัน

So how big is 'Oumuamua, and what's its shape?

แล้วโอมูอามูอามีขนาดใหญ่แค่ไหน มีรูปร่างเป็นอย่างไร

Well, we can get this from its brightness.

เราสามารถทราบได้จากความสว่างของมัน

Now, if you don't believe me, think of comparing the brightness

ทีนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองนึกถึงการเปรียบเทียบความสว่าง

of a firefly in your backyard

ของหิงห้อยในสวนหลังบ้าน

to the navigation lights on a distant airplane.

กับไฟนำทางบนเครื่องบินที่เราเห็นอยู่ไกล ๆ

You know the airplane is much brighter --

คุณรู้ว่าเครื่องบินน่ะใหญ่สว่างกว่ามาก

it just appears faint because it's so far away.

มันแค่ปรากฏเห็นเป็นไฟหรี่ ๆ เพราะว่ามันอยู่ไกล

We're also going to need to know

เรายังต้องรู้อีกว่า

how reflective the surface of 'Oumuamua is,

การสะท้อนแสงจากพื้นผิวของ โอมูอามูอา เป็นอย่างไร

and we don't have any clue,

และเราก็ไม่รู้อะไรเลย

but it's reasonable to assume it's very similar to small asteroids

แต่มันก็สมเหตุสมผล ที่จะเดาว่ามันคงคล้ายกับดาวเคราะห์น้อย

and comets in our solar system,

และดาวหางในระบบสุริยจักรวาลของเรา

or in technical terms,

หรือถ้าใช้คำในทางเทคนิค

something between the reflectivity of charcoal and wet sand.

การสะท้อนแสงที่อยู่ตรงกลาง ระหว่างถ่านกับทรายเปียก

Nowadays, most of the big telescopes are used in what's called a service mode,

ตอนนี้ กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ ถูกใช้ในรูปแบบที่เรียกว่า แบบการบริการ

meaning we have to carefully develop all the instructions

หมายความว่า เราต้องพัฒนาคำสั่ง ทั้งหมดอย่างระมัดระวัง

and send them to the telescope operator,

และส่งพวกมันไปยังส่วนการจัดการกล้องโทรทรรศน์

and then anxiously wait for the data to come back,

จากนั้นรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ว่าข้อมูลจะกลับมาเมื่อไร

praying to the weather gods.

บนบานเทพแห่งฟ้าฝนให้เป็นใจ

Now I bet most of you don't have careers

ทีนี้ ฉันคิดว่าพวกคุณส่วนใหญ่

that critically depend on whether or not it's cloudy last night.

ไม่ได้ทำอาชีพ ที่ขึ้นกับสภาพเมฆบนท้องฟ้าเมื่อคืน

Well, we weren't going to get any second chances here.

ค่ะ งานนี้เราไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง

Because the weather was great, 'Oumuamua decided not to be.

เพราะว่าสภาพอากาศดีมาก โอมูอามูอา ไม่ปรากฏเสียอย่างนั้น

Its brightness wasn't constant.

ความสว่างของมันไม่คงที่

Now here we see 'Oumuamua racing between the stars.

ตอนนี้ เราเห็น โอมูอามูอา เคลื่อนไประหว่างดวงดาว

It's centered in the middle.

มันอยู่บริเวณตรงกลาง

The stars are trailed out because the telescope is following its motion.

ดวงดาวยาวเป็นทางเพราะว่า กล้องโทรทรรศน์ตามการเคลื่อนไหวของมัน

It started faint and then it got brighter, fainter, brighter, and fainter again,

มันเริ่มที่จะหรี่ลง และสว่างขึ้น หรี่ลง สว่างขึ้น และหรี่ลงอีกครั้ง

as sunlight is reflected off of four sides of an oblong object.

เมื่อแสงอาทิตย์สะท้อน จากทั้งสี่ด้านของวัตถุทรงรี

The extreme brightness change

ความสว่างมาก ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป

led us to an unbelievable conclusion about its shape.

นำเราไปสู่ผลสรุปที่เหลือเชื่อ เกี่ยวกับรูปทรงของมัน

As shown in this artist's impression,

ดังที่แสดงในภาพของศิลปินนี้

'Oumuamua is apparently very long and narrow,

โอมูอามูอา มีรูปทรงยาวและแคบมาก

with an axis ratio of about 10 to one.

โดยมีอัตราส่วนแกนประมาณ 10 ต่อหนึ่ง

Assuming it's dark, this means it's about half a mile long.

สมมติว่ามันมีสีเข้ม นี่หมายความว่ามันมีความยาวประมาณครึ่งไมล์

Nothing else in our solar system looks like this.

ไม่มีอะไรในระบบสุริยจักรวาลที่หน้าตาแบบนี้

We only have a handful of objects that even have an axis ratio

มีวัตถุไม่มากที่มีอัตราส่วนแกน

bigger than five to one.

มากกว่าห้าต่อหนึ่ง

So we don't know how this forms,

เราก็เลยไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

but it may be part of its birth process in its home solar system.

แต่มันอาจเป็นส่วนหนึ่ง ของกำเนิดระบบดาวฤกษ์ที่เป็นบ้านของมัน

'Oumuamua was varying in brightness every 7.34 hours,

โอมูอามูอา มีความสว่างที่เปลี่ยนไป ทุก ๆ 7.34 ชั่วโมง

or so we thought.

หรืออย่างน้อยเราก็คิดแบบนั้น

As more data started to come in from other teams,

ในขณะที่ข้อมูลจากทีมอื่น เริ่มเข้ามาเสริมเรื่อย ๆ

they were reporting different numbers.

เราก็รายงานตัวเลขที่แตกต่างออกไป

Why is it the more we learn about something,

ทำไมการที่เราเรียนรู้อะไรมากขึ้น

the harder it gets to interpret?

ถึงต้องทำให้การคาดคะเนยากขึ้นด้วย

Well, it turns out that 'Oumuamua is not rotating in a simple way.

ปรากฏว่า โอมูอามูอา ไม่ได้หมุนในรูปแบบที่ปกติ

It's wobbling like a top.

มันเหวี่ยงไปมาเหมือนกันลูกข่าง

So while it is rotating around its short axis,

ขณะที่มันหมุนไปรอบ ๆ แกนสั้น ๆ ของมัน

it's also rolling around the long axis

มันยังหมุนรอบแกนยาวอีกด้วย

and nodding up and down.

และโยกขึ้นลง

This very energetic, excited motion

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าสนใจนี้

is almost certainly the result of it being violently tossed

แทบจะทั้งหมดเป็นผลมาจาก การโดนเหวี่ยงอย่างรุนแรง

out of its home solar system.

จากระบบดาวฤกษ์ที่เป็นบ้านเกิดของมัน

Now how we interpret the shape from its brightness

ทีนี้ การตีความคาดคะเนรูปร่าง จากความสว่างของมัน

depends very critically on how it's spinning,

ขึ้นอยู่กับลักษณะการปั่นเหวี่ยงของมัน เป็นอย่างมาก

so now we have to rethink what it may look like,

ตอนนี้เราจะต้องพิจารณากันใหม่ ว่ามันน่าจะมีหน้าตาอย่างไร

and as shown in this beautiful painting by space artist Bill Hartmann,

และจากภาพสวย ๆ ของ บิล ฮาร์ทแมนน์ ศิลปินภาพอวกาศ

we think that 'Oumuamua may be more of a flattened oval.

เราคิดว่า โอมูอามูอา น่าจะมีรูปร่างเป็นทรงไข่แบน ๆ มากกว่า

So let's get back to the energetics.

กลับไปที่การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนั่น

What is it made of?

มันเกิดจากอะไรกัน

Well, ideally we would love to have a piece of 'Oumuamua

โดยหลักแล้ว เราอยากจะได้ชิ้นส่วนของโอมูอามูอา

into the laboratory, so we could study it in detail.

ไปไว้ที่ห้องทดลอง เพื่อที่เราจะได้ศึกษารายละเอียดของมัน

But since even private industry can't manage to launch

แต่เมื่ออุตสาหกรรมภาคเอกชน ไม่สามารถที่จะปล่อย

a spacecraft within a week

กระสวยอวกาศได้ภายในหนึ่งสัปดาห์

to something like this,

ให้ไปถึงเจ้าสิ่งนี้

astronomers have to rely on remote observations.

นักบินอวกาศจะต้องพึ่งพา การสังเกตจากระยะไกล

So astronomers will look at how the light interacts with the surface.

นักบินอวกาศจะดูว่าแสง มีผลกระทบต่อพื้นผิวของมันอย่างไร

Some colors may get absorbed, giving it a chemical fingerprint,

บางสีอาจถูกดูดกลืนไป ในขณะที่บางสีไม่เป็นเช่นนั้น

whereas other colors may not.

ทำให้เราทราบลายพิมพ์ทางเคมีของมัน

On the other hand, some substances may just reflect more blue

ในอีกแง่หนึ่ง วัตถุบางอย่าง อาจสะท้อนแสงสีฟ้ามากกว่า

or red light efficiently.

หรือแสงสีแดงมากกว่า

In the case of 'Oumuamua, it reflected more red light,

ในกรณีของโอมูอามูอา มันสะท้อนแสงสีแดงได้มากกว่า

making it look very much like the organic rich surface of the comet recently visited

ทำให้มันดูเหมือนกับพื้นผิว ที่เต็มไปด้วยสารอินทรีย์

by the Rosetta spacecraft.

ของดาวหางที่ยานโรเซตต้าเพิ่งลงจอด

But not everything that looks reddish has the same composition.

แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีสีออกแดง จะมีส่วนประกอบเดียวกัน

In fact, minerals that have tiny little bits of iron in the surface

อันที่จริง แร่ต่าง ๆ ที่มีเหล็กอยู่เล็กน้อยบนพื้นผิว

can also look red,

อาจดูมีสีแดง

as does the dark side of Saturn's moon Iapetus,

เช่นเดียวกับด้านมืดของลาปีทัส ดวงจันทร์ของดาวเสาร์

shown in these images from the Cassini spacecraft.

ที่ปรากฏในภาพจากยานคาสซินี

Nickel-iron meteorites, in other words, metal,

อุกกาบาตที่ประกอบด้วยนิเคิล-เหล็ก หรือจะว่าไปโลหะ

can also look red.

อาจดูมีสีแดงได้เช่นกัน

So while we don't know what's on the surface,

ในขณะที่เรายังไม่รู้ว่า อะไรอยู่บนพื้นผิวของมัน

we know even less about what's on the inside.

เรารู้น้อยกว่านั้นอีก เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ภายใน

However, we do know that it must at least be strong enough

อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่า มันจะต้องแข็งแรงพอ

to not fly apart as it rotates,

และไม่ล่องลอยแยกออกจากกัน ในขณะที่มันหมุน

so it probably has a density similar to that of rocky asteroids;

อาจเป็นไปได้ว่ามันมีความหนาแน่น คล้ายกันกับดาวเคราะห์น้อยที่เป็นหิน

perhaps even denser, like metal.

บางทีอาจหนาแน่นกว่า เหมือนกับโลหะ

Well, at the very least, I want to show you

ค่ะ อย่างน้อย ๆ ฉันก็อยากจะอวด

one of the beautiful color images that we got

ภาพสีสวย ๆ ที่เราได้มาจาก

from one of the ground-based telescopes.

กล้องโทรทรรศน์ภาพพื้นดินที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง

All right, I admit, it's not all that spectacular.

ค่ะ ฉันยอมรับว่า มันดูไม่น่าตื่นเต้นสักเท่าไร

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

We just don't have the resolution.

ภาพมันไม่ได้คมชัดนัก

Even Hubble Space Telescope

แม้ว่าจะถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล

doesn't present a much better view.

ภาพก็ไม่ได้ดูดีไปกว่านี้เท่าไร

But the importance of the Hubble data was not because of the images,

แต่ความสำคัญของข้อมูลจากฮับเบิล ไม่ได้มาจากภาพนี้

but because it extended our observations out

แต่เพราะว่ามันขยายขอบเขต การสำรวจของเราออกไป

to two and a half months from the discovery,

อีกสองเดือนครึ่งนับตั้งแต่วันที่ค้นพบ

meaning we get more positions along the orbit,

นั่นหมายความว่า เรามีจุดสังเกตจากวงโคจรมากขึ้น

which will hopefully let us figure out where 'Oumuamua came from.

ซึ่งเราหวังว่าพวกมันจะทำให้เรา รู้ได้ว่าโอมูอามูอามาจากไหน

So what exactly is 'Oumuamua?

แล้ว โอมูอามูอา คืออะไรกันแน่

We firmly believe it's likely to be a leftover archaeological remnant

เราเชื่อมั่นว่ามันน่าจะเป็น ชื้นส่วนทางโบราณคดี

from the process of the birth of another planetary system,

จากกระบวนการเกิดของระบบดาวเคราะห์อื่น

some celestial driftwood.

เศษไม้แห่งอวกาศ

Some scientists think that maybe 'Oumuamua formed

นักวิทยาศาสตร์บางรายเชื่อว่า บางที โอมูอามูอา เกิดขึ้น

very close to a star that was much denser than our own,

ใกล้กับดาวฤกษ์ ที่หนาแน่นกว่าดวงอาทิตย์มาก

and the star's tidal forces shredded planetary material

และแรงที่ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงของดาวนั้น ก็ฉีกชิ้นส่วนของดาวเคราะห์นี้

early in the solar system's history.

ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของระบบดาวฤกษ์นั้น

Still others suggest that maybe this is something that formed

นอกจากนั้นยังมีผู้ที่เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

during the death throes of a star,

ระหว่างการตายของดาวฤกษ์

perhaps during a supernova explosion,

บางที อาจเป็นระหว่างการระเบิด ของซุปเปอร์โนวา

as planetary material got shredded.

ซึ่งทำให้ชิ้นส่วนดาวเคราะห์ ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ

Whatever it is, we believe it's a natural object,

ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เราเชื่อว่ามันวัตถุตามธรรมชาติ

but we can't actually prove that it's not something artificial.

แต่เราก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากการประดิษฐ์

The color, the strange shape, the tumbling motion

สี รูปร่างที่ประหลาด การเคลื่อนไหวที่หกคะเมนตีลังกา

could all have other explanations.

อาจมีสาเหตุมาจากอย่างอื่น

Now while we don't believe this is alien technology,

ในขณะที่ตอนนี้เราไม่เชื่อว่า มันจะเป็นเทคโนโลยีจากต่างดาว

why not do the obvious experiment and search for a radio signal?

ทำไมถึงไม่ลองทำการทดลอง และการค้นหาจากสัญญาณวิทยุดูล่ะ

That's exactly what the Breakthrough Listen project did,

นั่นเป็นสิ่งที่โครงการเบรคทรู ลิสเซิน ได้ทำ

but so far, 'Oumuamua has remained completely quiet.

แต่ถึงตอนนี้ โอมูอามูอา ก็ยังคงเงียบสงบ

Now could we send a spacecraft to 'Oumuamua

เราจะส่งยานอวกาศไปที่นั่น

and answer this question once and for all?

แล้วหาคำตอบกันไปเลยได้ไหม

Yes, we do actually have the technology,

ค่ะ เรามีเทคโนโลยี

but it would be a long and expensive voyage,

แต่มันคงจะเป็นการเดินทางอันยาวนาน และแพงไม่เบา

and we would get there so far from the Sun

เราอาจไปถึงที่นั่น ซึ่งมันห่างจากดวงอาทิตย์มาก

that the final approach trajectory would be very difficult.

ทำให้วิถีการในการเข้าถึงมันนั้น ทำได้ยากยิ่ง

So I think 'Oumuamua probably has many more things to teach us,

ฉันคิดว่าโอมูอามูอา น่าจะมีอะไรอีกหลายอย่างที่จะสอนเรา

and in fact there might be more surprises in store

และอันที่จริง มันคงมีเรื่องน่าประหลาดใจอีกมาก

as scientists such as myself continue to work with the data.

ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ยังคงทำงานกับข้อมูล

More importantly, I think this visitor from afar

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฉันคิดว่าผู้มาเยือนจากแดนไกลรายนี้

has really brought home the point that our solar system isn't isolated.

ได้ยืนยันประเด็นที่ว่า ระบบสุริยจักรวาลของเราไม่ได้โดดเดี่ยว

We're part of a much larger environment,

เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม ที่ใหญ่กว่ามาก

and in fact, we may even be surrounded by interstellar visitors

และอันที่จริงเราอาจถูกล้อมรอบ ด้วยผู้มาเยือนข้ามระบบดาว

and not even know it.

แม้ว่าเราจะไม่รู้ตัวก็ตาม

This unexpected gift

ของขวัญที่เราไม่ได้คาดว่าจะได้รับนี้

has perhaps raised more questions than its provided answers,

อาจก่อให้เกิดคำถามมากมาย กว่าการให้คำตอบเรา

but we were the first to say hello to a visitor from another solar system.

แต่เราคือบุคคลกลุ่มแรก ๆ ที่ได้ทักสวัสดี กับผู้มาเยือนจากระบบดาวฤกษ์อื่น

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Jedidah Isler: Thanks, Karen.

เจดไดห์ อิสเลอร์: ขอบคุณคาเรน

I of course enjoyed that talk very much. Thank you.

ฉันชอบการบรรยายนี้มากค่ะ ขอบคุณจริง ๆ

As I recall, we found it pretty late in its journey towards us.

เท่าที่ฉันจำได้ เราได้พบมัน ในช่วงท้ายการเดินทางของมันมายังพวกเรา

Will future technologies like the Large Synoptic Survey Telescope

เทคโนโลยีในอนาคตอย่างเช่น กล้องโทรทรรศน์ ลอร์จ ซินอปติก เซอร์เวย์

help us detect these things sooner?

จะช่วยเราตรวจจับอะไรแบบนี้ ได้เร็วกว่านี้ไหม

Karen Meech: Yeah. We're hoping that we'll start to see a lot of these things,

คาเรน มีช: ค่ะ เราหวังว่า นั่นจะทำให้เราเห็นสิ่งเหล่านี้มากขึ้น

and ideally, you'd love to find one as it's approaching the Sun,

และหวังว่า เราจะได้เจอพวกมัน ขณะที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ดวงอาทิตย์

because you want to have time to do all the science,

เพราะว่าคุณอยากที่จะมีเวลาในการศึกษามัน

or even more ideal,

และยิ่งกว่านั้น

you'd get a spacecraft ready to go,

หวังว่าเราจะมียานอวกาศ

parked somewhere in the L4 or L5 position,

จอดพร้อมอยู่ในบริเวณ L4 หรือ L5

somewhere near Earth,

ที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ โลก

so that when something comes by, you can chase it.

เพื่อที่เมื่ออะไรมีอะไรแบบนี้ผ่านเข้ามา คุณจะสามารถไล่ตามมันไปได้

JI: Awesome, thanks so much. Let's thank Karen again.

เจดไดห์: ยอดมาก คาเรน ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)