Making sense of string theory | Brian Greene

2,832,103 views ・ 2008-04-23

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Kanawat Senanan
00:13
In the year 1919,
0
13160
2000
ในปี 1919
00:15
a virtually unknown German mathematician, named Theodor Kaluza
1
15160
7000
นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จัก นามว่า ทีโอดอร์ คาลุสซา (Theodor Kaluza)
00:22
suggested a very bold and, in some ways, a very bizarre idea.
2
22160
7000
ให้แนวคิดที่อาจหาญและ ออกจะดูแปลกประหลาด
00:29
He proposed that our universe
3
29160
2000
เขาเสนอว่า เอกภพของเรานั้น
00:31
might actually have more than the three dimensions
4
31160
3000
ที่จริงแล้วอาจจะมีมากว่าสามมิติ
00:34
that we are all aware of.
5
34160
3000
ซึ่งพวกเรารู้จักกัน
00:37
That is in addition to left, right, back, forth and up, down,
6
37160
3000
นั่นมันเป็นอะไรที่มากกว่า ซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง
00:40
Kaluza proposed that there might be additional dimensions of space
7
40160
5000
คาลุสซาเสนอไว้ว่า มันอาจเป็นไปได้ที่มีมิติอื่นๆอีกในอวกาศ
00:45
that for some reason we don't yet see.
8
45160
3000
ที่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรายังมิอาจมองเห็น
00:48
Now, when someone makes a bold and bizarre idea,
9
48160
4000
ทีนี้ เมื่อใครสักคนออกความคิดที่กล้าบ้าบิ่น และพิลึก
00:52
sometimes that's all it is -- bold and bizarre,
10
52160
2000
บางทีมันก็เป็นแค่นั้น กล้าบ้าบิ่นและพิลึก
00:54
but it has nothing to do with the world around us.
11
54160
3000
แต่ไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญกับโลกรอบๆตัวเราเลย
00:57
This particular idea, however --
12
57160
2000
แต่อย่างไรก็ดี สำหรับความคิดนี้
00:59
although we don't yet know whether it's right or wrong,
13
59160
3000
แม้ว่าเรายังไม่อาจรู้ได้ว่ามันผิดหรือถูก
01:02
and at the end I'll discuss experiments which, in the next few years,
14
62160
3000
และในช่วงท้ายผมจะพูดถึงการทดลอง ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
01:05
may tell us whether it's right or wrong --
15
65160
2000
จะบอกเราว่ามันผิดหรือถูก
01:07
this idea has had a major impact on physics in the last century
16
67160
4000
ความคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อสาขาวิชาฟิสิกส์ ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
01:11
and continues to inform a lot of cutting-edge research.
17
71160
3000
และจะยังคงแสดงให้เราเห็นถึงงานวิจัยล้ำสมัยอีกมากมาย
01:14
So, I'd like to tell you something about the story of these extra dimensions.
18
74160
4000
ดังนั้น ผมอยากที่จะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ เรื่องของมิติที่นอกเหนือจากสามมิติที่เราคุ้นเคย
01:18
So where do we go?
19
78160
2000
เราจะไปทางไหนกันดี
01:20
To begin we need a little bit of back story. Go to 1907.
20
80160
3000
เพื่อเป็นการเริ่มต้น เราต้องปูพื้นเรืองเสียก่อน ไปยังปี 1907
01:23
This is a year when Einstein is basking in the glow
21
83160
4000
นี่เป็นปีซึ่ง ไอสไตน์ กำลังเจิดจรัสอยู่ในแสงไฟ
01:27
of having discovered the special theory of relativity
22
87160
3000
เพราะเขาได้ทำการค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (special theory of relativity)
01:30
and decides to take on a new project,
23
90160
3000
และตัดสินใจที่จะลงมือกับโครงการใหม่
01:33
to try to understand fully the grand, pervasive force of gravity.
24
93160
7000
เพื่อที่จะพยายามทำความเข้าใจกับพลังอันยิ่งใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปของแรงดึงดูด
01:40
And in that moment, there are many people around
25
100160
3000
และในวินาทีนั้น มีคนมากมาย
01:43
who thought that that project had already been resolved.
26
103160
4000
ที่คิดว่าโครงการที่ว่านี้มันได้รับความกระจ่างแล้ว
01:47
Newton had given the world a theory of gravity in the late 1600s
27
107160
3000
นิวตันได้มองทฤษฎีแรงโน้มถ่วงให้กับโลกเรา เมื่อปลายศตวรรษที่ 16
01:50
that works well, describes the motion of planets,
28
110160
4000
มันก็ใช้การได้ดี อธิบายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์
01:54
the motion of the moon and so forth,
29
114160
2000
การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์และอื่นๆ
01:56
the motion of apocryphal of apples falling from trees,
30
116160
3000
การเคลื่อนที่ของแอปเปิ้ลในเรื่องเล่าที่หล่นจากต้นไม้
01:59
hitting people on the head.
31
119160
2000
กระแทกใครบางคนที่หัว
02:01
All of that could be described using Newton's work.
32
121160
2000
ทั้งหมดนั้นสามารถอธิบายได้โดยใช้งานวิจัยของนิวตัน
02:03
But Einstein realized that Newton had left something out of the story,
33
123160
4000
แต่ไอสไตน์รู้ว่า นิวตันไม่ได้รวมอะไรบางอย่างเข้าไปในเรื่องนั้น
02:07
because even Newton had written
34
127160
3000
เพราะว่าแม้แต่นิวตันยังเขียนไว้เองว่า
02:10
that although he understood how to calculate the effect of gravity,
35
130160
5000
แม้ว่าเขาจะเข้าใจว่า จะคำนวณผลกระทบของแรงดึงดูดได้อย่างไร
02:15
he'd been unable to figure out how it really works.
36
135160
3000
เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแรงดึงดูดนั้นทำงานอย่างไร
02:18
How is it that the Sun, 93 million miles away,
37
138160
3000
ดวงอาทิตย์ที่ห่างออกไป 93 ล้านไมล์
02:21
[that] somehow it affects the motion of the Earth?
38
141160
3000
ทำไมยังคงมีผลกระทบต่อการเคลื่อนที่ของโลก
02:24
How does the Sun reach out across empty inert space and exert influence?
39
144160
4000
ดวงอาทิตย์ส่งผลกระทบนี้ข้ามห้วงอวกาศเวิ้งว้างได้อย่างไร
02:28
And that is a task to which Einstein set himself --
40
148160
3000
และนี่ก็เป็นภารกิจที่ไอสไตน์ตั้งไว้ให้กับตนเอง
02:31
to figure out how gravity works.
41
151160
3000
เพื่อที่จะค้นหาว่า แรงดึงดูดนั้นทำงานอย่างไร
02:34
And let me show you what it is that he found.
42
154160
3000
ให้ผมแสดงให้คุณชมว่าอะไรที่เขาค้นพบ
02:37
So Einstein found
43
157160
1000
ไอสไตน์พบว่า
02:38
that the medium that transmits gravity is space itself.
44
158160
4000
ตัวกลางที่ส่งผ่านแรงดึงดูดนั้นคืออวกาศเอง
02:42
The idea goes like this:
45
162160
2000
ไอเดียเป็นแบบนี้ครับ
02:44
imagine space is a substrate of all there is.
46
164160
2000
ลองจินตนาการอวกาสเป็นมวลสารทั่งหมดที่มี
02:46
Einstein said space is nice and flat, if there's no matter present.
47
166160
4000
ไอสไตน์กล่าวว่า อวกาศนั้นราบเรียบดี ถ้าไม่มีสสารใดปรากฎ
02:50
But if there is matter in the environment, such as the Sun,
48
170160
4000
แต่ถ้ามันมีสสารในสิ่งแวดลอมนั้น เช่นดวงอาทิตย์
02:54
it causes the fabric of space to warp, to curve.
49
174160
4000
มันทำให้ผืนอวกาศเบี้ยวบิด ทำให้มันโค้ง
02:58
And that communicates the force of gravity.
50
178160
2000
และนั่นคือการสื่อแรงดึงดูด
03:00
Even the Earth warps space around it.
51
180160
3000
แม้กระทั่งโลกก็บิดเบือนอวกาศรอบๆ ตัวมัน
03:03
Now look at the Moon.
52
183160
2000
ทีนี้ลองดูดวงจันทร์
03:05
The Moon is kept in orbit, according to these ideas,
53
185160
3000
ดวงจันทร์นั้นโคจรรอบโลก ตามแนวความคิดนี้
03:08
because it rolls along a valley in the curved environment
54
188160
3000
เพราะว่ามันกลิ้งไปตามหุบร่อง ในสิ่งแวดล้อมที่โค้ง
03:11
that the Sun and the Moon and the Earth can all create by virtue of their presence.
55
191160
5000
ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ร่วมกันสร้างขึ้นด้วยมวลของพวกมันเอง
03:16
We go to a full-frame view of this.
56
196160
3000
เราลองไปมองภาพรวมของสิ่งนี้
03:19
The Earth itself is kept in orbit
57
199160
2000
โลกเองก็โคจรไปรอบๆดวงอาทิตย์
03:21
because it rolls along a valley in the environment that's curved
58
201160
4000
เพราะว่ามันกลิ้งไปตามหุบร่องของสิ่งแวดล้อมที่โค้ง
03:25
because of the Sun's presence.
59
205160
2000
เพราะว่าการมีอยู่ของดวงอาทิตย์
03:27
That is this new idea about how gravity actually works.
60
207160
5000
นี่เป็นความคิดใหม่เกี่ยวกับว่า แรงดึงดูดทำงานได้อย่างไร
03:32
Now, this idea was tested in 1919 through astronomical observations.
61
212160
5000
ทีนี้ ความคิดดังกล่าวได้รับการทดสอบใน 1919 ผ่านทางการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์
03:37
It really works. It describes the data.
62
217160
3000
มันใช้การได้จริงๆ มันอธิบายข้อมูล
03:40
And this gained Einstein prominence around the world.
63
220160
4000
และนี่แหละที่สร้างชื่อให้ไอสไตน์ไปทั่วโลก
03:44
And that is what got Kaluza thinking.
64
224160
4000
และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คาลุสซ่าครุ่นคิด
03:48
He, like Einstein, was in search of what we call a unified theory.
65
228160
4000
เช่นเดียวกับไอสไตน์ เขาตามหาสิ่งที่เราเรียกว่า ทฤษฎีรวม (unified theory)
03:52
That's one theory
66
232160
2000
มันคือหนึ่งทฤษฎี
03:54
that might be able to describe all of nature's forces from one set of ideas,
67
234160
4000
ที่จะสามารถอธิบายแรงทั้งหมดในธรรมชาติ จากชุดแนวความคิดเดียวได้
03:58
one set of principles, one master equation, if you will.
68
238160
4000
หลักการชุดเดียว สมการหลักสมการเดียว จะเรียกอย่างนั้นก็ได้
04:02
So Kaluza said to himself,
69
242160
2000
คาลุสซ่าบอกกับตัวเองว่า
04:04
Einstein has been able to describe gravity
70
244160
3000
ไอสไตน์สามารถที่จะอธิบายแรงดึงดูดได้
04:07
in terms of warps and curves in space --
71
247160
2000
ในบริบทของการบิดและการโค้งของอวกาศ
04:09
in fact, space and time, to be more precise.
72
249160
3000
อันที่จริง อวกาศและเวลา ถ้าจะให้มันถูกต้องจริงๆ
04:12
Maybe I can play the same game with the other known force,
73
252160
5000
บางที ผมอาจจะลองเล่นแนวเดียวกันกับแรงอื่นที่เรารู้จัก
04:17
which was, at that time, known as the electromagnetic force --
74
257160
3000
ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในนาม แรงแม่เหล็กไฟฟ้า
04:20
we know of others today, but at that time
75
260160
2000
เรารู้จักแรงอย่างอื่นอีกในปัจจุบัน แต่ในเวลานั้น
04:22
that was the only other one people were thinking about.
76
262160
2000
นั่นเป็นเพียงอีกแรงเดียวที่คนคิดถึง
04:24
You know, the force responsible for electricity
77
264160
2000
เป็นแรงที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้า
04:26
and magnetic attraction and so forth.
78
266160
2000
และแรงแม่เหล็กและอื่นๆ
04:28
So Kaluza says, maybe I can play the same game
79
268160
3000
คาลุสช่ากล่าวว่า บางทีผมน่าจะลองในแนวนี้บ้าง
04:31
and describe electromagnetic force in terms of warps and curves.
80
271160
4000
และอธิบายแรงแม่เหล็กไฟฟ้าในบริบทของการบิดโค้ง
04:35
That raised a question: warps and curves in what?
81
275160
3000
นั่นมันทำให้เกิดคำถามว่า การบิดโค้งของอะไรล่ะ
04:38
Einstein had already used up space and time,
82
278160
5000
ไอสไตน์ได้ใช้อวกาศกับเวลาไปแล้ว
04:43
warps and curves, to describe gravity.
83
283160
2000
การบิดโค้ง ใช้ในการอธิบายแรงดึงดูดไปแล้ว
04:45
There didn't seem to be anything else to warp or curve.
84
285160
3000
มันไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้วให้บิดหรือโค้ง
04:48
So Kaluza said, well, maybe there are more dimensions of space.
85
288160
5000
คาลุสซ่ากล่าวว่า เอาล่ะ บางที มันมีมิติมากกว่านี้อีกในอวกาศ
04:53
He said, if I want to describe one more force,
86
293160
2000
เขาบอกว่า ถ้าผมอยากที่จะอธิบายแรงเพิ่มอีกหนึ่งแรง
04:55
maybe I need one more dimension.
87
295160
2000
บางที ผมต้องการอีกหนึ่งมิติ
04:57
So he imagined that the world had four dimensions of space, not three,
88
297160
4000
ดังนั้น เขาจินตนาการว่าโลกมีสี่มิติของอวกาศ ไม่ใช่สาม
05:01
and imagined that electromagnetism was warps and curves
89
301160
4000
และจินตนาการว่า แรงแม่เหล็กไฟฟ้านั้นทำให้มิติที่สี่
05:05
in that fourth dimension. Now here's the thing:
90
305160
2000
บิดและโค้ง เอาล่ะ ทีนี้
05:07
when he wrote down the equations describing warps and curves
91
307160
3000
เมื่อเขาเขียนสมการอธิบายการบิดโค้ง
05:10
in a universe with four space dimensions, not three,
92
310160
3000
ในเอกภพที่มีอวกาศสี่มิติ ไม่ใช่สาม
05:13
he found the old equations that Einstein had already derived in three dimensions --
93
313160
4000
เขาพบว่าสมการเดิมที่ไอสไตน์ได้แปลงมันเรียบร้อยแล้ว ให้รับกับอวกาศสามมิติ
05:17
those were for gravity --
94
317160
1000
นั่นสำหรับแรงดึงดูด
05:18
but he found one more equation because of the one more dimension.
95
318160
4000
แต่เขาพบกับสมการอีกอันหนึ่ง เพราะว่าอีกมิติหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา
05:22
And when he looked at that equation,
96
322160
2000
และเมื่อเขาดูสมการนั้น
05:24
it was none other than the equation
97
324160
2000
มันไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าสมการ
05:26
that scientists had long known to describe the electromagnetic force.
98
326160
3000
ที่นักวิทยาศาสาตร์รู้จักกันมาเนิ่นนาน ซึ่งมันใช้อธิบาย แรงแม่เหล็กไฟฟ้า
05:29
Amazing -- it just popped out.
99
329160
2000
น่าทึ่ง อยู่ดีๆมันก็โผล่ออกมาซะอย่างนั้น
05:31
He was so excited by this realization
100
331160
3000
เขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ประจักษ์แจ้งนี้
05:34
that he ran around his house screaming, "Victory!" --
101
334160
3000
ซึ่งทำให้เขาวิ่งไปรอบบ้าน ตะโกนร้อง "ไชโย"
05:37
that he had found the unified theory.
102
337160
3000
ว่าเขาได้ค้นพบทฤษฎีรวมแล้ว
05:40
Now clearly, Kaluza was a man who took theory very seriously.
103
340160
7000
ทีนี้ มันเป็นที่แน่ชัดว่า คาลุสซ่า เป็นบุรุษที่เอาจริงเอาจังกับทฤษฎีมากๆ
05:47
He, in fact --
104
347160
1000
อันที่จริง
05:48
there is a story that when he wanted to learn how to swim,
105
348160
3000
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเขาต้องการที่จะเรียนว่ายน้ำ
05:51
he read a book, a treatise on swimming --
106
351160
3000
เขาจะอ่านหนังสือ บทความเกี่ยวกับการว่ายน้ำ
05:54
(Laughter)
107
354160
1000
(เสียงหัวเราะ)
05:55
-- then dove into the ocean.
108
355160
2000
แล้วก็กระโดดลงทะเลไปเลย
05:57
This is a man who would risk his life on theory.
109
357160
3000
เขาเป็นคนที่จะเสี่ยงชีวิตกับทฤษฎี
06:00
Now, but for those of us who are a little bit more practically minded,
110
360160
4000
แต่สำหรับพวกเราที่มีความนึกคิดยึดแนวปฎิบัติมากกว่า
06:04
two questions immediately arise from his observation.
111
364160
3000
สองคำถามก็ปรากฎขึ้นจากข้อสังเกตของเขา
06:07
Number one: if there are more dimensions in space, where are they?
112
367160
4000
ประการแรก ถ้ามันมีมากกว่าหนึ่งมิติในอวกาศ แล้วไหนล่ะ
06:11
We don't seem to see them.
113
371160
2000
พวกเราไม่ยักเห็นมันเลย
06:13
And number two: does this theory really work in detail,
114
373160
4000
และประการที่สอง ทฤษฎีที่ว่านี้มันใช้งานได้จริงๆ ในรายละเอียดหรือเปล่า
06:17
when you try to apply it to the world around us?
115
377160
3000
เมื่อคุณลองพยายามประยุกต์มันเข้ากับโลกของเรา
06:20
Now, the first question was answered in 1926
116
380160
4000
เอาล่ะ คำถามแรกได้ถูกไขคำตอบไปในปี 1926
06:24
by a fellow named Oskar Klein.
117
384160
2000
โดยเพื่อนของเรานามว่า ออสก้า คลิน (Oskar Klein)
06:26
He suggested that dimensions might come in two varieties --
118
386160
4000
เขาได้แนะว่ามิตินั้นอาจมีอยู่สองชนิด
06:30
there might be big, easy-to-see dimensions,
119
390160
3000
คือแบบที่ใหญ่ เห็นได้ง่ายๆ
06:33
but there might also be tiny, curled-up dimensions,
120
393160
3000
และอาจมีแบบที่เล็ก ม้วนขดอยู่
06:36
curled up so small, even though they're all around us,
121
396160
3000
ซึ่งมันขดเล็กมาก แม้ว่าพวกมันจะอยู่รอบๆเรา
06:39
that we don't see them.
122
399160
2000
เราก็ไม่อาจมองเห็นมันได้
06:41
Let me show you that one visually.
123
401160
2000
ให้ผมแสดงให้คุณเห็นภาพชัดๆ
06:43
So, imagine you're looking at something
124
403160
2000
ลองจินตนาการว่าคุณมองอะไรบางอย่าง
06:45
like a cable supporting a traffic light.
125
405160
2000
เช่นสายเคเบิลที่ยึดไฟจราจรไว้
06:47
It's in Manhattan. You're in Central Park -- it's kind of irrelevant --
126
407160
3000
มันอยู่ในแมนฮัตตัน คุณยู่ที่เซนทรัลพาร์ค อันนี้ไม่ได้เกี่ยวเท่าไร
06:50
but the cable looks one-dimensional from a distant viewpoint,
127
410160
4000
แต่สายเคเบิลนั่นเหมือนกับมีแค่หนึ่งมิติเมื่อมองจากระยะไกล
06:54
but you and I all know that it does have some thickness.
128
414160
3000
แต่ผมและคุณก็รู้ว่ามันมีความหนา
06:57
It's very hard to see it, though, from far away.
129
417160
2000
มันยากที่จะมองเห็น จากระยะที่ไกลออกไป
06:59
But if we zoom in and take the perspective of, say,
130
419160
2000
แต่ถ้าเรามองใกล้เข้าไป และมองในมุมมองของ
07:01
a little ant walking around --
131
421160
2000
มดตัวเล็กๆ ที่เดินไปรอบๆ
07:03
little ants are so small that they can access all of the dimensions --
132
423160
3000
มดตัวน้อยนั้น ตัวเล็กมาก มันจึงสามารถเข้าได้ถึงทุกมิติ
07:06
the long dimension,
133
426160
2000
ด้านยาว
07:08
but also this clockwise, counter-clockwise direction.
134
428160
3000
และยังมีทิศตามเข็มนาฬิกา ทวนเข็มนาฬิกา
07:11
And I hope you appreciate this.
135
431160
2000
และผมหวังว่าคุณจะชอบนะครับเนี่ย
07:13
It took so long to get these ants to do this.
136
433160
2000
ใช่เวลานานโขเลยกว่าพวกมดจะยอมร่วมมือ
07:15
(Laughter)
137
435160
1000
(เสียงหัวเราะ)
07:16
But this illustrates the fact that dimensions can be of two sorts:
138
436160
3000
แต่นี่มันแสดงถึงความจริงให้เห็นว่า มิตินั้นสามารถเป็นไปได้สองแบบ
07:19
big and small. And the idea that maybe the big dimensions around us
139
439160
4000
คือใหญ่และเล็ก และความคิดที่ว่ามิติขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆเรา
07:23
are the ones that we can easily see,
140
443160
2000
เป็นมิติที่เราสามารถมองเห็นได้โดยง่าย
07:25
but there might be additional dimensions curled up,
141
445160
3000
แต่มันยังมีมิติอื่นๆอีกที่ม้วนอยู่
07:28
sort of like the circular part of that cable,
142
448160
2000
เช่นเดียวกับเส้นรอบวงของสายเคเบิล
07:30
so small that they have so far remained invisible.
143
450160
4000
ซึ่งเล็กมากจนเราจนถึงตอนนี้เราก็ยังมองไม่เห็น
07:34
Let me show you what that would look like.
144
454160
2000
ให้ผมแสดงให้คุณดูว่ามันน่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
07:36
So, if we take a look, say, at space itself --
145
456160
3000
ถ้าคุณลองมองไปยังอวกาศ
07:39
I can only show, of course, two dimensions on a screen.
146
459160
4000
ผมสามารถแสดงให้คุณดูได้แค่สองมิติบนจอ
07:43
Some of you guys will fix that one day,
147
463160
2000
คงมีใครบางคนพัฒนามันได้สักวันครับ
07:45
but anything that's not flat on a screen is a new dimension,
148
465160
2000
แต่อะไรก็ตามที่ไม่แบนราบไปบนจอคืออีกมิติหนึ่ง
07:47
goes smaller, smaller, smaller,
149
467160
2000
ซอยให้เล็กย่อยๆลงไป
07:49
and way down in the microscopic depths of space itself,
150
469160
4000
และลึกลงไปจนถึงระดับเล็กมากๆของอวกาศ
07:53
this is the idea,
151
473160
1000
นี่คือแนวคิด
07:54
you could have additional curled up dimensions --
152
474160
2000
คุณสามารถที่จะมีอีกมิติที่ม้วนขึ้นมา
07:56
here is a little shape of a circle -- so small that we don't see them.
153
476160
3000
นี่เป็นวงกลมเล็กๆ เล็กมากเสียจนเรามองไม่เห็น
07:59
But if you were a little ultra microscopic ant walking around,
154
479160
4000
แต่ถ้าคุณเป็นมดขนาดจิ๋วสุดๆที่เดินไปรอบๆ
08:03
you could walk in the big dimensions that we all know about --
155
483160
2000
คุณสามารถเดินไปบนมิติขนาดใหญ่ที่เรารู้จัก
08:05
that's like the grid part --
156
485160
2000
นั่นเหมือนกับส่วนที่เป็นตาราง
08:07
but you could also access the tiny curled-up dimension
157
487160
3000
แต่คุณยังสามารถเข้าถึงจุดเล็กๆที่ม้วนเป็นวงได้
08:10
that's so small that we can't see it with the naked eye
158
490160
2000
ซึ่งมันเล็กมาก พวกเราไม่สามารถเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า
08:12
or even with any of our most refined equipment.
159
492160
3000
หรือแม้ด้วยอุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่เรามี
08:15
But deeply tucked into the fabric of space itself,
160
495160
3000
แต่มันเหมือนถูกถักทอลึกลงไปในผืนของอวกาศเองนั้น
08:18
the idea is there could be more dimensions, as we see there.
161
498160
4000
แนวคิดคือว่ามันสามารถเป็นไปได้ที่จะมีมากกว่าสามมิติ ดังที่เราเห็นกันอยู่
08:22
Now that's an explanation
162
502160
4000
นี่เป็นคำอธิบาย
08:26
about how the universe could have more dimensions than the ones that we see.
163
506160
4000
เกี่ยวกับว่า เอกภพสามารถมีมิติมากกว่าที่เราเห็นได้อย่างไร
08:30
But what about the second question that I asked:
164
510160
3000
แต่ว่า แล้วคำถามที่สองที่ผมถามล่ะ
08:33
does the theory actually work
165
513160
2000
ทฤษฎีนี่มันใช้งานได้จริงหรอ
08:35
when you try to apply it to the real world?
166
515160
2000
เมื่อคุณพยายามที่จะประยุกต์มันเข้ากับโลกแห่งความจริง
08:37
Well, it turns out that Einstein and Kaluza and many others
167
517160
3000
เอาล่ะ ผลก็คือว่า ไอสไตน์และคาลุสซ่า และนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคน
08:40
worked on trying to refine this framework
168
520160
5000
พยายามที่จะทำให้ขอบข่ายความรู้นี้สมบูรณ์
08:45
and apply it to the physics of the universe
169
525160
3000
และประยุกต์มันเข้ากับฟิสิกส์ของจักรวาล
08:48
as was understood at the time, and, in detail, it didn't work.
170
528160
4000
ในแบบที่เราเข้าใจในเวลานั้น และในรายละเอียด มันไม่ได้ผล
08:52
In detail, for instance,
171
532160
1000
ในรายละเอียด ยกตัวอย่างเช่น
08:53
they couldn't get the mass of the electron
172
533160
2000
พวกเขาไม่สามารถคำนวณมวลของอิเล็กตรอน
08:55
to work out correctly in this theory.
173
535160
2000
ออกมาได้ถูกต้องด้วยทฤษฎีนี้ได้
08:57
So many people worked on it, but by the '40s, certainly by the '50s,
174
537160
5000
มีคนพยายามมากมายเหลือเกิน แต่แล้ว ในยุค 40 หรือที่จริงแล้ว ในยุค 50
09:02
this strange but very compelling idea
175
542160
4000
ความคิดที่ประหลาดแต่กระตุ้นความสนใจ
09:06
of how to unify the laws of physics had gone away.
176
546160
3000
ว่าจะรวมเอากฎของฟิสิกส์ทั้งหลายเป็นหนึ่งนั้น ได้หายไป
09:09
Until something wonderful happened in our age.
177
549160
4000
จนกระทั่งบางสิ่งบางอย่างที่น่าทึ่งได้เกิดขึ้นในยุคของเรา
09:13
In our era, a new approach to unify the laws of physics
178
553160
4000
ในสมัยของเรานั้น วิธีการใหม่ ในการรวมเอากฎต่างๆทางฟิสิกส์
09:17
is being pursued by physicists such as myself,
179
557160
2000
ได้มีการนำขึ้นเสอนโดยนักฟิสิกส์อย่างเช่นผม
09:19
many others around the world,
180
559160
2000
และนักวิทยาศาสตร์อีกมากมายรอบโลก
09:21
it's called superstring theory, as you were indicating.
181
561160
3000
มันเรียกว่า ทฤษฎีซุปเปอร์สตริง (Superstring theory)
09:24
And the wonderful thing is that superstring theory
182
564160
4000
สิ่งที่น่าทึ่งก็คือว่า ทฤษฎีซุปเปอร์สตริงนี้
09:28
has nothing to do at first sight with this idea of extra dimensions,
183
568160
4000
ในตอนแรกเหมือนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับแนวคิดเรื่องมิติอื่นๆ
09:32
but when we study superstring theory,
184
572160
3000
แต่เมื่อเราทำการศึกษาทฤษฎีซุปเปอร์สตริง
09:35
we find that it resurrects the idea in a sparkling, new form.
185
575160
3000
พวกเราพบว่ามันทำให้แนวคิดนั้นคืนชีพมาสดใสอีกครั้ง ในรูปแบบใหม่
09:38
So, let me just tell you how that goes.
186
578160
2000
ให้ผมเล่าให้คุณฟังว่ามันเป็นอย่างไร
09:40
Superstring theory -- what is it?
187
580160
2000
ทฤษฎีซุปเปอร์สตริง คืออะไร
09:42
Well, it's a theory that tries to answer the question:
188
582160
2000
มันคือทฤษฎีที่พยายามจะตอบคำถาม
09:44
what are the basic, fundamental, indivisible, uncuttable constituents
189
584160
5000
ว่าอะไรซึ่งเป็น พื้นฐาน หัวใจหลัก ที่ไม่สามารถจำแนก แบ่งแยกลงไปได้อีก
09:49
making up everything in the world around us?
190
589160
4000
ที่เป็นส่วนประกอบของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกรอบตัวเรา
09:53
The idea is like this.
191
593160
2000
ความคิดเป็นเช่นนี้
09:55
So, imagine we look at a familiar object, just a candle in a holder,
192
595160
5000
ลองจินตนาการว่า เรามองไปยังของที่คุ้นเคย เช่นเทียนในแท่นวาง
10:00
and imagine that we want to figure out what it is made of.
193
600160
3000
และจินตนาการว่าเราต้องการที่จะทราบว่า อะไรที่เป็นส่วนประกอบของมัน
10:03
So we go on a journey deep inside the object and examine the constituents.
194
603160
4000
ดังนั้น เราเดินทางลึกลงไปในวัตถุและสำรวจองค์ประกอบนั้น
10:07
So deep inside -- we all know, you go sufficiently far down, you have atoms.
195
607160
4000
ลึกเข้าไปข้างใน เราทุกคนรู้ว่า ถ้าเราลงไปลึกพอเราจะพบอะตอม
10:11
We also all know that atoms are not the end of the story.
196
611160
3000
เรายังรู้อีกว่า อะตอมไม่ใช่ที่สิ้นสุด
10:14
They have little electrons that swarm around a central nucleus
197
614160
4000
พวกมันยังมีอิเล็กตรอนเล็กๆที่วิ่งไปรอบๆนิวเคลียส
10:18
with neutrons and protons.
198
618160
1000
กับนิวตรอนและโปรตอน
10:19
Even the neutrons and protons have smaller particles inside of them known as quarks.
199
619160
5000
แม้กระทั่งนิวตรอนและโปรตอนก็ยังมีอนุภาคข้างใน ที่เรียกกันว่าควาร์ก (quark)
10:24
That is where conventional ideas stop.
200
624160
3000
นี่เป็นจุดที่ความคิดดั้งเดิมสิ้นสุด
10:27
Here is the new idea of string theory.
201
627160
2000
ทีนี้ นี่คือแนวคิดใหม่ของทฤษฎีสตริง
10:29
Deep inside any of these particles, there is something else.
202
629160
5000
ลึกลงไปในอนุภาคเหล่านี้ มันยังมีสิ่งอื่นๆอีก
10:34
This something else is this dancing filament of energy.
203
634160
3000
นี่คือสิ่งอื่นที่ว่า มันเป็นเส้นใยแห่งพลังงานที่เต้นรำ
10:37
It looks like a vibrating string --
204
637160
2000
เหมือนกับเส้นเชือกหรือเส้นลวดที่สั่นไหว
10:39
that's where the idea, string theory comes from.
205
639160
2000
นี่เป็นที่มาของแนวคิดทฤษฎีสตริง
10:41
And just like the vibrating strings that you just saw in a cello
206
641160
3000
และเหมือนกับการสั่นไหวของเส้นลวดที่คุณเห็นในเชลโล
10:44
can vibrate in different patterns,
207
644160
2000
ที่สามารถสั่นไหวได้หลายๆรูปแบบ
10:46
these can also vibrate in different patterns.
208
646160
2000
พวกมันก็สามารถสั่นไหวได้หลายๆรูปแบบเช่นกัน
10:48
They don't produce different musical notes.
209
648160
2000
พวกมันไม่ได้สร้างเสียงโน้ตดนตรีที่แตกต่างกัน
10:50
Rather, they produce the different particles making up the world around us.
210
650160
4000
แต่ทว่า พวกมันสร้างอนุภาคที่ต่างกันออกไป สร้างเป็นโลกรอบๆตัวเรา
10:54
So if these ideas are correct,
211
654160
1000
ดังนั้น ถ้าแนวคิดนี้ถูกต้องแล้วล่ะก็
10:55
this is what the ultra-microscopic landscape of the universe looks like.
212
655160
5000
นี่เป็นภูมิทัศน์ของเอกภพในระดับจิ๋ว
11:00
It's built up of a huge number
213
660160
2000
มันถูกสร้างขึ้นจาก
11:02
of these little tiny filaments of vibrating energy,
214
662160
4000
เส้นใยเล็กๆแห่งพลังงานเหล่านี้จำนวนมหาศาล
11:06
vibrating in different frequencies.
215
666160
2000
สั่นไหวในความถึ่ที่ต่างกัน
11:08
The different frequencies produce the different particles.
216
668160
3000
ความถี่ที่แตกต่างกันนั้นให้ผลผลิตเป็นอนุภาคที่ต่างกัน
11:11
The different particles are responsible
217
671160
3000
อนุภาคที่ต่างกันนั้นส่งผลให้
11:14
for all the richness in the world around us.
218
674160
3000
เกิดความหลากหลายในโลกรอบตัวเรา
11:17
And there you see unification,
219
677160
2000
และคุณก็ได้เห็น ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
11:19
because matter particles, electrons and quarks,
220
679160
3000
เพราะว่าสสาร อนุภาค อิเล็กตรอน และควาร์ก
11:22
radiation particles, photons, gravitons, are all built up from one entity.
221
682160
6000
อนุภาคกัมมันตรังสี โปรตรอน กราวิตรอน ทั้งหลายนี้ สร้างขึ้นจากเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียว
11:28
So matter and the forces of nature all are put together
222
688160
4000
ดังนั้นสสารและพลังงานแห่งธรรมชาติทั้งมวล ได้ถูกนำมารวมกัน
11:32
under the rubric of vibrating strings.
223
692160
2000
ภายใต้กฎแห่งการสั่นของสตริง
11:34
And that's what we mean by a unified theory.
224
694160
4000
และนั่นคือสิ่งที่เราหมายถึงในบริบทของทฤษฎีรวม
11:38
Now here is the catch.
225
698160
2000
ทีนี้ก็ถึงตอนสำคัญแล้วครับ
11:40
When you study the mathematics of string theory,
226
700160
3000
เมื่อคุณศึกษาคณิตศาสตร์ของทฤษฎีสตริง
11:43
you find that it doesn't work
227
703160
2000
คุณจะพบว่า มันใช้การไม่ได้
11:45
in a universe that just has three dimensions of space.
228
705160
3000
กับเอกภพที่มีเพียงแค่สามมิติของอวกาศ
11:48
It doesn't work in a universe with four dimensions of space, nor five, nor six.
229
708160
4000
มันไม่สามารถใช้ได้กับเอกภพที่มีสี่มิติของอวกาศ ห้าก็ไม่ได้ หกก็ไม่ได้
11:52
Finally, you can study the equations, and show that it works
230
712160
4000
ในที่สุด เราสามารถศึกษาสมการ และแสดงให้เห็นได้ว่ามันใช้การได้
11:56
only in a universe that has 10 dimensions of space
231
716160
4000
แค่ในเอกภพที่มีสิบมิติของอวกาศ
12:00
and one dimension of time.
232
720160
2000
และหนึ่งมิติที่เป็นของเวลาเท่านั้น
12:02
It leads us right back to this idea of Kaluza and Klein --
233
722160
5000
มันนำเรากลับไปยังแนวคิดของคาลุสซ่าและคลิน
12:07
that our world, when appropriately described,
234
727160
3000
ว่าโลกของเรา เมื่อได้รับการอธิบายอย่างเหมาะสมแล้ว
12:10
has more dimensions than the ones that we see.
235
730160
3000
มีมิติมากกว่าที่เราเห็น
12:13
Now you might think about that and say, well,
236
733160
3000
ทีนี้ คุณอาจคิดถึงมัน แล้วบอกว่า เอาล่ะ
12:16
OK, you know, if you have extra dimensions, and they're really tightly curled up,
237
736160
3000
โอเค ถ้าคุณมีมิติมาเพิ่มและมันก็ขดอยู่แน่นมากๆ
12:19
yeah, perhaps we won't see them, if they're small enough.
238
739160
4000
อืม บางที เราคงจะไม่เห็นมัน ถ้ามันเล็กพอ
12:23
But if there's a little tiny civilization of green people walking around down there,
239
743160
3000
แต่ถ้ามันมีเมืองแห่งมนุษย์เขียวตัวจิ๋วเดินไปเดินมาที่นั่น
12:26
and you make them small enough, and we won't see them either. That is true.
240
746160
5000
และคุณทำให้พวกเขาเล็กพอ และพวกเราคงจะไม่เห็นพวกเขาเหมือนกัน ใช่ครับ
12:31
One of the other predictions of string theory --
241
751160
3000
นั่นก็เป็นอีกการคาดการณ์ของทฤษฎีสตริง
12:34
no, that's not one of the other predictions of string theory.
242
754160
3000
ไม่ใช่นะครับ อันนั้นไม่ใช่การคาดการทฤษฎีสตริงนะครับ
12:37
(Laughter)
243
757160
1000
(เสียงหัวเราะ)
12:38
But it raises the question:
244
758160
2000
แต่มันทำให้เกิดคำถาม
12:40
are we just trying to hide away these extra dimensions,
245
760160
2000
พวกเราแค่พยายามที่จะซ่อนมิติอื่นๆนี้
12:42
or do they tell us something about the world?
246
762160
3000
หรือว่ามันบอกอะไรบางอย่างกับเราเกี่ยวกับโลก
12:45
In the remaining time, I'd like to tell you two features of them.
247
765160
4000
ในเวลาที่เหลืออยู่ ผมอยากที่จะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ สองคุณลักษณะของมัน
12:49
First is, many of us believe that these extra dimensions
248
769160
4000
อย่างแรกก็คือ เราหลายๆคนเชื่อว่า มิติอื่นๆที่เพิ่มเติมมานี้
12:53
hold the answer to what perhaps is the deepest question
249
773160
4000
กุมคำตอบที่บางทีอาจเป็นคำตอบของคำถามที่ลึกซึ้งที่สุด
12:57
in theoretical physics, theoretical science.
250
777160
3000
ในฟิสิกส์เชิงทฤษฎี วิทยาศาสตร์เชิงทฤษฎี
13:00
And that question is this: when we look around the world,
251
780160
4000
และคำถามนั่นก็คือ เมื่อเรามองไปรอบๆโลก
13:04
as scientists have done for the last hundred years,
252
784160
2000
ดั่งเช่นที่นักวิทยาศาสตร์ได้กระทำมาเป็นเวลา กว่าร้อยปีที่ผ่านมานี้
13:06
there appear to be about 20 numbers that really describe our universe.
253
786160
4000
มันเหมือนจะมีตัวเลขประมาณ 20 ตัว ที่อธิบายเอกภพเราได้จริง
13:10
These are numbers like the mass of the particles,
254
790160
3000
มันคือตัวเลขเช่น มวลของอนุภาค
13:13
like electrons and quarks, the strength of gravity,
255
793160
2000
เช่นอิเล็กตรอน และ ควาร์ก ค่าของแรงดึงดูด
13:15
the strength of the electromagnetic force --
256
795160
2000
ค่าของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า
13:17
a list of about 20 numbers
257
797160
2000
รายการตัวเลขประมาณ 20 ตัว
13:19
that have been measured with incredible precision,
258
799160
3000
ที่ได้มีการวัดมาด้วยความแม่นยำอันน่าทึ่ง
13:22
but nobody has an explanation
259
802160
2000
แต่ไม่มีใครมีคำอธิบายให้ว่า
13:24
for why the numbers have the particular values that they do.
260
804160
4000
ทำไมจำนวนเหล่านี้มีค่าดั่งที่มันเป็น
13:28
Now, does string theory offer an answer?
261
808160
3000
ทีนี้ ทฤษฎีสตริงมีคำตอบให้งั้นหรือ?
13:31
Not yet.
262
811160
1000
ยังครับ
13:32
But we believe the answer for why those numbers have the values they do
263
812160
4000
แต่เราเชื่อว่าคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ทำไมจำนวนเหล่านี้มีค่าอย่างที่เป็น
13:36
may rely on the form of the extra dimensions.
264
816160
3000
อาจจะขึ้นอยู่กับรูปแบบของมิติอื่นๆ
13:39
And the wonderful thing is, if those numbers
265
819160
2000
และสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ถ้าจำนวนเหล่านี้
13:41
had any other values than the known ones,
266
821160
3000
มีค่าเป็นค่าอื่นๆนอกจากที่เรารู้
13:44
the universe, as we know it, wouldn't exist.
267
824160
3000
เอกภพ ในแบบที่เรารู้จัก อาจจะไม่มีตัวตนอยู่
13:47
This is a deep question.
268
827160
1000
นี่เป็นคำถามที่ลึกซึ้ง
13:48
Why are those numbers so finely tuned
269
828160
2000
ทำไมจำนวนเหล่านั้นถึงได้ถูกปรับแต่งมาอย่างดี
13:50
to allow stars to shine and planets to form,
270
830160
2000
เพื่อที่จะอนุญาตให้ดวงดาวฉายแสง และดาวเคราะห์ก่อตัว
13:52
when we recognize that if you fiddle with those numbers --
271
832160
3000
เมื่อเราตระหนักเช่นนั้นแล้ว ถ้าคุณลองเล่นกับจำนวนเหล่านี้
13:55
if I had 20 dials up here
272
835160
2000
ถ้าผมมีปุ่มหมุน 20 อันตรงนี้
13:57
and I let you come up and fiddle with those numbers,
273
837160
2000
และผมให้คุณขึ้นมาแล้วลองปรับมันเล่นๆ
13:59
almost any fiddling makes the universe disappear.
274
839160
4000
เกือบจะทุกจำนวนที่เราปรับเล่นนั้น จะทำให้เอกภพหายไป
14:03
So can we explain those 20 numbers?
275
843160
3000
ดังนั้น เราจะอธิบายจำนวนทั้ง 20 นี้ได้ไหม
14:06
And string theory suggests that those 20 numbers
276
846160
2000
และทฤษฎีสตริงแนะไว้ว่า จำนวนเหล่านี้
14:08
have to do with the extra dimensions.
277
848160
2000
มีส่วนเกี่ยวข้องกับมิติอื่นๆที่ว่า
14:10
Let me show you how.
278
850160
2000
ให้ผมแสดงให้คุณดูครับ
14:12
So when we talk about the extra dimensions in string theory,
279
852160
4000
เมื่อเราพูดถึงมิติอื่นๆในทฤษฎีสตริง
14:16
it's not one extra dimension,
280
856160
2000
มันไม่ใช่อีกแค่หนึ่งมิติที่เพิ่มขึ้นมา
14:18
as in the older ideas of Kaluza and Klein.
281
858160
4000
ตามแนวคิดเก่าของคาลุสซ่าและคลิน
14:22
This is what string theory says about the extra dimensions.
282
862160
3000
นี่คือสิ่งที่ทฤษฎีสตริงกล่าว เกี่ยวกับมิติอื่น
14:25
They have a very rich, intertwined geometry.
283
865160
3000
พวกมันมีลักษณะทางเรขาคณิตที่พันไขว้ซับซ้อน
14:28
This is an example of something known as a Calabi-Yau shape --
284
868160
4000
นี่เป็นตัวอย่างของสิ่งที่เราเรียกว่า รูปร่างแบบคาลาบี-เยา (Calabi-Yau)
14:32
name isn't all that important.
285
872160
2000
ชื่อนั่นไม่ได้สำคัญหรอกครับ
14:34
But, as you can see,
286
874160
2000
แต่ว่า อย่างที่คุณเห็น
14:36
the extra dimensions fold in on themselves
287
876160
3000
มิติอื่นๆที่เพิ่มเติมขึ้นมานี้ซ้อนพับบนตัวมันเอง
14:39
and intertwine in a very interesting shape, interesting structure.
288
879160
4000
และเกี่ยวพันเป็นรูปร่างที่น่าสนใจ เป็นโครงสร้างที่น่าสนใจ
14:43
And the idea is that if this is what the extra dimensions look like,
289
883160
5000
และแนวคิดก็คือว่า ถ้านี่เป็นลักษณะที่มิติอื่นๆเป็นแล้วล่ะก็
14:48
then the microscopic landscape of our universe all around us
290
888160
4000
ภูมิทัศน์ระดับจิ๋วของเอกภพรอบๆตัวเราทั้งหมด
14:52
would look like this on the tiniest of scales.
291
892160
2000
น่าจะมีลักษณะแบบนี้ ในหน่วยที่เล็กที่สุด
14:54
When you swing your hand,
292
894160
1000
เมื่อคุณแกว่งมือของคุณ
14:55
you'd be moving around these extra dimensions over and over again,
293
895160
3000
คุณได้เคลื่อนที่ไปรอบๆมิติเพิ่มเติมเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
14:58
but they're so small that we wouldn't know it.
294
898160
2000
แต่พวกมันเล็กมากๆ จนเราไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ถึงมัน
15:00
So what is the physical implication, though, relevant to those 20 numbers?
295
900160
3000
แล้วความหมายในนัยทางฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ จำนวนทั้ง 20 นั้นคืออะไรกัน
15:03
Consider this. If you look at the instrument, a French horn,
296
903160
3000
ลองคิดอย่างนี้นะครับ สมมติว่าคุณมองที่เครื่องดนตรีเช่น เฟรนช์ฮอร์น
15:06
notice that the vibrations of the airstreams
297
906160
3000
คุณจะสังเกตว่าการสั่นของคลื่นอากาศนั้น
15:09
are affected by the shape of the instrument.
298
909160
2000
ได้รับอิทธิพลจากรูปร่างของเครื่องดนตรี
15:11
Now in string theory,
299
911160
2000
ทีนี้ในทฤษฎีสตริง
15:13
all the numbers are reflections of the way strings can vibrate.
300
913160
3000
ตัวเลขทุกจำนวนนั้น สะท้อนวิธีที่เส้นเชือก (สตริง) สามารถที่จะสั่นได้
15:16
So just as those airstreams
301
916160
2000
เหมือนดั่งเช่นคลืนอากาศ
15:18
are affected by the twists and turns in the instrument,
302
918160
3000
ที่ได้รับอิทธิพลโดยรูปร่างที่บิดหมุนของเครื่องดนตรี
15:21
strings themselves will be affected
303
921160
2000
ตัวเส้นเชือกเองนั้นก็จะถูกควบคุมโดยอิทธิพลของ
15:23
by the vibrational patterns in the geometry within which they are moving.
304
923160
4000
รูปแบบการสั่นในรูปทรงเรขาคณิตภายใน ซึ่งพวกมันกำลังเคลือนไหว
15:27
So let me bring some strings into the story.
305
927160
2000
ดังนั้นให้ผมนำเส้นเชือกเข้ามาในเรื่องนี้
15:29
And if you watch these little fellows vibrating around --
306
929160
3000
และถ้าคุณมองเจ้าพวกนี้สั่นไปรอบๆ
15:32
they'll be there in a second -- right there,
307
932160
2000
เดี๋ยวจะมานะครับ อ๊ะ มาแล้ว
15:34
notice that they way they vibrate is affected
308
934160
2000
สังเกตดูว่า วิธีที่มันสั่นนั้นจะได้รับผลกระทบ
15:36
by the geometry of the extra dimensions.
309
936160
2000
จากรูปทรงเรขาคณิตของมิติอื่นๆ
15:38
So, if we knew exactly what the extra dimensions look like --
310
938160
3000
ดังนั้น ถ้าเรารู้แน่ๆว่า มิติอื่นๆนั้นมีหน้าตาอย่างไร
15:41
we don't yet, but if we did --
311
941160
2000
ตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่ถ้าเราทราบแล้ว
15:43
we should be able to calculate the allowed notes,
312
943160
3000
เราน่าจะสามารถคำนวณ เสียงตัวโน้ตดนตรีที่เกิดขึ้นได้
15:46
the allowed vibrational patterns.
313
946160
2000
รูปแบบการสั่นที่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้นได้
15:48
And if we could calculate the allowed vibrational patterns,
314
948160
3000
และถ้าเราสามารถคำนวณรูปแบบการสั่นที่เกิดขึ้นได้
15:51
we should be able to calculate those 20 numbers.
315
951160
3000
เราน่าจะสามารถคำนวณจำนวนทั้ง 20 ได้ด้วย
15:54
And if the answer that we get from our calculations
316
954160
4000
และถ้าคำตอบที่เราได้จากการคำนวณ
15:58
agrees with the values of those numbers
317
958160
2000
สัมพันธ์กับค่าของตัวเลขพวกนี้
16:00
that have been determined
318
960160
2000
ที่ได้มีการระบุไว้
16:02
through detailed and precise experimentation,
319
962160
3000
จากหลักฐานการทดลองที่ละเอียดและแม่นยำ
16:05
this in many ways would be the first fundamental explanation
320
965160
5000
ในหลายๆแง่ สิ่งนี้อาจเป็นคำอธิบายหลัก ชิ้นแรก
16:10
for why the structure of the universe is the way it is.
321
970160
5000
ที่บอกว่าเราว่าทำไมโครงสร้างของเอกภพถึงได้เป็นเช่นนี้
16:15
Now, the second issue that I want to finish up with is:
322
975160
3000
ทีนี้ ประเด็นที่สองที่ผมอยากจะสรุปก็คือ
16:18
how might we test for these extra dimensions more directly?
323
978160
5000
เราจะมีการทดสอบถึงมิติอื่นๆที่เพิ่มขึ้นมานี้โดยตรงได้อย่างไร
16:23
Is this just an interesting mathematical structure
324
983160
3000
นี่มันเป็นแค่โครงสร้างทางคณิตศาสตร์ที่น่าสนใจ
16:26
that might be able to explain
325
986160
2000
ที่อาจช่วยอธิบาย
16:28
some previously unexplained features of the world,
326
988160
5000
บางสิ่งที่ก่อนหน้านี้มิอาจอธิบายได้เกี่ยวกับลักษณะของโลก
16:33
or can we actually test for these extra dimensions?
327
993160
3000
หรือว่าเราสามารถจะทดสอบมิติพวกนี้ได้จริงๆ
16:36
And we think -- and this is, I think, very exciting --
328
996160
2000
และพวกเราคิด และผมก็คิดว่า มันน่าตื่นเต้นมากครับ
16:38
that in the next five years or so we may be able to test
329
998160
4000
ที่ในอีกห้าปีข้างหน้า ราวๆนั้น เราอาจจะสามารถทดสอบ
16:42
for the existence of these extra dimensions.
330
1002160
3000
ถึงการปรากฎอยู่ของมิติอื่นๆนี้ได้
16:45
Here's how it goes. In CERN, Geneva, Switzerland,
331
1005160
4000
มันเป็นอย่างนี้ครับ ที่ CERN กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
16:49
a machine is being built called the Large Hadron Collider.
332
1009160
4000
กำลังมีการสร้างเครื่องจักรชินดหนึ่งที่เรียกว่า เครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hadron Collider;LHC)
16:53
It's a machine that will send particles around a tunnel,
333
1013160
3000
มันเป็นเครื่องที่จะส่งอนุภาคไปรอบๆท่อ
16:56
opposite directions, near the speed of light.
334
1016160
2000
ในทิศทางตรงข้ามกัน ด้วยความเร็วใกล้เคียงความเร็วแสง
16:58
Every so often those particles will be aimed at each other,
335
1018160
4000
บางครั้งบางคราว อนุภาคเหล่านี้ก็จะวิ่งเข้าหากัน
17:02
so there's a head-on collision.
336
1022160
2000
และเกิดการชนกันอย่างจัง
17:04
The hope is that if the collision has enough energy,
337
1024160
4000
เราหวังว่า ถ้าการชนกันนั้นมีพลังงานมากพอ
17:08
it may eject some of the debris from the collision
338
1028160
3000
มันอาจปล่อยเศษซากบางอย่างออกมาจากการชน
17:11
from our dimensions, forcing it to enter into the other dimensions.
339
1031160
5000
จากมิติของเรา บังคับให้มันเข้าไปในมิติอื่น
17:16
How would we know it?
340
1036160
2000
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรกัน
17:18
Well, we'll measure the amount of energy after the collision,
341
1038160
3000
เราทำการวัดค่าของพลังงานหลังจากการชน
17:21
compare it to the amount of energy before,
342
1041160
2000
เปรียบเทียบกับค่าของพลังงานก่อนหน้านั้น
17:23
and if there's less energy after the collision than before,
343
1043160
4000
และถ้ามันมีพลังงานน้อยกว่าหลังจากเกิดการชน
17:27
this will be evidence that the energy has drifted away.
344
1047160
2000
นี่จะเป็นหลักฐานว่า มีพลังงานส่วนหนึ่งหลุดออกไป
17:29
And if it drifts away in the right pattern that we can calculate,
345
1049160
3000
และถ้ามันหลุดออกไปในรูปแบบที่ถูกต้อง ที่เราสามารถทำการคำนวณได้
17:32
this will be evidence that the extra dimensions are there.
346
1052160
3000
นี่จะเป็นหลักฐานว่า มิติอื่นๆนั้นมีอยู่
17:35
Let me show you that idea visually.
347
1055160
2000
ให้ผมแสดงให้คุณดูเป็นภาพ
17:37
So, imagine we have a certain kind of particle called a graviton --
348
1057160
3000
จินตนาการว่าเรามีอนุภาครูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า กราวิตอน
17:40
that's the kind of debris we expect to be ejected out,
349
1060160
4000
นั่นเป็นเศษซากแบบหนึ่งที่เราคาดว่าจะถูกปลดปล่อยออกมา
17:44
if the extra dimensions are real.
350
1064160
2000
ถ้ามีมิติอื่นๆอยู่จริง
17:46
But here's how the experiment will go.
351
1066160
1000
แต่การทดลองจะเป็นอย่างนี้
17:47
You take these particles. You slam them together.
352
1067160
3000
คุณมีอนุภาคเหล่านี้ คุณเอามันชนเข้าหากัน
17:50
You slam them together, and if we are right,
353
1070160
2000
คุณจับมันชนเข้าหากัน และถ้าพวกเราถูก
17:52
some of the energy of that collision
354
1072160
2000
พลังงานบางส่วนของการชน
17:54
will go into debris that flies off into these extra dimensions.
355
1074160
4000
จะไปอยู่ในรูปของเศษซากที่ปลิวออกไปยังมิติอื่น
17:58
So this is the kind of experiment
356
1078160
2000
นี่จะเป็นการทดลอง
18:00
that we'll be looking at in the next five, seven to 10 years or so.
357
1080160
4000
ที่เรากำลังจะเฝ้าจับตามองในอีกห้าปี จนถึง 7 ถึง 10 ปีข้างหน้า
18:04
And if this experiment bears fruit,
358
1084160
3000
และถ้าการทดลองนี้ให้ผลแล้วล่ะก็
18:07
if we see that kind of particle ejected
359
1087160
3000
ถ้าเราเห็นอนุภาคในลักษณะนั้นถูกปล่อยออกมา
18:10
by noticing that there's less energy in our dimensions
360
1090160
3000
โดยการสังเกตพลังงานที่ลดลงในมิติของเรา
18:13
than when we began,
361
1093160
2000
ก่อนจะเกิดการชน
18:15
this will show that the extra dimensions are real.
362
1095160
3000
มันจะเป็นการแสดงว่า มิติอื่นๆนั้นมีจริง
18:18
And to me this is a really remarkable story,
363
1098160
3000
และสำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
18:21
and a remarkable opportunity. Going back to Newton with absolute space --
364
1101160
4000
และเป็นโอกาสที่สำคัญมาก ย้อนกลับไปยังยุคนิวตันที่อวกาศนั้นสัมบูรณ์
18:25
didn't provide anything but an arena, a stage
365
1105160
2000
ไม่ได้ให้อะไรนอกเสียจากเป็นสนาม เป็นเวที
18:27
in which the events of the universe take place.
366
1107160
2000
ซึ่งเหตุการณ์ของเอกภพได้เกิดขึ้น
18:29
Einstein comes along and says,
367
1109160
2000
ไอสไตน์เข้ามา และบอกว่า
18:31
well, space and time can warp and curve -- that's what gravity is.
368
1111160
3000
อืม อวกาศและเวลาสามารถบิดและโค้งได้ นั่นแหละคือแรงดึงดูด
18:34
And now string theory comes along and says,
369
1114160
4000
และทีนี้ ทฤษฎีสตริงก็ตามมา และบอกว่า
18:38
yes, gravity, quantum mechanics, electromagnetism,
370
1118160
3000
ใช่ แรงดึงดูด กลศาสตร์ควอนตัม และพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า
18:41
all together in one package,
371
1121160
2000
ทุกอย่างรวมกันอยู่ในชุดเดียว
18:43
but only if the universe has more dimensions than the ones that we see.
372
1123160
4000
แต่เอกภพนั้นจะต้องมีมิติมากกว่าที่เราสำรวจเห็น
18:47
And this is an experiment that may test for them in our lifetime.
373
1127160
5000
และนี่คือการทดลองที่จะเป็นบทพิสูจน์สำหรับพวกเขา ในช่วงชีวิตของเรา
18:52
Amazing possibility.
374
1132160
2000
ความเป็นไปได้อันน่าอัศจรรย์
18:54
Thank you very much.
375
1134160
2000
ขอบคุณมากครับ
18:56
(Applause)
376
1136160
7000
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7