A new way to get every child ready for kindergarten | Claudia Miner

Reviewer: Napakchanun P. Dutta

ดิฉันเป็นนักประวัติศาสตร์

และสิ่งที่ดิฉันรักในการเป็น นักประวัติศาสตร์คือ การช่วยให้คุณมีมุมมอง

วันนี้ ดิฉันต้องการนำมุมมองนั้น มาสู่การศึกษาในสหรัฐอเมริกา

I'm an historian.

And what I love about being an historian is it gives you perspective.

สิ่งเดียวที่ผู้คนเห็นตรงกัน

Today, I'd like to bring that perspective to education in the United States.

คือว่า เวลาที่ดีที่สุด สำหรับเด็กเพื่อเริ่มเรียนรู้

คือ การเรียนรู้แต่เนิ่น ๆ

About the only thing people can agree on

เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว

ได้เกิดจุดผกผันขึ้นในการศึกษาชั้นปฐมวัย ของประเทศสหรัฐอเมริกา

is that the most strategic time for a child to start learning

เรียกว่า “Head Start”

ตอนนี้ นักประวัติศาสตร์รักจุดเปลี่ยนนั้น

is early.

Over 50 years ago,

เพราะเป็นเรื่องง่าย ที่เราจะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

there was a watershed moment in early education in the US

หรือเกิดอะไรขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

called "Head Start."

ก่อนมี Head Start ปกติจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

Now, historians love watersheds

because it makes it so easy to talk about what came before

แต่ด้วยโครงการ Head Start

เราเริ่มเตรียมให้เด็กส่วนใหญ่ในประเทศ ที่มีความเสี่ยงได้ไปโรงเรียน

and what's happened since.

Before Head Start, basically nothing.

แม้ Head Start จะสร้างความก้าวหน้าให้เรา

With Head Start,

we began to get our nation's most at-risk children ready for school.

แต่ก็ยังมีเด็กจำนวน 2.2 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา

ที่ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนช่วงปฐมวัยได้

Since Head Start, we've made strides,

หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของ เด็กสี่ขวบในประเทศ

but there are still 2.2 million children in the US

นั่นคือ ปัญหา

แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ ปัญหาที่เรารู้ กำลังเกิดขึ้นกับเด็กเหล่านั้น

without access to early learning,

or more than half of the four-year-olds in the country.

เด็กกลุ่มเสี่ยงซึ่งเข้าโรงเรียน โดยไม่มีทักษะพื้นฐาน

That's a problem.

25% มีแนวโน้มหยุดเรียนมากขึ้น

But the bigger problem is what we know happens to those children.

40 เปอร์เซ็นต์ ที่อาจกลายเป็นพ่อแม่วัยรุ่น

At-risk children who reach school without basic skills

และ 60% มีโอกาสเข้าวิทยาลัยน้อยลง

are 25 percent more likely to drop out,

ดังนั้น หากเราเห็นความสำคัญ ของการศึกษาช่วงปฐมวัย

40 percent more likely to become teen parents

ทำไมไม่ให้เด็กทุกคนได้เข้าเรียนกันล่ะ

and 60 percent less likely to go to college.

มีอุปสรรคมากมายที่เรา พยายามคิดหาหนทางแก้ กระทั่งตอนนี้

So if we know how important early education is,

ยังไม่สามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ

why aren't all children getting it?

ภูมิศาสตร์: นึกถึงชนบทและพื้นที่ห่างไกล

There are barriers that the solutions we've come up with to date

การคมนาคม: นึกถึงพ่อแม่ที่ทำงานในที่ต่าง ๆ

simply can't overcome.

สิ่งที่พ่อแม่เลือก: ไม่มีรัฐใด กำหนดให้เด็กสี่ขวบเข้าโรงเรียน

Geography: think rural and remote.

Transportation: think working parents everywhere.

และด้านค่าใช้จ่าย: เฉลี่ยค่าใช้จ่ายที่รัฐ ต้องดูแลด้านการศึกษาให้เด็กก่อนวัยเรียน

Parent choice: no state requires a four-year-old to go to school.

เท่ากับห้าพันดอลลาร์ต่อปี

And cost: the average cost for a state to educate a preschooler

ฉะนั้น ดิฉันกำลังพูดถึงแต่ ปัญหาอยู่ใช่หรือไม่

ไม่ใช่ค่ะ

is five thousand dollars a year.

วันนี้ ดิฉันอยากจะเล่าถึงการใช้ทรัพยากร อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าถึงเทคโนโลยี

So am I just going to keep talking about problems?

โปรแกรมเตรียมความพร้อมระดับอนุบาล ที่สามารถทำได้ที่บ้าน

No.

Today, I want to tell you about a cost-effective, technology-delivered,

เรียกว่า UPSTART

และเด็กปฐมวัยมากกว่า 60,000 คน ในสหรัฐอเมริกาได้ใช้โปรแกรมนี้แล้ว

kindergarten-readiness program that can be done in the home.

ถึงตอนนี้ ดิฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่

It's called UPSTART,

นี่คงจะเป็นอีกคนที่กำลังโยนเทคโนโลยี ให้กับปัญหาของชาติ

and more than 60,000 preschoolers in the US have already used it.

และคุณอาจจะคิดถูกบางส่วน

Now, I know what you might be thinking:

เราพัฒนาซอฟต์แวร์การเรียนรู้ช่วงปฐมวัย ซึ่งออกแบบเพื่อให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน

here's another person throwing tech at a national problem.

เด็ก ๆ จึงได้เรียนรู้ในสิ่งที่เหมาะกับตน

And you'd be partially right.

การทำเช่นนั้น เราต้องมีผู้เชี่ยวชาญจาก สาขาต่าง ๆ ตั้งแต่การอ่านไปจนถึงสังคมวิทยา

We develop early learning software designed to individualize instruction,

ไปจนถึงการพัฒนาสมองในทางวิทยาศาสตร์ ในทุก ๆ ด้านของการเรียนรู้ช่วงปฐมวัย

so children can learn at their own pace.

To do that, we rely on experts from fields ranging from reading to sociology

เพื่อบอกเราว่าจะมีซอฟต์แวร์ตัวไหน และทำอะไรได้บ้าง

นี่คือ ตัวอย่าง

to brain science development to all aspects of early learning,

(วิดีโอ) ซีโร่ (ร้องเพลง “เดย์-ซีโร่“) ซีโร่!

ซีโร่!

to tell us what the software should do and look like.

ซีโร่ หรือ เลขศูนย์ คือ จำนวนที่แตกต่างจากเลขอื่น ๆ

Here's an example.

(Video) Zero (sings to the tune of "Day-O"): Zero!

Zero!

นกนางนวล: ซีโร่คือ ตัว "โอ" ที่ใหญ่และกลม

ซีโร่: มันไม่เหมือนใคร ฉันแน่ใจว่าเธอจะค้นพบมัน

Zero is the number that's different from the others.

นกนางนวล: ซีโร่คือ ตัว "โอ" ที่ใหญ่และกลม

Seagulls: Zero is a big, round "O."

(เสียงหัวเราะ)

Zero: It's not like one, I'm sure you'll discover.

คลอเดีย ไมเนอร์: นั่นคือ "เพลงเดอะซีโร่"

(หัวเราะ)

Seagulls: Zero is a big, round "O."

และนี่คือ ทอดด์ เลขคี่ และสตีเว่น เลขคู่ พวกเขาจะมาสอนเรื่องตัวเลข

(Laughter)

Claudia Miner: That is "The Zero Song."

และนี่คือ คำว่า เบิร์ด (นก)

(Laughter)

และพวกเขาแสดงให้เห็นว่า เมื่อคุณผสมเสียงของตัวอักษรเข้าด้วยกัน

And here are Odd Todd and Even Steven to teach you some things about numbers.

คุณสามารถสร้างเป็นคำได้

คุณเห็นคำแนะนำที่สั้น มีสีสันและจดจำง่าย

And here are the Word Birds,

and they're going to show you when you blend letter sounds together,

ซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดความสนใจของเด็ก

you can form words.

แต่มีอีกหนึ่งอย่างจากโปรแกรม UPSTART

You can see that instruction is short, colorful and catchy,

ที่ทำให้เห็นความแตกต่าง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

designed to capture a child's attention.

UPSTART ช่วยให้พ่อแม่ได้ดูแลการศึกษา ของบุตรหลานของพวกเขา

But there's another piece to UPSTART

เราเชื่อว่า ด้วยการสนับสนุนที่ถูกต้อง

that makes it different and more effective.

จะช่วยให้พ่อแม่ทุกคนเตรียมเด็ก ๆ ให้พร้อมก่อนเข้าโรงเรียนได้

UPSTART puts parents in charge of their children's education.

We believe, with the right support,

นี่คือ วิธีการทำให้เกิดผลสำเร็จ

ต่อไปนี้เป็นรายการเตรียมความพร้อม ของชั้นเรียนอนุบาลในรัฐหนึ่ง

all parents can get their children ready for school.

และเกือบทุกรัฐจะมีอยู่หนึ่งรายการ

เราไปหาพ่อแม่เด็กไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน

Here's how it works.

และเราจัดอบรมที่มีความสำคัญ เป็นรูปแบบกลุ่มเผชิญหน้า

This is the kindergarten readiness checklist from a state.

And almost every state has one.

และเราบอกพวกเขาว่า ซอฟต์แวร์จะตรวจสอบ รายการการอ่านทั้งหมด รวมทั้งคณิตและวิทย์

We go to parents wherever they are,

and we conduct a key in-person group training.

แต่พวกเขาจะต้องคอยดูแลทักษะกล้ามเนื้อ และทักษะการช่วยเหลือตนเองของเด็ก

And we tell them the software can check every reading, math and science box,

และเราจะทำงานด้านการเรียนรู้ ทางอารมณ์และสังคมไปด้วยกัน

but they're going to be responsible for motor skills and self-help skills,

ตอนนี้ เรารู้ว่ามันได้ผล

เพราะเรามีอัตราความสำเร็จ ของโปรแกรมอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์

and together, we're going to work on social emotional learning.

ปีที่แล้ว มีการแปลใบประกาศ ให้เด็กไปแล้วจำนวน 13,500 คน

Now, we know this is working

เป็นใบประกาศ "จบการศึกษา" จาก UPSTART

because we have a 90-percent completion rate for the program.

Last year, that translated into 13,500 children

และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าทึ่ง

เรามีการประเมินผลจากภายนอก

"graduating," with diplomas, from UPSTART.

ที่แสดงให้เห็นว่าเด็ก ๆ ของเราได้ประโยชน์ จากการเรียนรู้เพิ่มเป็นสองถึงสามเท่า

And the results have been amazing.

We have an external evaluation

เทียบกับเด็ก ๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรม

that shows our children have two to three times the learning gains

เรามีการทดลองควบคุมแบบสุ่มที่แสดงให้เห็น หลักฐานของความมีประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน

และเรามีแม้แต่การศึกษาระยะยาว

as children who don't participate in the program.

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่เด็ก ๆ ได้รับล่าสุดตอนขึ้นชั้นเกรดสามและสี่

We have a random control trial that shows strong evidence of effectiveness,

ซึ่งเป็นชั้นเรียนสูงสุด ที่เด็ก ๆ ทำได้ในเวลานั้น

and we even have a longitudinal study

นั่นคือ ประโยชน์ทางวิชาการ

that shows our children's gains last into third and fourth grade,

แต่จากการศึกษาด้านอื่นแสดงให้เห็นว่า ประโยชน์ทางอารมณ์ที่เด็ก ๆ ของเราได้รับ

the highest grades the children had achieved at the time.

เท่ากับเด็ก ๆ ที่ได้เข้าเรียนชั้นปฐมวัย จากโรงเรียนรัฐและเอกชน

Those are academic gains.

But another study has shown that our children's social emotional gains

เด็กส่วนใหญ่จากจำนวน 60,000 คน ที่ได้เข้าร่วมโปรแกรม UPSTART ถึงปัจจุบัน

are equal to those of children attending public and private preschool.

มาจากรัฐยูทาห์

แต่เรามีผลสรุปที่เกิดซ้ำ ๆ กัน

The majority of the 60,000 children who have participated in UPSTART to date

กับเด็กเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ที่อยู่ในรัฐมิสซิสซิปปี้

นี่คือ คิงส์ตันและแม่ของเขา

have been from Utah.

ผู้เรียนภาษาอังกฤษ จากรัฐแอริโซนา

But we have replicated our results

with African-American children in Mississippi --

นี่คือ เดซี่และครอบครัวของเธอ

เด็กลี้ภัยในรัฐฟิลาเดลเฟีย นี่คือ ภาพจบการศึกษาที่ฉันโปรดปราน

this is Kingston and his mother;

with English language learners in Arizona --

this is Daisy and her family;

และมีเด็ก ๆ ชาวอเมริกันโดยกำเนิด

จากพื้นที่ต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกลที่สุด ในสหรัฐอเมริกา

with refugee children in Philadelphia -- this is my favorite graduation photo;

นี่คือ เชอรีซ และนี่คือ สถานที่ที่เธออาศัยในโมนิวเม้นท์วัลเล่ย์

and with Native American children

from some of the most remote parts of the United States.

ตอนนี้ มีข้อกังขาเกี่ยวกับโครงการ UPSTART

This is Cherise, and this is where she lives in Monument Valley.

บางคนไม่เชื่อว่าเด็กเล็ก ควรใช้เวลาอยู่หน้าจอ

เราบอกพวกเขาว่า

Now, there are skeptics about UPSTART.

UPSTART กำหนดให้ใช้งานอยู่ที่ 15 นาทีต่อวัน ห้าวันต่อสัปดาห์

Some people don't believe young children should have screen time.

เท่ากับชั่วโมงการใช้งานต่อวันซึ่งแนะนำ โดยกุมารเวชศาตร์สถาบันอเมริกันว่าเหมาะสม

To them, we say:

UPSTART's usage requirement of 15 minutes a day, five days a week,

สำหรับเด็กวัยสี่ขวบ

บางคนเชื่อว่า มีเพียงการไปเรียนจริง ที่โรงเรียนปฐมวัยเท่านั้นที่ได้ผล

is well within the hour-a-day recommended by the American Academy of Pediatrics

เราบอกพวกเขาไปว่า การได้ไปเรียน ที่โรงเรียนปฐมวัยนั้นเป็นเรื่องเยี่ยม

for four-year-olds.

Some people believe only site-based preschool can work,

แต่ถ้าคุณไม่สามารถส่งลูกเรียน หรือถ้าพ่อแม่ไม่ได้ส่งลูกไปเรียนที่นั่น

and to them, we say: site-based preschool is great,

การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์ ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีใช่หรือไม่

but if you can't get a child there or if a parent won't send a child there,

และเรารักที่จะทำงาน กับโรงเรียนปฐมวัยในสถานที่จริง

isn't a technology-delivered, results-based option a great alternative?

ณ ตอนนี้ มีเด็ก 800 คน ในรัฐมิสซิสซิปปี้

กำลังเรียนแบบ Head Start ในระหว่างวัน

และเรียนรู้แบบ UPSTART ในเวลากลางคืนกับครอบครัว

And we love working with site-based preschools.

Right now, there are 800 children in Mississippi

ความคิดที่กล้าหาญของพวกเราคือ การนำ UPSTART มาใช้ทั้งประเทศ

going to Head Start during the day

and doing UPSTART at night with their families.

ไม่ใช่มาเพื่อทดแทนสิ่งใด ๆ

เราต้องการช่วยเด็ก ๆ ที่ไม่สามารถ เข้าถึงการศึกษาชั้นปฐมวัยได้

Our audacious idea is to take UPSTART across the country --

not to replace anything;

เรากล้าพอที่จะตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ได้

we want to serve children who otherwise would not have access to early education.

เรามีพลังในการทำงาน

และเรามีการวางแผน

มันเป็นหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องมอบการศึกษาให้แก่เด็ก ๆ

We have the guts to take on the skeptics,

ดังนั้น เริ่มแรกเราจึงใช้เงินจากการกุศล

we have the energy to do the work,

and we have a plan.

เพื่อส่งไปให้รัฐหนึ่งในการเริ่มต้น ใช้โปรแกรมและรับข้อมูล

It is the role of the states to educate their children.

ทุก ๆ รัฐ เชื่อว่ามีความแตกต่างกัน

So first we will use philanthropy dollars

และอยากรู้ว่า โปรแกรมนั้น จะใช้ได้ผลกับเด็ก ๆ ของพวกเขาอย่างไร

to go into a state to pilot the program and get data.

ก่อนที่จะลงทุน

Every state believes it's unique

จากนั้นเราจึงหาผู้นำคนสำคัญในรัฐนั้น ๆ เพื่อช่วยให้เราใช้ UPSTART ได้ผล

and wants to know that the program will work with its children

เป็นเสมือนอีกทางเลือกสำหรับเด็กด้อยโอกาส

before investing.

Then we identify key leaders in the state to help us champion UPSTART

แล้วเราได้นำเข้าสู่สภานิติบัญญัติด้วยกัน

เพื่อเปลี่ยน UPSTART จากเงินการกุศล

as an option for unserved children.

ไปสู่การได้รับเงินทุนจากรัฐ อย่างยั่งยืนและปรับเปลี่ยนได้

And together, we go to state legislatures

แผนนั้นสำเร็จด้วยดี

(เสียงปรบมือ)

to transition UPSTART from philanthropy

ขอบคุณค่ะ

to sustainable and scalable state funding.

ขอบคุณค่ะ

That plan has worked --

แผนนั้นใช้ได้ผล ในสามรัฐจนถึงปัจจุบัน

(Applause)

Thanks.

ได้แก่ ยูทาห์ อินเดียน่า และเซาท์แคโรไลนา

นอกจากนี้ เรายังได้เริ่มทดลองใช้ โปรแกรมนี้ในอีกหลายรัฐ

Thank you.

That plan has worked in three states to date:

และบอกได้ว่ารัฐไหนที่ทำสำเร็จไปแล้วบ้าง

ต่อไปเราจะไปดูรัฐ ที่มีอุปสรรคในทางภูมิศาสตร์อย่างมาก

Utah, Indiana and South Carolina.

We've also piloted the program in a number of states

ต่อการทำงานให้ได้ตามแผน

และจากนั้นไปดูรัฐ ที่มีการศึกษาชั้นปฐมวัยอยู่ก่อนแล้ว

and identified champions.

Next, we're moving to states with the greatest geographic barriers

แต่อาจไม่ได้มีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม

หรือมีพ่อแม่เอาใจใส่ ที่เห็นด้วยและอยากเข้าร่วม

to work the plan,

and then on to states that already have early education

จากนั้น เราไปยังรัฐ

ที่เราโน้มน้าวใจซึ่งกำลังต้องการข้อมูล และอยากให้มาร่วมทำงานมากที่สุด

but may not be getting great academic results

or great parent buy-in to participate.

และเราหวังว่า แรงผลักดันของพวกเรา จะช่วยเปลี่ยนกระแสน้ำที่นั่น

From there, we go to the states

that are going to require the most data and work to convince,

เราจะช่วยเด็กได้หนึ่งในสี่ของจำนวนเด็ก หนึ่งล้านคนในเวลาห้าปี

และเราจะทำให้แน่ใจว่า รัฐยังมอบโครงการ UPSTART ให้แก่เด็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง

and we'll hope our momentum helps turn the tide there.

We will serve a quarter of a million children in five years,

ทีนี้ วิธีที่คุณสามารถช่วยเหลือได้

and we will ensure that states continue to offer UPSTART to their children.

จากเงินสองพันดอลลาร์

เราสามารถจัดสรรให้เด็กหนึ่งคนเข้า UPSTART ด้วยคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต

และเด็กคนนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้บุกเบิก

Here's how you can help:

for two thousand dollars,

ที่ช่วยให้เด็กคนอื่น ๆ ได้เข้าร่วม UPSTART ในอนาคตอย่างแน่นอน

we can provide a child with UPSTART, a computer and internet,

เราต้องการพลเมืองที่อยากมีส่วนร่วม เพื่อให้ได้ยินไปถึงรัฐบาล

and that child will be part of the pilot

that makes certain other children get UPSTART in the future.

และพูดเพียงว่า มันง่ายแค่ไหน ที่จะเตรียมเด็ก ๆ ให้พร้อมก่อนเข้าโรงเรียน

We also need engaged citizens to go to their government

คุณคงจะไม่มาอยู่ที่นี่ หากคุณไม่ใช่พลเมืองที่อยากมีส่วนร่วม

and say just how easy it can be to get children ready for school.

ดังนั้น เราจึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ

ตอนนี้ เราทุกคนอยากทำให้ UPSTART เป็นจุดเปลี่ยนของการศึกษาปฐมวัยใช่หรือไม่

You wouldn't be here if you weren't an engaged citizen,

so we're asking for your help.

ดิฉันเชื่อว่า เราสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียว

Now, will all of us this make UPSTART a watershed moment in early education?

ดิฉันสามารถบอกคุณได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ว่า UPSTART เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

ของชีวิตเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ไปโรงเรียน

I believe together we can make it one.

But I can tell you without a doubt

ขอบคุณค่ะ

that UPSTART is a watershed moment

(เสียงปรบมือ)

in the life of a child who otherwise would not be ready for school.

Thank you.

(Applause)