The tragic myth of the Sun God's son - Iseult Gillespie

Translator: Napat Kerewanmas Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Every morning, Helios harnessed his winged horses,

ทุกอรุณรุ่ง เฮลิออสเทียมฝูงม้ามีปีกของเขา

unleashed his golden chariot, and set out across the sky.

ขึันขับราชรถสีทอง และทะยานออกไปจนสุดขอบฟ้า

As the Sun God transformed the rosy dawn into the golden blooms of day,

ขณะที่สุริยเทพเปลี่ยนรุ่งอรุณสีกุหลาบ ให้กลายเป็นสีทองอร่ามของทิวากาล

he thought of those far below.

เขาก็หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต

Years ago, he fell in love with a water nymph named Clymene.

เมื่อนานมาแล้ว เขาตกหลุมรักพรายน้ำตนหนึ่ง นามว่า ไคลมินี

Together, they had seven daughters and one son named Phaethon.

พวกเขามีธิดาเจ็ดคนและบุตรอีกคนหนึ่ง นามว่า เฟอีธอน

But Helios had a wandering eye.

แต่เฮลิออสมักชายตามองนารีอื่นอยู่บ่อยครั้ง

Clymene eventually left him, taking their children with her

ในที่สุด ไคลมินีก็ทนไม่ไหว จึงทิ้งเขาไปพร้อมลูก

and marrying King Merops of Ethiopia.

และแต่งงานกับราชามีโรปส์แห่งเอธิโอเปีย

When Phaethon was little, Clymene told him tales of his divine father.

เมื่อครั้งที่เฟอีธอนยังเยาว์ ไคลมินีบอกเขา ถึงชาติกำเนิดจากบิดาผู้เป็นเทพ

As he grew into a young man,

เมื่อเขาเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่ม

he took a special pride in knowing he was the Sun God’s child.

เขาก็ได้ถือตนด้วยเกียรติ ในการเป็นบุตรแห่งสุริยเทพ

However, one day, Epaphus, Phaethon’s peer who was himself the son of Zeus,

วันหนึ่ง เอพาภุส สหายของเฟอีธอน ผู้เป็นบุตรของมหาเทพซุส

sought to temper Phaethon’s arrogance,

ต้องการที่จะสยบความหยิ่งผยองของเฟอีธอน

taunting that Helios wasn’t his father after all.

จึงได้ปรามาสว่าเฮลิออสไม่ใช่พ่อของเขา

With no absolute proof to the contrary, the possibility bore into Phaethon’s mind.

ด้วยไร้ซึ่งหลักฐานที่ชัดเจน ความแคลงใจได้ก่อขึ้นในใจเฟอีธอน

He feared that his mother had lied.

หากว่ามารดาบังเกิดเกล้าได้โกหกเขา

And who was he if not Helios’ son?

ตัวเขาก็ไม่ต่างอะไรจากปุถุชนคนธรรมดา

When Phaethon confronted Clymene,

เมื่อเฟอีธอนแถลงข้อแคลงใจแก่ไคลมินี

she insisted that his father was the powerful Sun God.

เธอก็ยืนยันหนักแน่นว่า เขาคือบุตรแห่งสุริยเทพผู้เกรียงไกร

Nevertheless, Phaethon was seized by doubt.

ถึงกระนั้น เฟอีธอนก็ยังไม่สิ้นความสงสัย

So, Clymene sent him off to ask Helios directly.

ไคลมินีจึงบอกทาง ให้เขาไปถามเฮลิออสด้วยตัวเอง

Walking eastward, Phaethon entered the Sun God’s gleaming palace at last.

เฟอีธอนมุ่งหน้าไปบูรพาทิศ จนพบวิหารสุริยเทพที่ตั้งตระหง่าน

Once his eyes adjusted to the brightness,

เมื่อตาของเขาปรับกับแสงเจิดจ้าของวิหารได้

he saw Helios’ radiant smile and open arms.

ก็เห็นเฮลิออสที่อ้าแขนต้อนรับ ด้วยรอยยิ้มอันสดใส

When Phaethon expressed his skepticism that Helios was truly his father,

เมื่อเฟอีธอนเผยข้อแคลงใจ ว่าเฮลิออสคือบิดาบังเกิดเกล้าของเขาหรือไม่

the Sun God only beamed.

สุริยเทพก็แย้มสรวล

To dispel all doubt, he would grant Phaethon anything he wanted.

เขาพร้อมที่จะประทานทุกสิ่งให้เฟอีธอน เพื่อขจัดคำครหา

Basking in Helios’ glow,

เมื่อได้ยลรูปโฉมของสุริยเทพแล้ว

Phaethon felt there was but one way to prove their connection to the world—

เฟอีธอนก็คิดได้ว่า มีเพียงวิธีเดียว ที่จะทำให้โลกตระหนักถึงสายเลือดแห่งเทพ

and himself.

ด้วยน้ำมือของเขาเอง

He needed to drive Helios’ chariot for a day.

เขาต้องได้เป็นสารถี ควบคุมราชรถสุริยัน

The Sun God’s smile dimmed.

รอยยิ้มของสุริยเทพสลดลง

In his daily journey,

ทุกวันที่เขาทำหน้าที่

he steered his fire-breathing horses through space at top speeds.

เขาต้องควบคุมอาชาสุริยัน ที่วิ่งห้อไปด้วยความเร็วเหนือบรรยาย

The task required masterful control

ภารกิจนี้อาศัยความชำนาญขั้นสูง

to ensure that the chariot raced along its precise celestial trajectory,

ในการบังคับรถม้า ให้ไปตามวิถีวงโคจร

with a thin margin separating stability from catastrophe.

พลาดพลั้งแม้เพียงนิดเดียว หายนะก็จะบังเกิด

Even Zeus wasn’t confident in driving his chariot.

แม้แต่มหาเทพซุสก็ยังมิกล้า ควบคุมรถม้านี้

Helios begged his son to reconsider,

เฮลิออสบ่ายเบี่ยง

but Phaethon was steadfast, so the god prepared him for the journey.

แต่เฟอีธอนยังคงดื้อดึง สุริยเทพจึงจำใจอนุญาตให้เขาขึ้นขับรถม้า

With a crack of the reins, he was off.

เพียงตวัดบังเหียน รถม้าก็พุ่งทะยานสู่เวหา

In flight, Phaethon’s mortal insecurities fell away.

เมื่อได้โบยบิน ความกังวลของเฟอีธอนก็มลายไป

But soon, the reins slackened in his hands.

แต่ในไม่ช้า สายบังเหียนในมือของเขา ก็เริ่มสั่น

Unaccustomed to the feathery weight of a mortal,

ด้วยไม่คุ้นเคยกับสารถี ที่เป็นมนุษย์ธรรมดา

the radiant horses climbed higher and higher.

อาชาสุริยันจึงบิน สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ

The chariot whirled past constellations,

รถม้าเหินผ่านกลุ่มดาวมากมาย

narrowly missing the pincers of Scorpio and the arrow of Sagittarius.

เฉียดใกล้ก้ามของกลุ่มดาวแมงป่อง และลูกธนูของกลุ่มดาวคนยิงธนู

With the Sun so far away, the Earth darkened,

เมื่อพระอาทิตย์ออกนอกวงโคจร โลกทั้งใบก็มืดมิด

and the seas began to crackle and freeze.

มหาสมุทรเย็นยะเยือกจนแข็งตัว

Startled, Phaethon sharply pulled the reins.

เฟอีธอนกระชากสายบังเหียน อย่างตื่นตระหนก

The horses lurched and the chariot plunged towards the Earth's surface.

เหล่าม้าพลันหยุดนิ่ง รถม้าก็ร่วงถลาสู่พื้นโลก

Lakes boiled and forests burned as Phaethon struggled to pull the chariot up,

ทะเลสาบพลันเดือดระอุและป่าก็โดนเผาไหม้ แม้เฟอีธอนจะพยายามควบคุมรถม้าก็ไม่เป็นผล

leaving deserts in his wake.

รถม้าได้เผาไหม้ผืนดินจนเป็นทะเลทราย

Back on Mount Olympus, the Gods were panicking.

ในขณะเดียวกัน บนภูเขาโอลิมปัส ทวยเทพก็กำลังเสียขวัญ

Zeus saw that Phaethon was destined for a crash that would set the Earth ablaze.

ซุสทราบว่า หากปล่อยสถานการณ์ให้ล่วงเลย เฟอีธอนจะเปลี่ยนโลกเป็นทะเลเพลิง

So, he hurled one of his mighty thunderbolts at the boy.

เทพเจ้าสายฟ้าจึงยกอสนีบาตคู่กาย ฟาดไปที่ชายหนุ่ม

The horses tore away,

เหล่าอาชาผละหนีไป

leaving Phaethon suspended in the heavens for just one moment,

ปล่อยให้เฟอีธอนล่องลอยกลางแดนสุขาวดี แต่ก็ได้เพียงชั่วขณะจิต

before he plummeted to the Earth, into the river Eridanus,

ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะร่วงลงสู่โลก ลงไปในแม่น้ำเอริดานุส

never to resurface.

อย่างไม่หวนคืนมา

Phaethon’s sisters gathered on the riverbank to weep,

บรรดาพี่สาวของเฟอีธอน คร่ำครวญอยู่ที่ริมแม่น้ำ

gradually metamorphosing into poplar trees that leaked precious amber into the water.

จนแปลงกายเป็นต้นป็อปลาร์ ที่หลั่งอำพันลงสู่ผืนน้ำ

Zeus repaired the Earth and created an everlasting memorial,

มหาเทพซุสทำการฟื้นฟูโลก และเนรมิตเครื่องเตือนใจแด่เรื่องราว

strewing Phaethon’s likeness in the stars.

โดยการโปรยเฟอีธอนไปในหมู่ดารา

Overcome by grief, Helios had hidden himself from the sky.

เฮลิออสปลีกตัวจากหน้าที่ ด้วยอารมณ์โศก

But he soon returned, and every day from then on,

แต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมา และในทุกวันต่อจากนั้น

as he raced through the heavens, he greeted his son.

เมื่อเขาพุ่งทะยานผ่านนภา เขาก็ได้พบกับบุตรผู้ล่วงลับ

The constellation, known as “Auriga,” or “the charioteer,”

กลุ่มดาวออไรก้าหรือรู้จักกันในชื่อ กลุ่มดาวสารถี

stands as a reminder of a lost young man,

สถิตเป็นอนุสรณ์แห่งโศกนาฎกรรมของบุรุษหนุ่ม

and his bid to harness powers far greater than himself.

และความทรนงที่จะควบคุมพลัง อันสุดแสนจะเกินตัว