How to master your sense of smell - Alexandra Horowitz

Translator: Vera Chicharito Reviewer: Pitipa Chongwatpol

Perfumers can learn to distinguish individual odors

นักปรุงน้ำหอมสามารถเรียนรู้ ที่จะแยกแยะกลิ่นแต่ละชนิด

in a fragrance made of hundreds of scents.

จากน้ำหอมที่ประกอบไปด้วย กลิ่นหลายร้อยชนิดได้

Tea experts have been known to sniff out

ผู้เชี่ยวชาญด้านชา เป็นที่รู้กันว่าแยกแยะกลิ่นได้

not just the location where a tea was from,

ไม่ใช่เพียง สถานที่ต้นกำเนิดของชาเท่านั้น

but the season of harvest and whether it was planted by a plum tree.

แต่รวมถึงฤดูกาลที่เก็บเกี่ยว และ ชาชนิดนั้นถูกปลูกจากต้นพลัมหรือไม่

And the New York City Transit Authority

อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนนครนิวยอร์ก

once had an employee responsible only for sniffing out gas leaks

ครั้งหนึ่งเคยมีพนักงานผู้มีหน้าที่ เพียงแค่ดมหากลิ่นแก๊สรั่ว

in the subway system.

ในระบบรถไฟใต้ดินเท่านั้น

Can just anyone learn to smell with the sensitivity of those experts?

แล้วใคร ๆ จะสามารถเรียนรู้ที่จะดมกลิ่น ได้แม่นยำอย่างผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไหม

For most of us, what we smell is largely involuntary,

สำหรับพวกเราส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่เราได้กลิ่นนั้นมักจะไม่ได้ตั้งใจ

whether it's garbage behind a restaurant,

ไม่ว่าจะเป็นขยะหลังร้านอาหาร

the shampoo of the woman leaving an elevator as you enter,

หรือแชมพูของผู้หญิงที่สวนออกมา ตอนที่คุณก้าวเข้าไปในลิฟต์

or a bakery's fresh-made bread.

หรือกลิ่นขนมปังสดใหม่จากร้านเบเกอรี

With a few million olfactory receptors in our noses,

ด้วยเซลล์ประสาทรับกลิ่น หลายล้านเซลล์ในจมูกของคนเรา

we clearly don't lack the ability to smell well.

เห็นได้ชัดว่า เราไม่ได้ไร้ความสามารถ ในการรับรู้กลิ่นได้ดีเลย

We just might not always pay close enough attention.

เพียงแต่เราอาจไม่ได้ให้ความใส่ใจมากพอ ก็เท่านั้น

That's a shame because we may be missing opportunities

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเราอาจจะพลาดโอกาส

to make strong emotional connections.

ในการสร้างสายสัมพันธ์ ทางอารมณ์ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง

Smells are powerfully linked to emotions

กลิ่นนั้นเชื่อมโยงกับ อารมณ์ความรู้สึกอย่างแน่นแฟ้น

and can awaken memories of places we've long ago left

ทั้งยังสามารถกระตุ้นความทรงจำ ของสถานที่ที่เราจากมาแสนนาน

and people we've loved.

และคนที่เรารักได้

But fortunately, it is possible to train our brains to smell better.

แต่ทว่า โชคดีที่มันเป็นไปได้ที่จะ ฝึกฝนสมองเราให้รับรู้กลิ่นได้ดียิ่งขึ้น

For example, Helen Keller was able to recognize a person's work,

ตัวอย่างเช่น เฮเลน เคลเลอร์ สามารถ จะแยกแยะผลงานของแต่ละท่านได้

and in her words,

และในความหมายของเธอนั้น

distinguish the carpenter from the iron worker,

ก็คือ การแยกช่างไม้ออกจาก ช่างตีเหล็ก

the artist from the mason or the chemist,

แยกศิลปินออกจากช่างก่ออิฐ หรือนักเคมี

by a simple inhale.

ด้วยการสูดลมหายใจเท่านั้น

Follow these steps and you too can change the way the world smells to you.

ทำตามขั้นตอนเหล่านี้สิ แล้วคุณก็จะสามารถ เปลี่ยนกลิ่นของโลกที่คุณเคยได้สัมผัส

First, stick your nose in it.

ขั้นแรก นำจมูกเข้าไปจนชิด

Some animals that are known to be great smellers,

สัตว์บางชนิด ที่รู้กันดีว่าเป็น "นักดมตัวยง"

like dogs who can sniff out explosives

เช่น สุนัขที่สามารถตามกลิ่น วัตถุระเบิดได้

and pigs who can find truffles underground,

และสุกรที่สามารถหาเห็ดที่ อยู่ใต้พื้นดินจนเจอได้

put their noses right at the place they want to smell.

ด้วยการนำจมูกเข้าไปใกล้ ตรงตำแหน่งที่พวกมันอยากจะสูดดม

Human noses, meanwhile, are casting around in the middle of the air,

ในขณะที่จมูกมนุษย์นั้น สูดดมอยู่แต่กลางอากาศ

giving us an anatomical disadvantage.

ทำให้เรามีข้อบกพร่องทางกายภาพ

So bring your nose close to the world around you.

ฉะนั้น จงนำจมูกเข้าไปใกล้ โลกแวดล้อมรอบตัวคุณ

The ground,

พื้นดิน

surfaces,

พื้นผิว

objects,

สิ่งของ

the food in your hand.

อาหารที่อยู่ในมือคุณ

Get close to your dog,

เข้าไปใกล้เจ้าตูบของคุณ

your partner,

คู่คิด คนรู้ใจคุณ

the book you're reading.

หนังสือที่คุณอ่าน

Not only will your nose be closer to the odor source,

ไม่เพียงแต่จมูกของคุณจะเข้าใกล้ ที่มาของกลิ่นได้มากขึ้น

but the warmth of your breath will make odors easier to smell.

แต่ไออุ่นจากลมหายใจคุณจะทำให้ ได้กลิ่นต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้น

Second, sniff like you mean it.

ขั้นที่สอง ดมแบบตั้งใจที่สุด

Smelling actually happens way up near the bridge of our noses

จริง ๆ แล้ว การดมกลิ่นเกิดขึ้นภายใน ด้านบนใกล้กับสันจมูกของคนเรา

in a postage stamp-sized square of tissue called the olfactory epithelium.

ในเนื้อเยื่อขนาดเท่ากับแสตมป์ ที่เรียกว่า ออลแฟกทอรี เอพิเธเลียม (เนื้อเยื่อในโพรงจมูก)

When we sniff, odor molecules are sucked up into our nostrils

ยามที่เราสูดกลิ่น โมเลกุลของกลิ่น จะลอยขึ้นมาในรูจมูก

until they hit this tissue

จนกว่าจะถึงเนื้อเยื่อนี้

where they combine to our olfactory, or scent, receptors.

ที่ที่พวกมันจะไปจับกับ เซลล์ประสาทรับกลิ่นของเรา

When we inhale normally, only a little air makes it there.

เวลาที่เราสูดดมไปตามปกติ จะมี อากาศเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ไปถึง

But one or two solid sharp sniffs

แต่การสูดหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งหรือสองครั้ง

will ensure that more air gets to your smell receptors.

จะช่วยให้แน่ใจว่า มีอากาศเข้าไปถึง เซลล์ประสาทรับกลิ่นเพิ่มมากขึ้น

After just a few more sniffs,

หลังจากที่ได้สูดดมไป สักสองสามครั้งแล้ว

the receptors, which are best at noticing new smells,

เซลล์ประสาทรับกลิ่น ซึ่ง เชี่ยวชาญในการจดจำกลิ่นใหม่ ๆ

turn off temporarily.

จะหยุดทำงานลงชั่วคราว

So you can give your nose a rest and sniff again later.

ฉะนั้น คุณก็ให้จมูกได้พักสักหน่อย แล้วค่อยสูดกลิ่นใหม่อีกทีคราวหน้า

Finally, dwell on the smell.

ขั้นสุดท้าย คือการอยู่กับกลิ่นนั้น ๆ

Most smells pass by us with little attention,

กลิ่นส่วนใหญ่จะผ่านไป โดยที่เราไมได้ใส่ใจนัก

but simply noticing what you're smelling

แต่แค่การสังเกตสิ่งที่คุณได้กลิ่น

and by trying to describe it, name it, and locate its source,

และการพยายามพรรณนามัน ตั้งชื่อมัน และบอกถึงแหล่งที่มาของมัน

you can expand your vocabulary of smells.

เท่านี้ คุณก็สามารถเพิ่มพูนคำศัพท์ ของกลิ่นได้แล้ว

When an odor molecule binds to a scent receptor,

เมื่อโมเลกุลของกลิ่นผนึกเข้ากับ เซลล์ประสาทรับกลิ่นแล้ว

it sends an electrical signal from the sensory neurons

มันจะส่งสัญญาณกระแสไฟฟ้าจาก เซลล์ประสาทรับความรู้สึก

to our brain's olfactory bulbs.

ไปยังส่วนของออลแฟกทอรีบัล์บในสมอง

The signal then continues to other areas of the brain,

จากนั้นสัญญาณก็จะส่งต่อ ไปยังส่วนอื่น ๆ ของสมอง

where it's integrated with taste,

ที่ที่มันจะผสานเข้ากับรสชาติ

memory,

ความทรงจำ

or emotional information

หรือข้อมูลทางอารมณ์

before registering to us as a smell.

ก่อนที่จะถ่ายทอดออกมา ให้เรารับรู้ว่าเป็นกลิ่นหนึ่ง ๆ

FMRI research shows that the extra time spent focusing on scent

จากการศึกษาภาพ fMRI ได้ชี้ให้เห็นว่า การใช้เวลาไปกับการดมกลิ่นมากขึ้น

changes the brain of experienced smellers.

ได้เปลี่ยนแปลงสมองของ นักดมผู้มากประสบการณ์

For them, perceiving and imagining odors becomes more automatic

สำหรับพวกเขาแล้ว จินตภาพและ การรับรู้กลิ่นนั้นเป็นไปอย่างอัตโนมัติ

than for non-experts.

มากกว่าผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ

To get started yourself, take ingredients from your kitchen:

ในการเริ่มต้นด้วยตนเอง ให้นำส่วนผสมอาหารจากในครัวออกมา

spices,

เครื่องเทศ

vanilla,

or fruit,

วานิลลา

หรือผลไม้

but never anything toxic.

แต่ห้ามอะไรก็ตามที่เป็นพิษนะ

Close your eyes and have someone bring them under your nose.

หลับตาลง แล้วให้ใครสักคน นำสิ่งเหล่านั้นมาถือไว้ใต้จมูกคุณ

Sniff and try to name the source.

สูดกลิ่นและพยายามทายกลิ่นนั้น ๆ

Over time, you'll begin to appreciate nuances in familiar odors

นานวันเข้า คุณจะเริ่มซึมซาบถึง ความต่างอันน้อยนิดของกลิ่นที่คุ้นเคย

and recognize characteristics of new and unusual smells.

และจดจำลักษณะพิเศษของกลิ่นใหม่ ๆ รวมทั้งกลิ่นที่แปลกไป

The perfumer has practiced these steps enough to become an artist of odor,

นักปรุงน้ำหอมได้ฝึกฝนขั้นตอนเหล่านี้ มากพอจนได้เป็นถึงศิลปินแห่งสุคนธรส

but even if you never pursue smelling to that degree,

แต่ต่อให้คุณไม่เคยรับรู้กลิ่นได้ถึงขั้นนั้น

the spectacular result of an unspectacular action

ผลลัพธ์ที่น่าตราตรึงใจจากการกระทำ อันมิพึงปรารถนา

will change how you sense and experience your days.

จะแปรเปลี่ยนวิถีที่คุณสัมผัสและ หล่อหลอมประสบการณ์ในวันคืนของคุณ