How humanity got hooked on coffee - Jonathan Morris

Translator: Varintorn Tacha Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

One day around 850 CE, a goatherd named Kaldi observed that,

วันหนึ่งประมาณปีคริสต์ศักราช 850 คนเลี้ยงแพะนามว่า คาลดี สังเกตว่า

after nibbling on some berries, his goats started acting abnormally.

หลังจากแทะผลเบอร์รี่แล้ว แพะของเขาก็เริ่มแสดงอาการผิดปกติ

Kaldi tried them himself, and soon enough he was just as hyper.

คาลดีลองผลเบอรร์ด้วยตัวเอง และไม่นานเขาก็มีอาการดีดพอ ๆ กัน

This was humanity’s first run-in with coffee—

นี่เป็นครั้งแรกที่มนุษยชาติ ค้นพบสิ่งที่เรียกว่า กาแฟ

or so the story goes.

หรือที่เล่า ๆ กันมาละนะ

When exactly people began consuming coffee is unclear—

ช่วงเวลาที่ผู้คนเริ่ม ดื่มกาแฟนั้นไม่ชัดเจนนัก

but at some point before the 1400s, in what’s now Ethiopia,

แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก่อนปี 1400 ซึ่งปัจจุบันคือประเทศเอธิโอเปีย

people began foraging for wild coffee in the forest undergrowth.

ผู้คนเริ่มเสาะหากาแฟป่าในป่าพง

The reason coffee plants are equipped with lots of caffeine

เหตุผลที่ต้นกาแฟมีคาเฟอีนจำนวนมาก

might be because it makes them unattractive to herbivores

อาจเป็นเพราะมันทำให้ไม่ดึงดูดสัตว์กินพืช

or more attractive to pollinators.

หรือไม่ก็เพื่อให้ดึงดูดแมลงผสมเกสรมากขึ้น

But either way, people caught on to coffee’s advantages

แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ผู้คนต่างจับประโยชน์นี้ของกาแฟได้

and began making tea from its leaves;

และเริ่มชงชาจากใบของมัน

combining its berries with butter and salt for a sustaining snack;

ผสมผสานผลเบอร์รี่กับเนยและเกลือ เพื่อถนอมอาหารเป็นของว่าง

and drying, roasting, and simmering its cherries into an energizing elixir.

และการทำให้เชอร์รี่แห้ง คั่ว และ เคี่ยวเชอร์รี่ให้เป็นยาอายุวัฒนะที่มีพลัง

Coffee rode trade routes into the Middle East,

กาแฟขี่เส้นทางการค้าเข้าสู่ตะวันออกกลาง

and its widespread popularity began brewing in earnest in the 1450s.

และความนิยมอย่างกว้างขวางเริ่มก่อตัวขึ้น อย่างจริงจังในช่วงทศวรรษที่ 1450

Upon returning from a visit to Ethiopia,

เมื่อกลับจากการเยือนเอธิโอเปีย

a Sufi leader recommended that worshippers in Yemen

ผู้นำกลุ่มซูฟีแนะนำให้ผู้สักการะในเยเมน

use coffee during ritual chants and dances.

ใช้กาแฟในระหว่างการสวดมนต์ และเต้นรำในพิธีกรรม

Soon enough, people within the Ottoman Empire

ไม่นานนัก ผู้คนในจักรวรรดิออตโตมัน

began roasting and grinding the beans to yield a darker, bolder beverage.

ก็เริ่มคั่วและบดเมล็ดกาแฟเพื่อให้ได้ เครื่องดื่มที่มีสีเข้มและเข้มข้นยิ่งขึ้น

Many gathered in guesthouses and outside mosques

หลายคนมารวมตัวกัน ในเกสต์เฮาส์และด้านนอกมัสยิด

to partake in coffee’s comforts.

เพื่อดื่มกาแฟอย่างสบายใจ

But authorities grew concerned about whether coffee’s influence

แต่ทางการเริ่มกังวลว่าอิทธิพลของกาแฟนั้น

was innocent or intoxicating,

บริสุทธิ์หรือทำให้มึนเมา

and if Muslims should be allowed to drink it.

และควรอนุญาตให้ชาวมุสลิมดื่มกาแฟได้หรือไม่

Indeed, in 1511, a religious court in Mecca put coffee on trial.

อันที่จริงในปี 1511 ศาลศาสนาแห่งหนึ่ง ในเมกกะได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกาแฟ

Scholars finally deemed it permissible,

ในที่สุด พหูสูตก็ลงความเห็นเป็นการอนุญาต

so coffeehouses sprang up in Damascus, Istanbul, and beyond,

ร้านกาแฟจึงเกิดขึ้นในเมืองดามัสกัส อิสตันบูล และที่อื่น ๆ

where clientele could sip coffee, smoke, and enjoy a variety of entertainment.

ซึ่งลูกค้าสามารถจิบกาแฟ สูบบุหรี่ และ เพลิดเพลินกับความบันเทิงที่หลากหลาย

By the late 1500s, people in Yemen were farming coffee

ในช่วงปลายทศวรรษ 1500 ผู้คนในเยเมนทำไร่กาแฟ

and exporting it from the port of Al-Makha,

และส่งออกกาแฟจากท่าเรืออัลมาคา

which became known in other parts of the world as Mocha.

ซึ่งเป็นที่รู้จักใน ส่วนอื่น ๆ ของโลกในชื่อ มอคค่า

But coffee was eventually transported— or smuggled— into India,

แต่ในที่สุดกาแฟก็ถูกขนส่ง หรือลักลอบ นำเข้าไปยังอินเดีย

and soon took root in Java and beyond.

และในไม่ช้าก็หยั่งรากในชวาและที่อื่น ๆ

Meanwhile, the Ottoman Empire introduced the stimulating substance to Europe.

ขณะเดียวกัน จักรวรรดิออตโตมัน ได้นำสารกระตุ้นนี้เข้าสู่ยุโรป

Central London’s first coffeehouses opened in the 1650s.

ร้านกาแฟแห่งแรก ในใจกลางลอนดอนเปิดในปี ค.ศ. 1650

By 1663 there were more than 80.

ภายในปี ค.ศ. 1663 มีร้านกาแฟมากกว่า 80 แห่ง

And despite King Charles II’s attempt to ban them in 1675,

แม้ว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 จะทรงพยายาม สั่งห้ามร้านกาแฟเหล่านี้ในปี ค.ศ. 1675

coffeehouses kept simmering as social and intellectual hotbeds.

แต่ไอกาแฟในร้านก็ยังคงหอมกรุ่นอยู่ในฐานะ แหล่งเพาะเลี้ยงทางสังคมและสติปัญญา

In 1679, for instance, patrons of Garraway’s coffeehouse

ตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 1679 ลูกค้าของร้านกาแฟการ์ราเวย์

had the pleasure of watching Robert Hooke, the scientist who coined the term “cell,”

มีความสุขที่ได้ชม โรเบิร์ต ฮุก นักวิทยาศาสตร์ผู้บัญญัติคำว่า “เซลล์”

publicly dissect a porpoise.

ผ่าชำแหละโลมาในที่สาธารณะ

In France, people began mixing coffee with milk and sugar.

ในฝรั่งเศส ผู้คนเริ่มผสมกาแฟกับนมและน้ำตาล

And throughout the 1700s,

และตลอดช่วงทศวรรษที่ 1700

Paris’ coffeehouses hosted Enlightenment figures like Diderot and Voltaire,

ร้านกาแฟในปารีสเป็นที่พบปะของนักปราชญ์ ยุคเรืองปัญญา เช่น ดิเดอโรต์ และ วอลแตร์

who allegedly drank 50 cups of coffee a day.

ผู้ซึ่งถูกนัยว่า ดื่มกาแฟ 50 แก้วต่อวัน

Granted, these were likely small servings of comparatively weak coffee—

จริงอยู่ที่ว่านักปราชญ์เหล่านี้ น่าจะดื่ม กาแฟฤทธิ์อ่อน ๆ ในปริมาณน้อย ๆ เท่านั้น

but still, impressive.

แต่ก็ยังน่าประทับใจอยู่ดี

Meanwhile, European empires began profiting off coffee-growing,

ในขณะเดียวกัน จักรวรรดิยุโรปเริ่มทำกำไรจากการปลูกกาแฟ

establishing enslaved or exploited workforces

สร้างแรงงานทาสหรือแสวงประโยชน์

in Asia, Latin America, and the Caribbean.

ในเอเชีย ละตินอเมริกา และแคริบเบียน

As cultivation boomed in Latin America, fueled by slavery,

ในขณะที่การเพาะปลูกเฟื่องฟูในละตินอเมริกา ซึ่งมาแรงงานทาส

growers displaced Indigenous populations

ผู้ปลูกได้บังคับไล่ที่ย้ายถิ่นฐาน ประชากรพื้นเมือง

and burned forests to establish ever-expanding plantations.

และเผาป่าเพื่อสร้างพื้นที่เพาะปลูก ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

By 1906, Brazil was exporting over 80% of the world’s coffee.

ภายในปี ค.ศ. 1906 บราซิลส่งออกกาแฟมากกว่า 80% ของโลก

That same year, the Milan World’s Fair showcased

ในปีเดียวกันนั้นเอง ที่งานมิลานเวิลด์แฟร์

the first commercial espresso machine.

ก็ได้จัดแสดงเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ เชิงพาณิชย์เครื่องแรก

And alongside the development of industrial roasting equipment

และควบคู่ไปกับ การพัฒนาอุปกรณ์การคั่วแบบอุตสาหกรรม

came various coffee brands.

ก็มีผลิตออกมากาแฟหลายยี่ห้อ

By the mid-1950s, about 60% of US factories incorporated coffee breaks.

ช่วงกลางทศวรรษ 1950 โรงงานในสหรัฐฯ ประมาณ 60% รวมช่วงพักดื่มกาแฟไปเป็นสวัสดิการด้วย

As African countries cut colonial ties, many ramped up coffee production.

ขณะที่ประเทศในแอฟริกาตัดสัมพันธ์กับ อาณานิคม หลายแห่งก็เพิ่มการผลิตกาแฟ

And coffee drinking also later made inroads in East Asia,

และต่อมาการดื่มกาแฟ ก็แพร่หลายในเอเชียตะวันออก

especially as canned, pre-prepared beverages.

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องพร้อมดื่ม

In more recent decades,

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

specialty coffees with an emphasis on quality beans and brewing methods

กาแฟชนิดพิเศษที่เน้น เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและวิธีการชง

grew popular and propelled farms in Central America and East Africa.

ได้รับความนิยมและขับเคลื่อน ฟาร์มในอเมริกากลางและแอฟริกาตะวันออก

Yet coffee workers worldwide continued to endure inhumane conditions

แต่คนงานกาแฟทั่วโลกยังคง ทนต่อสภาพที่ไร้มนุษยธรรม

and insufficient compensation.

และได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เพียงพอ

This motivated certification efforts

ความพยายามในการรับรองนี้

for coffee production that met ethical standards,

กระตุ้นให้เกิดการผลิตกาแฟ ที่ตรงตามมาตรฐานทางจริยธรรม

including minimum wage and sustainable farming.

รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำและการทำฟาร์มแบบยั่งยืน

But issues still loom over the industry.

แต่ปัญหายังคงปรากฏอยู่ในอุตสาหกรรม

And because of climate change,

และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

the equatorial “Bean Belt” where coffee thrives

เส้นศูนย์สูตร “แถบเมล็ดกาแฟ (Bean Belt)” ที่ซึ่งกาแฟเจริญเติบโต

is projected to shrink in upcoming decades.

ได้มีการคาดการณ์ว่า จะหดตัวลงไปเรื่อย ๆ ในทศวรรษต่อ ๆ ไป

It’s unclear exactly what this might look like.

ยังไม่ชัดเจนว่า จะมีลักษณะเป็นอย่างไร

But scientists are investigating possibilities

แต่นักวิทยาศาสตร์กำลัง ตรวจสอบความเป็นไปได้ต่าง ๆ

like resilient coffee hybrids that might help weather the unpredictable future—

เช่น กาแฟลูกผสมที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งอาจช่วยฟันฝ่าอนาคตที่คาดเดาไม่ได้

all to protect the beverage that’s become a cherished part

ทั้งหมดนี้เพื่อปกป้อง เครื่องดื่มที่กลายมาเป็น

of daily rituals worldwide.

ส่วนหนึ่งในพิธีกรรมประจำวันของผู้คนทั่วโลก