Why do competitors open their stores next to one another? - Jac de Haan

ทำไมคู่แข่งขันจึงมักจะเปิดร้านค้าอยู่ใกล้ๆกัน โดย Jac de Haan

Translator: tom carter Reviewer: Bedirhan Cinar

Translator: Ittirit Tweepholcharoen Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Why are gas stations always built right next to other gas stations?

ทำไมปั๊มน้ำมัน ถึงตั้งอยู่ติดกับปั๊มน้ำมันอื่นๆ

Why can I drive for a mile without finding a coffee shop

ทำไมผมถึงต้องขับรถเป็นไมล์โดยไม่พบร้านกาแฟซักร้าน

and then stumble across three on the same corner?

และจากนั้นก็มาเจอกับร้านกาแฟสามร้านในมุมถนนเดียวกัน

Why do grocery stores, auto repair shops and restaurants

ทำไมร้านขายของชำ อู่ซ่อมรถ และร้านอาหาร

always seem to exist in groups

มักจะอยู่ในร่วมกัน แทนที่จะกระจายตัวให้ทั่วถึงทั้งชุมชน

instead of being spread evenly throughout a community?

While there are several factors

ในขณะที่มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการตัดสินใจ ว่าเราควรทำธุรกิจที่ไหน

that might go into deciding where to place your business,

การกระจุกตัวของธุรกิจที่เหมือน ๆ กัน สามารถอธิบายได้ง่ายๆ

clusters of similar companies can be explained by a very simple story

called Hotelling's Model of Spatial Competition.

ด้วย “แบบจำลองการแข่งขันเชิงพื้นที่ของโฮเทลลิ่ง” (Hotelling’s Model of Spatial Competition)

Imagine that you sell ice cream at the beach.

สมมุติว่า คุณขายไอศครีมบนชายหาดแห่งหนึ่ง

Your beach is one mile long and you have no competition.

ชายหาดนั้นยาว 1 ไมล์ และคุณไม่มีคู่แข่ง

Where would you place your cart in order to sell the most product?

คุณจะตั้งรถเข็นของคุณไว้ตรงไหน เพื่อที่จะขายสินค้าให้ได้มากที่สุด

In the middle.

ตรงกลางหาด

The one-half-mile walk may be too far for some people

การเดินครึ่งไมล์อาจจะไกลเกินไปสำหรับบางคน

at each end of the beach,

ที่อยู่บริเวณหัวและท้ายหาด แต่ที่จุดนี้คุณจะขายของให้กับลูกค้าได้มากที่สุด

but your cart serves as many people as possible.

วันหนึ่งคุณก็มาถึงชายหาดเดิม พร้อมกับพบว่าเท็ดดี้ ญาติของคุณ

One day you show up at work

just as your cousin Teddy is arriving at the beach

นำเข็นรถขายไอศกรีมของเขามาด้วย จริงๆแล้วเขาขายไอศกรีมแบบเดียวกับที่คุณขายอยู่เลยล่ะ

with his own ice cream cart.

In fact, he's selling

exactly the same type of ice cream as you are.

คุณสองคนตกลงกันว่าจะแบ่งพื้นที่ชายหาดกันคนละครึ่ง

You agree that you will split the beach in half.

In order to ensure that customers don't have to walk too far

เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้ไม่ต้องเดินไกลเกินไป

you set up your cart a quarter mile south of the beach center,

คุณเลยจอดรถเข็นไว้ห่างจากจุดกลางหาดลงมาทางใต้ 1ส่วน4ไมล์

right in the middle of your territory.

เป็นตรงกลางของพื้นที่คุณพอดี

Teddy sets up a quarter mile north of the center,

ส่วนเท็ดดี้ก็จอดรถเข็นของเขาไว้1ส่วน4ไมล์ไปทางเหนือจากจุดกลางหาด

in the middle of Teddy territory.

ตรงกลางพื้นที่ของเท็ดดี้

With this agreement, everyone south of you buys ice cream from you.

ด้วยข้อตกลงนี้ ลูกค้าที่อยู่ทางใต้ของคุณก็จะซื้อไอศกรีมจากคุณ

Everyone north of Teddy buys from him, and the 50% of beachgoers in between

ลูกค้าที่อยู่ทางเหนือของเท็ดดี้ก็จะซื้อจากเท็ดดี้ ส่วนลูกค้าที่เหลืออีก 50 เปอร์เซ็นต์ตรงกลาง

walk to the closest cart.

ก็จะเดินไปยังรถเข็นที่ใกล้ที่สุด จะไม่มีลูกค่าคนไหนต้องเดินไกลกว่า1ส่วน4ไมล์

No one walks more than a quarter of a mile,

and both vendors sell to half of the beachgoers.

และคนขายทั้งคู่ก็จะขายของให้กับลูกค้าบนชายหาดคนละครึ่ง

Game theorists consider this a socially optimal solution.

นักทฤษฎีเกม (Game Theorist) เห็นว่านี่เป็น “ทางแก้ปัญหาที่น่าพอใจที่สุดของสังคม” (Socially Optimal Solution – S.O.S.)

It minimizes the maximum number of steps any visitor must take

มันลดจำนวนก้าวสูงสุดที่ลูกค้าคนใดคนหนึ่งต้องต้องใช้

in order to reach an ice cream cart.

เพื่อให้ไปถึงยังรถขายไอศกรีม

The next day, when you arrive at work,

แต่วันต่อมา เมื่อคุณมาถึงที่ทำงาน

Teddy has set up his cart in the middle of the beach.

คุณพบว่าเท็ดดี้กลับตั้งรถเข็นของเขาไว้ที่เส้นกลางชายหาดพอดี

You return to your location a quarter mile south of center

ส่วนคุณก็กลับไปอยู่ที่เดิม ตรง 1ส่วน4 ไมล์ใต้จากเส้นกึ่งกลาง

and get the 25% of customers to the south of you.

และได้แค่ลูกค้า 25 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ทางใต้ของคุณเท่านั้น

Teddy still gets all of the customers north in Teddy territory,

เท็ดดี้ยังคงได้ลูกค้าทั้งหมดทานเหนือจากเขาขึ้นไป

but now you split the 25% of people in between the two carts.

แต่ตอนนี้คุณต้องแบ่งลูกค้า 25 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือระหว่างรถเข็นทั้งสองคัน

Day three of the ice cream wars, you get to the beach early,

วันที่ 3 ของสงครามไอศกรีม คุณไปถึงชายหาดเช้ากว่าปรกติ

and set up right in the center of Teddy territory,

แล้วจอดรถเข็นไว้ตรงกลางพื้นที่ของเท็ดดี้

assuming you'll serve the 75% of beachgoers to your south,

โดยคิดว่าคุณจะได้ขายลูกค้า 75 เปอร์เซ็นต์ทั้งหมดที่อยู่ใต้คุณลงไป

leaving your cousin to sell to the 25% of customers to the north.

ทิ้งให้ญาติของคุณขายไอศกรีมให้กับลูกค้าแค่ 25 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือบนทางเหนือของหาด

When Teddy arrives, he sets up just south of you

เมื่อเท็ดดี้มาถึง เขากลับจอดรถเข็นไปทางใต้ของคุณ

stealing all of the southerly customers,

หมายความว่าเขาแย่งเอาลูกค้าที่อยู่ทางใต้ลงไปทั้งหมด และเหลือแค่ลูกค้าน้อยนิดทางเหนือไว้ให้คุณ

and leaving you with a small group of people to the north.

เพื่อไม่ให้เขาได้เปรียบ คุณจึงย้ายรถเข็นของคุณลงไปทางใต้อีก 10 ก้าวเพื่อจะได้ลูกค้าคืนกลับมา

Not to be outdone, you move 10 paces south of Teddy to regain your customers.

When you take a mid-day break, Teddy shuffles 10 paces south of you,

แต่ขณะที่คุณพักเที่ยง เท็ดดี้ก็ย้ายรถของเขาลงไปทางใต้อีก 10 ก้าว

and again, steals back all the customers to the far end of the beach.

และ อีกครั้งหนึ่ง เขาได้ขโมยเอาลูกค้าทางใต้ไปอีกเหมือนเดิม

Throughout the course of the day,

และวันนี้ตลอดทั้งวัน คุณทั้งสองคนก็ผลัดกันขยับรถไปทางใต้

both of you continue to periodically move south

towards the bulk of the ice cream buyers,

ไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อไอศครีม

until both of you eventually end up at the center of the beach,

จนในที่สุด คุณทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่ตรงกลางชายหาด

back to back, each serving 50% of the ice-cream-hungry beachgoers.

หันหลังให้กัน แต่ละคนขายไอศกรีมให้กับลุกค้าบนชายหาดคนละ 50 เปอร์เซ็นต์

At this point, you and your competitive cousin

ที่จุดนี้ คุณและญาติคู่แข่งขันของคุณได้อยู่ในจุดที่นักทฤษฎีเกมเรียกว่า จุดดุลยภาพของแนช (Nash Equilibrium)

have reached what game theorists call a Nash Equilibrium -

the point where neither of you can improve your position

ซึ่งเป็นจุดที่คุณทั้งสองต่างก็ไม่สามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ โดยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปจากเดิม

by deviating from your current strategy.

Your original strategy,

กลยุทธ์เดิมของคุณ ที่ซึ่งคุณทั้งสองอยู่ตรงเส้น 1ส่วน4ไมล์จากเส้นกลางหาดนั้น

where you were each a quarter mile from the middle of the beach,

อยู่ไม่ได้นาน เพราะมันไม่ใช่"จุดดุลยภาพของแนช" (Nash Equilibrium)

didn't last, because it wasn't a Nash Equilibrium.

Either of you could move your cart towards the other to sell more ice cream.

คุณทั้งสองยังสามารถขยับรถเข็นเข้าหากัน เพื่อขายไอศครีมให้มากขึ้นได้

With both of you now in the center of the beach,

ด้วยที่ตอนนี้ที่คุณทั้งสองอยู่ในจุดตรงกลางของหาด

คุณไม่สามารถย้ายรถเข็นไปหาลูกค้าที่อยู่ไกลที่สุด

you can't reposition your cart closer to your furthest customers

without making your current customers worse off.

โดยไม่ทำให้ลูกค้าที่มีอยู่ลำบากขึ้นได้

However, you no longer have a socially optimal solution,

อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ คุณไม่มี “ทางแก้ปัญหาที่น่าพอใจที่สุดของสังคม” อีกต่อไป

since customers at either end of the beach

เพราะลูกค้าที่อยู่ตรงปลายสุดของหาดทั้งสองด้าน

have to walk further than necessary to get a sweet treat.

จะต้องเดินมาไกลเกินความจำเป็นเพื่อให้ได้กินขนมหวาน

Think about all the fast food chains,

ลองมาคิดถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด ร้านเสื้อผ้า และร้านมือถือในห้างดู

clothing boutiques, or mobile phone kiosks at the mall.

Customers may be better served

ลูกค้าจะได้รับความสะดวกมากกว่านี้ถ้าร้านเหล่านี้กระจายตัวกันออกไป

by distributing services throughout a community,

but this leaves businesses vulnerable to aggressive competition.

แต่นี่ทำให้ธุรกิจอ่อนแอต่อการแข่งขันที่รุนแรง

In the real world, customers come from more than one direction,

ในโลกแห่งความจริง ลูกค้ามามากว่าหนึ่งทิศทาง

and businesses are free to compete with marketing strategies,

และธุรกิจก็สามารถแข่งขันกันด้วยกลยุทธ์การตลาด

by differentiating their product line, and with price cuts,

ด้วยการทำให้สินค้าของตัวแตกต่างออกไป และด้วยการตัดราคา

แต่หัวใจสำคัญของกลยุทธ์เหล่านั้นก็คือ ธุรกิจต่างๆอยากให้การแข่งขันนั้น

but at the heart of their strategy,

companies like to keep their competition as close as possible.

"ใกล้" ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้