Why certain naturally occurring wildfires are necessary - Jim Schulz

ทำไมไฟป่าจึงสำคัญ - จิม ชูลซ์ (Jim Schulz)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

There was a time before our ancestors smashed flint and steel together,

สมัยก่อนที่บรรพบุรุษของพวกเรา จะใช้หินเหล็กไฟและเหล็ก

when they felt the cold lack of fire in their lives.

พวกเขารู้สึกหนาวและไม่มีไฟใช้

But anthropologists theorize that early hominids

แต่นักมานุษยวิทยาให้ทฤษฎีไว้ว่า มนุษย์ในยุคแรก ๆ

relied on lightning to cause forest fires,

พึ่งพาฟ้าผ่าให้เกิดไฟป่า

from which they could collect coals and burning sticks.

ซึ่งพวกเขาสามารถเก็บถ่านและไม้ที่ถูกเผา

Fire gave them the ability to cook food and clear land,

ไฟถูกใช้ในการทำอาหาร และเป็นการจัดการทำความสะอาดพื้นที่

and became central in many rituals and traditions.

และกลายเป็นศูนย์กลางในหลาย ๆ พิธีกรรมและวัฒนธรรม

So instead of seeing forest fires as an exclusively bad thing,

ฉะนั้น แทนที่ไฟป่า จะเป็นสิ่งที่เลวร้ายเพียงอย่างเดียว

ancient humans may have learned to appreciate them.

มนุษย์โบราณอาจยังได้เรียนรู้ ที่จะใช้ประโยชน์จากมัน

Yet, it wasn't just humans who benefitted from these natural phenomena.

แต่กระนั้น ไม่ใช่มีแค่มนุษย์ที่ได้รับประโยชน์ จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้

Even as they destroy trees, fires also help the forest themselves,

แม้ว่ามันจะทำลายต้นไม้ ไฟยังช่วยป่าด้วย

however counterintuitive that seems.

อย่างไรก็ดี เหมือนมันจะเกิดขึ้นตามอัตโนมัติ

In fact, several forest species, such as select conifers,

อันที่จริง พืชป่าอย่างสนบางชนิด

need fire to survive.

ต้องการไฟป่าในการอยู่รอด

But how can fire possibly create life in addition to destroying it?

แต่ไฟป่าให้ชีวิตได้อย่างไร ในขณะที่มันทำลายล้าง

The answer lies in the way that certain forests grow.

คำตอบอยู่ที่วิธีการที่ป่าบางแห่งเติบโต

In the conifer-rich forests of western North America,

ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นสน ทางตะวันตกของอเมริกาเหนือ

lodgepole pines constantly seek the Sun.

ต้นสนลอดจ์โพล (lodgepole pine) โตเข้าหาแสงอาทิตย์

Their seeds prefer to grow on open sunny ground,

เมล็ดของพวกมันชอบที่จะเติบโต บนพื้นที่เปิดที่ได้รับแสงแดด

which pits saplings against each other as each tries to get more light

ซึ่งต่างก็แข่งขันกันชูยอดเพื่อให้ได้แสงมากขึ้น

by growing straighter and faster than its neighbors.

โดยเติบโตให้ตรงกว่าและเร็วกว่า

Over time, generations of slender, lofty lodgepoles

เมื่อเวลาผ่านไป บรรดาสนต้นผอมตรงสูงตระหง่าน

form an umbrella-like canopy that shades the forest floor below.

ก็ทำให้เกิดพุ่มที่เหมือนกับร่ม ทำให้เกิดเงาบนพื้นด้านล่าง

But as the trees' pine cones mature to release their twirling seeds,

แต่เมื่อเมื่อโคนของมันแก่พอที่จะให้เมล็ด

this signals a problem for the lodgepoles' future.

มันก็ต้องเจอกับปัญหา ที่เกี่ยวกับอนาคตของต้นสน

Very few of these seeds will germintate in the cool, sunless shade

เมล็ดเหล่านี้เพียงไม่กี่เมล็ด สามารถเติบโตได้ในที่เย็น และอยู่ในร่มที่ไม่มีแดด

created by their towering parents.

ที่เกิดจากร่มเงาของพ่อแม่ต้นสูงใหญ่ของมัน

These trees have adapted to this problem by growing two types of cones.

ต้นไม้เหล่านี้มีการปรับตัวต่อปัญหานี้ โดยสร้างโคนสองแบบ

There are the regular annual cones that release seeds spontaneously,

มีโคนแบบธรรมดาลักษณะเป็นวง ที่ให้เมล็ดออกมาทันที

and another type called serotinous cones,

และอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ซีโรเชียส โคน (serotinous cone)

which need an environmental trigger to free their seeds.

ซึ่งต้องการการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะปล่อยเมล็ดออกมา

Serotinous cones are produced in thousands,

ซีโรเชียสโคนถูกสร้างขึ้นมาเป็นพัน ๆ

and are like waterproofed time capsules sealed with resinous pitch.

และมันเหมือนกับแคปซูลเวลากันน้ำ ที่ถูกหุ้มด้วยยาง

Many are able to stay undamaged on the tree for decades.

พวกมันส่วนมากสามารถที่จะอยู่บนต้นไม้ โดยไม่ได้รับความเสียหายหลายสิบปี

Cones that fall to the ground can be viable for several years, as well.

โคนที่ตกลงมาบนพื้น สามารถที่จะคงอยู่ได้สองสามปีเช่นกัน

But when temperatures get high enough, the cones pop open.

แต่เมื่ออุณหภูมิสูงมากพอ โคนจะเปิดออก

Let's see that in action.

มาดูกันว่าเป็นอย่างไร

Once it's gotten started, a coniferous forest fire

เมื่อไฟป่าสนเกิดขึ้น

typically spreads something like this.

โดยทั่วไปจะลุกลามไปแบบนี้

Flames ravage the thick understory provided by species like douglas fir,

ไฟจะทำลายส่วนที่หนาแน่น ที่เป็นที่อยู่ของดักลาส เฟอร์ (douglas fir)

a shade-tolerant tree that's able to thrive

ซึ่งเป็นไม้ที่เจริญเติบโตได้ในที่ร่ม

under the canopy of lodgepole pines.

ภายใต้พุ่มของสนลอดจ์โพล

The fire uses these smaller trees as a step ladder

ไฟใช้ต้นไม้เล็ก ๆ พวกนี้ราวกับบันได

to reach the higher canopy of old lodgepole pines.

เพื่อไปยังยอดพุ่มที่สูงกว่า ของต้นสนลอดจ์โพลแก่ ๆ

That ignites a tremendous crown fire

นั่นทำให้เกิดไฟบนยอดไม้

reaching temperatures of up to 2400 degrees Fahrenheit.

ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูง ถึง 2400 องศาฟาเรนไฮด์

That's well more than the 115-140 degrees

ซึ่งมากกว่า อุณหภูมิที่ 115-140 องศา

that signal the moment when serotinous seeds can be freed.

ที่เป็นสัญญาณกระตุ้นให้เมล็ดซีโรเชียส ถูกปลดปล่อยออกมา

At those temperatures, the cones burst open,

ที่อุณหภูมินั้นเอง โคนจะถูกเปิดออก

releasing millions of seeds,

และปล่อยเมล็ดออกมานับล้าน

which are carried by the hot air to form new forests.

ซึ่งจะถูกพัดพาไปโดยลมร้อน

After the fire, carbon-rich soils and an open sunlit landscape

หลังจากที่ไฟดับแล้ว ดินที่เต็มไปด้วยคาร์บอน และเปิดพื้นที่ให้ได้รับแดด

help lodgepole seeds germinate quickly and sprout in abundance.

จะช่วยให้เมล็ดลอดจ์โพลเจริญได้อย่างรวดเร็ว เติบโตเป็นต้นอ่อนเต็มไปหมด

From the death of the old forest comes the birth of the new.

จากความตายของป่าแก่ กลายเป็นการเกิดของป่าใหม่

Fires are also important for the wider ecosystem as a whole.

ไฟยังมีความสำคัญ ต่อระบบนิเวศในภาพรวมด้วย

Without wildfires to rejuvenate trees, key forest species would disappear,

ถ้าหากปราศจากไฟป่าที่จะให้กำเนิดต้นไม้ใหม่ สายพันธ์ุหลักของป่าก็จะหายไป

and so would the many creatures that depend on them.

และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็เช่นกัน

And if a fire-dependent forest goes too long without burning,

และถ้าป่าที่ต้องพี่งพาไฟป่านี้ เติบโตต่อไปโดยไม่ถูกเผา

that raises the risk of a catastrophic blaze,

มันก็เสี่ยงที่จะเกิดไฟลุกลามอย่างต่อเนื่อง

which could destroy a forest completely,

ซึ่งอาจทำลายป่าทั้งหมดได้

not to mention people's homes and lives.

แล้วไหนจะบ้านและชีวิตของคนอีกด้วย

That's why forest rangers sometimes intentionally start controlled burns

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนักผจญเพลิงป่า จึงก่อไฟที่สามารถควบคุมได้

to reduce fuels in order to keep the more dangerous wildfires at bay.

เพื่อลดเชื้อเพลิง เพื่อทำให้อันตรายจากไฟป่า อยู่ในระดับที่ควบคุมได้

They may be frightening and destructive forces of nature,

พวกมันอาจเป็นพลังธรรมชาติ ที่น่ากลัวและมีกำลังทำลายล้าง

but wildfires are also vital

แต่ไฟป่าก็เป็นสิ่งที่สำคัญ

to the existence of healthy boreal forest ecosystems.

ต่อการคงอยู่อย่างสมบูรณ์ ของระบบนิเวศป่าในเขตหนาว

By coming to terms with that,

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว

we can protect ourselves from their more damaging effects

เราสามารถปกป้องตัวเราเอง จากผลที่ร้ายแรงของมัน

while enabling the forests, like the legendary phoenix,

ในขณะที่ให้ป่าได้เติบโต ในแบบเดียวกับนกฟินิกส์ในตำนาน

to rise reborn from their own ashes.

ที่ฟื้นคืนจากเถ้าธุลีของมัน