Why do airlines sell too many tickets? - Nina Klietsch

ทำไมสายการบินต่าง ๆ ถึงขายตั๋วมากเกินไป - นีนา คลิทช์ (Nina Klietsch)

Translator: Pitipa Chongwatpol Reviewer: Purich Worawarachai

Have you ever sat in a doctor's office for hours

คุณเคยต้องนั่งรอพบแพทย์ นานหลายชั่วโมง

despite having an appointment at a specific time?

ถึงแม้ว่าจะนัดหมายเวลาไว้แล้วก็ตามไหม

Has a hotel turned down your reservation because it's full?

คุณเคยถูกโรงแรมยกเลิกการจอง เพราะว่าห้องเต็มหรือเปล่า

Or have you been bumped off a flight that you paid for?

หรือคุณเคยไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน ทั้ง ๆ ที่คุณจ่ายเงินแล้วหรือไม่

These are all symptoms of overbooking,

เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น จากการจองเกินกำหนด

a practice where businesses and institutions

ซึ่งเป็นการที่บริษัทหรือองค์กร

sell or book more than their full capacity.

ขายหรือรับจองเกินขีดจำกัดของตนเอง

While often infuriating for the customer,

ในขณะที่มันมักจะทำให้ลูกค้าขุ่นเคืองใจ

overbooking happens because it increases profits

การจองเกินนั้นเกิดขึ้นเพราะว่า จริง ๆ แล้วมันเพิ่มกำไร

while also letting businesses optimize their resources.

รวมถึงทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรที่มีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

They know that not everyone will show up to their appointments,

พวกเขารู้ว่าจะมีคนที่ไม่มาตามนัด

reservations,

ตามการจอง

and flights,

และตามเที่ยวบิน

so they make more available than they actually have to offer.

ดังนั้นพวกเขาจึงขาย มากกว่าที่พวกเขามีอยู่จริง

Airlines are the classical example, partially because it happens so often.

สายการบินต่าง ๆ นั้นคือตัวอย่างสุดคลาสสิค ส่วนหนึ่งก็เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยมาก

About 50,000 people get bumped off their flights each year.

คนประมาณ 50,000 คน ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องในแต่ละปี

That figure comes at little surprise to the airlines themselves,

ตัวเลขนี้ไม่ได้น่าประหลาดใจเท่าใดนัก สำหรับสายการบินทั้งหลาย

which use statistics to determine exactly how many tickets to sell.

ที่ใช้สถิติในการกำหนดว่า จะขายตั๋วทั้งหมดกี่ใบ

It's a delicate operation.

มันเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน

Sell too few, and they're wasting seats.

ขายน้อยไป พวกเขาก็ปล่อยให้ที่นั่งเสียเปล่า

Sell too many, and they pay penalties -

ขายมากไป พวกเขาก็ต้องจ่ายค่าปรับ

money, free flights, hotel stays, and annoyed customers.

ไม่ว่าจะเป็นเงิน ตั๋วฟรี ค่าโรงแรม รวมถึงทำให้ลูกค้าไม่พอใจอีกด้วย

So here's a simplified version of how their calculations work.

และนี่ก็คือตัวอย่างวิธีการคำนวณ แบบง่าย ๆ ของพวกเขา

Airlines have collected years worth of information

สายการบินจะเก็บข้อมูลเป็นเวลาหลายปี

about who does and doesn't show up for certain flights.

ว่ามีใครบ้างที่มาขึ้นเครื่องและไม่มา ในเที่ยวบินบางเที่ยว

They know, for example, that on a particular route,

ตัวอย่างเช่น พวกเขารู้ว่า ในเที่ยวบิน ๆ หนึ่ง

the probability that each individual customer will show up on time is 90%.

ความน่าจะเป็นที่ลูกค้าจะขึ้นเครื่อง ตรงเวลานั้นอยู่ที่ 90%

For the sake of simplicity,

เพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

we'll assume that every customer is traveling individually

เราจะเหมารวมว่าลูกค้าทุกคนเดินทางคนเดียว

rather than as families or groups.

แทนที่จะเดินทางเป็นครอบครัวหรือเป็นกลุ่ม

Then, if there are 180 seats on the plane and they sell 180 tickets,

ดังนั้น ถ้าเครื่องบินลำนั้นมีทั้งหมด 180 ที่นั่ง และพวกเขาขายตั๋วไป 180 ใบ

the most likely result is that 162 passengers will board.

ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือว่า จะมีคนทั้งหมด 162 คนที่มาขึ้นเครื่อง

But, of course, you could also end up with more passengers,

แต่แน่นอนว่า ในท้ายที่สุดผู้โดยสาร อาจมีมากกว่านี้

or fewer.

หรือน้อยกว่านี้

The probability for each value is given by what's called

ความน่าจะเป็นของแต่ละค่านั้น ได้มาจากสิ่งที่เรียกว่า

a binomial distribution,

การแจกแจงทวินาม

which peaks at the most likely outcome.

ซึ่งมีจุดยอดอยู่ที่ผลลัพธ์ ที่เป็นไปได้มากที่สุด

Now let's look at the revenue.

ทีนี้ เรามาดูที่รายได้กัน

The airline makes money from each ticket buyer

สายการบินได้เงินจากผู้ซื้อตั๋วแต่ละคน

and loses money for each person who gets bumped.

และเสียเงินให้กับผู้ที่ไม่ได้ขึ้นเครื่อง

Let's say a ticket costs $250 and isn't exchangeable for a later flight.

สมมติว่าตั๋วใบหนึ่งมีราคา $250 และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเที่ยวบินถัดไปได้

And the cost of bumping a passenger is $800.

และค่าใช้จ่ายในการที่ผู้โดยสารหนึ่งคน ไม่ได้ขึ้นเครื่องนั้นอยู่ที่ $800

These numbers are just for the sake of example.

ตัวเลขพวกนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น

Actual amounts vary considerably.

จำนวนที่แท้จริงนั้นผันผวนมากกว่านี้มาก

So here, if you don't sell any extra tickets, you make $45,000.

ดังนั้น ถ้าคุณไม่ได้ขายตั๋วเพิ่มเลย แม้แต่ใบเดียว คุณจะได้เงิน $45,000

If you sell 15 extras and at least 15 people are no shows,

แต่ถ้าคุณขายตั๋วเกิน 15 ใบ และ มีผู้โดยสารอย่างน้อยที่สุด 15 คนที่ไม่มา

you make $48,750.

คุณจะได้เงิน $48,750

That's the best case.

นั่นคือกรณีที่ดีที่สุด

In the worst case, everyone shows up.

ในกรณีที่แย่ที่สุด ก็คือทุกคนมาขึ้นเครื่องหมด

15 unlucky passengers get bumped, and the revenue will only be $36,750,

ผู้โดยสารที่โชคร้าย 15 คนจะไม่ได้ขึ้นเครื่อง และรายได้จะเหลือแค่ $36,750

even less than if you only sold 180 tickets in the first place.

และจะยิ่งน้อยลงไปอีกถ้าคุณขายตั๋ว ไปแค่ 180 ใบในตอนแรก

But what matters isn't just how good or bad a scenario is financially,

แต่สิ่งสำคัญนั้นไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่า เหตุการณ์นั้นส่งผลทางการเงินอย่างไร

but how likely it is to happen.

แต่ยังรวมไปถึงโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นด้วย

So how likely is each scenario?

แล้วแต่ละเหตุการณ์มี โอกาสเกิดขึ้นมากแค่ไหนล่ะ

We can find out by using the binomial distribution.

เราสามารถหาคำตอบได้จาก การแจกแจงแบบทวินาม

In this example, the probability of exactly 195 passengers boarding

ในตัวอย่างนี้ ความน่าจะเป็นที่จะมี ผู้โดยสารทั้งหมด 195 คนมาขึ้นเครื่อง

is almost 0%.

นั้นเกือบเป็น 0%

The probability of exactly 184 passengers boarding is 1.11%, and so on.

ความน่าจะเป็นที่ผู้โดยสาร 184 คน จะมานั้นอยู่ที่ 1.1% และอื่น ๆ

Multiply these probabilities by the revenue for each case,

ให้คุณคูณความน่าจะเป็นเหล่านี้ ด้วยรายได้ในแต่ละกรณี

add them all up,

รวมผลลัพธ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน

and subtract the sum from the earnings by 195 sold tickets,

จากนั้นนำรายได้ทั้งหมดจากการขายตั๋ว 195 ใบไปลบกับผลรวมที่ได้

and you get the expected revenue for selling 195 tickets.

แล้วคุณก็จะได้รายได้ที่คาดว่าจะได้ จากการขายตั๋ว 195 ใบ

By repeating this calculation for various numbers of extra tickets,

เมื่อคำนวนแบบนี้ซ้ำ ๆ โดยใช้ จำนวนตั๋วที่ขายเกินต่าง ๆ กัน

the airline can find the one likely to yield the highest revenue.

สายการบินจะสามารถหาจำนวนตั๋วที่มีแนวโน้ม ที่จะก่อให้เกิดได้รายได้ที่สูงที่สุดได้

In this example, that's 198 tickets,

ในตัวอย่างนี้ ตั๋วนั้นมีอยู่ทั้งหมด 198 ใบ

from which the airline will probably make $48,774,

ซึ่งจะทำให้สายการบินมี รายได้ประมาณ $48,774

almost 4,000 more than without overbooking.

ซึ่งมากกว่ากรณีที่ ไม่ขายตั๋วเกินเกือบ $4,000

And that's just for one flight.

และนั่นแค่สำหรับเที่ยวบินเดียวเท่านั้น

Multiply that by a million flights per airline per year,

เมื่อคูณจำนวนนี้กับเที่ยวบินกว่าล้านครั้ง ต่อหนึ่งสายการบินต่อปี

and overbooking adds up fast.

รายได้จากการขายตั๋วเกิน ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

Of course, the actual calculation is much more complicated.

แน่นอนว่า การคำนวนในความเป็นจริงนั้น ซับซ้อนกว่านี้มาก

Airlines apply many factors to create even more accurate models.

สายการบินต่าง ๆ ใช้ปัจจัยหลายอย่าง เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำมากยิ่งขึ้นไปอีก

But should they?

ว่าแต่พวกเขาสมควรทำหรือไม่

Some argue that overbooking is unethical.

บางคนบอกว่าการจองตั๋วเกินนั้นผิดจรรณยาบรรณ

You're charging two people for the same resource.

คุณกำลังเก็บเงินจากคนสองคน สำหรับสิ่งเดียวกัน

Of course, if you're 100% sure someone won't show up,

แน่นอนว่า หากคุณมั่นใจ 100% ว่าจะมีบางคนที่ไม่มา

it's fine to sell their seat.

การขายที่นั่งของพวกเขาซ้ำ ก็เป็นเรื่องที่รับได้

But what if you're only 95% sure?

แต่จะเป็นอย่างไรล่ะถ้าคุณมั่นใจแค่ 95%

75%?

หรือแค่ 75%

Is there a number that separates being unethical from being practical?

มีตัวเลขไหนไหมที่จะแบ่งแยกได้ว่า แบบไหน คือผิดจรรยาบรรณและแบบไหนคือความเหมาะสม