Why was the Rosetta Stone so important? - Franziska Naether

Translator: Varintorn Tacha Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

For centuries, scholars puzzled over the hieroglyphs

เป็นเวลาหลายศตวรรษ ที่นักวิชาการไขอักษรอียิปต์โบราณ

they found carved onto ancient Egyptian ruins, tablets, and papyri.

ที่พวกเขาพบแกะสลักไว้บนซากปรักหักพัง แผ่นจารึก และปาปิรีของอียิปต์โบราณไม่ได้

But a unique discovery would finally help unlock their meaning.

แต่การค้นพบที่ไม่เหมือนใคร จะช่วยไขความหมายของพวกเขาได้ในที่สุด

In 1799, as the French military invaded Egypt,

ในปี ค.ศ. 1799 ขณะที่กองทัพฝรั่งเศสบุกอียิปต์

an officer encountered a curious stone on the outskirts of Rashid, or Rosetta.

ทหารนายหนึ่งพบหินประหลาดที่ชานเมืองราชิด หรือโรเซตตา

It was inscribed with three different portions of text:

มันถูกจารึกไว้ด้วยข้อความ ที่แตกต่างกันสามส่วน:

Egyptian hieroglyphs, which is the oldest Egyptian script,

อักษรอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นอักษรอียิปต์ที่เก่าแก่ที่สุด

dating back some 5,000 years;

มีอายุย้อนหลังไปประมาณ 5,000 ปี

Demotic Egyptian, which is a later derivative of Egyptian;

ดีโมติกอียิปต์ ซึ่งเป็นต้นตอของชาวอียิปต์ในเวลาต่อมา

and Ancient Greek.

และกรีกโบราณ

It seemed that each section was a rough translation of the others,

ดูเหมือนว่าแต่ละส่วนจะเป็น การแปลคร่าว ๆ ของส่วนอื่น ๆ

meaning the stone presented an unprecedented key

ซึ่งหมายความว่า ศิลานี้เป็นกุญแจสำคัญ ในการไขอักษรอียิปต์โบราณ

to unlocking hieroglyphs.

ที่ไม่เคยมีมาก่อน

English troops soon intercepted the stone

ในไม่ช้ากองทหารอังกฤษก็โยกย้ายศิลาดังกล่าว

and brought it to the British Museum in 1802,

และนำไปไว้ที่บริติชมิวเซียมในปี ค.ศ. 1802

where it became one of the most popular displays.

ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในการจัดแสดง ที่ได้รับความนิยมที่สุด

Various European scholars—

นักวิชาการชาวยุโรปหลายคน

including Johan Åkerblad, Thomas Young, and Jean-François Champollion—

รวมทั้ง โยฮัน เอดเกอร์บลาด, โทมัส ยัง และ ฌ็อง-ฟร็องซัว ช็องปอลียง

worked to decode the Egyptian scripts.

ต่างก็ศึกษาเพื่อถอดรหัสอักษรอียิปต์โบราณ

There were some crucial initial clues.

มันมีเบาะแสเบื้องต้นที่สำคัญบางประการ

The Greek section included the names of royal figures,

ส่วนอักษรกรีกประกอบด้วย พระนามของบุคคลสำคัญในราชวงศ์

while certain areas in the Demotic section had bracket-like forms

ในขณะที่บางส่วนของอักษรดีโมติก มีรูปแบบคล้ายวงเล็บเหลี่ยม

and some hieroglyphic sections were encircled.

และมีอักษรอียิปต์โบราณบางส่วนล้อมรอบอยู่

Could these portions encode the same royal names?

ส่วนเหล่านี้สามารถถอนรหัสเป็น พระนามราชวงศ์เดียวกันได้หรือไม่

Åkerblad matched some characters up and, in 1802,

เอดเกอร์บลาดจับคู่อักขระบางตัวได้สำเร็จ และในปี ค.ศ. 1802

successfully decoded the royal names and some simple words,

ก็สามารถถอดรหัสพระนามราชวงศ์ และคำง่าย ๆ

like “much” and “temples” in the Demotic script.

เช่น “มาก” และ “วิหาร” ในอักษรดีโมติกได้สำเร็จ

This led Åkerblad to believe that all Demotic signs were alphabetic,

สิ่งนี้ทำให้เอดเกอร์บลาดเชื่อว่า สัญลักษณ์ดีโมติกทั้งหมดเป็นตัวอักษร

meaning each letter represented a discrete sound—

ซึ่งหมายความว่าตัวอักษรแต่ละตัว แสดงถึงเสียงที่แยกจากกัน

much like in English.

เหมือนกับในภาษาอังกฤษ

Thomas Young, in contrast, suspected that some of the Demotic signs were logograms—

ในทางตรงกันข้าม โทมัส ยัง ตั้งข้อสงสัยว่า สัญลักษณ์ดีโมติกบางส่วนเป็นโลโกแกรม

that is, symbols encoding entire words or phrases.

นั่นคือ สัญลักษณ์ที่เข้ารหัสทั้งคำหรือวลี

For example, he believed a sun disk with a stroke indicated the sun or sun god.

เช่น เขาเชื่อว่าจานดวงอาทิตย์ที่มีเส้นขีด บ่งบอกถึงดวงอาทิตย์หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์

Around 1814, he deciphered some recurring Demotic words like “pharaoh” and “Egypt.”

ประมาณปี 1814 เขาได้ถอดรหัสคำดีโมติกบาง คำที่พบซ้ำ ๆ เช่น “ฟาโรห์” และ “อียิปต์”

Young also had the critical insight

และยังก็ยังมีข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญว่า

that Demotic was a later iteration of hieroglyphs.

อักษรดีโมติกเป็นการปรับแก้อักษร อักษรอียิปต์โบราณในภายหลัง

And, studying the hieroglyphic text,

และเมื่อศึกษาอักษรอียิปต์โบราณ

Young successfully decoded the royal name “Ptolemy.”

ยังก็ถอดรหัส พระนามราชวงศ์ “ปโตเลมี” ได้สำเร็จ

But he still believed the prevailing misconception

แต่เขายังคงเชื่อ ความเข้าใจผิดที่มีอยู่ทั่วไปว่า

that most hieroglyphs were logograms representing ideas— not sounds.

อักษรอียิปต์โบราณส่วนใหญ่ เป็นโลโกแกรมที่แสดงถึงความคิด ไม่ใช่เสียง

Using his knowledge of other scripts and languages,

ใช้ความรู้ของเขาเกี่ยวกับสคริปต์ และภาษาอื่น ๆ

like the Egyptian Coptic he’d learned from a Coptic Christian priest,

เช่น ภาษาอียิปต์คอปติก ที่เขาเรียนรู้จากนักบวชชาวคริสต์ชาวคอปติก

Champollion realized that most encircled hieroglyphs were phonetic.

ช็องปอลียงตระหนักว่า อักษรอียิปต์โบราณ ที่ล้อมรอบส่วนใหญ่เป็นการออกเสียง

They represented sounds: the Egyptian vulture, an “a”;

พวกเขาเป็นตัวแทนของเสียง เช่น อีแร้งอียิปต์ เป็น “a”

the three fox skins, “m-s”, and so on.

หนังสุนัขจิ้งจอกสามตัว เป็น “m-s” และอื่น ๆ อีกมากมาย

This finally allowed him to read the Egyptian names “Ramses” and “Thutmose.”

ในที่สุดสิ่งนี้ทำให้เขาสามารถอ่าน ชื่ออียิปต์ “รามเสส” และ “ทุตโมส”

Cross-referencing other hieroglyphic texts,

อ้างอิงโยงจาก ข้อความอักษรอียิปต์โบราณอื่น ๆ

Champollion confirmed that many hieroglyphs

ช็องปอลียงยืนยันว่า อักษรอียิปต์โบราณจำนวนมาก

beyond the encircled names were phonetic.

ที่อยู่นอกเหนือชื่อ ที่ล้อมรอบนั้นเป็นการออกเสียง

And on September 14th, 1822,

และเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1822

he ran to his brother’s house and declared the breakthrough.

เขาได้วิ่งไปที่บ้านพี่ชาย และประกาศความคืบหน้า

Later, Champollion determined that beyond alphabetic and logographic hieroglyphs,

ต่อมา ช็องปอลียงระบุว่า นอกเหนือจากอักษร อียิปต์โบราณที่เป็นตัวอักษรและโลโกแกรมแล้ว

some were classifiers that sorted words into categories,

บางคำยังเป็นตัวแยกประเภท ที่จัดเรียงคำเป็นหมวดหมู่

like occupations, plants, and abstract concepts.

เช่น อาชีพ พืช และแนวคิดเชิงนามธรรม

The first complete translation of the Rosetta Stone

ในที่สุด การแปลศิลาโรเซตตาฉบับสมบูรณ์ครั้งแรก

was finally published in the early 1850s.

ก็ได้รับการตีพิมพ์ในช่วงต้นทศวรรษ 1850

So, what did it actually say?

สรุปแล้ว มันจารึกไว้ว่าอะไรล่ะ

The inscription was marked 196 BCE.

จารึกถูกแกะไว้ตั้งแต่ 196 ปีก่อนคริสตศักราช

It honored the first anniversary

เป็นเกียรติในวันครบรอบปีแรก

of 13-year-old Pharaoh Ptolemy V’s coronation

ของพิธีราชาภิเษกของ ฟาโรห์ปโตเลมีที่ 5 วัย 13 ชันษา

and outlined a series of benefits for the Egyptian priesthood.

และกล่าวถึงผลประโยชน์หลายประการ สำหรับฐานะปุโรหิตของอียิปต์

The inscriptions described laws for maintaining temples

คำจารึกบรรยายถึงกฎหมาย ในการดูแลรักษาวิหาร

and performing rituals,

และการประกอบพิธีกรรม

like the burial of sacred animals.

เช่น การฝังสัตว์ศักดิ์สิทธิ์

At the time, Egypt was a multicultural society.

ในเวลานั้น อียิปต์เป็นสังคม ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

Two main languages were spoken:

ใช้พูดเขียนสองภาษาหลัก

Ancient Greek, brought by Egypt’s conquerors,

ภาษากรีกโบราณ นำมาใช้โดยผู้พิชิตอียิปต์

and Demotic Egyptian, the native language.

และภาษาอียิปต์แบบดีโมติก ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมือง

Hieroglyphs represented Middle Egyptian,

อักษรอียิปต์โบราณเป็นตัวแทนของอียิปต์กลาง

a language that was already antiquated but may have been included

ซึ่งเป็นภาษาที่ล้าสมัยไปแล้ว แต่อาจรวมไว้

to convey a sense of authority.

เพื่อสื่อถึงความรู้สึกมีอำนาจ

The decree was copied onto many stones and erected in temples.

พระราชกฤษฎีกาถูกคัดลอกลงบน หินศิลาหลายก้อนและสร้างขึ้นในวิหาร

However, as regimes shifted,

อย่างไรก็ตาม เมื่อระบอบการปกครองเปลี่ยนไป

edifices were deconstructed and reconstructed.

อาคารต่าง ๆ ก็ถูกรื้อถอนและสร้างขึ้นใหม่

Some scholars think the Rosetta Stone was originally placed in a temple in Sais.

นักวิชาการบางคนคิดว่า เดิมทีศิลาโรเซตตา ถูกประดิษฐานไว้ในวิหารในเมืองซาอิส (Sais)

It’s unclear how it ended up 80 kilometers away,

ยังไม่ชัดเจนว่า มันไปอยู่ห่างไป 80 กิโลเมตรได้อย่างไร

but it may have been transported up the Nile after the late 15th century.

แต่อาจถูกขนส่งขึ้นไปบนแม่น้ำไนล์ หลังปลายศตวรรษที่ 15

Once deciphered, hieroglyphs helped overturn misconceptions.

เมื่อถอดรหัสแล้ว อักษรอียิปต์โบราณ ก็ช่วยล้มล้างความเข้าใจผิด

Subterranean chambers within Egyptian pyramids

ห้องใต้ดินภายในปิรามิดของอียิปต์เคยคิดว่า

were once thought to be secret sites of priestly initiation and study.

เป็นสถานที่ลับสำหรับ การอุปสมบทและการศึกษาของนักบวช

But it was finally confirmed that pyramids were tombs

แต่ในที่สุดก็ได้รับการยืนยันว่า ปิรามิดเป็นสุสาน

housing sacred preparations for the afterlife.

จัดเตรียมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับชีวิตหลังความตาย

Soon, entire texts could be translated that showcased

ในไม่ช้า ข้อความทั้งหมด ก็สามารถแปลได้ซึ่งแสดงให้เห็น

the complexity of ancient Egyptian religious compositions.

ถึงความซับซ้อน ขององค์ประกอบทางศาสนาของอียิปต์โบราณ

Experts are still decoding new hieroglyphs as they arise

ผู้เชี่ยวชาญยังคงถอดรหัสอักษร อียิปต์โบราณใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น

and untangling instances of tricky grammar and wordplay.

และแก้ไวยากรณ์และการเล่นคำที่ยุ่งยาก

The Rosetta Stone helped illuminate one of the world’s oldest written languages

ศิลาโรเซตตาช่วยให้เกิดความกระจ่างแก่ ภาษาเขียนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

and the vibrant history it emerged from.

และประวัติศาสตร์อันยาวนานของภาษาเขียนนั้น

And yet, the pillaged artifact remains far from its provenance today.

และในปัจจุบัน ยังคงเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถูก ปล้นสะดมมายังสถานที่ห่างไกลจากแห่งกำเนิด