Does your vote count? The Electoral College explained - Christina Greer

Translator: tom carter Reviewer: Bedirhan Cinar

Translator: Varintorn Tacha Reviewer: Natthapat Mardech

Most people have heard of the Electoral College during presidential election years.

คนส่วนใหญ่เคยได้ยินเกี่ยวกับคณะผู้เลือก- ตั้งในช่วงปีการเลือกตั้งประธานาธิบดี

But what exactly is the Electoral College?

แต่อะไรคือคณะผู้เลือกตั้งล่ะ

Simply said, it is a group of people appointed by each state

พูดง่าย ๆ ก็คือ กลุ่มคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากแต่ละรัฐ

who formally elect the President and Vice President of the United States.

ซึ่งมีสิทธิในการเลือกประธานาธิบดีและรอง ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ

To understand how this process began and how it continues today,

เพื่อทำความเข้าใจว่ากระบวนการนี้เริ่มต้น และยังคงเป็นอย่างไรในปัจจุบัน

we can look at the Constitution of the United States: article two, section one, clause two of the constitution.

เราสามารถดูที่รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาได้

หมวดสอง มาตราหนึ่ง วรรคสองของรัฐธรรมนูญ

It specifies how many electors each state is entitled to have.

ซึ่งระบุจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่แต่ละรัฐมีสิทธิได้รับ

Since 1964, there have been 538 electors in each presidential election.

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 538 คนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแต่ละครั้ง

How do they decide on the number 538?

แล้วจำนวน 538 ถูกกำหนดมาได้ยังไง

Well, the number of electors is equal to the total voting membership of the United States Congress.

จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเทียบเท่ากับจำนวน สมาชิกตัวแทนลงคะแนนเสียงทั้งหมดของรัฐสภา

435 representatives, plus 100 senators, and 3 electors from the District of Columbia.

สส. 435 คน บวกกับ สว. 100 คน และ อึก 3 คะแนนนเสียงจากเขตโคลัมเบีย

Essentially, the Democratic candidate and Republican candidate

ปกติแล้ว ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน

are each trying to add up the electors in every state so that they surpass 270 electoral votes,

ต่างพยายามรวมผู้มีสิทธิเลือกตั้งในทุกรัฐ เพื่อให้ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 270 เสียง

or just over half the 538 votes, and win the presidency.

หรือเกินครึ่งของคะแนนเสียง 538 เสียง และชนะการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

So how do states even get electoral votes?

แล้วรัฐต่าง ๆ จะได้รับคะแนนเสียง ที่ลงโดยผู้แทนรัฐได้อย่างไร

Each state receives a particular number of electors based on population size.

แต่ละรัฐจะได้รับเก้าอี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตามขนาดประชากร

The census is conducted every 10 years, so every time the census happens,

การสำรวจสำมะโนประชากรจะดำเนินการ ทุก ๆ 10 ปี ดังนั้นทุกครั้งที่มีการสำรวจ

states might gain or lose a few electoral votes.

รัฐอาจได้รับเก้าอี้คะแนนเสียง ของผู้มีสิทธิเลือกเพิ่มขึ้นหรือลดลงบางส่วน

Let's say you're a voter in California, a state with 55 electoral votes.

สมมติว่าคุณเป็นผู้ใช้สิทธิ์ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีเก้าอี้คะแนนเสียง 55 เสียง

If your candidate wins in California, they get all 55 of the state's electoral votes.

หากผู้สมัครของคุณชนะในแคลิฟอร์เนีย เขาจะ ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมด 55 เสียง

If your candidate loses, they get none.

หากผู้สมัครของคุณแพ้ เขาจะไม่ได้คะแนนอะไรเลย

This is why many presidential candidates want to win states like Texas, Florida, and New York.

นี่คือเหตุว่าทำไม ผู้ชิงเก้าอี้ถึงอยากได้ คะแนนจากเท็กซัส ฟลอริดา และนิวยอร์ก

If you currently add up the electoral votes of those three states,

หากปัจจุบันคุณรวมคะแนนผู้มีสิทธิ เลือกตั้งของทั้งสามรัฐดังกล่าว

you would have 96 electoral votes.

คุณจะมีคะแนนเสียง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 96 เสียง

Even if a candidate won North Dakota, South Dakota, Montana, Wyoming,

แม้ว่าผู้สมัครจะชนะในรัฐ นอร์ทดาโคตา เซาท์ดาโคตา มอนแทนา ไวโอมิง

Vermont, New Hampshire. Connecticut and West Virginia,

เวอร์มอนต์ นิวแฮมป์เชอร์ คอนเนตทิคัต และเวสต์เวอร์จิเนีย

they would only gain 31 electoral votes total from those eight states.

พวกเขาจะได้รับคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ เลือกตั้งเพียง 31 เสียงจากแปดรัฐเหล่านั้น

Here is where it can get a little tricky.

นี่คือจุดที่มันอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย

On a rare occasion, like in the year 2000,

ในโอกาสที่หาได้ยาก เช่น ในปี ค.ศ. 2000

someone can win the popular vote but fail to gain 270 electoral votes.

ผู้ลงสมัครอาจชนะคะแนนนิยม แต่กลับได้ เสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ได้ถึง 270 เสียง

This means that the winner may have won and collected their electoral votes by small margins,

ซึ่งหมายความว่าผู้ชนะอาจชนะและรวม คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งได้ในขนาดเล็ก

winning just enough states with just enough electoral votes,

ขอแค่ชนะเพียงแค่ไม่กี่รัฐ ด้วยคะแนนเสียงที่เพียงพอก็พอ

but the losing candidate may have captured large voter margins in the remaining states.

แต่ผู้สมัครที่แพ้อาจได้คะแนนไม่เพียงพอจาก รัฐจำนวนมากที่เหลือ

If this is the case, the very large margins secured by the losing candidate in the other states

หากเป็นกรณีนี้ ผู้ที่ชนะในจำนวนรัฐ ที่มากกว่า แปลว่าคะแนนนิยมอาจจะ

would add up to over 50% of the ballots cast nationally.

รวมกันมากกว่า 50% ของบัตรลงคะแนน ที่ลงคะแนนทั่วประเทศ

Therefore, the losing candidate may have gained more than 50% of the ballots cast by voters,

ดังนั้น ผู้สมัครที่แพ้อาจได้รับคะแนนเสียง จากบัตรลงเลือกตั้งมากกว่า 50%

but failed to gain 270 of the electoral votes.

แต่ไม่ได้รับคะแนนเสียง จากคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียง

Some critics of the electoral college argue the system gives an unfair advantage to states with large numbers of electoral votes.

นักวิจารณ์บางคนเกี่ยวกับคณะการเลือกตั้ง โต้แย้งว่า ระบบนี้

ให้ข้อได้เปรียบอย่างไม่ยุติธรรมแก่ รัฐที่มีคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งมาก

Think of it this way.

ลองคิดในมุมนี้

It is possible for a candidate to not get a single person's vote -- not one vote --

เป็นไปได้ที่ผู้สมัครจะไม่ได้รับคะแนนเสียง จากบุคคลแม้แต่เสียงเดียวจาก 39 รัฐ

in 39 states, or the District of Columbia, yet be elected president by winning the popular vote in just 11 of these 12 states:

หรือจากเขตโคลัมเบีย แต่ก็ยังได้เป็นประธานาธิบดี

ด้วยการชนะคะแนนนิยมจาก 11 ใน 12 รัฐเหล่านี้

California, New York, Texas, Florida, Pennsylvania, Illinois, Ohio,

แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก เท็กซัส ฟลอริดา เพนซิลเวเนีย อิลลินอยส์ โอไฮโอ

Michigan, New Jersey, North Carolina, Georgia or Virginia.

มิชิแกน นิวเจอร์ซีย์ นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย หรือ เวอร์จิเนีย

นี่คือสาเหตุที่ทั้งสองพรรค ให้ความสนใจกับรัฐเหล่านี้เป็นพิเศษ

This is why both parties pay attention to these states.

However, others argue that the electoral college protects small states

อย่างไรก็ตาม นักวิจาร์ณคนอื่น ๆ แย้งว่า คณะผู้เลือกตั้งปกป้องรัฐเล็ก ๆ

such as Rhode Island, Vermont and New Hampshire,

เช่น โรดไอส์แลนด์ เวอร์มอนต์ และนิวแฮมป์เชอร์

and even geographically large states with small populations

หรือแม้แต่รัฐขนาดใหญ่ทางภูมิศาสตร์ แต่ทางประชากรมีน้อย

like Alaska, Wyoming and the Dakotas.

อย่าง อลาสก้า ไวโอมิง และสองดาโกตา

That's because a candidate can't completely ignore small states,

นั่นเป็นเพราะว่า ผู้สมัครไม่สามารถ มองข้ามรัฐเล็ก ๆ ได้

because in a close election, every electoral vote counts.

เพราะในการเลือกตั้งที่สูสี ทุกคะแนนเสียงจากคณะเลือกตั้งจะมีผลชี้ชะตา

There are certain states that have a long history of voting for a particular party.

มีบางรัฐที่มีประวัติการเป็นฐานคะแนนเสียง ให้กับพรรคใดพรรคหนึ่งมายาวนาน

These are known as "safe states."

รัฐเหล่านี้เรียกว่า “เซฟสเตท” (safe state)

For the past four election cycles -- in 1996, 2000, 2004 and 2008 --

สำหรับการเลือกตั้งสี่รอบที่ผ่านมา

ในปี 1996 2000 2004 และ 2008

Democrats could count on states like Oregon, Maryland, Michigan and Massachusetts,

พรรคเดโมแครตสามารถวางใจคะแนนจากรัฐ เช่น ออริกอน แมริแลนด์ มิชิแกน และแมสซาชูเซตส์

whereas the Republicans could count on states like Mississippi, Alabama, Kansas and Idaho.

ขณะเดียวกัน รีพับลิกันมีฐานเสียงจากรัฐ เช่น มิสซิสซิปปี อลาบามา แคนซัส และไอดาโฮ

States that are teetering between between parties are called "swing states."

รัฐที่เหวี่ยงไปมาระหว่างสองขั้วพรรค เรียกว่า สวิงสเตท “swing state”

In the past four election cycles, Ohio and Florida have been swing states,

ในช่วงสี่รอบการเลือกตั้งที่ผ่านมา โอไฮโอและฟลอริดาเป็นรัฐที่แกว่งไปมา

twice providing electoral votes for a Democratic candidate,

โดยให้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งสองครั้ง แก่ผู้สมัครจากเดโมแครต

and twice providing electoral votes for a Republican candidate.

และสองครั้งให้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครจากรีพับลิกัน

Think about it. Do you live in a safe state?

ลองคิดดูสิ คุณอยู่ในรัฐที่เป็นเซฟสเตทหรือไม่

If so, is it a Democratic or Republican safe state?

ถ้าใช่ เป็นเซฟสเตทของ พรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกัน

Do you live in a swing state?

คุณอยู่ในรัฐที่เป็นสวิงสเตทหรือไม่

Are your neighboring states swing or safe?

รัฐเพื่อนบ้านรอบตัวคุณเป็นรัฐสวิงหรือเซฟ

Is the population in your state increasing or decreasing?

ประชากรในรัฐของคุณเพิ่มขึ้นหรือลดลง

And do not forget, when you are watching the electoral returns on election night every four years

และอย่าลืมว่าเมื่อคุณรับชมผลการเลือกตั้ง ในคืนนับคะแนนการเลือกตั้งทุก ๆ สี่ปี

and the big map of the United States is on the screen,

และแผนที่ของสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ ปรากฏให้เห็นบนหน้าจอ

know that the magic number is 270 and start adding.

จดจำไว้ว่า คะแนนที่ต้องได้คือ 270 แล้วเริ่มบวกทดเลขได้เลย