Why the @#$% is there so much traffic? - Benjamin Seibold

Translator: Teetach Atsawarangsalit Reviewer: Supanat Termchaianan

You’re cruising down the highway when all of a sudden

คุณกำลังขับรถอยู่บนทางหลวง แล้วจู่ ๆ

endless rows of brake lights appear ahead.

ก็มีไฟเบรกรถปรากฏขึ้นอยู่หน้าคุณเต็มไปหมด

There’s no accident, no stoplight,

ไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีไฟจราจร

no change in speed limit or narrowing of the road.

ไม่ได้มีการเปลี่ยนการจำกัดความเร็ว หรือถนนแคบลง

So why the @#$%! is there so much traffic?

แล้วเป็นเพราะ @#$%! อะไร ถึงได้รถติดขนาดนี้

When traffic comes to a near standstill for no apparent reason,

เมื่อการจราจรติดขัด โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน

it’s called a phantom traffic jam.

เราเรียกว่า รถติดลวง

A phantom traffic jam is an emergent phenomenon

รถติดลวงเป็นปรากฎการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

whose behavior takes on a life of its own, greater than the sum of its parts.

ซึ่งปรากฏการณ์นี้ควบคุมได้ยาก และไม่ได้เกิดขึ้นโดยเดี่ยว ๆ

But in spite of this, we can actually model these jams,

แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถจำลองสถานการณ์รถติดแบบนี้ได้

even understand the principles that shape them—

และยังเข้าใจหลักการ ที่ทำให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย

and we’re closer than you might think

และเราก็เข้าใกล้เป้าหมาย

to preventing this kind of traffic in the future.

ที่จะป้องกันรถติดแบบนี้ได้ ในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว

For a phantom traffic jam to form, there must be a lot of cars on the road.

การที่จะเกิดรถติดลวงได้นั้น ต้องมีรถเป็นจำนวนมากบนถนน

That doesn’t mean there are necessarily too many cars

แต่ไม่ได้หมายความว่า การมีรถจำนวนมากวิ่งอยู่บนถนน

to pass through a stretch of roadway smoothly,

จะทำให้การจราจรติดขัด

at least not if every driver maintains the same consistent speed and spacing

อย่างน้อยนี่จะไม่เกิดขึ้นถ้ารถทุกคัน รักษาความเร็วและระยะห่างที่เท่ากัน

from other drivers.

จากรถคันอื่น ๆ

In this dense, but flowing, traffic,

ในการจราจรที่หนาแน่น แต่ยังเคลื่อนตัวได้อยู่นี้

it only takes a minor disturbance to set off the chain of events

แค่มีการรบกวนเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ลูกโซ่

that causes a traffic jam.

ที่ทำให้เกิดรถติดได้

Say one driver brakes slightly.

สมมุติว่ามีรถคันหนึ่งเบรกนิดเดียว

Each successive driver then brakes a little more strongly,

รถคันอื่น ๆ ที่ตามมาก็จะเบรก มากกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

creating a wave of brake lights that propagates backward

ทำให้เกิดคลื่นของไฟเบรก ที่ถ่ายทอดไปด้านหลัง

through the cars on the road.

ตามรถที่อยู่บนถนน

These stop-and-go waves can travel along a highway for miles.

คลื่นหยุด ๆ ไป ๆ เหล่านี้สามารถ ถ่ายทอดไปบนทางหลวงได้หลายกิโลเมตร

With a low density of cars on the road,

เมื่อมีรถบนถนนไม่หนาแน่น

traffic flows smoothly because small disturbances,

การจราจรก็จะลื่นไหล เนื่องจากการรบกวนเล็กน้อย

like individual cars changing lanes or slowing down at a curve,

เช่น รถเปลี่ยนเลน หรือชะลอตรงทางโค้ง

are absorbed by other drivers’ adjustments.

รถคันอื่น ๆ สามารถปรับตัวตามได้ทัน

But once the number of cars on the road exceeds a critical density,

แต่เมื่อจำนวนรถบนถนน หนาแน่นเกินค่าวิกฤติค่าหนึ่ง

generally when cars are spaced less than 35 meters apart,

ซึ่งโดยทั่วไปคือเมื่อรถอยู่ห่างกัน น้อยกว่า 35 เมตร

the system’s behavior changes dramatically.

พฤติกรรมของระบบ ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก

It begins to display dynamic instability, meaning small disturbances are amplified.

ทำให้เกิดความไม่เสถียรในการเคลื่อนที่ ซึ่งก็แปลว่าการรบกวนเล็กน้อยจะถูกขยายขึ้น

Dynamic instability isn’t unique to phantom traffic jams—

ความไม่เสถียรในการเคลื่อนที่นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในรถติดลวงเท่านั้น

it’s also responsible for raindrops, sand dunes, cloud patterns, and more.

แต่ยังมีส่วนในการสร้างหยดน้ำฝน เนินทราย รูปแบบเมฆ และอื่น ๆ

The instability is a positive feedback loop.

ความไม่เสถียรนี้ เป็นวงจรแบบกระตุ้นย้อนกลับ

Above the critical density,

เมื่อเลยความหนาแน่นวิกฤติไปแล้ว

any additional vehicle reduces the number of cars per second

จำนวนรถที่เพิ่มขึ้นมา จะลดจำนวนรถต่อวินาที

passing through a given point on the road.

ที่ผ่านจุดจุดหนึ่งบนถนน

This in turn means it takes longer for a local pileup

ซึ่งก็จะทำให้ต้องใช้เวลานานขึ้น เพื่อให้รถกลุ่มหนึ่ง

to move out of a section of the road, increasing vehicle density even more,

เคลื่อนที่ออกจากส่วนหนึ่งของถนน ทำให้ความหนาแน่นของรถเพิ่มขึ้นไปอีก

which eventually adds up to stop-and-go traffic.

ซึ่งในที่สุดก็จะทำให้เกิด รถติดแบบหยุด ๆ ไป ๆ มากขึ้น

Drivers tend not to realize they need to break far in advance of a traffic jam,

คนขับรถมักจะไม่ได้สังเกตว่า ต้องเริ่มชะลอก่อนที่จะถึงส่วนที่รถติด

which means they end up having to brake harder to avoid a collision.

ซึ่งนั่นทำให้คันหลัง ๆ ต้องเบรก แรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ชนคันหน้า

This strengthens the wave of braking from vehicle to vehicle.

การทำเช่นนี้ทำให้คลื่นการเบรก จากรถสู่รถแรงขึ้นเรื่อย ๆ

What’s more, drivers tend to accelerate too rapidly out of a slowdown,

นอกจากนี้ คนมักจะชอบเร่งรถเร็วเกินไป หลังจากที่หยุดช้าลง

meaning they try to drive faster

ซึ่งก็คือการพยายามขับรถเร็วกว่า

than the average flow of traffic downstream of them.

ความคล่องตัวของจราจร ที่อยู่ด้านหน้า

Then, they have to brake again, eventually producing another feedback loop

จากนั้นก็จะต้องเบรกอีกครั้ง ในที่สุดก็จะทำให้เกิดวงจรย้อนกลับอีก

that causes more stop-and-go traffic.

ทำให้เกิดการจราจรแบบหยุด ๆ ไป ๆ

In both cases, drivers make traffic worse

ในทั้งสองกรณีนี้ คนขับรถทำให้รถติดขึ้น

simply because they don’t have a good sense of the conditions ahead of them.

เพียงเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถ ประเมินสภาพการจราจรด้านหน้าได้ดีพอ

Self driving cars equipped with data on traffic conditions ahead

รถที่ขับได้ด้วยตนเองที่มีข้อมูล สภาพการจราจรด้านหน้า

from connected vehicles or roadway sensors

จากรถที่เชื่อมต่อด้วย หรือเซ็นเซอร์บนถนน

might be able to counteract phantom traffic in real-time.

อาจจะสามารถแก้ปัญหา รถติดลวงได้แบบเรียลไทม์

These vehicles would maintain a uniform speed, safety permitting,

รถเหล่านี้จะควบคุมให้ขับด้วย ความเร็วที่เท่ากันและเว้นระยะได้ปลอดภัย

that matches the average speed of the overall flow,

เข้ากันกับความเร็วเฉลี่ย ของความคล่องตัวโดยรวมได้

preventing traffic waves from forming.

ทำให้ไม่เกิดคลื่นการจราจรขึ้น

In situations where there’s already a traffic wave,

ในสถานการณ์ที่ มีรถติดอยู่แล้ว

the automated vehicle would be able to anticipate it,

รถอัตโนมัติ จะสามารถคาดเดาได้

braking sooner and more gradually than a human driver

ทำให้เบรกได้ล่วงหน้าอย่างไม่กระทันหัน มากกว่าการใช้คนขับรถ

and reducing the strength of the wave.

และลดความรุนแรงของคลื่น

And it wouldn’t take that many self-driving cars—

และก็ไม่ได้ต้องใช้รถที่ขับได้ด้วยตนเอง หลายคันมาก

In a recent experiment, one autonomous vehicle for every 20 human drivers

ในการทดลองเมื่อเร็ว ๆ นี้ รถอัตโนมัติหนึ่งคันต่อรถที่ใช้คนขับ 20 คัน

was enough to dampen and prevent traffic waves.

ก็เพียงพอที่จะลด และป้องกันการเกิดคลื่นจราจรได้

Traffic jams are not only a daily annoyance–

รถติดนั้นไม่ได้เป็นเพียง ความน่ารำคาญในชีวิตประจำวันเท่านั้น

they’re a major cause of fatalities,

แต่ยังเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ

wasted resources, and planet-threatening pollution.

การสูญเสียทรัพยากร และมลพิษที่เป็นอันตรายต่อโลกอีกด้วย

But new technology may help reduce these patterns,

แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยลด รถติดแบบนี้ได้

rendering our roads safer,

ทำให้ถนนของเราปลอดภัยมากขึ้น

our daily commutes more efficient, and our air cleaner.

การเดินทางประจำวันของเรามีประสิทธิภาพขึ้น และอากาศของเราสะอาดขึ้น

And the next time you’re stuck in traffic,

และครั้งต่อไปที่คุณเจอรถติด

it may help to remember that other drivers aren’t necessarily driving spitefully,

คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อรู้ว่าคนขับรถ คนอื่น ๆ อาจจะไม่ได้ขับรถอย่างไม่ใส่ใจ

but are simply unaware of road conditions ahead— and drive accordingly.

แต่อาจจะแค่ไม่รู้ถึงสภาพถนนด้านหน้า และขับตาม ๆ กันไปเท่านั้น