Ethical dilemma: Who should you believe? - Alex Worsnip

Translator: Nitchamat Watthanasiriphawong Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

You’re sitting on the couch watching TV, when you hear a knock on the door.

ในขณะที่คุณกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา คุณได้ยินเสียงเคาะประตู

The police have just arrived to arrest your spouse— for murder.

ตำรวจมาถึงเพื่อจับกุมคู่สมรสของคุณ ในข้อหาฆาตกรรม

This accusation comes as a total shock.

เป็นเรื่องน่าตกใจมากสำหรับข้อกล่าวหานี้

In your experience, your partner has always been gentle and loving,

จากประสบการณ์ คู่รักของคุณเป็น คนที่อ่อนโยนและเป็นมิตรมาตลอด

and you can't imagine them committing a grisly murder.

และคุณนึกภาพไม่ออกเลยว่าเขาก่อเหตุ ฆาตรกรรมอันน่าสยอง

But the evidence is serious:

แต่หลักฐานนั้นเล่นเอาขำไม่ออก

their fingerprints were found on the murder weapon.

ลายนิ้วมือของเขาถูกพบบนมีดที่ใช้ก่อเหตุ

Your spouse insists they're innocent.

เขายืนกรานว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์

“I know it looks bad,” they say, “but you have to believe me!

“ผมรู้ว่ามันฟังดูแย่ แต่เชื่อผมเถอะ” เขากล่าว

If you don’t, who will?”

“ไม่งั้นใครจะเชื่อ”

Should you believe your spouse,

คุณควรเชื่อเขาไหม

even though the evidence against them looks damning?

ทั้ง ๆ ที่หลักฐานมัดตัวเขา มีแนวโน้มว่าเขาผิด

Take a second to think what you would believe in this situation.

ใช้เวลาคิดสักนิดว่าคุณจะเชื่ออะไร ในสถานการณ์แบบนี้

This dilemma is part of what philosophers call the ethics of belief:

ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ

สิ่งที่นักปรัชญาเรียกว่า จริยธรรมแห่งความเชื่อ

a field of study that explores how we ought to form beliefs,

ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของการศึกษาว่า เราควรกำหนดรูปแบบความเชื่ออย่างไร

and whether we have ethical duties to believe certain things.

และเรามีพันธะทางจริยธรรมที่จะ เชื่อบางสิ่งหรือไม่

The question here isn't about what you should do,

คำถามนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรทำเลย

such as whether or not you should find your spouse guilty in a court of law.

ไม่เกี่ยวกับการที่คุณตัดสินว่าคู่ของคุณ มีความผิดในชั้นศาลหรือไม่

After all, you wouldn’t be on the jury in their trial!

เพราะสุดท้ายแล้วคุณก็ไม่ได้อยู่ใน คณะลูกขุนในการพิจารณาคดีของเขา

Rather, it’s about what you should believe to be true.

ถ้าจะพูดให้ถูกคือมันเกี่ยวกับ สิ่งที่จะเชื่อว่าเป็นความจริง

So, what factors should you consider?

ถ้างั้นควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้างล่ะ

Perhaps the most obvious is your evidence.

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นหลักฐาน

After all, to believe something is to take it to be true.

ทั้งนี้ทั้งนั้นการเชื่อบางสิ่งบางอย่างคือ การทำให้มันเป็นจริง

And evidence is, by definition,

นิยามคำว่าหลักฐานก็คือ

all information that helps us determine what's true.

ข้อมูลทั้งหมดที่ช่วยเราค้นหาความจริงได้

From this, some philosophers draw the conclusion that evidence

จากนิยามนี้ นักปรัชญาบางคนจึงสรุปได้ว่า

is the only thing that ought to determine what you believe.

หลักฐานเป็นสิ่งเดียวที่ กำหนดสิ่งที่คุณเชื่อ

This view is called evidentialism, and a strict evidentialist would say

มุมมองแบบนี้เรียกว่าแนวคิดแบบหลักฐานนิยม

ผู้ที่ยึดแนวคิดหลักฐานนิยม อย่างเคร่งครัดจะพูดว่า

it doesn’t matter that the accused is your spouse.

ไม่สำคัญเลยที่ผู้ต้องหาจะเป็นคู่สมรสของคุณ

You should evaluate the evidence from a neutral, objective point of view.

คุณควรประเมินหลักฐานจากมุมมองที่ เป็นกลางและไม่ลำเอียง

Taking the perspective of an unbiased third party,

ในฐานะบุคคลที่สามอย่างเป็นกลาง

your judgment of your spouse's character is a relevant consideration.

การตัดสินอุปนิสัยคู่สมรสของคุณ ถือเป็นข้อพิจารณาที่เหมาะสม

But finding their fingerprints at the crime scene

แต่เมื่อพบลายนิ้วมือของเขาในที่เกิดเหตุ

is surely stronger evidence.

นั่นถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจน มากขึ้นอย่างแน่นอน

So, from an evidentialist point of view,

ดังนั้น จากมุมมองของผู้ที่ยึด แนวคิดแบบหลักฐานนิยม

you should either believe your spouse is guilty,

คุณควรเชื่อว่าคู่สมรสของคุณมีความผิด

or at best remain undecided.

หรืออย่างดีที่สุดก็คือยังไม่ตัดสินใจก่อน

Some philosophers present evidentialism only as a view

นักปรัชญาบางคนชี้ให้เห็นว่าแนวคิดแบบ หลักฐานนิยมเป็นมุมมอง

of what’s most rational to believe.

ที่มีเหตุผลมากที่สุดที่จะเชื่อ

But others, like 19th century evidentialist W.K. Clifford,

แต่ทว่าผู้ที่ยึดแนวคิดหลักฐานนิยมคนอื่น ๆ

ในศตวรรษที่ 19 อย่าง วิลเลียม คิงคอน คลิฟฟอร์ด

think that following the evidence is also morally required.

เชื่อว่าการติดตามหลักฐานยังคงเป็น สิ่งสำคัญในทางศีลธรรม

One argument for this view is that having well-informed, accurate beliefs

เหตุผลหนึ่งสำหรับแนวคิดนี้คือ การมีข้อมูลที่ดีและความเชื่อที่ถูกต้อง

is often vitally important to determining the ethical way to act.

มักมีความสำคัญอย่างมากต่อการสอบสวน การกระทำตามหลักจริยธรรม

Another argument is that there’s something unethical about being dishonest,

อีกเหตุผลหนึ่งคือความไม่สุจริต ถือว่าไร้จรรยาบรรณ

and refusing to follow the evidence is a way of being dishonest with oneself.

และการปฏิเสธการติดตามหลักฐาน ถือเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง

However, perhaps there are other ethical factors in play.

อย่างไรก็ตาม อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ในทางจริยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

Although the evidence against your spouse is strong,

แม้ว่าหลักฐานที่สาวถึงคู่สมรสของคุณ มีความน่าเชื่อถือ

there’s still a chance that they’re actually innocent.

แต่ก็มีโอกาสที่เขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ

Think for a moment about how it would feel to be innocent,

ลองนึกดูว่าการเป็นผู้บริสุทธิ์ นั้นมีความรู้สึกอย่างไร

and have no one believe you— not even your own partner!

ไม่มีใครเชื่อคุณ แม้แต่แฟนคุณเอง

By not trusting your spouse,

การไม่เชื่อใจคู่สมรสของคุณ

you run the risk of seriously hurting them in their crucial hour of need.

คุณก็เสี่ยงที่จะทำร้ายจิตใจเขาอย่างสาหัส ในช่วงเวลาวิกฤตที่เขาต้องการความช่วยเหลือ

Moreover, consider what this lack of trust would do to your marriage.

จากนั้นลองพิจารณาว่าการไม่เชื่อใจนี้

จะส่งผลอะไรต่อชีวิตการแต่งงานของคุณ

It would be incredibly difficult to continue a loving relationship

คงจะยากมากที่จะสานสัมพันธ์รักต่อไป

with someone that you believed— or even strongly suspected—

กับคนที่คุณสงสัยหรือแม้แต่เชื่อว่า

was a murderer.

เขาคือฆาตรกร

You might try to pretend to believe that your spouse is innocent,

คุณอาจจะพยามแสร้งทำเป็นว่า คู่ของคุณไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ

but could you really go on living that lie?

แต่คุณสามารถใช้ชีวิตต่อไป บนความหลอกลวงนั้นได้หรอ

According to a theory of the ethics of belief called pragmatism,

ตามทฤษฎีของหลักจริยศาสตร์ ที่เรียกว่าลัทธิปฎิบัตินิยม

these kinds of practical considerations can sometimes make it right

การพิจารณาตามหลักความเป็นจริงเช่นนี้ บางครั้งก็สามารถนำไปสู่ความเชื่อ

to believe something even without strong evidence.

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดก็ตาม

Some pragmatists would even say that you morally owe it to your spouse

นักปฎิบัตินิยมบางคนถึงกับพูดว่า

to believe them.

คุณต้องเชื่อใจคู่สมรสของคุณ

But is it even possible to believe your spouse is innocent

แต่มันจะเป็นไปได้ไหมที่จะเชื่อว่า คู่สมรสของคุณเป็นผู้บริสุทธิ์

just because you think it’ll be good for your relationship?

เพียงเพราะว่าคุณคิดว่ามันจะดี ต่อความสัมพันธ์ของคุณ

Or because you think you owe it to the accused?

หรือเป็นเพราะคุณคิดว่าคุณควรทำเช่นนั้น

You might desperately want to believe they’re innocent,

คุณอาจจะอยากเชื่อว่าเขาไม่ได้ก่อเหตุจริง ๆ

but can you control your beliefs in the same way you control your actions?

แต่คุณสามารถควบคุมความเชื่อของคุณให้ได้ แบบควบคุมการกระทำไหมล่ะ

It seems like you can’t just believe whatever you like

ดูเหมือนคุณไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ คุณอยากจะเชื่อได้

when the truth is staring you in the face.

เมื่อคุณกำลังเผชิญหน้ากับความจริง

But on the other hand, recall your spouse’s plea.

แต่ในขณะเดียวกัน ลองนึกถึงคำแก้ต่างของเขา

When we say things like this,

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว

we seem to be assuming that it is possible to control our beliefs in some way.

ดูเหมือนว่า การควบคุมความเชื่อของเรา ในทางใดทางหนึ่งอาจเป็นไปได้

So what do you think? Can you control what beliefs you have?

แล้วคุณคิดอย่างไรล่ะ

เราสามารถควบคุมความเชื่อของเราได้ไหม

And if so, what will you believe about your spouse?

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว คุณจะเชื่ออะไรดี หากนั่นเป็นคู่สมรสของคุณ