Are the Northern Lights dangerous? - Fabio Pacucci

Translator: Pisura Am Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

On September 1st, 1859, miners following the Colorado gold rush woke up

ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1859 นักขุดแร่ในยุคตื่นทอง รัฐโคโลราโด

to another sunny day.

ตื่นขึ้นในเช้าที่แดดสดใส

Or so they thought.

พวกเขาคิดเช่นนั้น

To their surprise, they soon discovered it was actually 1 am;

พวกเขาประหลาดใจ เมื่อพบความจริงว่านั่นเป็นเวลาตีหนึ่ง

and the sky wasn’t lit by the Sun, but rather by brilliant drapes of light.

ท้องฟ้าไม่ได้สว่างเพราะดวงอาทิตย์ แต่เกิดจากบรรดาแสงแพรวพราว

The blazing glow could be seen as far as the Caribbean,

แสงส่องสว่าง สามารถมองเห็นได้ไกลถึงแคริบเบียน

leading people in many regions to believe that nearby cities had caught fire.

ทำให้ผู้คนในหลายพื้นที่ คิดว่าเกิดเพลิงไหม้ในเมืองข้างเคียง

But the true cause of what would come to be known as the Carrington Event

สาเหตุแท้จริงซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในนาม ปรากฏการณ์คาร์ริงตัน

was a solar storm— the largest in recorded history.

พายุสุริยะครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกเอาไว้

Solar storms are one of many astrophysical phenomena caused by magnetic fields.

พายุสุริยะเป็นหนึ่งในหลายปรากฏการณ์ ทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่เกิดจากสนามแม่เหล็ก

These fields are generated by movements of electrically charged particles

สนามเหล่านี้เกิดจาก การเคลื่อนตัวของอนุภาคประจุไฟฟ้า

like protons and electrons.

อย่างโปรตอนและอิเล็กตรอน

For example, Earth’s magnetic field is generated by charged molten metals

ตัวอย่างเช่น สนามแม่เหล็กของโลก เกิดขึ้นจากประจุโลหะหลอมเหลว

circulating in the planet's outer core.

หมุนเวียนในแกนโลกชั้นนอก

Similarly, the Sun’s magnetic field is generated by large convective movements

สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ก็ถูกสร้างขึ้นโดยการพาความร้อน

in the plasma that composes the star.

ภายในพลาสมาที่ก่อกำเนิดดวงอาทิตย์

As this plasma slowly swirls,

เมื่อพลาสมาหมุนวนอย่างช้า ๆ

it creates areas of intense magnetic activity called sunspots.

ก่อให้เกิดพื้นที่สนามแม่เหล็กเข้มข้นสูง เรียกว่าจุดดับบนดวงอาทิตย์

The magnetic fields that form near these regions

สนามแม่เหล็กที่ก่อตัวใกล้บริเวณเหล่านี้

often become twisted and strained.

มักจะบิดเป็นเกลียวและตึง

And when they’re stretched too far, they snap into simpler configurations,

เมื่อถูกยืดจนมากเกินไป จะเกิดการแยกตัวเป็นอนุภาค

releasing energy that launches plasma from the Sun’s surface.

ปล่อยพลังงานที่ก่อให้เกิดพลาสมา จากพื้นผิวดวงอาทิตย์

These explosions are known as coronal mass ejections.

การระเบิดนี้เรียกว่า การปลดปล่อยมวลโคโรนา

The plasma— mostly made of protons and electrons— accelerates rapidly,

พลาสมาซึ่งส่วนมากประกอบด้วย โปรตอนและอิเล็กตรอน เร่งตัวอย่างรวดเร็ว

quickly reaching thousands of kilometers per second.

สูงถึงหลายพันกิโลเมตรต่อวินาที

A typical coronal mass ejection covers the distance between the Sun and the Earth

การปลดปล่อยมวลโคโรนา ครอบคลุมระยะห่างจากดวงอาทิตย์และโลก

in just a couple of days,

ภายในเวลาไม่กี่วัน

flowing along the magnetic field that permeates the solar system.

เคลื่อนตัวพร้อมกับสนามแม่เหล็ก ที่แผ่ไปทั่วระบบสุริยะ

And those that cross the Earth’s path are drawn to its magnetic field lines,

ส่วนที่มุ่งหน้ามายังโลก จะถูกดูดด้วยเส้นแรงแม่เหล็ก

falling into the atmosphere around the planet’s magnetic poles.

ตกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศบริเวณขั้วแม่เหล็กโลก

This tidal wave of high-energy particles excites atmospheric atoms

คลื่นที่เต็มไปด้วยอนุภาคพลังงานมหาศาล กระตุ้นอะตอมในชั้นบรรยากาศ

such as oxygen and nitrogen,

เช่น ออกซิเจนและไนโตรเจน

causing them to rapidly shed photons at various energy levels.

ส่งผลให้พวกมันแยกโฟตอน ออกเป็นระดับพลังงานที่หลากหลาย

The result is a magnificent light show we know as the auroras.

ผลลัพธ์ที่ได้คือแสงตระการตา ที่เราเรียกกันว่าออโรรา

And while this phenomenon is usually only visible near the Earth’s poles,

แม้ปรากฏการณ์นี้ มักพบเห็นได้บริเวณใกล้ขั้วโลกเท่านั้น

strong solar storms can bring in enough high energy particles

พายุสุริยะที่รุนแรง ก็สามารถพาอนุภาคพลังงานระดับสูง

to light up large stretches of the sky.

ทำให้เกิดแสงแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้าได้

The magnetic fields in our solar system are nothing

สนามแม่เหล็กในระบบสุริยะของเรา

compared to those found in deep space.

เทียบไม่ได้กับสนามที่พบในอวกาศห้วงลึก

Some neutron stars generate fields 100 billion times stronger

ดาวนิวตรอนบางดวงสร้างสนาม ที่รุนแรงกว่าแสนล้านเท่า

than those found in sunspots.

ของจุดดับบนดวงอาทิตย์

And the magnetic fields around supermassive black holes

สนามแม่เหล็กบริเวณหลุมดำมวลยิ่งยวด

expel jets of gas that extend for thousands of light years.

ปล่อยลำแก๊สที่แผ่ออกไปไกลหลายพันปีแสง

However, on Earth, even weak solar storms can be surprisingly dangerous.

อย่างไรก็ตาม แม้พายุสุริยะลูกเล็ก ก็อาจเป็นอันตรายอย่างมากบนโลก

While the storms that reach us are generally harmless to humans,

แม้พายุที่พัดมาถึงพวกเรา จะไม่มีภัยต่อมนุษย์

the high-energy particles falling into the atmosphere

อนุภาคพลังงานระดับสูงที่ตกสู่ชั้นบรรยากาศ

create secondary magnetic fields,

ก่อให้เกิดสนามแม่เหล็กชั้นรอง

which in turn generate rogue currents that short-circuit electrical equipment.

สร้างคลื่นทำลายล้าง ซึ่งทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าลัดวงจร

During the Carrington Event,

ช่วงที่เกิดปรากฏการณ์คาร์ริงตัน

the only widespread electrical technology was the telegraph.

เทคโนโลยีไฟฟ้าที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย มีเพียงโทรเลข

But since then, we've only become more dependent on electrical systems.

แต่นับแต่นั้นมา เราเอาแต่พึ่งพาระบบไฟฟ้ามากขึ้น

In 1921, another powerful solar storm caused telephones

ในปี 1921 พายุสุริยะอันทรงพลังอีกลูก

and telegraph equipment around the globe to combust.

ทำให้โทรศัพท์และโทรเลขทั่วโลกลุกเป็นไฟ

In New York, the entire railway system was shut down and fires broke out

ระบบทางรถไฟทั้งหมดในนิวยอร์กหยุดทำการ เกิดไฟไหม้หลายแห่ง

in the central control building.

ในบริเวณอาคารศูนย์ควบคุม

Comparatively weak storms in 1989 and 2003

เมื่อเทียบกับพายุสุริยะลูกเล็ก ปีค.ศ. 1989 และ 2003

turned off regions of the Canadian power grid

ทำให้ไฟฟ้าดับในหลายภูมิภาคของแคนาดา

and damaged multiple satellites.

และทำลายดาวเทียมไปหลายดวง

If we were hit by a storm as strong as the Carrington Event today,

ถ้าเราถูกพายุ ที่แรงเท่าปรากฏการณ์แคร์ริงตันโจมตี

it could devastate our interconnected, electrified planet.

โลกของเราที่เชื่อมโยงทุกอย่างด้วยไฟฟ้า คงเสียหายอย่างหนัก

Fortunately, we're not defenseless.

โชคดีที่เราไม่ได้ละเลยการป้องกัน

After centuries of observing sunspots,

หลังจากสังเกตจุดดับมาหลายร้อยปี

researchers have learned the Sun’s usual magnetic activity

นักวิจัยพบว่าวัฏจักรสนามแม่เหล็ก ของดวงอาทิตย์

follows an 11-year cycle,

เกิดขึ้นทุก 11 ปี

giving us a window into when solar storms are most likely to occur.

ทำให้เราสามารถกะได้ว่า พายุสุริยะจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

And as our ability to forecast space weather has improved,

ความสามารถในการพยากรณ์อากาศ ในอวกาศที่ก้าวหน้า

so have our mitigation measures.

ช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้

Power grids can be shut off in advance of a solar storm,

โครงข่ายไฟฟ้าจะถูกปิดก่อนเกิดพายุสุริยะ

while capacitors can be installed to absorb the sudden influx of energy.

ติดตั้งตัวเก็บประจุเพื่อดูดซับพลังงาน ที่อาจทะลักขึ้นอย่างฉับพลัน

Many modern satellites and spacecraft are equipped with special shielding

มีการติดตั้งเกราะป้องกันพิเศษ บนดาวเทียมและยานอวกาศสมัยใหม่

to absorb the impact of a solar storm.

เพื่อลดผลกระทบจากพายุสุริยะ

But even with these safeguards,

แต่การป้องกันเหล่านี้

it’s hard to say how our technology will fare during the next major event.

ก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเทคโนโลยีของเรา จะจัดการกับเหตุการณ์ครั้งต่อไปได้

It’s possible we’ll be left with only the aurora overhead

เราอาจจะเหลือเพียงแสงออโรราเหนือท้องฟ้า

to light the path forward.

ที่ช่วยส่องนำทางอนาคตต่อไปได้