How fear of nuclear power is hurting the environment | Michael Shellenberger

Translator: Ronnakrit Rattanasriampaipong Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Have you heard the news?

คุณเคยได้ยินข่าวไหมครับ

We're in a clean energy revolution.

เรากำลังอยู่ในยุคของการปฏิวัติพลังงานสะอาด

And where I live in Berkeley, California,

และใน เบิร์คลีย์ แคลิฟอเนีย เมืองที่ผมอยู่

it seems like every day I see a new roof with new solar panels going up,

ผมจะเห็นหลังคาที่มีแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ ถูกติดตั้งขึ้นใหม่เป็นประจำ

electric car in the driveway.

รถพลังงานไฟฟ้าบนท้องถนน

Germany sometimes gets half its power from solar,

เกือบครึ่งหนึ่งของพลังงานที่ใช้ในเยอรมัน มาจากพลังงานแสงอาทิตย์

and India is now committed to building 10 times more solar

และอินเดียก็ตั้งใจที่จะสร้างแหล่งพลังงาน แสงอาทิตย์ให้มากกว่า 10 เท่า

than we have in California,

ของที่เรามีอยู่ในแคลิฟอเนีย

by the year 2022.

ภายในปี ค.ศ. 2022

Even nuclear seems to be making a comeback.

หรือแม้แต่พลังงานนิวเคลียร์ ก็เหมือนกำลังกลับมาเป็นที่สนใจ

Bill Gates is in China working with engineers,

บิลล์ เกตส์ กำลังร่วมงาน กับเหล่าวิศวกรในประเทศจีน

there's 40 different companies that are working together

บริษัทต่าง ๆ 40 แห่ง ต่างให้ความร่วมมือ

to try to race to build the first reactor that runs on waste,

เพื่อที่จะเร่งสร้างเตาปฏิกรณ์เครื่องแรก ที่ใช้ขยะเป็นแหล่งเชื้อเพลิง

that can't melt down

ขยะที่ไม่ย่อยสลาย

and is cheaper than coal.

และมีราคาถูกกว่าถ่านหิน

And so you might start to ask:

ถึงตอนนี้ คุณอาจเริ่มตั้งคำถาม

Is this whole global warming problem

ว่าปัญหาสภาวะโลกร้อนทั้งหมดนั้น

going to be a lot easier to solve than anybody imagined?

จะถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย อย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดอย่างนั้นหรือเปล่า

That was the question we wanted to know,

นั้นเป็นคำถามที่เราทุกคนอยากจะได้คำตอบ

so my colleagues and I decided to take a deep dive into the data.

ฉะนั้น ผมและเพื่อนร่วมงาน ตัดสินใจที่จะดูข้อมูลให้ลึกยิ่งขึ้น

We were a little skeptical of some parts

เราค่อนข้างที่จะติดใจสงสัยในบางเรื่อง

of the clean energy revolution story,

เกี่ยวกับกับเรื่องราว ของการปฏิวัติพลังงานสะอาด

but what we found really surprised us.

แต่สิ่งเราได้พบทำให้เรารู้สึกประหลาดใจมาก

The first thing is that clean energy has been increasing.

ประการแรก พลังงานสะอาดนั้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาสักระยะแล้ว

This is electricity from clean energy sources over the last 20 years.

นี่คือกระแสไฟฟ้าที่ได้จากแหล่งพลังงานสะอาด ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

But when you look at the percentage of global electricity

แต่ถ้าคุณดูสัดส่วนของ ปริมาณกระแสไฟฟ้าทั้งโลก

from clean energy sources,

ที่ผลิตจากแหล่งพลังงานสะอาด

it's actually been in decline from 36 percent to 31 percent.

อันที่จริงแล้ว มันมีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 36 เหลือเพียงร้อยละ 31

And if you care about climate change,

และถ้าคุณอยากแก้ปัญหา การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ

you've got to go in the opposite direction

มันควรที่จะต้องเป็นไปในทางกลับกัน

to 100 percent of our electricity from clean energy sources,

คือ กระแสไฟฟ้าทั้งหมดควรจะผลิต มาจากแหล่งพลังงานสะอาดเท่านั้น

as quickly as possible.

และมันต้องเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

Now, you might wonder,

ถึงตอนนี้ คุณคงสงสัยว่า

"Come on, how much could five percentage points of global electricity be?"

"ไม่เอาน่า ร้อยละ 5 ของกระแสไฟฟ้าทั้งโลก มันจะมากแค่ไหนกันเชียว"

Well, it turns out to be quite a bit.

จริง ๆ แล้วมันค่อนข้างที่จะเยอะอยู่นะครับ

It's the equivalent of 60 nuclear plants

เรากำลังพูดถึงพลังงานที่ได้จาก โรงงานนิวเคลียร์ 60 แห่ง

the size of Diablo Canyon, California's last nuclear plant,

ที่มีขนาดเท่ากับ ไดอะโบล แคนยอน โรงงานนิวเคลียร์สุดท้ายในแคลิฟอเนีย

or 900 solar farms the size of Topaz,

หรือเทียบเท่าฟาร์มแสงอาทิตย์ 900 แห่ง ที่มีขนาดเท่ากับที่โทปาซ

which is one of the biggest solar farms in the world,

ซึ่งเป็นหนึ่งในฟาร์มแสงอาทิตย์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

and certainly our biggest in California.

และแน่นอน ฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในแคลิฟอเนีย

A big part of this is simply that fossil fuels are increasing

สาเหตุหลักนั่นก็เพราะว่า เราใช้พลังงานฟอสซิลเพิ่มขึ้น

faster than clean energy.

ในอัตราที่รวดเร็ว กว่าการใช้พลังงานสะอาด

And that's understandable.

และนั่นก็เข้าใจได้

There's just a lot of poor countries

เพราะมีประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่ง

that are still using wood and dung and charcoal

ที่ยังใช้ ฟืน, มูลสัตว์ และ ถ่านไม้

as their main source of energy,

เป็นเชื้อเพลิงหลัก

and they need modern fuels.

และพวกเขาต้องการเชื้อเพลิงใหม่ ๆ

But there's something else going on,

แต่มันยังมีอะไรที่มากกว่านั้น

which is that one of those clean energy sources in particular

ซึ่งก็คือหนึ่งในพลังงานสะอาดที่เราพูดถึงนั้น

has actually been on the decline in absolute terms,

กำลังมีแนวโน้มการใช้ที่ลดลงจริง ๆ

not just relatively.

ไม่ใช่แค่ในเชิงเปรียบเทียบ

And that's nuclear.

และมันก็คือ พลังงานนิวเคลียร์

You can see its generation has declined seven percent

จะเห็นว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ หายไปร้อยละ 7

over the last 10 years.

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

Now, solar and wind have been making huge strides,

ทีนี้ ในส่วนของพลังงานแดดและลมนั้น มีการพัฒนาไปอย่างมาก

so you hear a lot of talk about how it doesn't really matter,

คุณจึงได้ยินการบรรยายมากมาย ที่บอกว่าเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา

because solar and wind is going to make up the difference.

เพราะพลังงานแดดและลม จะผลิตพลังงานมาชดเชยในส่วนนี้เอง

But the data says something different.

แต่จากข้อมูลบอกสิ่งที่แตกต่างไปจากนั้น

When you combine all the electricity from solar and wind,

ถ้าคุณรวมกระแสไฟฟ้า ที่ได้จากแดดและลมทั้งหมด

you see it actually barely makes up half of the decline from nuclear.

จะเห็นว่ามันชดเชยได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ของพลังงานนิวเคลียร์ที่ลดลงเลย

Let's take a closer look in the United States.

ลองมาดูในสหรัฐอเมริกาอย่างละเอียดกัน

Over the last couple of years -- really 2013, 2014 --

ในช่วงสองถึงสามปีมานี้ ในปี ค.ศ. 2013 และ 2014 --

we prematurely retired four nuclear power plants.

เราได้หยุดใช้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์สี่แห่ง ก่อนเวลาอันควร

They were almost entirely replaced with fossil fuels,

เกือบทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยพลังงานฟอสซิล

and so the consequence was that we wiped out

ผลที่ตามมาคือ เราได้สูญเสียกระแสไฟฟ้า

almost as much clean energy electricity that we get from solar.

ในปริมาณมากพอ ๆ กับพลังงานสะอาด ที่ผลิตได้แสงอาทิตย์

And it's not unique to us.

และนี่ไม่ได้เกิดเฉพาะกับเรา

People think of California as a clean energy and climate leader,

คนมักจะมองว่าแคลิฟอร์เนียเป็นผู้นำ ในด้านพลังงานสะอาดและการดูแลสภาพอากาศ

but when we looked at the data,

แต่เมื่อเราดูกันที่ข้อมูล

what we found is that, in fact,

จะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้ว

California reduced emissions more slowly than the national average,

แคลิฟอร์เนียลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช้ากว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

between 2000 and 2015.

ระหว่างปี ค.ศ. 2000 และ 2015

What about Germany?

แล้วที่เยอรมันนีล่ะ

They're doing a lot of clean energy.

พวกเขาใช้พลังงานสะอาดมากมาย

But when you look at the data,

แต่ถ้าเอาข้อมูลมาดู

German emissions have actually been going up since 2009,

คนเยอรมันปล่อยก๊าซสู่ชั้นบรรยากาศ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009

and there's really not anybody who's going to tell you

และจะมีคนสำคัญที่จะคุณว่า

that they're going to meet their climate commitments in 2020.

พวกเขากำลังจะทำได้ตามข้อตกลง เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศได้ในปี ค.ศ. 2020

The reason isn't hard to understand.

เหตุผลนั้นก็เข้าใจได้ไม่ยาก

Solar and wind provide power about 10 to 20 percent of the time,

ลมและแดดนนั้นให้พลังงานได้แค่ ร้อยละ 10 ถึง 20 ต่อช่วงเวลาทำการหนึ่ง ๆ

which means that when the sun's not shining,

กล่าวคือ ถ้าไม่มีแสงแดด

the wind's not blowing,

ลมก็จะไม่พัด

you still need power for your hospitals,

แต่คุณยังต้องการพลังงานสำหรับโรงพยาบาล

your homes, your cities, your factories.

ที่พักอาศัย, เมือง, และโรงงานต่าง ๆ

And while batteries have made some really cool improvements lately,

และถึงแม้ว่าแบตเตอร์รี่ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก ในช่วงที่ผ่านมา

the truth is, they're just never going to be as efficient

อย่างไรเสียมันก็ยังสู้ประสิทธิภาพ

as the electrical grid.

แหล่งพลังงานไฟฟ้าปกติได้

Every time you put electricity into a battery and take it out,

ทุกครั้งที่คุณชาร์จไฟฟ้าใส่ในแบตเตอร์รี่ และเอามันออกมาใช้

you lose about 20 to 40 percent of the power.

คุณสูญเสียประมาณร้อยละ 20 ถึง 40 ของพลังงานงานทั้งหมด

That's why when, in California,

และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในแคลิฟอร์เนีย

we try to deal with all the solar we've brought online --

แม้ว่าเราจะพยายามจัดการ กับพลังงานแสงแดดทั้งหมดแล้ว

we now get about 10 percent of electricity from solar --

เราสามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้เพียง ร้อยละ 10 เท่านั้น

when the sun goes down, and people come home from work

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผู้คนกลับบ้านจากที่ทำงาน

and turn on their air conditioners and their TV sets,

และเปิดเครื่องปรับอากาศและโทรทัศน์

and every other appliance in the house,

และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน

we need a lot of natural gas backup.

นั่นแหละ ที่ทำให้เรา ต้องมีก๊าซธรรมชาติสำรองเอาไว้ใช้

So what we've been doing

ฉะนั้น สิ่งที่เรากำลังทำ

is stuffing a lot of natural gas into the side of a mountain.

คือการกักเก็บแก๊สธรรมชาติปริมาณมาก ไว้ทางด้านหนึ่งของภูเขา

And that worked pretty well for a while,

ซึ่งมันก็ได้ผลค่อนข้างดีอยู่ระยะหนึ่ง

but then late last year, it sprung a leak.

แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก๊าซพวกนั้นได้รั่วสู่บรรยากาศ

This is Aliso Canyon.

นี่คือ อะลิโซ แคนยอน

So much methane gas was released,

ก๊าซมีเทนรั่วออกมาในปริมาณมาก

it was the equivalent of putting half a million cars on the road.

เทียบได้กับปริมาณไอเสียจากรถยนต์ 500,000 คัน บนท้องถนน

It basically blew through all of our climate commitments for the year.

ซึ่งทั้งหมดนั้น เท่ากับปริมาณที่เราตกลง ว่าปลอยได้ภายในหนึ่งปี

Well, what about India?

เอาล่ะ ดูที่อินเดียบ้าง

Sometimes you have to go places to really get the right data,

บางทีคุณต้องดูข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นถูกต้อง

so we traveled to India a few months ago.

เราจึงเดินทางไปอินเดียเมื่อสองสามเดือนก่อน

We met with all the top officials -- solar, nuclear, the rest --

ไปพบกับทุกหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องของ พลังงานแสงอาทิตย์, นิวเคลียร์ และอื่น ๆ

and what they told us is,

และสิ่งที่เขาบอกกับพวกเราก็คือ

"We're actually having more serious problems

"เรากำลังมีปัญหาที่หนักกว่า

than both Germany and California.

ทั้งที่เยอรมันนีและแคลิฟอร์เนีย

We don't have backup; we don't have all the natural gas.

เราไม่มีพลังงานสำรอง ไม่มีแม้แต่ก๊าซธรรมชาติ

And that's just the start of it.

และนั่นก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นของปัญหา

Say we want to get to 100 gigawatts by 2022.

สมมติว่า เราอยากผลิตไฟฟ้า 100 กิกะวัตต์ ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2022

But last year we did just five,

แต่เมื่อปีที่ผ่านมา เราผลิตได้แค่ 5 กิกะวัตต์

and the year before that, we did five."

และปีก่อนหน้านั้นเราก็ผลิตได้แค่ 5 กิกะวัตต์"

So, let's just take a closer look at nuclear.

เอาล่ะ ลองมากันให้ละเอียดขึ้น ที่พลังงานนิวเคลียร์

The United Nations Intergovernmental Panel on Climate Change

คณะดูแลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระหว่างรัฐของสหประชาชาติ

has looked at the carbon content of all these different fuels,

ได้ติดตามปริมาณก๊าซคาร์บอนที่เกิดขึ้น จากเชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ

and nuclear comes out really low -- it's actually lower even than solar.

พลังงานนิวเคลียร์ปล่อยคาร์บอนน้อยมาก และน้อยกว่าพลังงานแสงอาทิตย์เสียอีก

And nuclear obviously provides a lot of power --

แถมพลังงานนิวเคลียร์ยังให้พลังงาน ที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

24 hours a day, seven days a week.

24 ชั่วโมงต่อวัน, เจ็ดวันต่อสัปดาห์

During a year, a single plant can provide power 92 percent of the time.

ตลอดทั้งปี โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งเดียว ก็ผลิตไฟฟ้าได้ร้อย 92 ของเวลาทำการ

What's interesting is that when you look at countries

ที่น่าสนใจคือ ถ้าลองดูประเทศอื่น ๆ

that have deployed different kinds of clean energies,

ที่มีการใช้พลังงานสะอาดในรูปแบบต่าง ๆ

there's only a few that have done so

มีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้นที่สามารถ

at a pace consistent with dealing with the climate crisis.

ทำได้ตามข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดการปัญหา ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

So nuclear seems like a pretty good option,

ซึ่งพลังงานนิวเคลียร์ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี

but there's this big problem with it,

แต่มันก็มีปัญหาใหญ่อยู่ปัญหาหนึ่ง

which all of you, I'm sure, are aware of,

ซึ่งผมแน่ใจว่าทุกคนในที่นี้ต้องนึกถึง

which is that people really don't like it.

และคงไม่มีใครชอบมันแน่ ๆ

There was a study, a survey done of people around the world,

ได้มีการสำรวจและศึกษาจากคนทั่วโลก

not just in the United States or Europe,

ไม่ใช่แค่ในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปเท่านั้น

about a year and a half ago.

เมื่อประมาณปีครึ่งที่ผ่านมา

And what they found

สิ่งที่พวกเขาพบก็คือ

is that nuclear is actually one of the least popular forms of energy.

พลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด

Even oil is more popular than nuclear.

แม้แต่น้ำมันเองก็ยังได้รับความนิยมมากกว่า

And while nuclear kind of edges out coal, the thing is,

และแม้ว่าพลังงานนิวเคลียร์จะทำได้ดีกว่า พลังงานจากถ่านหิน ข้อเท็จจริงก็คือ

people don't really fear coal in the same way they fear nuclear,

คนส่วนมากก็ไม่ได้กลัวพลังงานถ่านหิน เท่ากับที่กลัวพลังงานนิวเคลียร์

which really operates on our unconscious.

ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของความรู้สึก มากกว่าเหตุผล

So what is it that we fear?

ถ้าอย่างนั้น เรากำลังกลัวอะไร

There's really three things.

มีเพียงแค่สามสิ่งเท่านั้น

There's the safety of the plants themselves --

หนึ่งคือเรื่องของความปลอดภัยของโรงงาน

the fears that they're going to melt down and cause damage;

คนกลัวว่าเตาปฏิกรณ์จะหลอมละลาย และก่อห้เกิดความเสียหาย

there's the waste from them;

สองคือขยะนิวเคลียร์

and there's the association with weapons.

และสามคือความเกี่ยวข้อง กับการพัฒนาอาวุธสงคราม

And I think, understandably,

และผมคิดว่า มันก็เข้าใจได้นะ

engineers look at those concerns and look for technological fixes.

วิศวกรหลายท่านก็เห็นปัญหาเหล่านี้ และพยายามหาทางแก้ไขในเชิงเทคนิค

That's why Bill Gates is in China developing advanced reactors.

นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมบิล เกตส์ ถึงไปจีนเพื่อพัฒนาเตาปฏิกรณ์ที่ทันสมัย

That's why 40 different entrepreneurs are working on this problem.

นั่นเป็นเหตุว่าทำไมบริษัท 40 แห่ง ถึงกำลังพยายามแก้ปัญหานี้

And I, myself, have been very excited about it.

และตัวผมเอง ก็ตื่นเต้นกับสิ่งนี้มาก ๆ

We did a report: "How to Make Nuclear Cheap."

เราเคยทำเขียนรายงานเรื่อง: "จะทำให้นิวเคลียร์มีราคาถูกได้อย่างไร"

In particular, the thorium reactor shows a lot of promise.

จริง ๆ แล้ว เตาปฏิกรณ์ธอร์เรียม เป็นความหวังในเรื่องนี้

So when the climate scientist, James Hansen,

เมื่อ เจมส์ ฮานเซน (James Hansen) นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ

asked if I wanted to go to China with him

ถามผมว่าอยากไปจีนกับเขาหรือเปล่า

and look at the Chinese advanced nuclear program,

เพื่อไปดูโครงการนิวเคลียร์ล้ำสมัยที่นั่น

I jumped at the chance.

ผมกระโดดคว้าโอกาสนั้นทันที

We were there with MIT and UC Berkeley engineers.

เราไปที่นั่นพร้อมกับวิศวกรจากเอ็มไอที และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์คลีย์

And I had in my mind

ตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดก็คือ

that the Chinese would be able to do with nuclear

คนจีนน่าจะสามารถทำกับนิวเคลียร์

what they did with so many other things --

ได้เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ ที่พวกเขาทำ --

start to crank out small nuclear reactors on assembly lines,

พวกเขาน่าจะเริ่มผลิตเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็ก ได้เป็นปริมาณมากในสายการผลิต

ship them up like iPhones or MacBooks and send them around the world.

และส่งออกพวกมันไปขายทั่วโลก เหมือนกับ iPhone หรือ Macbook

I would get one at home in Berkeley.

พูดแล้ว ผมก็อยากได้มาไว้ที่เบิร์คลีย์สักอัน

But what I found was somewhat different.

แต่ความจริงที่ผมเจอนั้น ค่อนข้างแตกต่างออกไป

The presentations were all very exciting and very promising;

การนำเสนอนั้นน่าตื่นตาตื่นใจมาก และดูมีความหวังมาก ๆ

they have multiple reactors that they're working on.

พวกเขากำลังสร้างมีเตาปฏิกรณ์หลายแห่ง

The time came for the thorium reactor, and a bunch of us were excited.

และเราก็ได้เห็นเตาปฏิกรณ์ธอร์เรียม พวกเราก็ตื่นเต้นกันมาก

They went through the whole presentation, they got to the timeline,

พวกเขานำเสนอรายละเอียดทั้งหมด พวกเขามีแผนการทำงาน

and they said,

แล้วพวกเขาก็บอกกับเราว่า

"We're going to have a thorium molten salt reactor

"เรากำลังจะมีเตาธอร์เรียมที่ทำจากเกลือ

ready for sale to the world

ที่พร้อมจะจำหน่ายไปทั่วโลก

by 2040."

ภายในปี ค.ศ. 2040"

And I was like, "What?"

ผมนี่ร้องว่า "อะไรนะ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I looked at my colleagues and I was like,

ผมมองเพื่อนร่วมงานของผม และหันกลับไปถามว่า

"Excuse me --

"โทษนะครับ --

can you guys speed that up a little bit?

พวกคุณช่วยเร่งมือขึ้นอีกนิดได้ไหม

Because we're in a little bit of a climate crisis right now.

เพราะพวกเรากำลังมีปัญหา เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอยู่

And your cities are really polluted, by the way."

และจริง ๆ แล้วอากาศที่จีน ก็ค่อนข้างสกปรกนะผมว่า"

And they responded back, they were like,

แล้วสิ่งที่พวกเขาตอบกลับมาก็ประมาณว่า

"I'm not sure what you've heard about our thorium program,

"ผมไม่แน่ใจว่าคุณเคยได้ยินปัญหา เรื่องโครงการธอร์เรียมของเราไหม

but we don't have a third of our budget,

เรามีงบไม่ถึงหนึ่งในสามของที่ต้องการด้วยซ้ำ

and your department of energy hasn't been particularly forthcoming

และหน่วยงานด้านพลังงานของพวกคุณ ก็ไม่ค่อยเต็มใจช่วยเหลือ

with all that data you guys have on testing reactors."

ให้ข้อมูลของพวกคุณเกี่ยวกับการทดสอบ เตาปฏิกรณ์กับพวกเราสักเท่าไหร่"

And I said, "Well, I've got an idea.

ผมก็เลยตอบไปว่า "โอเค ผมรู้ละ

You know how you've got 10 years where you're demonstrating that reactor?

คุณต้องใช้เวลาสิบปีในการทดสอบ เตาปฏิกรณ์นั่นใช่ไหม

Let's just skip that part,

เราข้ามกระบวนการนั่นไปเลย

and let's just go right to commercializing it.

แล้วมาพูดถึงเรื่องการขายมันเลยดีกว่า

That will save money and time."

มันน่าจะประหยัดทั้งเงินและเวลาเลยนะ"

And the engineer just looked at me and said,

วิศวกรคนนั้นมองผมและพูดกับว่า

"Let me ask you a question:

"ขอผมถามคุณอย่างหนึ่งนะ

Would you buy a car that had never been demonstrated before?"

คุณจะซื้อรถที่ไม่เคยผ่านการทดสอบไหมครับ

So what about the other reactors?

แล้วถ้ามันเป็นเตาปฏิกรณ์ล่ะ คุณจะว่าอย่างไร"

There's a reactor that's coming online now, they're starting to sell it.

ตอนนี้มีเตาปฏิกรณ์ขายกันออนไลน์แล้ว พวกเขาเริ่มขายมันแล้ว

It's a high-temperature gas reactor.

มันเป็นเตาปฏิกรณ์ชนิดอุณหภูมิสูง

It can't melt down.

และมันไม่มีทางละลาย

But it's really big and bulky, that's part of the safety,

แต่มันค่อนข้างใหญ่และเทอะทะ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะปลอดภัย

and nobody thinks it's going to ever get cheaper

และไม่มีใครคิดว่าราคามันจะถูกกว่า

than the reactors that we have.

เตาปฏิกรณ์ที่เรามีอยู่

The ones that use waste as fuel are really cool ideas, but the truth is,

เตาปฏิกรณ์ที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง เป็นแนวคิดที่เจ๋ง แต่ความจริงคือ

we don't actually know how to do that yet.

เรายังไม่รู้ว่าจะทำให้มันเป็นจริงได้อย่างไร

There's some risk that you'll actually make more waste,

ความเสี่ยงคือคุณอาจสร้างขยะมากขึ้นกว่าเดิม

and most people think that if you're including

และคนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าคุณเพิ่ม

that waste part of the process,

ส่วนของขยะเข้าปในกระบวนการ

it's just going to make the whole machine a lot more expensive,

มันก็จะทำให้ราคาของเตานั้นสูงขึ้นไปอีก

it's just adding another complicated step.

และยิ่งทำให้ขั้นตอนทำงาน ซับซ้อนมากกว่าเดิม

The truth is,

ทีนี้ ความจริงก็คือ

there's real questions about how much of that we're going to do.

ปัญหานั้นอยู่ตรงที่ เราจะทำมากแค่ไหน

I mean, we went to India and asked about the nuclear program.

ดูอย่างที่อินเดียที่เราได้ไปและถาม เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์

The government said before the Paris climate talks

รัฐบาลบอกก่อนถึงการประชุมในกรุงปารีส

that they were going to do something like 30 new nuclear plants.

ว่าพวกเขาจะมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ประมาณ 30 แห่งในอินเดีย

But when we got there and interviewed people

แต่เมื่อเราไปที่นั่น และสัมภาษณ์คนที่นั่น

and even looked at the internal documents,

หรือแม้แต่อ่านจากรายงานของรัฐบาล

they're now saying they're going to do about five.

พวกเขากลับบอกว่า พวกเขาจะมีเตาปฏิกรณ์แค่ 5 แห่ง

And in most of the world, especially the rich world,

และในหลาย ๆ ที่ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่ร่ำรวย

they're not talking about building new reactors.

พวกเขาไม่ได้พูดถึง การสร้างเตาปฏิกรณ์แห่งใหม่ ๆ

We're actually talking about taking reactors down

แต่เรากำลังพูดถึงการปลดระวางเตาเหล่านั้น

before their lifetimes are over.

ก่อนเวลาอันควรจะเป็นเสียอีก

Germany's actually pressuring its neighbors to do that.

เยอรมันนีกำลังกดดันประเทศเพื่อนบ้าน ให้ทำแบบที่นั้น

I mentioned the United States --

ผมได้พูดถึงสหรัฐอเมริกาไปแล้วว่า

we could lose half of our reactors over the next 15 years,

เราอาจเสียเตาปฏิกรณ์ครึ่งหนึ่งของที่เรามีอยู่ ภายในระยะเวลา 15 ปีข้างหน้า

which would wipe out 40 percent of the emissions reductions

และจะเป็นการกำจัดตัวช่วยลดการปล่อยก๊าซ ปริมาณร้อยละ 40

we're supposed to get under the Clean Power Plan.

ซึ่งเราควรจะลดก๊าซเหล่านั้นได้ ภายใต้แผนพลังงานสะอาดวางไว้

Of course, in Japan, they took all their nuclear plants offline,

แน่นอนว่า ที่ญี่ปุ่น พวกเขาปิด โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ทุกแห่ง

replaced them with coal, natural gas, oil burning,

แทนที่ด้วยการใช้ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบ

and they're only expected to bring online about a third to two-thirds.

แถมยังคาดว่าจะเปิดใช้โรงงานแค่ หนึ่งในสามหรือสองในสามแห่งเท่านั้น

So when we went through the numbers,

ถ้าเราลองมาคำนวณกันเล่น ๆ

and just added that up --

และรวมตัวเลขเหล่านั้น

how much nuclear do we see China and India bringing online

เราจะมีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์กี่แห่ง ในจีนและอินเดียที่จะถูกใช้งาน

over the next 15 years,

ภายใน 15 ปีต่อจากนี้

how much do we see at risk of being taken offline --

เราจะมีความเสี่ยงที่ต้องปิด โรงงานเหล่านั้นแค่ไหน

this was the most startling finding.

และนี่คือสิ่งที่น่าตกใจที่สุด

What we found is that the world is actually at risk

เราพบว่า จริง ๆ แล้วโลกของเรา กำลังเผชิญกับความเสี่ยง

of losing four times more clean energy than we lost over the last 10 years.

เสี่ยงต่อการที่เราจะสูญเสียพลังงานสะอาด มากกว่า 10 ปีที่ผ่านมาถึงสี่เท่า

In other words: we're not in a clean energy revolution;

หรือพูดได้ว่า เราไม่ได้อยู่ในยุค แห่งการปฏิวัติพลังงานสะอาดอีกต่อไป

we're in a clean energy crisis.

แต่เรากำลังเจอกับวิกฤตพลังงานสะอาดต่างหาก

So it's understandable that engineers would look for a technical fix

และนั้นก็ทำให้เข้าใจได้ว่า วิศวกรควรจะพยายามหาทางแก้ปัญหา

to the fears that people have of nuclear.

ความหวาดกลัวที่คนมีต่อพลังงานนิวเคลียร์

But when you consider that these are big challenges to do,

แต่ถ้าคุณเห็นว่านี่เป็นปัญหาที่ใหญ่

that they're going to take a long time to solve,

ที่คงจะต้องใช้เวลายาวนานในการแก้ไขแล้ว

there's this other issue, which is:

มันก็ยังมีปัญหาอื่นอีก นั่นก็คือ

Are those technical fixes really going to solve people's fears?

การแก้ปัญหานั้นจะช่วยให้คนหายกลัวหรือไม่

Let's take safety.

ถ้าพูดในแง่ความปลอดภัย

You know, despite what people think,

คุณรู้หรือไม่ครับว่า ถ้าไม่นับว่าคนส่วนใหญ่จะคิดอย่างไร

it's hard to figure out how to make nuclear power much safer.

มันเป็นเรื่องที่ยากที่เราจะทำให้ พลังงานนิวเคลียร์ปลอดภัยไปมากกว่านี้

I mean, every medical journal that looks at it --

ลองดูงานวิจัยทางการแพทย์ จากวารสารทางการแพทย์ดู

this is the most recent study from the British journal, "Lancet,"

นี่คือผลงานล่าสุดจากวารสารวิชาการ ของอังกฤษชื่อ "Lancet"

one of the most respected journals in the world --

หนึ่งในวารสารที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก

nuclear is the safest way to make reliable power.

บอกว่านิวเคลียร์เป็นพลังงาน ที่เสถียรและปลอดภัยที่สุด

Everybody's scared of the accidents.

ทุกคนคงกลัวกับอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น

So you go look at the accident data --

ถ้าอย่างนั้นลองมาดูข้อมูลกัน

Fukushima, Chernobyl --

ทั้งที่ฟูกุชิมา หรือ เชอร์โนบิล

the World Health Organization finds the same thing:

องค์การอนามัยโลกพบสิ่งเดียวกันคือ

the vast majority of harm is caused by people panicking,

อันตรายส่วนใหญ่เกิดจากความตื่นตระหนก

and they're panicking because they're afraid.

ผู้คนตื่นตระหนกเพราะความหวาดกลัว

In other words,

หรือจะให้พูดอีกแง่คือ

the harm that's caused isn't actually caused by the machines

อันตรายต่าง ๆ ไม่ได้เกิดจากเครื่องจักร

or the radiation.

หรือการแผ่กัมมันภาพรังสี

It's caused by our fears.

แต่เกิดจากความกลัวของคนเราเอง

And what about the waste?

แล้วถ้าพูดถึงของเสียจากมันล่ะ

Everyone worries about the waste.

ทุกคนกังวลกับของเสียนิวเคลียร์

Well, the interesting thing about the waste

แต่คุณรู้ไหม สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ

is how little of it there is.

โรงงานพวกนี้ปล่อยของเสียน้อยมาก

This is just from one plant.

นี่มาจากแค่โรงงานแห่งเดียว

If you take all the nuclear waste we've ever made in the United States,

ถ้าคุณลองเอาของเสียทั้งหมดที่ได้จาก โรงงานนิวเคลียร์ในสหรัฐ

put it on a football field, stacked it up,

ไปวางซ้อนกันไว้ในสนามฟุตบอล

it would only reach 20 feet high.

ทั้งหมดจะสูงไม่เกิด 20 ฟุต

And people say it's poisoning people or doing something --

แต่ก็จะมีคนบอกว่ามันเป็นพิษนะ หรือมันจะอาจสร้างปัญหาอื่น

it's not, it's just sitting there, it's just being monitored.

มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย มันจะอยู่ตรงนั้น และถูกเฝ้าระวังอย่างดี

There's not very much of it.

และมันก็ไม่ได้มีเยอะมากด้วย

By contrast, the waste that we don't control from energy production --

ในทางกลับกัน ของเสียที่เราไม่ได้จัดการ จากการผลิตพลังงาน

we call it "pollution," and it kills seven million people a year,

ที่เราเรียกมันว่า "มลพิษ" และมันฆ่าคนกว่าเจ็ดล้านคนต่อปี

and it's threatening very serious levels of global warming.

แถมยังสร้างปัญหาคุกคาม ต่อภาวะเรือนกระจกในระดับที่ร้ายแรง

And the truth is that even if we get good at using that waste as fuel,

แล้วคุณรู้ไหมว่า ต่อให้เราสามารถ นำของเสียพวกนั้นกลับไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้

there's always going to be some fuel left over.

แน่นอนว่า มันจะต้องมีเชื้อเพลิงบางส่วนที่เหลือ

That means there's always going to be people that think it's a big problem

นั่นแปลว่า จะต้องมีคนที่คิดว่า ยังไงซะมันก็เป็นปัญหาใหญ่อยู่ดี

for reasons that maybe don't have as much to do with the actual waste

เพราะเราไม่มีทางที่จะจัดการ กับของเสียพวกนั้น

as we think.

ได้ตามที่เราคิด

Well, what about the weapons?

เอาล่ะ ลองพูดถึงอาวุธกันบ้าง

Maybe the most surprising thing is that we can't find any examples

บางทีสิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือ เราไม่เคยเห็นตัวอย่างเลย

of countries that have nuclear power

ที่ประเทศที่มีพลังงานนิวเคลียร์

and then, "Oh!" decide to go get a weapon.

จะคิดว่า "เฮ้ย" ต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ด้วย

In fact, it works the opposite.

ซึ่งความจริงมันเป็นเรื่องตรงกันข้าม

What we find is the only way we know

สิ่งที่พวกเราเจอมีแค่เพียง

how to get rid large numbers of nuclear weapons

จะทำอย่างไร ที่จะกำจัดอาวุธนิวเคลียร์เหล่านั้น

is by using the plutonium in the warheads

ตัวอย่างเช่น การนำพลูโตเนียมจากหัวระเบิด

as fuel in our nuclear power plants.

มาใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับ โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์

And so, if you are wanting to get the world rid of nuclear weapons,

ยิ่งกว่านั้น ถ้าคุณต้องการจะกำจัด อาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมดในโลก

then we're going to need a lot more nuclear power.

เรายิ่งต้องการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ อีกจำนวนมากเลยล่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ) ขอบคุณครับ

As I was leaving China,

ช่วงที่ผมอยู่ที่จีน

the engineer that brought Bill Gates there kind of pulled me aside,

วิศวกรคนที่พา บิล เกตส์ ไปที่นั่น ดึงผมไปข้าง ๆ

and he said, "You know, Michael, I appreciate your interest

และกล่าวกับผมว่า "รู้ไหม ไมเคิล ผมชื่นชมในความสนใจของคุณ

in all the different nuclear supply technologies,

ที่มีต่อเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ต่าง ๆ

but there's this more basic issue,

แต่มันมียังอีกปัญหาหนึ่ง

which is that there's just not enough global demand.

นั่นคือเราขาดความต้องการ จากคนส่วนใหญ่ในเรื่องนี้

I mean, we can crank out these machines on assembly lines,

ต่อให้เราสามารถผลิตสิ่งเหล่านี้ ได้ในปริมาณมาก

we do know how to make things cheap,

หรือรู้วิธีที่จะทำให้ราคามันถูกลง

but there's just not enough people that want them."

แต่ก็ยังไม่มีใครต้องการที่จะซื้อมันอยู่ดี"

And so, let's do solar and wind and efficiency and conservation.

ถ้าอย่างนั้นเราลองมาใช้พลังงานแดดและลม ให้มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น

Let's accelerate the advanced nuclear programs.

และเร่งพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ที่ทันสมัยกันเถอะ

I think we should triple the amount of money we're spending on it.

ผมคิดว่าเราควรใช้เงินกับมาเพิ่มอีกเป็นสามเท่า

But I just think the most important thing,

แต่ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ

if we're going to overcome the climate crisis,

ถ้าเราอยากจะผ่านพ้นวิกฤต ทางสภาพอากาศ

is to keep in mind that the cause of the clean energy crisis

สิ่งที่ต้องตระหนักคือ สาเหตุของปัญหาทั้งหมด

isn't from within our machines,

ไม่ได้เกิดจากเครื่องมือหรือเครื่องจักรที่เรามี

it's from within ourselves.

แต่มันเกิดจากความคิดของเราเองต่างหาก

Thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)