How I made friends with reality | Emily Levine

Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

I'm going to first tell you something that in my grandmother

ก่อนอื่นฉันอยากเตือนคุณในแบบที่ยายฉันทำ

would've elicited a five-oy alarm:

ด้วยเสียงสัญลักษณ์ โอ้ย ห้าครั้ง

"Oy-oy-oy-oy-oy."

"โอ้ย โอ้ย โอ้ย โอ้ย โอ้ย"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And here it is ... are you ready?

โอเค ตอนนี้คุณพร้อมหรือยัง

OK.

เอาล่ะ

I have stage IV lung cancer.

ฉันเป็นมะเร็งปอดระยะที่สี่

Oh, I know, "poor me."

โอ้ ฉันรู้ "แย่จริง"

I don't feel that way.

แต่ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นหรอก

I'm so OK with it.

ฉันโอเค

And granted, I have certain advantages --

และยอมรับมัน ฉันมีข้อดีที่

not everybody can take so cavalier an attitude.

ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถ ยอมรับเรื่องอย่างร่าเริงได้

I don't have young children.

ฉันไม่มีลูกเล็ก

I have a grown daughter who's brilliant and happy and wonderful.

ลูกสาวฉันโตแล้ว สดใส มีความสุข และเป็นคนดีเยี่ยม

I don't have huge financial stress.

ฉันไม่มีความกังวลเรื่องการเงิน

My cancer isn't that aggressive.

มะเร็งของฉันไม่ได้ออกอาการรุนแรง

It's kind of like the Democratic leadership --

เป็นแบบผู้นำประชาธิปไตยหน่อย ๆ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

not convinced it can win.

ดูไม่มีทีท่าว่าจะเอาชนะฉันได้เลย

It's basically just sitting there,

มันแค่นั่งอยู่ที่นั่น

waiting for Goldman Sachs to give it some money.

รอให้โกลด์แมนด์ แซ็คให้เงิน

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Oh, and the best thing of all --

โอ้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ

I have a major accomplishment under my belt.

ฉันประสบความสำเร็จในเรื่องหลัก ๆ และก็พอใจมาก

Yes.

ใช่

I didn't even know it until someone tweeted me a year ago.

ฉันไม่ได้นึกถึงจนมีคนทัก โดยการทวีตเมื่อปีที่แล้ว

And here's what they said:

และนี่คือสิ่งที่คนเหล่านั้นบอก

"You are responsible

"คุณรับผิดชอบ

for the pussification of the American male."

ต่อการลดความแข็งกร้าวของชายอเมริกัน"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Not that I can take all the credit, but ...

ฉันคงรับเครดิตเรื่องนั้นทั้งหมดไม่ได้ แต่

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But what if you don't have my advantages?

แต่ถ้าคุณไม่ได้โชคดีแบบฉันล่ะ

The only advice I can give you is to do what I did:

คำแนะนำเดียวที่ฉันสามารถให้คุณคือ การทำสิ่งที่ฉันได้ทำ

make friends with reality.

ทำความรู้จักกับความเป็นจริง

You couldn't have a worse relationship with reality than I did.

เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะมีความสัมพันธ์เลวร้าย กับความจริงไปมากกว่าฉัน

From the get-go,

จากจุดเริ่มต้น

I wasn't even attracted to reality.

ฉันไม่ได้สนความจริงสักนิด

If they'd had Tinder when I met reality,

ถ้าใช้แอพฯ ทินเดอร์ (Tinder) กับความจริง

I would have swiped left

ฉันคงจะปัดซ้าย

and the whole thing would have been over.

แล้วทุกอย่างจะได้จบ ๆ ไป

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And reality and I --

ในความเป็นจริง ฉัน -

we don't share the same values, the same goals --

เราไม่ได้มีค่านิยมเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน -

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

To be honest, I don't have goals;

โดยสัตย์จริง ฉันไม่มีเป้าหมาย

I have fantasies.

ฉันมีจินตนาการมากมาย

They're exactly like goals but without the hard work.

พวกมันเหมือนเป้าหมาย แต่ไม่ต้องทำงานหนัก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

I'm not a big fan of hard work,

ฉันไม่ได้นิยมการทำงานอย่างหนักนัก

but you know reality --

แต่คุณรู้ไหม ความเป็นจริง -

it's either push, push, push, push, push

มันผลักดัน ผลักและดัน ดัน ดัน

through its agent, the executive brain function --

ผ่านการทำงานของสมอง

one of the "yays" of dying:

หนึ่งใน"เย้" เฮือกสุดท้าย

my executive brain function won't have me to kick around anymore.

การทำงานของสมอง ไม่สามารถต้อนฉันได้หรอก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But something happened

แต่มีบางอย่างเกิดขึ้น

that made me realize

ทำให้ฉันรู้ว่า

that reality may not be reality.

เรื่องจริงอาจไม่ใช่ความเป็นจริง

So what happened was,

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

because I basically wanted reality to leave me alone --

ฉันอยากให้เจ้าความจริงปล่อยฉันไปเสีย

but I wanted to be left alone in a nice house

แต่ปล่อยในบ้านที่ดีหน่อยนะ

with a Wolf range and Sub-Zero refrigerator ...

บ้านที่มีเตาอบยี่ห้อวูฟ และตู้เย็นแบบซับ ซีโล่

private yoga lessons --

คลาสเรียนโยคะส่วนตัว

I ended up with a development deal at Disney.

สรุปฉันลงเอยที่ดิสนีย์

And one day I found myself in my new office

วันหนึ่ง ฉันอยู่ที่ออฟฟิศใหม่ของฉัน

on Two Dopey Drive --

บนถนน ทู ดูปี้ ไดรฟ์ (Two Dopey Drive)

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

which reality thought I should be proud of ...

ซึ่งดูความเป็นจริงที่ฉันควรภาคภูมิใจ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And I'm staring at the present they sent me to celebrate my arrival --

แล้วฉันก็จ้องมองของขวัญที่คนเหล่านั้น ให้ตอนฉันมาถึง

not the Lalique vase or the grand piano I've heard of other people getting,

ไม่ใช่แจกันแก้วลาคีท (Lalique) หรือแกรนด์เปียโนที่ฉันได้ยินมา

but a three-foot-tall, stuffed Mickey Mouse

แต่เป็นมิกกี้เมาส์สูงสามฟุต

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

with a catalog, in case I wanted to order some more stuff

กับแคตตาล็อก ในกรณีที่ฉันอยากสั่งซื้อเพิ่ม

that didn't jibe with my aesthetic.

ซึ่งไม่ได้ตรงกับความเป็นฉันเลย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And when I looked up in the catalog

และเมื่อฉันดูในแค็ตตาล็อก

to see how much this three-foot-high mouse cost,

เพื่อเช็คว่ามิกกี้เมาส์สูงสามฟุตนี้แพง แค่ไหน

here's how it was described ...

นี่เขาอธิบาย

"Life-sized."

"ขนาดเท่าตัวจริง"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And that's when I knew.

และนั่นเป็นเวลาที่ฉันได้รู้ว่า

Reality wasn't "reality."

เรื่องจริงไม่ใช่ "ความเป็นจริง"

Reality was an imposter.

ความเป็นจริงเป็นสิ่งหลอกลวง

So I dived into quantum physics and chaos theory

ฉันจึงหันเหมาที่ควอนตัม ฟิสิกส์ และทฤษฎีแสนวุ่นวาย

to try to find actual reality,

เพื่อพยายามหาเรื่องที่แท้จริง

and I've just finished a movie --

และฉันเพิ่งเสร็จจากหนัง

yes, finally finished --

ใช่ ในที่สุดก็เสร็จ

about all that,

เกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น

so I won't go into it here,

ฉันขอไม่เล่าเรื่องนี้นะคะ

and anyway, it wasn't until after we shot the movie,

อย่างไรก็ตาม จนฉันได้ถ่ายหนัง

when I broke my leg and then it didn't heal,

เมื่อฉันขาหัก และอาการไม่ดีขึ้น

so then they had to do another surgery a year later,

พวกเขาเลยตต้องผ่าตัด หนึ่งปีให้หลัง

and then that took a year --

ใช่ ใช้เวลาหนี่งปี

two years in a wheelchair,

สองปีบนรถเข็น

and that's when I came into contact with actual reality:

และนั่นเป็นตอนที่ฉันสัมผัส กับความเป็นจริงแบบจัง ๆ

limits.

ขีดจำกัดมากมาย

Those very limits I'd spent my whole life denying

ขีดจำกััดที่ฉันปฎิเสธมัน มาทั้งชีวิต

and pushing past and ignoring

ทั้งผละออก และเพิกเฉย

were real,

มันคือของจริง

and I had to deal with them,

และฉันก็ต้องรับมือกับมัน

and they took imagination, creativity and my entire skill set.

มันต้องใช้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์และทักษะทั้งหมดของฉัน

It turned out I was great at actual reality.

กลายเป็นว่าฉันเก่งในเรื่องจริงนี่

I didn't just come to terms with it,

ฉันไม่ได้เพียงพยายามเข้าใจ

I fell in love.

ฉันตกหลุมรัก

And I should've known,

และฉันควรจะรู้ว่า

given my equally shaky relationship with the zeitgeist ...

สร้างความประหวั่นพอ ๆ กับ การความสัมพันธ์ทางความคิดร่วมสมัย

I'll just say, if anyone is in the market for a Betamax --

ฉันจะบอกว่า ถ้าใครอยู่ในตลาดของเบตาแม็กซ์ (Betamax)

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I should have known that the moment I fell in love with reality,

ฉันควรรู้ว่า ช่วงเวลาที่ฉันตกหลุมรักกับความจริง

the rest of the country would decide to go in the opposite direction.

คนอื่น ๆ ของประเทศเลือก จะไปในทิศทางตรงกันข้าม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But I'm not here to talk about Trump or the alt-right or climate-change deniers

แต่ฉันไม่ได้มาเพื่อพูดเรื่องทรัมป์ (Trump) ลัทธิขวาจัดหรือปธิเสธเรื่องสภาพภูมิอากาศ

or even the makers of this thing,

หรือแม้กระทั่งผู้ผลิต

which I would have called a box,

ที่ฉันควรเรียกว่ากล่อง

except that right here, it says,

ยกเว้นที่นี่ ที่กล่าวว่า

"This is not a box."

"นี่ไม่ใช่กล่อง"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

They're gaslighting me.

พวกเขากำลังหลอกฉัน

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

But what I do want to talk about

แต่สิ่งที่ฉันต้องการพูด

is a personal challenge to reality

คือความท้าทายของฉันในเรื่องความจริง

that I take personally,

ที่ฉันถือวิสาสะ

and I want to preface it by saying that I absolutely love science.

และต้องการพูดเกริ่นว่า ฉันรักวิทยาศาสตร์จริง ๆ

I have this --

ฉันมีสิ่งนี้

not a scientist myself --

ไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์เอง

but an uncanny ability to understand everything about science,

แต่เป็นความสามารถลึกลับ ที่เข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ได้

except the actual science --

ยกเว้นวิทยาศาสตร์แท้ ๆ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

which is math.

ที่เป็นคณิตศาสตร์

But the most outlandish concepts make sense to me.

แต่แนวคิดแปลกประหลาดที่สุด กลับตอบโจทย์สำหรับฉัน

The string theory;

ทฤษฎีเส้นเชือก

the idea that all of reality emanates from the vibrations of these teeny --

ความคิดที่ว่า ความจริงทั้งหมดฟุ้ง ออกมาจากการสั่นสะเทือนของสิ่งเล็ก ๆ

I call it "The Big Twang."

ที่ฉันเรียกมันว่า สีเส้นซอยักษณ์ (Big Twang)

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Wave-particle duality:

ทวิภาคของคลื่น–อนุภาค

the idea that one thing can manifest as two things ...

ความคิดที่ว่า สิ่งหนึ่งที่สามารถพิสูจน์สองสิ่ง

you know?

คุณรู้ไหมคะ

That a photon can manifest as a wave and a particle

ว่า โฟตอนสามารถแสดงออกมา เป็นคลื่นและเป็นอนุภาคได้

coincided with my deepest intuitions

สอดคล้องกับความคิดเบื้องลึกที่สุดของฉัน

that people are good and bad,

ว่าคนมีดีและไม่ดี

ideas are right and wrong.

ความคิดมีถูกต้องและผิด

Freud was right about penis envy

ฟรอยด์ (Freud) พูดถูก เรื่องการอิจฉาชายที่มีองคชาต

and he was wrong about who has it.

และก็ผิดเกี่ยวกับคนที่มีมัน

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you.

ขอบคุณ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

And then there's this slight variation on that,

มีรูปแบบเปลี่ยนไปเล็กน้อย

which is reality looks like two things,

ซึ่งความจริงดูเหมือนสองสิ่ง

but it turns out to be the interaction of those two things,

แต่กลับกลายเป็นปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองสิ่ง

like space -- time,

เช่นพื้นที่ - เวลา

mass -- energy

มวล - พลังงาน

and life and death.

ชีวิตและความตาย

So I don't understand --

ดังนั้น ฉันไม่เข้าใจ -

I simply just don't understand

ฉันแค่ไม่เข้าใจ

the mindset of people who are out to "defeat death" and "overcome death."

ความคิดของคนที่จะออกไป "พิชิตความตาย" และ "เอาชนะความตาย"

How do you do that?

คุณทำแบบนั้นได้อย่างไร

How do you defeat death without killing off life?

คุณเอาชนะความตายโดยไม่ฆ่าชีวิตได้อย่างไร

It doesn't make sense to me.

ไม่สมเหตุสมผลสำหรับฉันเลย

I also have to say,

แล้วฉันต้องพูดว่า

I find it incredibly ungrateful.

ฉันเนรคุณอย่างไม่น่าเชื่อ

I mean, you're given this extraordinary gift --

ฉันหมายความว่า คุณได้รับของขวัญพิเศษนี้

life --

ชีวิต

but it's as if you had asked Santa for a Rolls-Royce Silver Shadow

แต่คล้ายกับคุณขอซานต้าว่าอยากได้ รถโรลสรอยส์สีเงินคันงาม

and you had gotten a salad spinner instead.

ได้รับเครื่องปั่นแห้งผักสลัด มาแทน

You know, it's the beef --

คุณรู้ เนื้อ

the beef with it is that it comes with an expiration date.

มาพร้อมกับวันหมดอายุ

Death is the deal breaker.

ความตายเป็นตัวหักหาญการยอมรับ

I don't get that.

ฉันไม่เข้าใจ

I don't understand --

ฉันไม่เข้าใจ

to me, it's disrespectful.

สำหรับฉัน มันดูไม่เคารพเลย

It's disrespectful to nature.

ไม่เคารพธรรมชาติ

The idea that we're going to dominate nature,

ความคิดที่ว่า เราจะคุมธรรมชาติ

we're going to master nature,

เราจะเป็นนายของธรรมชาติ

nature is too weak to withstand our intellect --

ธรรมชาติอ่อนแอเกินกว่าสติปัญญาของเรา

no, I don't think so.

ไม่ ฉันไม่คิดอย่างนั้น

I think if you've actually read quantum physics as I have --

ฉันว่าถ้าคุณได้อ่านเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ อย่างที่ฉันได้ลอง

well, I read an email from someone who'd read it, but --

ฉันอ่านอีเมลจากคนที่ได้อ่านวิชานี้ แต่

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

You have to understand

คุณต้องเข้าใจ

that we don't live in Newton's clockwork universe anymore.

ว่าเราไม่ได้อยู่ในจักรวาลของนิวตันอีกต่อไป

We live in a banana peel universe,

เราอาศัยอยู่ในจักรวาลเปลือกกล้วย

and we won't ever be able to know everything

และเราไม่สามารถรู้ทุกอย่างได้

or control everything

หรือควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง

or predict everything.

หรือทำนายได้ทุกอย่าง

Nature is like a self-driving car.

ธรรมชาติเหมือนกับรถที่ขับด้วยตนเอง

The best we can be is like the old woman in that joke --

สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้คือ เหมือนหญิงชราในเรื่องตลก

I don't know if you've heard it.

ฉันไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินไหม

An old woman is driving

หญิงชราคนหนึ่งกำลังขับรถ

with her middle-aged daughter in the passenger seat,

กับลูกสาววัยกลางคนที่นั่งอยู่ ตรงที่นั่งผู้โดยสาร

and the mother goes right through a red light.

คุณแม่ขับไปทางขวา ฝ่าสัญญาณไฟสีแดง

And the daughter doesn't want to say anything that makes it sound like,

ลูกสาวไม่ต้องการพูดอะไรที่ดูเหมือน

"You're too old to drive,"

"แม่แก่เกินไปที่จะขับรถ"

so she didn't say anything.

เธอก็เลยไม่ได้พูดอะไร

And then the mother goes through a second red light,

จากนั้น แม่ก็ขับฝ่าสัญญาณไฟสีแดงอันที่สอง

and the daughter, as tactfully as possible,

ลูกสาวระวังคำพูดมากที่สุด เท่าที่จะทำได้

says, "Mom, are you aware

เธอพูดว่า "แม่รู้ไหม

that you just went through two red lights?"

แม่เพิ่งผ่านฝ่าสัญญาณไฟสีแดงสองอัน"

And the mother says, "Oh, am I driving?"

แม่พูดว่า "โอ้ แม่กำลังขับรถรึ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

So ...

ดังนั้น

and now, I'm going to take a mental leap,

และตอนนี้ฉันจะก้าวมาทางจิต

which is easy for me because I'm the Evel Knievel of mental leaps;

ซึ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับฉัน เพราะฉันเป็นนักแสดงสตันส์ในด้านจิต

my license plate says,

ป้ายทะเบียนรถฉันเขียนคำว่า

"Cogito, ergo zoom."

"ฉันคิด ฉันจึงมี (Cogito ergo zoom)"

I hope you're willing to come with me on this,

ฉันหวังว่า คุณเห็นด้วยกับฉัน

but my real problem with the mindset that is so out to defeat death

แต่ปัญหาที่แท้จริงของฉันกับความคิด เรื่องเอาชนะความตาย

is if you're anti-death,

คือถ้าคุณต่อต้านความตาย

which to me translates as anti-life,

ซึ่งในความคิดฉัน มันคือการต่อต้านชีวิต

which to me translates as anti-nature,

และแปลว่า การต่อต้านธรรมชาติ

it also translates to me as anti-woman,

แล้วยังแปลว่า ฉันต่อต้านผู้หญิงด้วย

because women have long been identified with nature.

เพราะผู้หญิงขนาดนามว่า คือธรรมชาติมาช้านานแล้ว

And my source on this is Hannah Arendt,

และแหล่งที่มาของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาจาก Hannah Arendt

the German philosopher who wrote a book called "The Human Condition."

ปราชญ์ชาวเยอรมันผู้เขียนหนังสือ "เงื่อนไขของคน" (The Human Condition)

And in it, she says that classically,

ในนั้น เธอเล่าอย่างคลาสสิก

work is associated with men.

ว่างานเกี่ยวข้องกับผู้ชาย

Work is what comes out of the head;

งานคือสิ่งที่ออกมาจากหัว

it's what we invent,

คือสิ่งที่เราคิดค้น

it's what we create,

คือสิ่งที่เราสร้าง

it's how we leave our mark upon the world.

เป็นวิธีที่พวกเราสร้างเครื่องหมายไปทั่วโลก

Whereas labor is associated with the body.

ในขณะที่แรงงานคือร่างกาย

It's associated with the people who perform labor

เกี่ยวข้องกับคนที่ทำงาน

or undergo labor.

หรือใช้แรงงาน

So to me,

ดังนั้น สำหรับฉัน

the mindset that denies that,

ความคิดที่ปฏิเสธว่า

that denies that we're in sync with the biorhythms,

เราเชื่อมจังหวะตรงกับจังหวะทางชีวภาพ

the cyclical rhythms of the universe,

จังหวะวัฏจักรของจักรวาล

does not create a hospitable environment for women

ไม่ได้สร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยให้ผู้หญิง

or for people associated with labor,

หรือให้คนที่เกี่ยวกับงานแรงงาน

which is to say,

ซึ่งหมายถึง

people that we associate as descendants of slaves,

คนที่เราเชื่อมโยงเป็นลูกหลานของพวกทาส

or people who perform manual labor.

หรือคนที่ทำงานด้วยตนเอง

So here's how it looks from a banana-peel-universe point of view,

และนี่คือลักษณะที่เห็นได้จาก มุมมองจักรวาลแบบกล้วยปอกเปลือก

from my mindset, which I call "Emily's universe."

จากความคิดของฉัน ที่เรียกว่า "จักรวาลของเอมิลี่"

First of all,

ประการแรก

I am incredibly grateful for life,

ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งต่อชีวิต

but I don't want to be immortal.

แต่ฉันไม่อยากเป็นอมตะ

I have no interest in having my name live on after me.

ฉันไม่สนว่าจะมีชื่อฉัน หลังจากฉันจากโลกไปแล้ว

In fact, I don't want it to,

จริง ๆ แล้ว ฉันไม่ต้องการมีชื่อเสียงเลย

because it's been my observation

เพราะจากข้อสังเกตของฉัน

that no matter how nice and how brilliant

ไม่ว่าจะดีและฉลาดแค่ไหน

or how talented you are,

หรือมีพรสวรรค์มากแค่ไหน

50 years after you die, they turn on you.

50 ปีหลังจากคุณตาย สิ่งเหล่านั้นกลับมาหาคุณอยู่ดี

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And I have actual proof of that.

และฉันมีหลักฐานจริงในเรื่องนี้

A headline from the Los Angeles Times:

พาดหัวหนังสือพิมพ์ลอส แองเจิลลิส ไทมส์ (Los Angeles Times)

"Anne Frank: Not so nice after all."

"แอน แฟรงค์ (Anne Frank): ไม่น่ารักเลย"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Plus, I love being in sync

นอกจากนี้ ฉันยังรักการซิงค์

with the cyclical rhythms of the universe.

กับจังหวะของวัฏจักรของจักรวาล

That's what's so extraordinary about life:

นั่นคือสิ่งพิเศษเกี่ยวกับชีวิต

it's a cycle of generation,

เป็นวงจรของการเกิด

degeneration,

การเสื่อมสภาพ

regeneration.

การฟื้นฟู

"I" am just a collection of particles

"ฉัน" เป็นแค่กลุ่มของอนุภาค

that is arranged into this pattern,

ที่จัดอยู่ในรูปแบบนี้

then will decompose and be available,

แล้วจะสลายตัวและ

all of its constituent parts, to nature,

ทั้งหมดจะกลายส่วนประกอบของธรรมชาติ

to reorganize into another pattern.

เพื่อเปลี่ยนและเรียงอยู่ในรูปแบบอื่น

To me, that is so exciting,

สำหรับฉันแล้ว มันน่าตื่นเต้น

and it makes me even more grateful to be part of that process.

และทำให้ฉันรู้สึกยิ่งขอบคุณ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้

You know,

คุณรู้ไหม

I look at death now from the point of view of a German biologist,

ฉันมองความตายจากมุมมอง ของนักชีววิทยาเยอรมัน

Andreas Weber,

อันเดรอาส เวบเบอร์ (Andreas Weber)

who looks at it as part of the gift economy.

ที่มองว่า เป็นของขวัญส่วนหนึ่งทางเศรษฐกิจ

You're given this enormous gift, life,

คุณได้ของขวัญยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งคือชีวิต

you enrich it as best you can,

คุณเสริมสร้างชีวิตให้ดีที่สุด

and then you give it back.

แล้วคุณจะให้กลับมา

And, you know, Auntie Mame said, "Life is a banquet" --

และคุณรู้มั้ย อานตี้ มาม (Auntie Mame) กล่าวว่า "ชีวิตคืองานเลี้ยง"

well, I've eaten my fill.

เอ้อ ฉันกินส่วนของฉัน

I have had an enormous appetite for life,

ฉันมีความกระหายมากมาย

I've consumed life,

ฉันบริโภคชีวิต

but in death, I'm going to be consumed.

แต่ในความตาย ฉันจะถูกบริโภค

I'm going into the ground just the way I am,

ฉันจะกลับสู่พื้นดินแบบที่ฉันเป็น

and there, I invite every microbe

และที่นั่น ฉันเชิญจุลชีพ

and detritus-er

และเศษซาก

and decomposer

และตัวย่อยสลาย

to have their fill.

มากัดกินจนเติมเต็ม -

I think they'll find me delicious.

ฉันคิดว่าพวกนั้นคงชอบรสศพฉัน

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I do.

จริง ๆ นะ

So the best thing about my attitude, I think, is that it's real.

ดังนั้น สิ่งดีที่สุดในทัศนคติของฉัน ฉันคิดว่า คือความแท้จริง

You can see it.

คุณสามารถดูได้

You can observe it.

คุณสามารถสังเกตได้

It actually happens.

มันเกิดขึ้นจริง

Well, maybe not my enriching the gift,

ก็อาจไม่ได้เพิ่มคุณค่าของขวัญชิ้นนี้

I don't know about that --

ฉันไม่รู้หรอก

but my life has certainly been enriched by other people.

แต่ชีวิตของฉันถูกเติมค่าคนอื่น ๆ

By TED,

โดย TED

which introduced me to a whole network of people

ซึ่งแนะนำฉันสู่เครือข่ายของผู้คน

who have enriched my life,

ผู้เสริมคุณค่าให้ชีวิตของฉัน

including Tricia McGillis, my website designer,

รวมทั้งทริเชีย แม็กกิลส์ (Tricia McGillis) นักออกแบบเว็บไซต์ของฉัน

who's working with my wonderful daughter

ที่ทำงานกับลูกสาวที่ยอดเยี่ยมของฉัน

to take my website and turn it into something

เพื่อสร้างและทำให้เว็บไซต์กลายเป็น

where all I have to do is write a blog.

ที่ที่ฉันทำก็แค่เขียนบล็อก

I don't have to use the executive brain function ...

ฉันไม่จำเป็นต้องใช้สมองแบบผู้บริหาร

Ha, ha, ha, I win!

ฮา ฮ่า ฮ่า ฉันชนะ!

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And I am so grateful to you.

และฉันรู้สึกขอบคุณคุณมาก

I don't want to say "the audience,"

ฉันไม่ต้องการที่จะพูดว่า "ผู้ฟัง"

because I don't really see it as we're two separate things.

เพราะฉันไม่เห็นว่าพวกเราต่างกันตรงไหน

I think of it in terms of quantum physics, again.

ฉันคิดดูอีกที ในแง่ควอนตัมฟิสิกส์

And, you know, quantum physicists are not exactly sure what happens

และคุณก็รู้ว่า นักควอนตัมฟิสิกส์ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น

when the wave becomes a particle.

เมื่อคลื่นกลายเป็นอนุภาค

There are different theories --

มีทฤษฎีที่แตกต่างกัน

the collapse of the wave function,

การสลายของฟังก์ชันคลื่น

decoherence --

ความไม่เชื่อมโยงกัน

but they're all agreed on one thing:

แต่ทุกสิ่งต่างมีจุดร่วมกันคือ

that reality comes into being through an interaction.

ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นผ่านการปฏิสัมพันธ์

(Voice breaking) So do you.

(เสียงทำลาย) คุณก็เช่นกัน

And every audience I've ever had,

และผู้ฟังทุกคนของฉัน

past and present.

ในอดีตและปัจจุบัน.

Thank you so much for making my life real.

ขอบคุณมากที่ทำให้ชีวิตของฉันเป็นของจริง

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you.

ขอขอบคุณ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you.

ขอบคุณ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you.

ขอขอบคุณค่ะ