If superpowers were real: Super speed - Joy Lin

ถ้าพลังพิเศษมีจริง: ความเร็วยิ่งยวด - จอย ลิน (Joy Lin)

Translator: Kanawat Senanan Reviewer: Nuchapong Wongrajit

Some superheros can move faster than the wind.

ยอดมนุษย์บางคนสามารถวิ่งได้เร็วกว่าลม

The men in Apollo 10 reached

นักบินในยานอพอลโล 10 มีความเร็ว

a record-breaking speed

สูงกว่าใคร

of around 25,000 miles per hour

คือประมาณ 25,000 ไมล์ต่อชั่วโมง

when the shuttle re-entered

ขณะที่กระสวยกลับเข้าสู่

the Earth's atmosphere in 1969.

ชั้นบรรยากาศโลกในปี 1969

Wouldn't we save a lot of time

เราคงประหยัดเวลาได้มาก

to be able to move that fast?

ถ้าเราเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนั้น

But what's the catch?

แล้วปัญหามันคืออะไรล่ะ?

Air is not empty.

อากาศนั้นไม่ได้ว่างเปล่า

Elements like oxygen and nitrogen,

สสารเช่นออกซิเจน และไนโตรเจน

even countless dust particles,

แม้กระทั่งละอองฝุ่นอันนับไม่ถ้วน

make up the air around us.

ประกอบกันเป็นอากาศรอบๆ ตัวเรา

When we move past these things in the air,

เมื่อเราเคลื่อนที่ผ่านสิ่งเหล่านี้ในอากาศ

we're rubbing against them

ตัวเราถูเข้ากับพวกมัน

and creating a lot of friction,

และเกิดแรงเสียดทานมหาศาล

which results in heat.

ซึ่งกลายเป็นความร้อน

Just like rubbing your hands together warms them up

เหมือนเช่นที่เราถูมือด้วยกันเพื่อให้มืออุ่น

or rubbing two sticks together makes fire,

หรือ เอากิ่งไม้สองชิ้นมาถูกันให้เกิดไฟ

the faster objects rub together,

ยิ่งของสองสิ่งถูกันเร็วมากเท่าไหร่

the more heat is generated.

ความร้อนยิ่งเกิดขึ้นมากตามไปด้วย

So, if we're running at 25,000 miles per hour,

ดังนั้น ถ้าเราวิ่งด้วยความเร็ว 25,000 ไมล์ต่อชั่วโมง

the heat from friction would burn our faces off.

ความร้อนจากแรงเสียดทานจะเผาใบหน้าเราจนหลุด

Even if we somehow withstood the heat,

ถึงแม้เราจะหาทางทนความร้อนได้

the sand and dirt in the air

ฝุ่นและทรายในอากาศ

would still scrape us up

ก็คงบาดเรา

with millions of tiny cuts

เป็นรอยแผลเล็กๆ นับล้าน

all happening at the same time.

ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน

Ever seen the front bumper or grill of a truck?

เคยเห็นกันชนหน้า หรือตะแกรงหน้ารถบรรทุกไหมล่ะ?

What do you think all the birds and bugs would do

คุณคิดว่าเหล่านกและแมลงจะทำอะไร

กับลูกตาในขณะที่คุณลืมตา หรือกับผิวของคุณ

to your open eyes or exposed skin?

Okay, so you'll wear a mask

โอเค คุณจะสวมหน้ากาก

to avoid destroying your face.

เพื่อป้องกันหน้าเสียโฉม

But what about people in buildings

แล้วเหล่าผู้คนในตึกต่างๆ

between you and your destination?

ที่อยู่ระหว่างคุณกับจุดหมายของคุณล่ะ?

It takes us approximately one-fifth of a second

เราใช้เวลาประมาณ 1 ใน 5 ของวินาที

to react to what we see.

เพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่เรามองเห็น

By the time we see what is ahead of us

เมื่อเรามองเห็นว่าอะไรอยู่ข้างหน้า

and react to it -

และจะตอบสนอง

time times velocity equals distance

เวลา x ความเร็ว = ระยะทาง

equals one-fifth of a second

= 1/5 วินาที x 25,000 ไมล์ต่อชั่วโมง

times 25,000 miles per hour

equals 1.4 miles

= 1.4 ไมล์

- we would have gone past it

เราคงเลยมันไปแล้ว

or through it by over a mile.

หรือวิ่งทะลุมันไปกว่าไมล์แล้ว

We're either going to kill ourselves

เราคงฆ่าตัวตาย

by crashing into the nearest wall at super speed

โดยการวิ่งชนกำแพงใกล้ๆ ด้วยความเร็วยิ่งยวด

or, worse, if we're indestructible,

หรือไม่ก็ แย่กว่านั้น ถ้าเราหนังเหนียวคงกระพัน

we've essentially turned our bodies into missiles

ตัวเราก็จะเป็นดั่งจรวดมิสไซล์

that destroy everything in our path.

ที่ทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง

So, long distance travel at 25,000 miles per hour

ดังนั้น การเดินทางไกล ที่ความเร็ว 25,000 ไมล์ต่อชั่วโมง

would leave us burning up,

จะทำให้เราไหม้เกรียม

covered in bugs,

เต็มไปด้วยแมลง

and leaves no time to react.

และไม่มีเวลาทันให้เราตอบสนองต่อสิ่งกีดขวาง

What about short bursts

แล้วถ้าเดินทางระยะสั้นๆ

to a location we can see

ไปยังที่ที่เรามองเห็น

with no obstacles in between?

และไม่มีอะไรขวางทางล่ะ?

Okay, let's say a bullet

เอาล่ะ สมมุติว่ากระสุนปืน

is about to hit a beautiful damsel in distress.

กำลังจะพุ่งเข้าหาหญิงสาวสวยผู้ตกที่นั่งลำบาก

So, our hero swoops in at super speed,

แล้วยอดมนุษย์ของเราก็โฉบเข้ามาด้วยความเร็วยิ่งยวด

grabs her,

ฉวยเธอ

and carries her to safety.

แล้วอุ้มเธอไปยังที่ปลอดภัย

That sounds very romantic,

ฟังดูโรแมนติกมากเลย

but, in reality, that girl will probably suffer

แต่ในความเป็นจริง หญิงสาวคนนั้นคงจะได้รับ

more damage from the hero than the bullet

บาดเจ็บจากยอดมนุษย์ ยิ่งกว่าจากกระสุนปืนเสียอีก

if he moved her at super speed.

ถ้าเขาเคลื่อนเธอด้วยความเร็วยิ่งยวด

Newton's First Law of Motion deals with inertia,

กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันข้อแรก ว่าด้วยเรื่องความเฉื่อย

which is the resistance to a change

ซึ่งก็คือความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง

in its state of motion.

ในสถานะของการเคลื่อนไหว

So, an object will continue moving

ดังนั้น วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่

or staying at the same place

หรือหยุดนิ่ง

unless something changes it.

จนกว่าจะมีบางอย่างมาเปลี่ยนมัน

Acceleration is the rate the velocity changes over time.

ความเร่ง คืออัตราที่ความเร็วเปลี่ยนไปตามเวลา

When the girl at rest,

เมื่อหญิงสาวอยู่นิ่งกับที่

velocity equals zero miles per hour,

ความเร็ว = 0 ไมล์ต่อชั่วโมง

begins accelerating to reach the speed within seconds,

เริ่มเร่งความเร็วสู่ความเร็วยิ่งยวดภายในไม่กี่วินาที

velocity increases rapidly

ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

to 25,000 miles per hour,

สู่ 25,000 ไมล์ต่อชั่วโมง

her brain would crash into the side of her skull.

สมองของเธอจะถูกบดขยี้เข้ากับด้านข้างของกระโหลกศีรษะ

And, when she stops suddenly,

และเมื่อเธอหยุดอย่างกะทันหัน

velocity decreases rapidly back to zero miles per hour,

ความเร็วลดลงอย่างรวดเร็วสู่ 0 ไมล์ต่อชั่วโมง

her brain would crash into the other side of her skull,

สมองของเธอบดขยี้เข้ากับอีกด้านของกระโหลก

turning her brain into mush.

ทำให้สมองของเธอแหลกเหลว

The brain is too fragile to handle the sudden movement.

สมองเปราะบางจนทนรับการเคลื่อนไหวแบบกะทันหันไม่ไหว

So is every part of her body, for that matter.

ส่วนอื่นๆ ของร่างกายเธอก็เช่นกัน

Remember, it's not the speed that causes the damage

จำไว้ว่า ความเร็วไม่ได้ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ

because the astronauts survived Apollo 10,

เพราะเหล่านักบินอวกาศล้วนรอดชีวิตจากยานอพอลโล 10

it's the acceleration

ความเร่งต่างหาก

or sudden stop

หรือการหยุดอย่างกะทันหัน

that causes our internal organs

ที่ทำใหอวัยวะภายในของเรา

to crash into the front of our bodies

บดเข้ากับด้านหน้าของร่างกาย

เช่นเดียวกับเวลาเราถลาไปด้านหน้าของรถบัส

the way we move forward in a bus

when the driver slams on the brakes.

เมื่อคนขับเหยียบเบรคกะทันหันนั่นเอง

What the hero did to the girl

สิ่งที่ยอดมนุษย์ทำกับหญิงสาว

is mathematically the same as running her over

ในทางคณิตศาสตร์นั้น เปรียบได้เหมือนเอาเธอไปชน

with a space shuttle at maximum speed.

กับกระสวยอวกาศที่ความเร็วสูงสุด

She probably died instantly at the point of impact.

เธอคงตายในทันที ณ จุดกระทบ

He's going to owe this poor girl's family an apology

เขาจะต้องไปขอขมาต่อครอบครัวของเธอ

and a big fat compensation check.

พร้อมเงินชดเชยก้อนใหญ่

Oh, and possibly face jail time.

อ้อ แถมอาจต้องติดคุกอีกด้วย

Doctors have to carry liability insurance

เหล่าแพทย์ยังต้องทำประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

just in case they make a mistake and hurt their patients.

เผื่อไว้ในกรณีที่เขาทำคนไข้เจ็บโดยไม่ตั้งใจ

ฉันสงสัยเหลือเกินว่า ค่าประกันสำหรับยอดมนุษย์จะแพงสักแค่ไหน

I wonder how much superhero insurance policy would cost.

Now, which superpower physics lesson

ทีนี้ บทเรียนฟิสิกส์ เกี่ยวกับพลังเหนือมนุษย์แบบไหน

will you explore next?

ที่คุณอยากเรียนรู้อีก?

Shifting body size and content,

ย่อ ขยาย หรือแปลงร่างได้

super speed,

มีความเร็วยิ่งยวด

flight,

บินได้

super strength,

มีพละกำลังมหาศาล

immortality,

เป็นอมตะ

and

และ

invisibility.

ล่องหนได้