The Pangaea Pop-up - Michael Molina

แพงกีอา ในรูปแบบหนังสือสามมิติ- มิคาเอล โมลินา (Michael Molina)

Translator: Yada Sattarujawong Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Once upon a time,

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

South America lived harmoniously alongside Africa

ทวีปอเมริกาใต้อยู่ร่วมกับทวีปแอฟริกาอย่างมีความสุข

until a crack in the Earth

จนกระทั้งรอยแยกของเปลือกโลก

drove the two continents apart.

แยกทั้งสองทวีปออกจากกัน

This breakup began about 200 million years ago

การแบ่งตัวนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 200 ล้านปีมาแล้ว

during the separation of the supercontinent

ในระหว่างการแบ่งตัวครั้งใหญ่ของมหาทวีป (supercontinent)

known as Pangaea.

ที่เรียกกันว่า แพงกีอา (Pangaea)

Their proximity back then

การที่แผ่นทวีปทั้งสองเคยอยู่ชิดกันมาก่อนนั้น

explains why the same plant fossils and reptile fossils,

อธิบายถึงความคล้ายคลึงกัน ของฟอสซิลพืชและสัตว์เลื้อยคลาน

like the Mesosaurus,

เช่น เมโซซอรัส (Mesosaurus)

can be found on the South American east coast

ซึ่งสามารถพบได้ทางชายฝั่งตะวันออก ของทวีปอเมริกาใต้

and African west coast.

และทางชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกา

However, this evidence does not account

อย่างไรก็ตาม หลักฐานเหล่านี้ไม่ได้อธิบายว่า

for how the continents moved apart.

แผ่นทวีปทั้งสองเคลื่อนที่ออกจากกันได้อย่างไร

For that, we'll need to take a close look

เพื่ออธิบายเรื่องนี้ เราต้องสำรวจ

at the earth below our feet.

แผ่นโลกที่อยู่ใต้เท้าของเรา ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกนิด

Though you may not realize it,

คุณอาจไม่รู้สึกว่า

the ground below you is traveling across the Earth

แผ่นดินที่เรายืนอยู่นี้ กำลังเคลื่อนตัวไปรอบโลก

at a rate of about 10 cm/year,

ด้วยอัตราความเร็วประมาณ 10 เซนติเมตรต่อปี

or the speed at which your fingernails grow.

หรือเทียบได้กับความเร็วที่เล็บของทุกคนยาวขึ้น

This is due to plate tectonics,

มันเกิดขึ้นเนื่องจากธรณีแปรสัณฐาน (plate tectonics)

or the large-scale movement of Earth's continents.

หรือที่เรียกว่า การเคลื่อนตัวครั้งใหญ่ของแผ่นทวีป

The motion occurs within the top two layers

การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นภายในชั้นนอกสุดสองชั้น

of the Earth's mantle,

ของเนื้อโลก

the lithosphere and asthenosphere.

ซึ่งเรียกว่า ธรณีภาคชั้นนอก (lithosphere) และ ฐานธรณีภาค (asthenosphere)

The lithosphere,

ธรณีภาคชั้นนอก

which includes the crust and uppermost mantle,

ซึ่งรวมถึงเปลือกโลกและเนื้อโลกชั้นบนสุด

comprises the land around you.

ประกอบกันเป็นแผ่นดินที่คุณเห็น

Beneath the lithosphere

ภายใต้ธรณีภาคชั้นนอก

is the asthenosphere

คือชั้นฐานธรณีภาค

the highly viscous but solid rock portion

ซึ่งมีความหนืดมากแต่มีส่วนผสมของหินแข็ง

of the upper mantle.

และอยู่ในเนื้อโลกส่วนบน

It's between 80 and 200 km

มันอยู่ลึกลงไปประมาณ 80 ถึง 200 กิโลเมตร

below the Earth's surface.

จากพื้นผิวโลก

While the asthenosphere wraps around the Earth's core

ในขณะที่ฐานธรณีภาคล้อมรอบแกนโลกเอาไว้

as one connected region,

โดยเชื่อมต่อกันเป็นผืนเดียว

the lithosphere is separated on top

ธรณีภาคชั้นนอกนั้นอยู่ด้านบน

into tectonic plates.

แยกเป็นส่วนๆ ซึ่งเรียกว่าแผ่นเปลือกโลก

There are seven primary tectonic plates

แผ่นเปลือกโลกหลักมีทั้งหมดเจ็ดแผ่น

that compose the shape of the planet we know today.

ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นโลกที่เรารู้จักกันทุกวันนี้

Like the other smaller tectonic plates,

เช่นเดียวกับแผ่นเปลือกโลกที่เล็กกว่า

the primary plates are about 100 km thick

แผ่นเปลือกโลกหลัก มีความหนาประมาณ 100 กิโลเมตร

and are composed of one or two layers:

และแบ่งออกได้เป็นสองชนิดคือ

continental crust and oceanic crust.

แผ่นเปลือกโลกภาคพื้นทวีป (continental crust) และ แผ่นเปลือกโลกภาคพื้นสมุทร (oceanic crust)

Continental crust forms the continents

แผ่นเปลือกโลกภาคพื้นทวีปคือส่วนที่เป็นทวีป

and areas of shallow water close to their shores,

และบริเวณน้ำตื้นที่อยู่ใกล้กับชายฝั่ง

whereas oceanic crust forms the ocean basins.

ในขณะที่แผ่นเปลือกโลกภาคพื้นสมุทร ครอบคลุมแอ่งมหาสมุทร

The transition from the granitic continental crust

การเปลี่ยนแปลงของเป็นแผ่นเปลือกโลกภาคพื้นทวีป ที่เป็นหินแกรนิต

to the basaltic oceanic crust

เป็นแผ่นเปลือกโลกภาคพื้นสมุทรที่เป็นหินบะซอลท์

occurs beyond the continentel shelf,

เกิดขึ้นห่างออกไปจากไหล่ทวีป

in which the shore suddenly slopes down

ที่ซึ่งหาดมีลักษณะชัน

towards the ocean floor.

ลาดลงไปหาพื้นสมุทร

The South American Plate is an example

แผ่นพื้นทวีปอเมริกาใต้เป็นตัวอย่าง

of a tectonic plate made of two crusts:

ของแผ่นพื้นทวีปที่เกิดจากแผ่นโลกสองแผ่น

the continent we know from today's map

ซึ่งก็คือทวีปอเมริกาใต้ที่เรารู้จักในแผนที่โลกทุกวันนี้

and a large region of the Atlantic Ocean around it.

และส่วนใหญ่ของมหาสมุทรแอดแลนติก ที่อยู่ล้อมรอบทวีปอเมริกาใต้

Collectively comprising the lithosphere,

เนื่องจากแผ่นทวีปเหล่านี้ ประกอบด้วยธรณีภาคชั้นนอกเป็นส่วนใหญ่

these plates are brittler and stiffer

แผ่นทวีปเหล่านี้จึงมีเปราะและแข็งกว่า

than the heated, malleable layer of the asthenosphere below.

ส่วนที่ยังได้รับความร้อนของชั้นฐานธรณีภาคที่อยู่ลึกลงไป

Because of this,

และด้วยเหตุนี้

the tectonic plates float on top of this layer,

แผ่นพื้นทวีปที่ลอยอยู่เหนือชั้นนี้

independently of one another.

จึงเป็นอิสระต่อกัน

The speed and direction in which these tectonic plates move

ความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ของแผ่นพื้นทวีปเหล่านี้

depends on the temperature and pressure

ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ และแรงดัน

of the asthenosphere below.

ของชั้นฐานธรณีภาคที่อยู่เบื้องล่าง

Scientists are still trying to nail down

นักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามระบุถึงที่มา

the driving forces behind this movement,

ของแรงผลักดันที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่นี้

with some theories pointing towards mantle convection,

บางทฤษฏีก็ระบุว่า น่าจะเกิดจากการเคลื่อนตัวของชั้นเนื้อโลก

while others are examining

ในขณะที่ทฤษฏีอื่นๆ ก็ทำการศึกษา

the influence of the Earth's rotation

เกี่ยวกับอิทธิพลของการหมุนรอบตัวเองของโลก

and gravitational pull.

และอิทธิพลจากแรงดึงดูด

Though the mechanics have not been sorted out,

ถึงแม้ว่ากระบวนการของมันยังไม่เป็นที่รู้แน่ชัด

the scientific community agrees

แวดวงนักวิทยาศาสตร์ เห็นตรงกันว่า

that our tectonic plates are moving

แผ่นพื้นทวีปของเรากำลังเคลื่อนที่

and have been for billions of years.

และได้เคลื่อนตัวมาตลอดหลายล้านปีที่ผ่านมา

Because these plates move independently,

และเนื่องจากแผ่นพื้นทวีปเหล่านี้เคลื่อนตัวอย่างเป็นอิสระ

a fair amount of pushing and pulling

จึงทำให้เกิดการดึงตัว และผลักตัว

between the plates occurs.

ระหว่างแผ่นพื้นทวีปต่างๆ

The first type of interaction

ลักษณะความปฏิสัมพันธ์แบบแรก

is a divergent boundary,

คือการเคลื่อนที่แยกจากกัน (divergent boundary)

in which two plates move away from one another.

ซึ่งแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นเคลื่อนตัวออกห่างจากกัน

We see this in the Mid-Atlantic Ridge

เราพบการเคลื่อนตัวแบบนี้ ในบริเวณรอยแยกกลางมหาสมุทรแอดแลนติก

between South America and Africa.

ระหว่างอเมริกาใต้และแอฟริกา

The next interaction is when two plates collide,

ลักษณะแบบต่อมาคือการชนกันของสองแผ่นทวีป

known as a convergent boundary.

ซึ่งเราเรียกว่าการเคลื่อนตัวเข้าหากัน (convergent boundary)

In this instance, the land is pushed upward

ในกรณีนี้แผ่นดินจะดันตัวสูงขึ้น

to form large mountain ranges,

กลายเป็นและทิวเขาสูง

like the Himalayas.

เช่น เทือกเขาหิมาลัย

In fact, the Indian Plate is still colliding

อันที่จริงแล้ว แผ่นทวีปอินเดียก็ยังคงเคลื่อนที่

with the Eurasian Plate,

ชนกับแผ่นทวีปยูเรเชียอยู่

which is why Mount Everest

ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดเขาเอเวอร์เรสต์

grows one cm/year.

มีความสูงเพิ่มขึ้นหนึ่งเซนติเมตร ทุกๆ ปี

Finally, there's the transform boundaries,

ลักษณะการเคลื่อนที่แบบสุดท้าย คือ การเปลี่ยนแปลงขอบทวีป (transform boundaries)

where two plates scrape past one another.

ซึ่งแผ่นทวีปทั้งสองเคลื่อนตัวขัดสีกัน

The grinding of the transform boundary

การเบียดตัวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง บริเวณขอบแผ่นทวีป

leads to many earthquakes,

นำไปสู่การเกิดแผ่นดินไหว

which is what happens

ซึ่งทำให้เกิด

in the 810 mile-long San Andreas Fault.

รอยเลื่อนแซนแอนเดรอัส ยาว 810 ไมล์

The moving Earth is unstoppable,

ความเปลี่ยนแปลงของโลกนั้นไม่สามารถยับยั้งได้

and, while a shift of 10 cm/year may not seem like a lot,

และถึงแม้ว่าตัวเลข 10 เซนติเมตรต่อปีอาจฟังดูเล็กน้อย

over millions of years our planet will continue

แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายล้านปี ดาวเคราะห์ของเรานี้

to dramatically change.

ก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

Mountains will rise,

ภูเขามากมายจะยกตัวสูงขึ้น

shorelines will recede,

แนวชายฝั่งจะถอยร่นเข้ามา

islands will pop up.

เกาะใหม่ๆ จะโผล่ขึ้น

In fact, one projected map shows

อันที่จริง แผนที่จากการคาดการณ์หนึ่งระบุว่า

the cities of Los Angeles and San Francisco

เมืองต่างๆ ในลอส แองเจลลิส และ ซาน ฟรานซิสโก

on top of each other.

จะเคลื่อนที่มาซ้อนทับกัน

Maybe South America and Africa

และบางที ทวีปอเมริกาใต้และทวีปแอฟริกา

will come together again, too.

อาจจะกลับมาอยู่ติดกันอีกครั้งก็ได้

Only time will tell.

มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะไขปริศนาเหล่านี้ได้