Why should you read “Moby Dick”? - Sascha Morrell

Translator: Tanat Chinkijkarn Reviewer: Natthacha Sangchaitaveeruk

A mountain separating two lakes.

ภูเขากั้นทะเลสาบสองแห่ง ออกจากกัน

A room papered floor to ceiling with bridal satins.

ห้องที่ปกคลุมไปด้วยผ้าซาติน ของชุดเจ้าสาว จากพื้นถึงเพดาน

The lid of an immense snuffbox.

ฝาของกล่องยานัตถุ์ขนาดยักษ์

These seemingly unrelated images take us on a tour of a sperm whale’s head

ภาพของวัตถุต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันนี้ พาเราท่องไปในหัวของวาฬหัวทุย

in Herman Melville’s "Moby Dick."

ในนวนิยายของ เฮอร์แมน เมลวิลล์ เรื่อง โมบี ดิก

On the surface,

โครงเรื่องชั้นแรก

the book is the story of Captain Ahab’s hunt for revenge against Moby Dick,

เป็นเรื่องของกัปตัน อาฮับ ตามล้างแค้นเจ้าโมบี ดิก

the white whale who bit off his leg.

วาฬเผือกที่กัดขาของเขาขาด

But though the book features pirates, typhoons, high-speed chases,

แต่นวนิยายก็ยังประกอบด้วย โจรสลัด พายุไต้ฝุ่น การไล่ตามด้วยความเร็วสูง

and giant squid,

และปลาหมึกยักษ์

you shouldn’t expect a conventional seafaring adventure.

คุณไม่ควรคาดหวังว่าจะอ่าน เรื่องผจญภัยทางทะเลตามแบบเดิม ๆ

Instead, it’s a multilayered exploration of not only the intimate details

แต่มันกลับเป็นการผจญภัยที่ซับซ้อน ที่ไม่ได้มีเพียงรายละเอียด

of life aboard a whaling ship,

เกี่ยวกับชีวิตบนเรือล่าวาฬ

but also subjects from across human and natural history,

แต่มันยังเกี่ยวข้องไปถึงประเด็นความเป็น มนุษย์และประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ

by turns playful and tragic, humorous, and urgent.

โดยสลับไปมาระหว่างกับเรื่องขำขัน เรื่องเศร้า และเรื่องตื่นเต้นระทึกขวัญ

The narrator guiding us through these explorations

ผู้เล่าเรื่องจะพาเราผ่านการเดินทางนี้

is a common sailor called Ishmael.

ด้วยตัวละครกะลาสีเรือ ชื่อ อิชมาเอล

Ishmael starts out telling his own story

อิชมาเอล เริ่มด้วยการเล่าเรื่องของตัวเอง

as he prepares to escape the “damp and drizzly November in [his] soul”

เขาวางแผนที่จะหนีจาก "ความเปียกปอน หม่นหมอง ราวกับเดือนพฤศจิกายนในใจเขา"

by going to sea.

ด้วยการเดินทางไปทะเล

But after he befriends the Pacific Islander Queequeg

แต่หลังจากเขารู้จักกับ ชาวเกาะแปซิฟิกควีเควก

and joins Ahab’s crew aboard the Pequod,

และสมัครเป็นลูกเรือของกัปตัวอาฮับ บนเรือ พีคอต

Ishmael becomes more of an omniscient guide for the reader

อิชมาเอลก็กลายเป็นเสียงเล่าที่นำทางผู้อ่าน

than a traditional character.

มากกว่าจะเป็นตัวละครหนึ่ง

While Ahab obsesses over revenge

ในขณะที่กัปตันอาฮับหมกมุ่นกับการแก้แค้น

and first mate Starbuck tries to reason with him,

และต้นหนอย่าง สตาร์บัค พยายาม จะให้เหตุผลกับเขา

Ishmael takes us on his own quest for meaning

อิชมาเอลพาเราร่วมเดินทางไป กับภารกิจของเขาเองที่ตามหาความหมาย

throughout “the whole universe, not excluding its suburbs.”

ของ "ทั้งจักรวาลที่รวมไปถึงชายขอบต่าง ๆ"

In his telling, life’s biggest questions loom large, even in the smallest details.

จากการเล่าของเขา คำถามที่สำคัญสุดในชีวิต นั้นยิ่งใหญ่แม้จะเป็นรายละเอียดที่เล็กสุดก็ตาม

Like his narrator, Melville was a restless and curious spirit,

เช่นเดียวกับผู้เล่าเรื่องของเขา เมลวิลล์ ผู้แต่งที่เป็นคนอยู่ไม่นิ่งและช่างสงสัย

who gained an unorthodox education working as a sailor

เขาได้รับการศึกษาไม่เหมือนคนทั่วไป จากการทำงานเป็นกะลาสีเรือ

on a series of grueling voyages around the world in his youth.

จากการเดินทางอันลำบากยากเย็น รอบโลกในช่วงที่เขายังเด็ก

He published "Moby Dick" in 1851,

เขาตีพิมพ์ "โมบี ดิก" ในปี 1851

when the United States’ whaling industry was at its height.

ในตอนที่อุตสาหกรรม การล่าวาฬในอเมริกาอยู่ในจุดสูงสุด

Nantucket, where the Pequod sets sail,

แนนทักเก็ต ซึ่งเป็นท่าที่พีคอตออกเรือ

was the epicenter of this lucrative and bloody global industry

เป็นศูนย์กลางของธุรกิจ ที่กำไรงามแต่โชกไปด้วยเลือด

which decimated the world’s whale populations.

ธุรกิจซึ่งทำลายประชากรวาฬของโลก

Unusually for his time,

เมลวิลล์ต่างจากคนอื่นในยุคนั้น

Melville doesn’t shy away from the ugly side of this industry,

เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงการกล่าวถึง ด้านมืดของอุตสาหกรรมนี้

even taking the whale’s perspective at one point,

เขายังพรรณนาภาพจากมุมมองของวาฬ

when he speculates on how terrifying the huge shadows of the ships must be

ว่าเงาที่เกิดจากเรืออันใหญ่โต นั้นจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน

to the creature swimming below.

สำหรับสัตว์ที่กำลังว่ายน้ำอยู่ข้างล่าง

The author’s first-hand familiarity with whaling is evident

สิ่งแรกที่ผู้เขียนหยิบยื่นความคุ้นเคย เกี่ยวกับการล่าวาฬคือความชัดเจน

over and over again in Ishmael’s vivid descriptions.

ผ่านคำบรรยายโดยละเอียด ของอิชมาเอลอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

In one chapter, the skin of a whale’s penis

ในบทที่หนึ่ง หนังจากองคชาติของวาฬ

becomes protective clothing for a crewman.

ได้กลายมาเป็นชุดของลูกเรือ

Chapters with titles as unpromising as “Cistern and Buckets”

บทอื่น ๆ ที่มีชื่อบทไม่น่าสนใจอย่าง "Cistern and Buckets"

become some of the novel’s most rewarding

กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของ นิยายที่ได้รับรางวัลมากที่สุด

as Ishmael compares bailing out a sperm-whale’s head to midwifery,

เพราะอิชมาเอลนั้นได้เปรียบเทียบส่วนหัว ของวาฬหัวทุยกับการตั้งครรภ์

which leads to reflections on Plato.

ซึ่งนำไปสู่การการสะท้อนตามแนวคิดของเพลโต

Tangling whale-lines provoke witty reflections

การที่วาฬนั้นเข้าไปพันกับอวนดักวาฬ สะท้อนให้เห็นถึงไหวพริบปฏิภาณการเอาตัวรอด

on the “ever-present perils” entangling all mortals.

จากบท "ever-present perils" ซึ่งเกี่ยวพันกับความตายทั้งสิ้น

He draws on diverse branches of knowledge, like zoology, gastronomy, law, economics,

เขาได้เขียนโดยมีความหลากหลายทางสาขาวิชา ทั้งสัตววิทยา การทำอาหาร กฎหมาย เศรษฐศาสตร์

mythology, and teachings from a range of religious and cultural traditions.

ตำนานและคำสอนจากศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ

The book experiments with writing style as much as subject matter.

หนังสือเล่มนี้ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับแนวทาง การเขียนพอ ๆ กับเนื้อหาสาระสำคัญในหนังสือ

In one monologue, Ahab challenges Moby Dick in Shakespearean style:

มีอยู่ตอนหนึ่งที่กัปตันอาฮับได้พูดเย้ย โมบี ดิก ในแบบของเช็คสเปียร์

“Towards thee I roll, thou all-destroying but unconquering whale;

สำหรับเจ้าข้าย่อยยับ เจ้าทำลายซึ่งทุกสิ่ง แต่มิอาจเอาชนะ

to the last I grapple with thee; from hell’s heart I stab at thee;

สำหรับครั้งสุดท้ายที่ข้าฟาดฟันกับเจ้า จากหัวใจของนรกข้าขอทิ่มแทงเจ้า

for hate’s sake I spit my last breath at thee.”

สำหรับลมหายใจสุดท้ายของข้า ข้าขอใช้สาปแช่งเจ้า

One chapter is written as a playscript,

ในบทหนึ่งนั้นก็ถูกเขียนในแบบของบทละคร

where members of the Pequod’s multi-ethnic crew chime in individually and in chorus.

โดยความหลายหลายเชื้อชาติบนเรือพีคอต มีโอกาสได้ร้องทั้งแบบเดี่ยวและประสานเสียง

African and Spanish sailors trade insults while a Tahitian seaman longs for home,

ลูกเรือแอฟริกันและสเปนนั้นจะร้องเหยียดกัน ขณะที่พวกชาวเกาะทาฮิตีจะร้องคิดถึงบ้าน

Chinese and Portuguese crewmembers call for a dance,

ฝั่งลูกเรือชาวจีนและโปรตุเกส มักจะร้องเล่นเต้นรำ

and one young boy prophesies disaster.

และเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ราวกับหายนะ

In another chapter,

ในบทหนึ่ง

Ishmael sings the process of decanting whale oil in epic style,

อิชมาเอลได้ร้องเพลงเกี่ยวกับขั้นตอน การไหลหยดของน้ำมันวาฬอย่างมีชั้นเชิง

as the ship pitches and rolls in the midnight sea

ขณะที่เรือกำลังล่องฝ่าไป กลางทะเลยามค่ำคืน

and the casks rumble like landslides.

และถังก็ก็ส่งเสียงดังราวกับดินถล่ม

A book so wide-ranging has something for everyone.

หนังสือมีเนื้อหาค่อนข้างกว้าง มีอะไรให้ทุกคนค้นหา

Readers have found religious and political allegory,

ผู้อ่านจะได้พบกับเรื่องราว ที่เปรียบเปรยถึงศาสนาและการเมือง

existential enquiry, social satire, economic analysis,

การตั้งคำถามเกี่ยวกับอัตถิภาวนิยม, การเสียดสีสังคม, การวิเคราะห์เศรษฐกิจ

and representations of American imperialism,

และการนำเสนอเกี่ยวกับ จักรวรรดินิยมของอเมริกา

industrial relations and racial conflict.

ความสัมพันธ์ระหว่างเครืออุตสาหกรรม และความขัดแย้งทางเชื้อชาติ

As Ishmael chases meaning and Ahab chases the white whale,

ขณะที่อิชมาเอลกำลังไล่ลาหาความหาย และกัปตันอาฮับที่ไล่าลาหาวาฬเผือกตัวนั้น

the book explores the opposing forces of optimism and uncertainty,

หนังสือได้พาสำรวจถึงด้านตรงข้ามของ การมองโลกในแง่ดีและความไม่แน่นอนต่าง ๆ

curiosity and fear that characterize human existence

ความอยากรู้อยากเห็นและความกลัว ที่บ่งบอกถึงลักษณะการดำรงอยู่ของมนุษย์

no matter what it is we’re chasing.

ไม่ว่าอะไรที่เราก็กำลังไล่ตามอยู่นั้น

Through "Moby Dick’s" many pages,

ผ่านหน้าหนังสือของ "โมบี ดิก"

Melville invites his readers to leap into the unknown,

เมลวิลล์ได้เชื้อเชิญผู้อ่านของเขา เข้าสู่ดินแดนที่ไม่อาจล่วงรู้

to join him on the hunt for the “ungraspable phantom of life.”

เพื่อร่วมออกเดินทางไปกับเขาเพื่อไล่ล่า "สิ่งหลอกหลอนชีวิตที่ไม่อาจจะเข้าใจได้"