The one thing stopping jellyfish from taking over - Mariela Pajuelo & Javier Antonio Quinones

Translator: Saran Sw Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Over the past two decades, jellyfish have begun to overwhelm our oceans.

กว่า 20 ปีที่ผ่านมา แมงกะพรุนเริ่มเพิ่มจำนวนไปทั่วมหาสมุทร

In New Zealand, divers swat off millions of stinging jellyfish

ในนิวซีแลนด์นั้น เหล่านักดำน้ำต้องฝ่า ฝูงแมงกะพรุนนับล้านตัว

each no larger than a grain of pepper.

โดยพวกมันมีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าเม็ดพริกไทย

In Sweden, a massive cluster of moon jellyfish

ในสวีเดน มีแมงกะพรุนพระจันทร์ขนาดใหญ่

shut down one of the world’s largest nuclear reactors

ทำลายระบบในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

by clogging the plant’s essential pipes.

โดยการเข้าไปอุดตันท่อสำคัญต่างๆ ของโรงงาน

And in the Sea of Japan, thousands of 200 kilogram Nomura’s jellyfish

และภายในทะเลญี่ปุ่น แมงกะพรุนโนะมุระ น้ำหนัก 200 กิโลกรัม กว่าร้อยตัว

with bells two meters in diameter swarm fishermen,

ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนระฆัง 2 เมตร เข้าก่อกวนชาวประมง

snapping nets and devouring local fish.

ทำลายแห และกินปลาท้องถิ่น

Around the world, these animals voraciously consume fish eggs and larvae,

ในทั่วมุมโลก สัตว์เหล่านี้กินไข่ปลาและตัวอ่อนเป็นอาหาร

routinely undermine marine farming efforts,

ทั้งยังทำลายอาชีพทางน้ำ

and outcompete adult fish by consuming the resources they need to survive.

และรบกวนปลาที่เจริญเต็มวัย จากการกินแหล่งอาหารที่พวกมันจำเป็นต้องใช้

If things stay on their current trajectory,

หากแมงกะพรุนเหล่านี้ ยังใช้ชีวิตตามแนววิถีแบบนี้อยู่

we could be headed for a future where the entire ocean is thick with jellyfish.

มหาสมุทรของเราในอนาคต คงเต็มไปด้วยเหล่าแมงกะพรุน

So, is there anything that can keep these gelatinous creatures under control?

ดังนั้นแล้ว ยังมีทางไหนที่จะควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้อีก

Enter, the humble sea turtle.

คำตอบก็คือ เต่าทะเล

There are a wide range of marine animals that feed on jellyfish,

มีสัตว์หลายชนิดที่กินแมงกะพรุนเป็นอาหาร

but sea turtles are among their most ancient predators.

แต่เต่าทะเลจัดเป็นนักล่าที่เก่าแก่ที่สุด

And while every known species of sea turtle preys on jellyfish

ในขณะที่เต่าทะเลสายพันธุ์ต่างๆ ล่าแมงกะพรุนเป็นอาหาร

at some point in their lives,

หากเทียบในการดำรงชีวิตแล้ว

none consume quite as many as the leatherback.

ไม่มีสายพันธุ์ใดที่กินแมงกะพรุนได้เยอะเท่า เต่ามะเฟืองอีกแล้ว

Leatherbacks are the largest species of sea turtle,

เต่ามะเฟืองเป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในสายพันธุ์เต่าทะเล

and they eat jellyfish almost exclusively,

และพวกมันกินแมงกะพรุนเป็นอาหารเป็นส่วนใหญ่

devouring well over 1,000 metric tons of them over their roughly 50-year lifespans.

พวกมันกินแมงกะพรุนไปกว่า 100 เมทริคตัน ตลอดช่วงอายุขัย 50 ปีของมัน

This is particularly remarkable because jellyfish are 95% water

นี่เป็นจำนวนที่น่าสนใจ เพราะแมงกะพรุนประกอบด้วยน้ำ 95%

and very low in calories,

และมีแคลอรี่ต่ำ

so to maintain a healthy weight,

เพื่อที่จะดำรงชีวิตให้มีสุขภาพดี

the average 500 kilogram leatherback

เต่ามะเฟืองที่หนักราว 500 กิโลกรัม

needs to eat roughly 400 kilograms of jellyfish every day.

จำเป็นต้องกินแมงกะพรุน กว่า 400 กิโลกรัมต่อวัน

That’s roughly the same weight as a grand piano.

นั่นถือเป็นน้ำนักเท่ากับเปียโนขนาดใหญ่

And while some sea turtle species have been documented

และในขณะที่เต่าทะเลบางสายพันธุ์ ถูกบันทึกไว้ว่า

selectively eating their preys’ protein-rich gonads,

พวกมันเลือกที่จะกินอวัยวะเพศของเหยื่อ ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน

leatherbacks eat jellyfish whole—

แต่เต่ามะเฟืองกินแมงกะพรุนทั้งตัว

mowing down huge swaths of unsuspecting jellies.

พวกมันกัดกินไปตลอดแนวยาว ของแมงกะพรุนอย่างง่ายดาย

Normally, jellyfish aren't quite this defenseless.

จริงๆ แล้ว แมงกะพรุนไม่ใช่สัตว์อ่อนแอเลย

Most species have tentacles covered in cells called cnidocytes,

สายพันธุ์ส่วนใหญ่ของพวกมันมีหนวดไว้ เพื่อปกปิดเซลล์ที่เรียกว่า ไนโดไซต์

which contain venomous harpoons coiled and ready to launch.

เป็นเซลล์พิษที่สามารถพุ่งออกมาคล้ายฉมวก

These barbed structures, known as nematocysts,

โครงสร้างรูปกระเปาะนี้เรียกว่า เนมาโทซิสต์

are released on contact.

โดยสามารถปล่อยออกมาทันทีที่สัมผัส

Jellyfish frequently use this sting to paralyze and kill their food,

แมงกะพรุนมักใช้ความเจ็บปวดนี้จากพิษ ทำให้เหยื่อขยับไม่ได้และเป็นอาหารของมัน

and it can also irritate the skin of would-be intruders.

มันยังสามารถสร้างความระคายเคือง ต่อผมของผู้ที่เป็นผู้บุกรุก

But it's completely useless against sea turtles.

ทว่าสิ่งเหล่านี้กับไม่ได้ผลกับเต่าทะเล

Most of these reptiles have thick scales covered in keratin—

สัตว์เลื้อยคลานส่วนใหญ่นี้ มีเคราตินปกคลุมค่อนข้างหนา

the same material that makes up nails and claws.

ซึ่งเป็นสสารเดียวกับ สิ่งที่สร้างเล็บและกรงเล็บ

This leathery armor protects their skin while they hunt,

นักล่าหนังเหนียวเหล่านี้จึงสามารถ ปกป้องผิวหนังของพวกมันขณะออกล่าได้

and any captured prey that tries to escape is impaled

เหยื่อที่พยายามหนีจากการจับกุมจะถูกักไว้

on the keratinized spikes lining the leatherback’s esophagus.

บริเวณเคราตินอันแหลมคม ตามบริเวณหลอดอาหารลึกลงไป

For most sea turtles, these adaptations make individual jellyfish easy prey.

ในหมู่เต่าทะเลส่วนใหญ่นั้น วิวัฒนาการนี้ ทำให้แมงกะพรุนเป็นเหยื่ออันไร้หนทางสู้

However, a jelly population’s true defense mechanism

ถึงอย่างนั้น กลไกการป้องกัน ของจำนวนแมงกะพรุน

is in how quickly they can reproduce.

ขึ้นอยู่ที่ว่า พวกมันเกิดใหม่ได้เร็วแค่ไหน

Almost all jellyfish species have evolved to reproduce both sexually and asexually,

แมงกะพรุนเกือบทุกสายพันธุ์เกิดการวัฒนาการ ให้สามารถเป็นทั้งสัตว์ที่มีเพศและไม่มีเพศ

allowing them to increase their numbers with or without a partner.

ทำให้พวกมันเพิ่มจำนวนได้ โดยที่ไม่ต้องอาศัยการจับคู่ด้วย

In tropical environments,

ในสภาพแวดล้อมเขตร้อนนั้น

jellyfish reproduce constantly throughout the year.

แมงกะพรุนสามารถเกิดใหม่ได้ตลอดทั้งปี

But in more temperate climates,

แต่ในสภาพอากาศที่พอดีนั้น

species often reproduce all at once in a massive bloom,

สัตว์สายพันธุ์นี้จะออกผลิกลูก ในจำนวนมหาศาลภายในครั้งเดียว

where jellies multiply at alarming rates.

ถือเป็นการเพิ่มจำนวนที่มากจนเข้าขั้นวิกฤต

And humanity is making these blooms much more frequent.

และมนุษย์ทำให้การเพิ่มจำนวนนี้ เกิดบ่อยครั้งขึ้น

Fertilizer runoff from farms introduces chemicals

ปุ๋ยเคมีที่ถูกชะล้างออกจากฟาร์ม

that simultaneously kill other fish and prompt blooms.

ทำให้ปลาหลายตัวตาย และเกิดการเพิ่มจำนวนแมงกะพรุนด้วย

High water temperatures caused by climate change

อุณหภูมิน้ำที่สูงเกิดจาก สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป

speed up jellyfish reproduction and extend the reproductive season.

ยิ่งทำให้การออกลูกของแมงกะพรุนเกิดเร็วขึ้น และช่วยขยายช่วงแพร่พันธุ์ให้นานขึ้น

Meanwhile, both marine construction and pollution

ขณะเดียวกัน ทั้งการก่อสร้างทางทะเล และมลพิษทางทะเล

dramatically increase the surface area for jellyfish polyps

ทำให้เพิ่มพื้นผิวแก่แมงกะพรุนระยะโพลิป

to attach, grow, and mature.

ที่ต้องการสิ่งยึดเกาะ เพื่อเติบโต

All these issues require a wide range of policy-based solutions.

ปัญหาเหล่านี้ต้องการการแก้ไข ตามนโยบายอย่างหลากหลาย

But one major way to prevent jellyfish populations from getting out of hand

แต่หนึ่งวิธีหลักที่ช่วยป้องกัน จำนวนแมงกะพุรนที่้นหลามได้

is to protect their natural predators—

คือการปกป้องนักล่าทางธรรมชาติทั้งหลาย-

many of whom are currently under threat.

ที่เสียงต่อการสูญพันธุ์ในตอนนี้

Small-scale fisheries that are essential to communities in Mexico and Peru

ชาวประมงกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นชุมชนหลัก ในเม็กซิโกและเปรู

often use gillnets,

มักใช้อวน

which unintentionally capture and kill hundreds of sea turtles each year.

ซึ่งอาจจับโดนและฆ่าเต่าทะเล ไปหลายร้อยตัวต่อปี

In the Eastern Pacific, these practices could drive leatherbacks to extinction

ในมหาสมุทรแปซิฟิกนั้น การกระทำเหล่านี้ จะทำให้เต่ามะเฟืองสูญพันธุ์

in the next 60 years.

ภายในอีก 60 ปี

Fortunately, some researchers have already developed inexpensive tools

โชคดีที่นักวิจัยบางส่วน ได้พัฒนาเครื่องมือในราคาย่อมเยาขึ้น

to minimize these risks.

เพื่อที่จะลดความเสี่ยงนี้

Attaching green LED lights to gillnets has proven useful

การติดไฟ LED สีเขียวไว้ที่อวน เป็นวิธีที่ได้ผล

for allowing sea turtles, dolphins, and even seabirds to avoid fishing gear.

ทำให้เต่าทะเล โลมา และนกทะเล สามารถหลบอวนตกปลาได้

Solutions like this should allow small-scale fishers

วิธีแก้นี้อาจทำให้เหล่าชาวประมงกลุ่มเล็กๆ

to support their communities

ได้ส่งเสริมชุมชนของพวกเขา

while minimizing their impact on our leathery ocean defenders.

อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบที่เกิดต่อ ผู้พิทักษ์มหาสมุทรหนังเหนียวของเรา