Mining literature for deeper meanings - Amy E. Harter

ขุดค้นวรรณคดีเพื่อหาความหมายเชิงลึก - เอมี่ อี ฮาร์เทอร์ (Amy E. Harter)

Transcriber: Andrea McDonough Reviewer: Jessica Ruby

Translator: Yada Sattarujawong Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

We often hear that studying literature

เรามักได้ยินว่าการเรียนวรรณคดี

involves finding a deeper meaning to a text.

คือเรียนเกี่ยวกับวิธีการอ่านเอาความหมายเชิงลึก จากตัวบทความ

When writing about literary works,

เมื่อเราเขียนงานวรรณกรรมต่างๆ

we're expected to mentally dive below the surface

เราคาดหวังที่จะดำดิ่งลงไปใต้ผิวน้ำ

in order to come back up with big ideas.

เพื่อไปขุดเอาประเด็นความคิดสำคัญๆขึ้นมา

But you may find yourself looking

แต่คุณอาจจะพบว่าตัวคุณกำลัง

at the flat page of a book,

มองหน้ากระดาษแบนราบนั้น

wondering how deep it can really go?

แล้วสงสัยว่า เราจะลงไปได้ลึกแค่ไหนกัน

How do we reach those ideas that turn into great essays?

เราจะดำลงไปถึงแนวคิดเหล่านั้น แล้วเอามันมาเขียน เป็นบทความชิ้นเยี่ยมได้หรือ

Well, there are two crucial thinking steps

คร่าวๆ มันประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญสองขั้นตอน

that can lead us in the right direction:

ที่จะพาเราไปถูกทาง

practicing insight

นั่นคือการฝึกการมองอย่างลึกซึ้ง

and acknowledging complexity.

และรับรู้ถึงความซับซ้อน

Insight is the ability to arrive

การมีความลึกซึ่งคือความสามารถ

at an intuitive understanding of a big idea

ที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงประเด็นหลักได้เอง

using only small clues to get there.

ด้วยการเก็บคำใบ้เล็กๆน้อยๆ จนกว่าจะไปถึงแนวคิดนั้น

If you're practicing insight,

ถ้าคุณกำลังฝึกตัวเองให้มีความเข้าใจสิ่งต่างๆอย่างลึกซึ้ง

you'll able to use observations

คุณอาจจะใช้การสังเกตุ

about character behavior to figure out

พฤติกรรมต่างๆของตัวละคร เป็นวิธีที่ช่วยให้

their true emotions and motivations.

เราเข้าถึงอารมณ์ หรือ แรงจูงใจที่แท้จริง ของตัวละครนั้น

Pay attention to little things

สนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ

because they add up to what is really meaningful.

เพราะมันมักจะรวมกันเป็นสิ่งที่มีความหมายและสำคัญ

For example, if you consider a character

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณลองพิจารณาตัวละครอย่าง

like Mr. Darcy from <i>Pride and Prejudice</i>,

คุณ ดาร์ซี (จากเรื่อง: Pride and Prejudice-สาวทรงเสน่ห์)

who openly declares his dislike for Miss Lizzy Bennet,

ซึ่งแสดงออกด้วยการพูดอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ชอบ ลิซซี่ เบนเน็ต

you might, at first, assume he's just a mean guy.

ในตอนแรก คุณอาจจะคิดไปว่า เขาเป็นคนใจร้าย

But, using your powers of insight,

แต่ด้วยการใช้พลังแห่งการวิเคราะห์

you're noticing other smaller things -

คุณก็จะสังเกตเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆอื่นๆ

how Darcy's eyes linger on Lizzy's face

เช่นการที่สายตาของดาร์ซี่ มักจะวนเวียน อยู่ที่ใบหน้าของลิซซี่

and how he seems all flustered when she's around.

และ การที่เขาดูจะสับสนปั่นป่วนทุกครั้งที่เธออยู่ใกล้

Add to the mix your knowledge that Mr. Darcy

เมื่อรวมกับความเข้าใจที่ว่า คุณดารซี่นั้น

is in a much higher social class than Lizzy,

อยู่ในชนชั้นที่สูงกว่าลิซซี่

and your sense of insight should be telling you

ความรู้สึกในการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งจะบอกกับคุณว่า

that there's something more here.

มันมีอะไรมากกว่าที่เห็น

In this case, it will tell you

ในกรณีนี้ มันบอกคุณว่า

that Darcy's surface behavior is in conflict

พฤติกรรมภายนอกของดารซี่นั้นเป็นการกระทำที่ขัดแย้ง

with his true feelings of attraction

กับความรู้สึกจริงๆ ที่เขารู้สึกสนใจลิซซี่

because the difference in wealth between himself and Lizzy

แต่ด้วยความแตกต่างระหว่างชนชั้นของเขากับลิซซี่

makes him feel that it'll never work.

ทำให้เข่ารู้สึกว่า มันคงไม่มีทางเป็นไปได้

Thinking about all those small clues

เมื่อคิดดูจาก จุดบอกใบ้เล็กๆน้อยๆเหล่านั้น

gives us insight about some of the big, abstract ideas

เราก็จะเข้าใจถึงแนวคิดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในนวนิยาย

within the novel that we can approach in an essay:

ซึ่งเราก็จะสามารถนำมาเขียนเป็นเรียงความได้

appearances versus reality,

เช่นหัวข้อเรื่อง รูปร่างหน้าตาภายนอก กับความเป็นจริง(ภายใน)

the power of wealth and social stratification,

หรือหัวข้อเกี่ยวกับ อำนาจของความรวย และ การแบ่งแยกชนชั้นทางสังคม

and the unpredictable nature of love and attraction.

หรือเรื่อง ธรรมชาติที่คาดเดาได้ยากของความรักและการมีคู่

Look at that! Deeper meaning.

ลองดูซะก่อน นี่แหละความหมายในเชิงลึก

The second step to a sophisticated analysis

ขั้นตอนที่สอง ของการวิเคราะห์อย่างล้ำลึก

is acknowledging complexity.

ก็คือการเข้าใจความซับซ้อน

Let's face it. In both life and literature,

ยอมรับเถอะว่า ทั้งในชีวิตของเรา และในวรรณกรรมต่างๆ

situations are complicated

สถานการณ์ต่างๆ มักจะซับซ้อน

due to social forces like relationships,

เนื่องจากแรงผลักดันทางสังคมต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์

moral codes,

ศีลธรรม

personal desires,

ความต้องการส่วนบุคคล

and power structures.

โครงสร้างทางอำนาจ

This means that there are, at any given time,

นั่นหมายความว่า ในสถานการณ์ใดๆก็ตาม

multiple factors that shape what is true.

อาจจะมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความเป็นจริงมากกว่าหนึ่งปัจจัย

In order to acknowledge complexity in your writing,

และในการที่เราจะนำเสนอถึงความซับซ้อนนั้น ในงานเขียนของคุณ

refrain from making broad generalizations about a text

ก็คือการหลีกเลี่ยงการสรุปใจความรวมๆ ของหนังสือ

or establishing quick, simple judgements about a character.

หรือตั้งข้อคิด หรือข้อตัดสินอะไรบางอย่างง่ายๆ เกี่ยวกับตัวละคร

Explore each facet of your subject carefully

ลองสำรวจด้านต่างๆของเรื่องที่คุณสนใจให้ละเอียด

and make sure to consider multiple influences on events.

ให้แน่ใจว่าคุณทราบถึงแรงผลักดันต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ทั้งหมดแล้ว

Explain the tension of multiple forces

เพื่อคุณจะได้อธิบาย แรงเสียดทานของปัจจัยต่างๆ

that create the story.

ที่มีต่อเรื่องราวนั้นได้อย่างชัดเจน

For example, a basic analysis of Toni Morrison's <i>Beloved<i>,

ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ นวนิยาย ของ โทนี่ มอริสัน เรื่อง Beloved

where the protagonist has killed her own child

ตัวละครหลักในเรื่องฆ่าลูกของตัวเอง

rather than allow her to grow up in slavery,

แทนที่จะปล่อยให้ลูกโตขึ้นมาในระบบทาส

might sound like this,

การกล่าวสรุปรวมๆอาจจะเป็นแบบนี้

"Sethe murdered her own daughter.

เซ็ท ฆ่าลูกสาวของตัวเอง

This act was wrong,

เป็นการกระทำที่ผิด

and causes the ghost of the child

และทำให้วิญญานของเด็ก

to haunt her throughout the novel."

ตามมาหลอกหลอนเธอตลอดเรื่อง

These observations are simplistic.

การสังเกตเหตุการณ์เช่นนี้ธรรมดาเกินไป

They don't acknowledge all the different forces

และไม่ได้บ่งบอกถึงแรงกระทำต่างๆ

that contribute to what the character has done.

ที่ส่งผลให้ตัวละครทำเช่นนั้น

Try something like this instead,

ลองอะไรแบบนี้ดู

"A culture of slavery disturbs the ability

"วัฒนธรรมทาสทำให้ความสามารถ

to determine what is morally right.

ในการตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้องถูกสั่นคลอน

Sethe's past experiences with violence

ประสบการณ์ในฐานะทาส ที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงของเซ็ท

reinforce the fear she has for her child's fate,

ทำให้เธอเกิดความวิตกถึงอนาคตของลูกของเธอ

and transform the murder into a protective act.

และทำให้การฆาตกรรมลูกของเธอ กลายเป็นความพยายามที่จะปกป้องลูก

As the novel progresses,

เมื่อเรื่องดำเนินต่อไป

Sethe is haunted both by the angry spirit of her daughter

เซ็ทยังถูกหลอกหลอนด้วยวิญญานที่โกรธแค้นของลูกสาว

and by the memories of everything else

และยังถูกหลอกหลอนจากความทรงจำที่เจ็บปวดต่างๆ

slavery took from her."

ที่เกิดจากการเป็นทาสของเธอ"

Here, we see those influential forces at work,

จากบทวิเคราะห์นี้เราเห็นแรงผลักดันต่างๆ

and we've shown off our ability to understand

ที่เราวิเคราะห์ออกมาด้วยความสามารถ

the complicated nature of the human experience,

ที่จะทำความเข้าใจธรรมชาติที่ซับซ้อน ของประสบการณ์ของมนุษย์

which, again, allows us to access

ซึ่งก็ด้วยความสามารถนี้เอง ทำให้เราสามารถเข้าถึง

those big ideas that reveal the deeper meaning of a story,

แนวคิดต่างๆ ที่แสดงความหมายที่อยู่ลึกลงไปในเนื้อเรื่องเหล่านี้

ideas, in this case, like the parameters of maternal instinct,

แนวความคิดหลัก ซึ่งในทีนี้น่าจะเป็นการแสดงถึงมาตรวัดที่เรามีต่อสัญชาติญานแห่งความเป็นแม่ของตัวละคร

the consequences of injustice,

และผลของความอยุติธรรม

and the question of whether or not

คำถามคือ เราควรหรือไม่ควรจะใช้

ethics can even exist in a corrupted moral system.

หลักจริยธรรม กับการตัดสินสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งคุณธรรม

It's impossible to sit down

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนั่งลง

and write an amazing essay about literature

และเขียนบทความชิ้นเยี่ยมเกี่ยวกับวรรณกรรมซักเรื่อง

without first thinking about it.

โดยที่ไม่คิดให้ดีเสียก่อน

Before you hit the keys,

ก่อนที่คุณจะบิดกุญแจ (เริ่มเขียนงาน)

go back to the text

ลองกลับไปที่เนื้อเรื่อง

and fish out the small moments,

แล้วมองหา เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ

the complicated moments in the story.

แล้วรวบรวมเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ เหล่านั้นที่อยู่ในเนื้อเรื่อง

Line them up in your mind,

เอามันมาจัดเรียงเข้าด้วยกันในความคิดของคุณ

practice insight,

ฝึกทักษะการวิเคราะห์ อย่างลึกซึ้ง

acknowledge complexity,

รับรู้ถึงความซับซ้อน

arrive at some big ideas.

แล้วก้าวเข้าไปหาแนวคิดใหญ่

Before you know it,

ก่อนที่คุณจะรู้สึกตัว

the deeper meaning will be close at hand.

ความหมายที่ลำลึก ก็จะมาอยู่ใกล้มือคุณแล้ว