The myth of Gawain and the Green Knight - Dan Kwartler

Translator: Minnie Minn Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

It was Christmas time in Camelot and King Arthur was throwing a party.

ณ เมืองคาเมล็อต กษัตริย์อาเธอร์ กำลังจัดงานเลี้ยงฉลองคริสต์มาส

The entire court was invited— save the wicked sorceress Morgan le Fay—

ข้าราชบริพารทั้งหมดล้วนได้รับเชิญมาร่วมงาน ยกเว้นแม่มดเจ้าเล่ห์ มอร์แกน เลอ เฟย์

and food and drink flowed freely.

ในงานเลี้ยงบริบูรณ์ด้วยอาหารและเครื่องดื่ม

But in the midst of the revelry, the castle doors split open.

แต่ในระหว่างความรื่นเริง ประตูปราสาทก็ถูกเปิดออก

A towering knight riding an emerald steed burst into the room,

อัศวินยักษ์บนหลังม้าสีเขียวมรกต ปรากฎพรวดเข้ามาในปราสาท

stunning the court into silence.

ทำเอาทุกคนในนั้นนิ่งเงียบด้วยความตะลึง

Then, in a deep bellowing voice, he proposed a game.

จากนั้นเขาได้ท้าทายเหล่าอัศวินให้เล่นเกม ด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกปนคำราม

The Green Knight declared he would allow

อัศวินเขียวประกาศว่า เขาจะยอมให้

the bravest warrior present to attack him with his own axe.

อัศวินผู้ที่กล้าหาญที่สุด ฟันเขาด้วยขวานเล่มที่เขาพกติดตัวมา

If they could strike him down, they would win his powerful weapon.

หากผู้ใดสามารถปลิดชีวิตเขาได้ ก็จะได้รับอาวุธอันทรงพลังเล่มนี้ไปครอบครอง

However, the knight would be allowed to return that blow

แต่หากทำไม่สำเร็จ เขาจะต้องยอม ให้อัศวินเขียวเป็นฝ่ายโต้คืน

in one year and one day.

ในวันพรุ่งนี้ของปีหน้า

Arthur and his knights were baffled.

อาเธอร์และเหล่าอัศวินโต๊ะกลมต่างสับสนงุนงง

No man could survive such a strike.

ใครเล่าจะรอดจากจากการถูกฟันด้วยขวาน

The Green Knight began to mock their leader’s hesitance,

อัศวินเขียวเริ่มเย้ยหยัน ท่าทางลังเลของอาเธอร์

and Arthur stood to defend his honor.

อาเธอร์ยืนผงาดเพื่อรักษาเกียรติยศของตนเอง

But as soon as he gripped the axe, another leapt to take his place.

แต่ทันทีที่เขาหยิบขวานเล่มนั้น ก็มีอัศวินคนหนึ่งกระโจนเข้ามาขวางไว้

Arthur’s nephew, Sir Gawain, took the weapon instead.

เซอร์กาเวน หลานของอาเธอร์ หยิบอาวุธนั้นไปแทน

And with one swift strike, he beheaded the grinning knight.

ฟันเพียงฉับเดียว เขาก็ตัดหัวอัศวินเขียว ที่กำลังแสยะยิ้มได้

But the moment his skull met the ground, it began to laugh.

แต่ขณะที่กระโหลกของอัศวินเขียวร่วงสู่พื้น มันก็หัวเราะออกมา

The Green Knight collected his head and mounted his horse.

อัศวินเขียวเก็บศีรษะตนเองขึ้นมา แล้วขี่ม้าออกไป

As he rode off, his severed head reminded Gawain of their contract

ระหว่างนั้นศีรษะที่ถูกตัดขาดไปแล้ว ก็กล่าวเตือนกาเวนเรื่องที่สัญญากันไว้

and told him to seek the Green Chapel one year hence.

และบอกเขาว่าให้ค้นหาวิหารสีเขียว ภายในหนึ่งปีต่อจากนี้

In the months that followed, Gawain tried to forget this bizarre vision.

หลายเดือนผ่านไป กาเวนพยายามลืม ภาพประหลาดนี้

But despite the strangeness of the knight’s game,

แต่ไม่ว่าเกมของอัศวินเขียวจะดูพิลึกเพียงใด

he was determined to act honorably.

กาเวนก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะรักษาสัจจะ

When the following winter approached, he set out—

เมื่อฤดูหนาวใกล้มาถึง เขาเริ่มออกเดินทาง

enduring foul weather and beastly encounters

เผชิญสภาพอากาศที่เลวร้าย และสัตว์ร้ายนานา

in his quest to find the mysterious Green Chapel.

ในภารกิจตามหา วิหารลึกลับของอัศวินเขียว

Finally, on Christmas Eve, he saw a shimmering castle on the horizon.

ในที่สุด เมื่อถึงวันคริสต์มาสอีฟ ปราสาทแวววับได้ปรากฏสู่สายตาของเขา

The castle’s lord and lady were thrilled to help such an honorable guest,

ท่านลอร์ดเจ้าของปราสาทและภรรยา ยินดีช่วยเหลือแขกผู้มีเกียรติเช่นเขา

and informed him that the Green Chapel was only a short ride away.

และยังบอกเขาอีกว่า วิหารสีเขียวอยู่ไม่ไกลจากที่นี่

They implored Gawain to rest at their home until his meeting with the Green Knight.

พวกเขาเชื้อเชิญให้กาเวนพักที่ปราสาท จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องพบกับอัศวินเขียว

Thrilled at this news, Gawain happily accepted their offer.

ได้ยินเช่นนี้ กาเวนก็ตอบตกลงด้วยความยินดี

However, in exchange for their hospitality,

อย่างไรก็ตาม เพื่อแลกเปลี่ยนกับน้ำใจไมตรี

the lord made a strange request.

ท่านลอร์ดได้เสนอคำขอประหลาด

Over the next three days, he would go hunting and share his spoils every night.

นั่นก็คือสามวันหลังจากนี้ เขาจะออกล่าสัตว์ และแบ่งปันของที่หามาได้ทุกคืน

In return, Gawain must give him whatever he’d gained during his day at the castle.

ส่วนกาเวนต้องมอบสิ่งที่เขาได้รับในปราสาท ในตอนกลางวันเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

At first, Gawain was perplexed by these strange terms.

ตอนแรกกาเวนยังไม่เข้าใจ เงื่อนไขประหลาดเหล่านี้

But the lord’s meaning became quite clear the next day,

แต่ก็เริ่มเข้าใจความหมายของท่านลอร์ด ได้อย่างกระจ่างชัดในวันถัดมา

when his wife tried to seduce Gawain.

เมื่อภรรยาท่านลอร์ดพยายามยั่วยวนกาเวน

To rebuff the lady’s advances without offending her honor,

เพื่อปฏิเสธภรรยาท่านลอร์ด โดยไม่ทำให้เธอเสียหน้า

Gawain allowed one kiss—

กาเวนยอมจูบกับเธอหนึ่งครั้ง

which he then passed on to her husband in exchange for a slain dear.

โดยเขาส่งต่อจูบนั้นไปสู่ท่านลอร์ด เพื่อแลกกับเนื้อกวาง

The next day, Gawain allowed two kisses, which he gave to the lord for a dead boar.

วันต่อมากาเวนยอมจูบกับเธอสองครั้ง และมอบจูบให้ลอร์ดแลกกับเนื้อหมูป่า

But on the third day, the lady offered more than just three kisses.

แต่ในวันที่สาม ภรรยาท่านลอร์ดหยิบยื่น สิ่งที่มากกว่าการจูบสามครั้ง

She presented a magical sash that would protect Gawain

เธอยกผ้าคาดวิเศษที่จะปกป้องกาเวน

from the Green Knight’s blade.

จากขวานของอัศวินเขียวให้เขา

Gawain accepted immediately, but that evening, when the lord returned,

กาเวนตอบรับทันที แต่ตอนเย็น เมื่อท่านลอร์ดกลับมา

the knight offered only three kisses with no mention of his enchanted gift.

กาเวนมอบจูบให้ท่านลอร์ดวสามครั้ง โดยไม่ได้พูดถึงของขวัญวิเศษที่ได้รับมา

The next morning, Gawain rode out to the Green Chapel—

เช้าวันถัดมา กาเวนออกเดินทาง ไปยังวิหารสีเขียว

a simple mound of earth

ซึ่งเป็นเพียงเนินดินธรรมดาๆ

where the Green Knight ominously sharpened an axe.

ณ ที่นั้นอัศวินได้เขียวลับขวานเตรียมไว้

With the sash’s protection, Gawain approached stoically—

เพราะมีผ้าคาดวิเศษป้องกัน กาเวนจึงเดินเข้าไปอย่างไม่หวั่นเกรง

determined to honor his agreement.

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะรักษาสัญญา

He bowed his head for the deadly blow, and with a massive swing,

เขาก้มหัวลงรับขวาน ที่อัศวินเขียวเหวี่ยง

the Green Knight cut Gawain’s neck—

ก่อนที่จะฟันฉับไปที่คอของกาเวน

inflicting nothing more than a flesh wound.

ซึ่งไม่ได้ทำอันตรายกาเวนไปมากกว่า บาดแผลที่ผิวหนัง

Once more, Gawain was bewildered.

เป็นอีกครั้งที่กาเวนสับสนงุนงง

Why hadn’t the sash protected him?

ทำไมผ้าคาดวิเศษจึงไม่ปกป้องเขา

And why hadn’t the knight killed him?

และทำไมอัศวินเขียวไม่ฆ่าเขาเสีย

Bursting into laughter, the Green Knight revealed himself to be the castle’s lord,

อัศวินเขียวระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมเฉลยว่า ตนเองคือท่านลอร์ดเจ้าของปราสาท

and he’d been working with Morgan Le Fay

และร่วมมือกับมอร์แกน เลอ เฟย์

to test the honor and bravery of Arthur’s knights.

เพื่อทดสอบความมีเกียรติและกล้าหาญ ของเหล่าอัศวินของอาเธอร์

He was impressed with Gawain’s behavior,

เขาประทับในตัวกาเวน

and he’d planned to spare his neck entirely—

และตั้งใจจะไว้ชีวิตอยู่แล้ว

until Gawain concealed the sash.

แต่กาเวนกลับปิดบังเรื่องผ้าคาด

Filled with shame, Gawain returned to Camelot.

กาเวนเดินทางกลับเมืองคาเมล็อต ด้วยความละอายใจ

But to his surprise, his companions absolved him of blame

แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ไม่มีสหายผู้ใดถือโทษโกรธเขา

and celebrated his valor.

ซ้ำยังสรรเสริญความกล้าหาญ

Struggling to understand this strange journey,

และพยายามทำความเข้าใจ การเดินทางประหลาดที่เขาเจอ

it seemed to Gawain that perhaps the whole world was playing a game—

กาเวนคิดว่าโลกใบนี้อาจกำลังเล่นเกม

with rules more wild and bewildering than any man could understand.

โดยใช้กฎที่ไม่สมเหตุสมผลและซับซ้อน เกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะเข้าใจได้