Could you live on the moon? - Alex Gendler

Translator: Nuchpraweepawn Saleeon Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

You roll out of bed and leap eight meters across your underground habitat.

คุณกลิ้งออกจากเตียง และกระโจนแปดเมตร ในบ้านใต้ตินของคุณ

The greywater from your sink drains into a small greenhouse

น้ำทิ้งจากอ่างล้างหน้า ไหลลงสู่เรือนกระจกหลังเล็ก ๆ

where your vegetables grow.

คุณปลูกพืชผักของคุณ

After suiting up,

หลังจากสวมเสื้อผ้า

you head through a transport chute to inspect the generator.

คุณมุ่งหน้าผ่านปล่องลำเลียง ไปตรวจดูเครื่องผลิตไฟฟ้า

Outside, it’s pitch black - just as it’s been for the last 12 days.

ข้างนอกมืดสนิทเหมือน 12 วันที่ผ่านมา

This isn’t some post-apocalyptic scenario; it’s just another day of life on the moon.

นี่ไม่ใช่ฉากหลังจากหายนะครั้งใหญ่ มันก็แค่ชีวิตวันหนึ่งบนดวงจันทร์

And with the European Space Agency’s idea

และด้วยแนวคิดขององค์การอวกาศยุโรป

to establish a functioning "moon camp" by the 2020s,

ที่จะจัดตั้ง 'แคมป์ดวงจันทร์' ที่เริ่มปฏิบัติการภายในช่วงปี ค.ศ. 2020

that day may be closer than we think.

วันนั้นอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่เราคิดก็ได้

Of course, living on the moon won’t be easy.

แน่นอนว่า การอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ คงไม่ใช่เรื่องง่าย

The camp envisioned is not so much a village as an inhabited research base

แคมป์ที่ถูกออกแบบเอาไว้ หน้าตาเป็นฐานวิจัยมากกว่าหมู่บ้าน

คล้ายกับฐานวิจัยต่าง ๆ ในทวีปแอนตาร์กติกา

similar to those in places like Antarctica.

But there are far greater obstacles to living on the moon than just cold weather.

แต่อุปสรรคในการใช้ชีวิตบนดวงจันทร์ ที่ใหญ่หลวงกว่าอากาศหนาวเย็นนั้นมีมากมาย

The biggest is cosmic radiation.

ปัญหาหลักก็คือ รังสีอวกาศ

Unlike the Earth, the moon has no atmosphere and no magnetic field.

ดวงจันทร์ต่างกับโลก มันไม่มีชั้นบรรยากาศและสนามแม่เหล็ก

A person on its surface can receive over 400 times the maximum safe dosage

คนที่อยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ อาจได้รับรังสีมากกว่า 400 เท่า

ของปริมาณที่ปลอดภัยสูงสุดของรังสีประจุหนัก

of heavy ion radiation,

enough to be fatal within ten hours, even in a spacesuit.

มากพอที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ภายในสิบชั่วโมง แม้จะสวมชุดอวกาศ

The first step would likely involve robots

ขั้นตอนแรกน่าจะต้องใช้หุ่นยนต์

and 3D printers constructing covered habitats from lunar soil,

และเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่สร้างที่พัก ที่ให้การป้องกันจากดินบนดวงจันทร์

or building shelters inside caves

หรือสร้างที่กำบังภายในถ้ำ

formed by lava tubes from the moon’s volcanic past.

จากหลอดลาวาที่ทำมาจากดินเหนียว ของภูเขาไฟบนดวงจันทร์

But what would the inhabitants live on?

แล้วผู้อยู่อาศัยจะใช้ชีวิตอย่างไร

Supplies would need to be transported from Earth at first.

เสบียงจะต้องถูกส่งมาจากโลกในตอนแรก

Growing plants requires greenhouse soil and air rich in carbon dioxide,

การปลูกพืชต้องการดินจากเรือนกระจก และอากาศที่อุดมไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

a gas that’s rare on the moon,

ซึ่งหาได้ยากบนดวงจันทร์

but could be synthesized from recycled materials.

แต่มันสามารถถูกสังเคราะห์ขึ้นได้ จากวัสดุรีไซเคิล

A water treatment plant could be supplied by ice mined from the polar regions

โรงบำบัดน้ำสามารถใช้น้ำ จากน้ำแข็งที่ขุดได้จากแถบขั้วโลก

using a specialized drill that can bore two meters beneath the lunar surface.

โดยใช้สว่านพิเศษที่สามารถเจาะลึกลงไป ใต้ผิวดวงจันทร์ได้ถึงสองเมตร

Friendly bacteria and viruses necessary to the human microbiome and immune system

แบคทีเรียและไวรัสที่จำเป็นต่อนิเวศน์ของจุลชีพ และระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์

would also have to be imported or synthesized on site.

จะต้องถูกนำเข้าหรือถูกสังเคราะห์ในพื้นที่

And lunar inhabitants would have to exercise for hours a day

และผู้อยู่อาศัยบนดวงจันทร์ จะต้องออกกำลังกายหลายชั่วโมงต่อวัน

to maintain bone and muscle mass.

เพื่อรักษามวลกระดูกและกล้ามเนื้อ

That’s because the moon’s gravity is just one-sixth that of the Earth,

นั่นเป็นเพราะว่าแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ คิดเป็นแค่ 1 ใน 6 ของแรงโน้มถ่วงบนโลก

and the everyday strain of working against gravity

และการออกกำลังต้านแรงโน้มถ่วงในทุก ๆ วัน

is part of what keeps our bodies healthy.

ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง

It might seem strange to go to all this trouble

มันฟังดูแปลกที่เราต้องใช้ความพยายามมากมาย

to build a base on a dead rock we’ve already visited.

เพื่อสร้างฐานวิจัยบนหินไร้ชีวิต ที่เราเคยไปเยือนมาแล้ว

But NASA’s Apollo missions only explored small portions of the moon.

แต่ภารกิจของนาซ่าได้สำรวจ แค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ของดวงจันทร์เท่านั้น

We’ve made many discoveries since then,

นับตั้งแต่นั้นเราได้ค้นพบอะไรอีกหลายอย่าง

such as ice near the poles and particles of solar wind gases

เช่น น้ำแข็งใกล้ขั้วโลก และอนุภาคของก๊าซลมสุริยะ

that date back billions of years.

ที่มีอายุนับย้อนหลังไปได้หลายร้อยล้านปี

They collectively show that the moon has much more to teach us

หลักฐานเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่า ดวงจันทร์ยังมีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมาก

about the history of our solar system.

เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของระบบสุริยจักรวาล

A radio telescope on its far side could observe the cosmos,

กล้องโทรทรรศน์วิทยุบนด้านไกลของดวงจันทร์ สามารถใช้เฝ้าสังเกตจักรวาลได้

shielded from the Earth’s electromagnetic interference.

โดยปราศจากการรบกวน จากแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก

And the lunar surface is rich in minerals, like silicon, aluminum, and magnesium,

พื้นผิวของดวงจันทร์ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น ซิลิคอน อลูมิเนียม และแมกนีเซียม

creating great economic potential for mining.

ซึ่งจะก่อให้เกิดศักยภาพทางเศรษฐกิจมหาศาล จากการทำเหมืองแร่

But the biggest benefit of the moon camp may not lie on the moon but beyond it.

แต่ประโยชน์หลักของแคมป์ดวงจันทร์ อาจไม่ได้อยู่บนดวงจันทร์ แต่อยู่ไกลกว่านั้น

With the nearest possibly habitable world light-years away,

เนื่องจากดาวเคราะห์ที่ใกล้ที่สุด ที่เราอาจใช้เป็นที่อยู่ได้ห่างออกไปหลายปีแสง

and the International Space Station to be retired in about a decade,

และสถานีอวกาศนานาชาติ ที่จะถูกละทิ้งในอีกประมาณสิบปี

a moon base would be our first foothold

ฐานบนดวงจันทร์จะเป็นก้าวแรกของเรา

towards becoming an interplanetary species.

สู่การเป็นสายพันธ์ุระหว่างดาวเคราะห์

And proposals such as the Deep Space Gateway

และแนวคิด เช่น Deep Space Gateway

envision launching future missions from lunar orbit.

ที่วางแผนจะปฏิบัติภารกิจในอนาคต จากวงโคจรของดวงจันทร์

The smaller gravitational pull would require less fuel to overcome,

เชื้อเพลิงสิ้นเปลืองน้อยกว่า เพื่อที่จะเอาชนะแรงดึงดูดที่มีน้อยกว่า

allowing for larger ships and more cargo.

เอื้อประโยชน์สำหรับการใช้ยานที่ใหญ่ขึ้น และสินค้าที่มากขึ้น

Meanwhile, the base on the surface could serve as a testing ground

ในขณะเดียวกัน ฐานบนพื้นผิวดวงจันทร์ อาจถูกใช้เป็นแหล่งทดสอบ

for future space operations,

สำหรับการปฏิบัติการทางอวกาศในอนาคต

a refueling station,

เป็นสถานีเชื้อเพลิง

and a supply depot all in one.

และเป็นคลังเสบียงทุกอย่างในที่เดียว

With Europe, Russia, China, and the US expressing interest in the project,

ยุโรป รัสเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา ให้ความสนใจในโครงการนี้

the moon camp may come to involve

แคมป์ดวงจันทร์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ

the space agencies of all major nations, as well as private companies.

องค์การอวกาศของประเทศหลักหลายประเทศ เช่นเดียวกับบริษัทเอกชนต่าง ๆ

Within a few decades,

ภายในไม่กี่ศตวรรษ

the moon may be bustling with mining operations,

ดวงจันทร์อาจคราคร่ำไปด้วยการทำเหมืองแร่

research stations,

สถานีวิจัย

and tourist routes

และเส้นทางท่องเที่ยว

alongside a construction yard under an orbiting space port.

เช่นเดียวกันกับลานก่อสร้าง ใต้ท่าอวกาศที่กำลังโคจรอยู่

We may have already visited the moon,

เราอาจเคยไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้ว

but now we’re closer than ever to making it part of humanity’s home.

แต่ตอนนี้เราเกือบแล้วที่จะทำให้มัน เป็นบ้านหลังหนึ่งของมนุษยชาติ