How to make your writing funnier - Cheri Steinkellner

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Did you ever notice how many jokes start with, "Did you ever notice?"

เคยสังเกตไหมว่ามีเรื่องตลกกี่เรื่อง ที่เปิดเรื่องด้วย "คุณเคยสังเกตไหม"

And what's the deal with, "What's the deal?"

และประโยคที่ว่า "แล้วยังไง" ในตลกฝรั่งนี่มันอย่างไรกันนะ

There's a lot of funny to be found

เราพบเรื่องขำ ๆ ได้มากมาย

by simply noticing the ordinary, everyday things

เพียงแค่เราสังเกตเรื่องปกติธรรมดา ในชีวิตประจำวัน

you don't ordinarily notice everyday.

ที่ตามปกติแล้ว คุณไม่ได้สังเกตเป็นประจำทุกวัน

So if you'd like to add a little humor

ดังนั้น ถ้าคุณอยากเติม อารมณ์ขันเล็ก ๆ น้อย ๆ

to that story, or speech, or screenplay you're writing,

ให้เรื่องเล่า สุนทรพจน์ หรือบทหนังที่คุณกำลังเขียนอยู่

here are a few tips and tricks for finding the funny.

นี่คือเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเพิ่มมุขขำ ๆ

All great storytelling, including comedy writing,

การเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งการเขียนเรื่องตลก

consists of a handful of basic ingredients:

มีส่วนผสมพื้นฐานไม่กี่อย่าง

who,

ใคร

what,

when,

อะไร

เมื่อไหร่

where,

ที่ไหน

why,

ทำไม

and how.

และอย่างไร

Writers have been asking these questions since at least the 1st century BC,

นักเขียนล้วนตั้งคำถามเหล่านี้มาตลอด อย่างน้อยก็ตั้งแต่ 1 ศตวรรษก่อนคริสตกาล

yet none can be answered with a simple yes or no.

แต่ไม่มีคำถามไหนเลยที่ตอบได้ง่าย ๆ ด้วยคำว่า ใช่ หรือ ไม่

They demand details,

ทุกคำถามล้วนต้องการรายละเอียด

and the more specific the details, the funnier the story.

ยิ่งรายละเอียดเจาะจงลงลึกมากเท่าใด เรื่องก็ยิ่งตลกได้มากขึ้นเท่านั้น

Let's start with the who, the comedic character.

เรามาเริ่มจากคำถามว่า ใคร ตัวละครที่ตลกน่ะใคร

Think about the books, TV shows, and movies that make you laugh.

ลองนึกถึงหนังสือ รายการทีวี และหนังที่ทำให้คุณหัวเราะสิ

They're usually filled with funny types, or archetypes.

มันมักเต็มไปด้วยตัวละคร หรือแบบฉบับของตัวละครที่ตลก

The know-it-all,

พวกฉลาดรอบรู้

the loveable loser,

ขี้แพ้แต่น่ารัก

the bad boss,

หัวหน้าจอมโหด

the neurotic,

พวกขี้วิตก

the airhead.

และพวกไร้สมอง

Incidentally, these are all stock characters found in Commedia Dell'Arte,

อ้อ แล้วรู้ไหม ตัวละครทั้งหมดเหล่านี้ พบได้ใน Commedia Dell'Arte

or the artists comedy of late Renaissance Italy,

หรือละครตลก ช่วงปลายยุคเรอเนสซองซ์ของอิตาลี

and they have yet to get old.

และก็ยังไม่เก่าเลย

The Commedia rule for creating comic characters is find the flaw,

กฎการสร้างตัวตลกของละครตลกยุคนั้น คือการหาข้อบกพร่อง

then play it up.

แล้วเอามาเล่นให้เด่น

Or you can try playing with opposites.

หรือคุณจะลองเล่นกับขั้วตรงข้ามก็ได้

When the smartest guy in the room does the stupidest thing,

เมื่อคนฉลาดที่สุดในห้องทำอะไรงี่เง่าสุด ๆ

or the doofus outwits the brainiac,

หรือคนทึ่ม ๆ เอาชนะอัจฉริยะได้

we tend to laugh because we didn't see that coming.

เรามักจะหัวเราะ เพราะเราไม่คาดคิด ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนั้น

Ancient Greek funnyman Aristotle is said to have said,

ว่ากันว่า อริสโตเติล จอมตลกแห่งกรีกโบราณ กล่าวไว้ว่า

"The secret to humor is surprise."

"เคล็ดลับของความตลกคือความประหลาดใจ"

This surprise, or incongruity theory of humor,

ความประหลาดใจ หรือทฤษฎีความผิดฝาผิดตัวของเรื่องตลก

says we laugh at things that seem out of place

บอกว่า เราหัวเราะสิ่งที่มันดูผิดที่ผิดทาง

or run up against our expectations,

หรือขัดแย้งกับความคาดหวัง

like a frog dating a pig,

เช่น กบเป็นแฟนกับหมู

or a lizard selling insurance,

หรือกิ้งก่าขายประกัน

a baby disco dancing,

หรือเด็กทารกเต้นดิสโก้

a nun disco dancing,

แม่ชีเต้นดิสโก้

a cat disco dancing.

แมวเต้นดิสโก้

Actually, a baby, a nun, or a cat doing pretty much anything,

อันที่จริง ให้ทารก แม่ชี และแมวทำอะไรก็ได้

especially involving disco.

โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเต้นดิสโก้

One fun way to find incongruities is by drawing connections.

วิธีสนุก ๆ วิธีหนึ่งในการค้นหา ความผิดฝาผิดตัว คือการเชื่อมโยง

Actually drawing them with a mind map.

โดยวาดแผนที่ความคิด (mind map)

Start small.

เริ่มจากเล็ก ๆ

Pick a word,

เลือกคำหนึ่งคำ

I choose pickle.

ฉันเลือก "แตงกวาดอง"

Jot it down, then quick as you can, try making connections.

เขียนมันลงไป แล้วคิดคำเชื่อมโยง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

What do pickles make me think of?

แตงกวาดองทำให้ฉันคิดถึงอะไรบ้าง

Who eats pickles?

ใครกินแตงกวาดอง

What treasured pickle memories do I have from childhood?

ความทรงจำล้ำค่าในวัยเด็กของฉัน ที่เกี่ยวกับแตงกวาดองมีอะไรบ้าง

Another great way to generate comedic material

วิธีสร้างเรื่องตลกที่เจ๋ง ๆ อีกวิธี

is to shift from observation to imagination.

คือการเปลี่ยนจากการสังเกต ไปสู่การจินตนาการ

Try going from "what is" to "what if?"

ลองเปลี่ยนจาก "นี่คืออะไร" ไปเป็น "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..."

Like, what if instead of a horse, for example,

เช่น "จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแทนที่จะมีม้า

you just had a pair of coconuts?

คุณมีแค่กะลามะพร้าวคู่หนึ่ง"

Okay, let's think of some other memorable moments in history,

โอเค ลองคิดถึง ช่วงเวลาอันน่าจดจำในประวัติศาสตร์

literature,

วรรณคดี

or film.

หรือภาพยนตร์

Now, what if they featured coconuts?

ทีนี้ จะเป็นอย่างไร ถ้ามีกะลามะพร้าวอยู่ด้วย

Get wild, let it go.

บ้าให้เต็มที่ ปล่อยมันโลดแล่นไป

Even if an idea seems overdone,

แม้ความคิดที่ออกมาจะเลยเถิด

or too obvious,

คาดเดาได้ง่ายเกิน

or just plain dumb,

หรืองี่เง่าสุด ๆ

try jotting it down, anyway.

จดลงไปเถอะ

What's obvious to you may not be to the next person.

สิ่งที่คุณคิดว่าเดาได้ง่าย ๆ อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นสำหรับคนอื่น

And the opposite of the dumbest idea might just turn out to be the smartest.

อะไรที่ตรงข้ามกับความคิดที่งี่เง่าที่สุด อาจกลายเป็นความคิดที่ฉลาดที่สุด

What about all that dumb stuff that happens in real life?

แล้วเรื่องงี่เง่าทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงล่ะ

Have you ever noticed how much comedy revolves around things

คุณเคยสังเกตไหมว่า มีเรื่องตลกมากมายแค่ไหน

that irritate, frustrate, and humiliate us?

ที่เล่นกับเรื่องที่ทำให้เรารำคาญ ขัดใจ หรือขายหน้า

Will Rodgers said, "Everything's funny as long as it happens to somebody else."

วิล รอดเจอร์กล่าวว่า "ทุกอย่างตลกหมดแหละ ตราบใดที่มันเกิดขึ้นกับคนอื่น"

So if you're having a crummy morning,

ดังนั้น ถ้าเช้าวันหนึ่ง คุณเจอเรื่องหงุดหงิด

imagine it happening to a character you're writing about,

ลองจินตนาการว่า มันเกิดขึ้นกับตัวละครที่คุณเขียนถึง

and by afternoon, you may at least get a funny story out of it.

พอตกบ่าย คุณอาจได้เรื่องตลก อย่างน้อยสักเรื่องหนึ่งจากเหตุการณ์นี้

Once you've got your characters and story,

เมื่อคุณมีตัวละครและเรื่องราวแล้ว

here are a few quick and easy comedy writing tricks to make them zing.

นี่คือเคล็ดลับที่เร็วและง่าย ในการเขียนเรื่องตลกให้มีพลัง

The rule of three,

กฎสามขั้น

or zig zig zag.

หรือ ตึ่ง ตึ่ง โป๊ะ

Try setting up an expected pattern, zig zig,

พยายามสร้างแบบแผน ให้คนคาดหวัง ตึ่ง ตึ่ง

then flip it, zag.

แล้วหักมุม โป๊ะ

A rabbi, a priest, and a coconut walk into a bar.

พระยิว บาทหลวง และกะลา เดินเข้าไปในบาร์

The punchline rule says put your punch at the end of the line.

กฎการปล่อยมุข คือ ให้ปล่อยหมัดเด็ดที่ท่อนสุดท้าย

A rabbi, a priest, and a coconut walk into a disco.

พระยิว บาทหลวง และกะลา เดินเข้าไปบาร์ดิสโก้

That brings up the rule of K.

อันนี้นำเข้าสู่กฎตัว ก

For some reason, words with a k-sound catch our ears

ไม่รู้ทำไม คำที่มีเสียง ก มักจะติดหู

and are considered comical.

และคนรู้สึกว่าตลก

Coconut,

กะลา

disco,

ดิสโก้

pickles,

แตงกวา

crickets?

จิ้งโกร่ง

Okay, so we don't always get the laugh.

โอเค ไม่ขำใช่ไหม เราไม่ได้เรียกเสียงหัวเราะสำเร็จเสมอไปหรอก

Humor is subjective.

อารมณ์ขันเป็นเรื่องเฉพาะตัว

Comedy is trial and error.

เรื่องตลกเป็นเรื่องของการลองผิดลองถูก

Writing is rewriting.

การเขียนคือการแก้สิ่งที่เขียน

Just keep trying.

แค่พยายามต่อไป

Find the flaws,

หาจุดบกพร่อง

discover the details,

ค้นรายละเอียด

insert incongruities,

แทรกความผิดฝาผิดตัว

incorporate k-words,

เติมคำที่มีเสียง ก

and remember the most important rule of writing funny:

และจำไว้ว่า กฎข้อสำคัญที่สุด ของการเขียนเรื่องตลก

have fun.

คือ จงสนุกกับมัน

As Charles Dickins said,

อย่างที่ชาร์ลส์ ดิคคินส์ บอก

"There is nothing in the world so irresistibly contagious

"โลกนี้ไม่มีอะไรที่ติดต่อแพร่กระจาย แบบไม่อาจต้านทาน

as laughter and good humor."

เท่ากับเสียงหัวเราะและอารมณ์ขันดี ๆ "

And disco.

และดิสโก้