Where did Russia come from? - Alex Gendler

รัสเซียมาจากไหน - อเล็กซ์ เจนดเลอร์ (Alex Gendler)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Suwitcha Chandhorn

Where did Russia come from,

รัสเซียมาจากไหน

why is it so big,

ทำไมถึงมีขนาดใหญ่นัก

and what are the differences between it and its neighbors?

และมันแตกต่างจากเพื่อนบ้านอย่างไร

The answers lie in an epic story of seafaring warriors,

คำตอบอยู่ในเรื่องราวอันน่าทึ่ง ของนักรบทางทะเล

nomadic invaders,

ผู้รุกรานเร่ร่อน

and the rise and fall of a medieval state known as Kievan Rus.

และความรุ่งเรืองและการเสื่อมสลายของ รัฐยุคกลางที่ชื่อว่าคีแวน รัส (Kievan Rus)

In the first millennium,

ในสหัสวรรษแรก

a large group of tribes spread through the dense woodlands of Eastern Europe.

ชนเผ่ากลุ่มใหญ่แผ่ขยายออกไป ทั่วผืนป่าสมบูรณ์ทางยุโรปตะวันออก

Because they had no writing system,

เพราะว่าพวกเขาไม่มีระบบการเขียน

much of what we know about them comes from three main sources:

เรื่องราวส่วนใหญ่ของพวกเขาที่เรารู้ จึงมาจากสามแหล่งหลัก ได้แก่

archaeological evidence,

หลักฐานทางโบราณคดี

accounts from literate scholars of the Roman Empire and the Middle East,

ที่ได้จากนักวิชาการผู้รู้หนังสือ จากอาณาจักรโรมัน และตะวันออกกลาง

and, lastly, an epic history called the Primary Chronicle

และสุดท้าย ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งเรียกว่า บันทึกเหตุการณ์ปฐมบท (Primary Chronicle)

compiled in the 12th century by a monk named Nestor.

ที่ถูกรวมรวมในศตวรรษที่ 12 โดยพระที่มีนามว่า เนสเตอร์

What they tell us is that these tribes who shared a common Slavic language

มันบอกให้เรารู้ว่าชนเผ่าเหล่านี้ ผู้ซึ่งใช้ภาษาสลาวิก

and polytheistic religion

และนับถือศาสนาที่มีพระเจ้าหลายองค์

had by the 7th century split into western, southern and eastern branches,

ได้แยกจากกันไปทางตะวันตก, ใต้ และเหนือ ในศตวรรษที่ 7

the latter stretching from the Dniester River

พวกที่ไปทางเหนือ แผ่ขยายจากบริเวณ แม่น้ำนีสเตอร์ (Dniester River)

to the Volga and the Baltic Sea.

ไปจนถึงแม่น้ำวอลกา (Volga) และทะเลบอลติก (Baltic Sea)

As Nestor's story goes, after years of subjugation by Vikings from the north,

จากบันทึกของเนสเตอร์ หลายปี หลังจากการถูกพิชิตโดยชาวไวกิ้งจากทางเหนือ

who, by the way, did not wear horned helmets in battle,

ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหมวกมีเขาในสงครามหรอกนะ

the region's tribes revolted and drove back the Northmen,

ชนเผ่าในพื้นที่นั้นปราบพวกนอร์ธเม็น (Northmen) ทำให้พวกนั้นล่าถอยไป

but left to their own devices, they turned on each other.

แต่พอเหลือแต่พวกเขาที่มีอาวุธกันครบมือ พวกเขาก็ประหัดประหารกันเอง

Such chaos ensued that, ironically,

น่าขัน ที่ความวุ่นวายดังกล่าว

the tribes reached out to the foreigners they had just expelled,

ทำให้ชนเผ่าต่าง ๆ ขอความช่วยเหลือ จากชาวต่างชาติที่พวกเขาเพิ่งได้ไล่ออกไป

inviting them to return and establish order.

ให้กลับเข้ามาและมาจัดระบบระเบียบ

The Vikings accepted, sending a prince named Rurik and his two brothers to rule.

พวกไวกิ้งรับข้อเสนอ และส่งเจ้าชายนามว่า รูริค และพระอนุชาสองพระองค์มาปกครอง

With Rurik's son, Oleg, expanding his realm into the south,

เมื่อพระโอรสของรูริค ที่มีนามว่า โอเลก ขยายอาณาเขตดินแดนไปถึงทางใต้

and moving the capitol to Kiev,

และย้ายเมืองหลวงไปยัง เคียฟ

a former outpost of the Khazar Empire,

ซึ่งเคยเป็นด่านหน้าของอาณาจักรคาซาร์ (Khazar)

the Kievan Rus was born,

คีแวน รัส ได้ถือกำเนิดขึ้น

"Rus" most likely deriving from an old Norse word for "the men who row."

"รัส" น่าจะแผลงมาจากคำในภาษานอสโบราณ ที่แปลว่า "ผู้พายเรือ"

The new princedom had complex relations with its neighbors,

เขตปกครองใหม่ของเจ้าชายมีความสัมพันธ์ กับเพื่อนบ้านของเขาที่ซับซ้อน

alternating between alliance and warfare with the Khazar and Byzantine Empires,

ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างการเป็นพันธมิตร และเป็นคู่สงคราม กับอาณาจักรคาร์ซาและไบเซนไทน์

as well as neighboring tribes.

เช่นเดียวกับชนเผ่าเพื่อนบ้านต่าง ๆ

Religion played an important role in politics,

ศาสนามีบทบาทสำคัญทางการเมือง

and as the legend goes, in 987,

และตามที่ตำนานว่าไว้ว่า ในปี ค.ศ. 987

the Rus prince Vladamir I decided it was time to abandon Slavic paganism,

เจ้าชายชาวรัส นามว่า วัลดีมีร์ ที่ 1ตัดสินใจว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะละทิ้งลัทธิซาลวิกนอกรีต

and sent emissaries to explore neighboring faiths.

และส่งผู้เผยแผ่ศาสนาออกไป เพื่อสำรวจความเชื่อของเพื่อนบ้าน

Put off by Islam's prohibition on alcohol

เมื่อไม่พอใจการห้ามดื่มสุราของศาสนาอิสลาม

and Judaism's expulsion from its holy land,

และการขับไล่ศาสนายิว ออกจากดินแดนศักสิทธิ์ของพวกเขา

the ruler settled on Orthodox Christianity

ผู้ปกครองรัสเซีย จึงเลือกศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์

after hearing odd accounts of its ceremonies.

หลังจากได้รับรู้ถึงพิธีกรรมแปลก ๆ มากมาย

With Vladimir's conversion and marriage to the Byzantine emperor's sister,

เมื่อวัลดิมีร์เปลี่ยนศาสนาและอภิเสกสมรส กับพระนัดดาของจักรพรรดิ์แห่งไบเซนไทน์

as well as continued trade along the Volga route,

และติดต่อทางการค้าตลอดเส้นทางโวลก้า

the relationship between the two civilizations deepened.

ความสัมพันธ์ระหว่างสองอารยธรรมก็ยิ่งแน่นแฟ้น

Byzantine missionaries created an alphabet for Slavic languages

นักเผยแผ่ศาสนาชาวไบเซนไทน์ ประดิษฐ์ตัวอักษรสำหรับภาษาซัลวิค

based on a modified Greek script

โดยใช้รากฐานจากตัวอักษรกรีกที่ถูกดัดแปลง

while Rus Viking warriors served as the Byzantine Emperor's elite guard.

ในขณะที่นักรบ รัส ไวกิง ก็ทำหน้าที่ เป็นองครักษ์ชั้นยอดให้จักรพรรดิ์ไบเซนไทน์

For several generations,

ตลอดเวลาสองสามชั่วอายุคน

the Kievan Rus flourished from its rich resources and trade.

คีแวน รัส ก็เจริญรุ่งเรือง ด้วยทรัพยากรณ์ที่อุดมสมบูรณ์และการค้าขาย

Its noblemen and noblewomen married prominent European rulers,

ชนชั้นสูงทั้งชายหญิงแต่งงาน กับชนชั้นปกครองที่มีชื่อเสียงในยุโรป

while residents of some cities enjoyed great culture,

ในขณะที่ประชาชนในบางเมือง ก็สำราญใจไปกับวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่

literacy, and even democratic freedoms uncommon for the time.

วรรณกรรม และแม้กระทั่งอิสรภาพแบบประชาธิปไตย ซึ่งพบได้ไม่ง่ายนักในช่วงเวลานั้น

But nothing lasts forever.

แต่ไม่มีอะไรที่อยู่ยั้งยืนยง

Fratricidal disputes over succession began to erode central power

การสังหารกันในหมู่พี่น้องเพื่อชิงบัลลังก์ ได้กัดกร่อนอำนาจศูนย์กลาง

as increasingly independent cities ruled by rival princes vied for control.

เมื่อเมืองอิสระต่าง ๆ ที่ปกครองด้วย บรรดาเจ้าชายคู่อริก็แก่งแย่งอำนาจกันมากขึ้น

The Fourth Crusade and decline of Constantinople

สงครามศาสนาครั้งที่สี่ และการเสื่อมอำนาจของคอนเสตนติโนเปิล

devastated the trade integral to Rus wealth and power,

ทำให้การค้าที่มีผลต่อความมั่งคั่งและอำนาจ ของชาวรัสสั่นคลอน

while Teutonic crusaders threatened northern territories.

ในขณะที่อัศวินทิวโทนิคในสงครามศาสนา ก็เข้ารุกรานอาณาเขตทางตอนเหนือ

The final blow, however, would come from the east.

อย่างไรก็ดี การโจมตีครั้งสุดท้าย น่าจะมาจากทางตะวันออก

Consumed by their squabbles,

เมื่อถูกครอบงำด้วยความแตกแยกวุ่นวาย

Rus princes paid little attention to the rumors

บรรดาเจ้าชายชาวรัสให้ความสนใจไม่มาก

of a mysterious unstoppable hoard

กับข่าวลือเรื่องการกักตุนเสบียงอย่างลึกลับ

until 1237, when 35,000 mounted archers led by Batu Khan

จนกระทั่งปี ค.ศ. 1237 เมื่อพลธนู 35,000 นาย นำโดย บาตู ข่าน

swept through the Rus cities,

บุกกวาดเมืองของชาวรัส

sacking Kiev before continuing on to Hungary and Poland.

ไล่ชาวเคียฟ ก่อนที่จะบุกต่อไปยัง ฮังการีและโปแลนด์

The age of Kievan Rus had come to an end, its people now divided.

ยุคสมัยของ คีแวน รัส ได้มาถึงกาลอวสาน ประชากรตอนนี้ถูกแบ่งแยก

In the east, which remained under Mongol rule,

ขณะที่ทางตะวันออก ยังคงถูกปกครองโดยมองโกล

a remote trading post, known as Moscow,

จุดการค้าขายที่ห่างไกลออกไป ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ มอสโคว

would grow to challenge the power of the Khans,

ก็พัฒนาเติบโตจนมีอำนาจสั่นคลอนข่านทั้งหลาย

conquering parts of their fragmenting empire,

และยึดครองส่วนที่เป็นจักรวรรดิ์ที่แยกออกมา

and, in many ways, succeeding it.

และเข้าปกครองดินแดนเหล่านั้นได้สำเร็จ

As it absorbed other eastern Rus territories,

ในขณะที่มันกลืน ส่วนเขตแดนอื่น ๆ ของรัสทางตะวันออก

it reclaimed the old name in its Greek form, Ruscia.

มันได้ชือเดิมของมันคืนมา ในรูปของภาษากรีก รัสซิเอ (Ruscia)

Meanwhile, the western regions whose leaders had avoided destruction

ในขณะเดียวกัน พื้นที่ทางตะวันตก ที่ผู้นำต่าง ๆ ได้หลีกเลี่ยงการถูกทำลายล้าง

through political maneuvering until the hoard withdrew

ผ่านกลยุทธทางการเมือง จนกระทั่งการกักตุนลดลง

came under the influence of Poland and Lithuania.

ก็ไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของโปแลนด์ และลิทัวเนีย

For the next few centuries,

ในอีกไม่กี่ศตวรรษต่อมา

the former lands of Kievan Rus

ดินแดนที่เคยเป็นของชาวคีแวน รัส

populated by Slavs,

ที่เป็นที่อาศัยของชาวสลาฟ

ruled by Vikings,

ที่ถูกปกครองโดยชาวไวกิ้ง

taught by Greeks,

ที่ถูกสั่งสอนวิชาโดยชาวกรีก

and split by Mongols

และถูกแบ่งแยกโดยชาวมองโกล

would develop differences in society, culture and language

ก็ได้พัฒนาความแตกต่างทางสังคม, วัฒนธรรม และภาษา

that remain to the present day.

ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้