How to make a mummy - Len Bloch

วิธีทำมัมมี่ - เลน บล็อช (Len Bloch)

Translator: Pongsakorn Puavaranukroh Reviewer: Thitiporn Ratanapojnard

Death and taxes are famously inevitable, but what about decomposition?

เป็นที่รู้กันว่าความตายและภาษีนั้นหนีไม่พ้น แล้วถ้าเป็นการเน่าเปื่อยล่ะ

As anyone who's seen a mummy knows,

ใครที่เคยเห็นมัมมี่คงรู้

ancient Egyptians went to a lot of trouble to evade decomposition.

ชาวอียิปต์โบราณได้ผจญอุปสรรคนานับประการ ในการยับยั้งการเน่าเปื่อย

So, how successful were they?

แล้วพวกเขาทำสำเร็จสักแค่ไหน

Living cells constantly renew themselves.

เซลล์ที่มีชีวิตจะสร้างเซลล์ใหม่ๆ ขึ้นทดแทนอยู่ตลอดเวลา

Specialized enzymes decompose old structures,

เอนไซม์เฉพาะย่อยสลาย ส่วนที่ตายแล้ว

and the raw materials are used to build new ones.

และนำวัตถุดิบไปใช้สร้างเซลล์ใหม่

But what happens when someone dies?

ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคนตาย

Their dead cells are no longer able to renew themselves,

เซลล์ที่ตายแล้วจะไม่สามารถสร้าง เซลล์ทดแทนตัวเองได้อีก

but the enzymes keep breaking everything down.

แต่เอนไซม์ยังคงทำหน้าที่ย่อยสลายทุกอย่าง

So anyone looking to preserve a body

ดังนั้น ใครก็ตามที่ต้องการรักษา สภาพร่างกายเอาไว้

needed to get ahead of those enzymes before the tissues began to rot.

จำเป็นต้องพิชิตพวกเอนไซม์เหล่านี้ให้ได้ ก่อนเนื้อเยื่อจะเริ่มเน่า

Neurons die quickly,

พวกเซลล์ประสาทจะตายอย่างรวดเร็ว

so brains were a lost cause to Ancient Egyptian mummifiers,

ดังนั้นการรักษาสภาพสมอง จึงเกินกำลังของช่างทำมัมมี่ชาวอียิปต์

which is why, according to Greek historian Herodotus,

ซึ่งจากบันทึกของเฮโรโดตุส นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก

they started the process by hammering a spike into the skull,

พวกเขาจึงเริ่มขั้นตอน โดยตอกเหล็กแหลมเข้าไปในกะโหลกศีรษะ

mashing up the brain, flushing it out the nose

กวนเนื้อสมองให้เละ แล้วล้างมันออกมาทางจมูก

and pouring tree resins into the skull to prevent further decomposition.

จากนั้นจึงใส่ยางไม้เข้าไปในกะโหลก เพื่อป้องกันการเน่าสลายที่จะตามมา

Brains may decay first, but decaying guts are much worse.

สมองอาจจะเน่าก่อนเพื่อน แต่การเน่าของเครื่องในนั้นเลวร้ายกว่ามาก

The liver, stomach and intestines contain digestive enzymes and bacteria,

ตับ กระเพาะอาหาร และลำไส้ มีเอนไซม์ย่อยอาหารและแบคทีเรีย

which, upon death, start eating the corpse from the inside.

ซึ่งเมื่อเสียชีวิต ก็จะเริ่มกินศพจากภายใน

So the priests removed the lungs and abdominal organs first.

ดังนั้นพวกนักบวชจึงเอาปอดและ อวัยวะในช่องท้องออกมาเป็นลำดับแรก

It was difficult to remove the lungs without damaging the heart,

มันยากที่จะเอาปอดออกมาโดยที่หัวใจไม่บอบช้ำ

but because the heart was believed to be the seat of the soul,

แต่เนื่องจากหัวใจนั้นถูกเชื่อว่า เป็นที่สถิตย์ของดวงวิญญาณ

they treated it with special care.

พวกเขาจึงดูแลมันอย่างดีเป็นพิเศษ

They placed the visceral organs in jars

พวกเขาใส่อวัยวะภายในแยกไว้ในไห

filled with a naturally occurring salt called natron.

เติมเกลือธรรมชาติที่เรียกว่า เนทรอน (natron) ใส่จนเต็ม

Like any salt, natron can prevent decay by killing bacteria

เกลือเนทรอน ก็เหมือนกับเกลือทั่วไป ที่สามารถยับยั้งการเน่าด้วยการฆ่าแบคทีเรีย

and preventing the body's natural digestive enzymes from working.

และป้องกันเหล่าเอนไซม์ย่อยอาหาร ไม่ให้ทำงานได้

But natron isn't just any salt.

แต่เกลือเนทรอนไม่ใช่เกลือทั่วไป

It's mainly a mixture of two alkaline salts,

มันคือส่วนผสมของ เกลืออัลคาไลน์สองชนิด

soda ash and baking soda.

โซดาแอช และ เบคกิ้งโซดา

Alkaline salts are especially deadly to bacteria.

เกลืออัลคาไลน์ฆ่าแบคทีเรียได้ดี

And they can turn fatty membranes into a hard, soapy substance,

และยังสามารถเปลี่ยนเยื่อไขมัน ให้มีเนื้อแข็งคล้ายสบู่

thereby maintaining the corpse's structure.

จึงรักษารูปร่างศพได้

After dealing with the internal organs,

หลังจากจัดการกับอวัยวะภายในแล้ว

the priest stuffed the body cavity with sacks of more natron

พวกนักบวชจะยัดถุงเกลือเนทรอน เข้าไปช่องว่างในลำตัวจนเต็ม

and washed it clean to disinfect the skin.

และล้างทำความสะอาดฆ่าเชื้อผิวหนัง

Then, the corpse was set in a bed of still more natron

จากนั้นศพจะถูกนำไปฝังในเกลือเนทรอน

for about 35 days to preserve its outer flesh.

ประมาณ 35 วัน เพื่อรักษาสภาพเนื้อภายนอก

By the time of its removal,

เมื่อครบกำหนดนำออกมา

the alkaline salts had sucked the fluid from the body

เกลืออัลคาไลน์จะดูดน้ำออกจากร่าง

and formed hard brown clumps.

และรวมตัวกันกลายเป็นก้อนแข็งสีน้ำตาล

The corpse wasn't putrid,

ศพจะไม่เน่า

but it didn't exactly smell good, either.

แต่กลิ่นของมันก็ไม่น่าชื่นชมนัก

So, priests poured tree resin over the body to seal it,

ดังนั้น นักบวชจะเทยางไม้บนร่างเพื่อผนึกมัน

massaged it with a waxy mixture that included cedar oil,

นวดด้วยไขที่ทำจากน้ำมันไม้ซีดาร์

and then wrapped it in linen.

แล้วห่อด้วยผ้าลินิน

Finally, they placed the mummy in a series of nested coffins

สุดท้าย พวกเขาวางมัมมี่ลงในโลงเป็นชั้นๆ

and sometimes even a stone sarcophagus.

และบางครั้งก็ถึงกับใช้โลงหิน

So how successful were the ancient Egyptians at evading decay?

แล้วชาวอียิปต์โบราณประสบความสำเร็จแค่ไหน ในการยับยั้งการเน่าเปื่อย

On one hand, mummies are definitely not intact human bodies.

ในแง่หนึ่ง มัมมี่ไม่ใช่ ร่างกายมนุษย์ที่สมบูรณ์แน่ๆ

Their brains have been mashed up and flushed out,

สมองถูกกวนจนเละแล้วล้างออกมา

their organs have been removed and salted like salami,

อวัยวะภายในถูกเอาออกไปหมักเกลือ เหมือนไส้กรอกซาลามี่

and about half of their remaining body mass has been drained away.

ประมาณครึ่งหนึ่งของร่างกายส่วนที่เหลือ ถูกดูดซับน้ำออกจนแห้ง

Still, what remains is amazingly well-preserved.

กระนั้น ส่วนที่เหลืออยู่ ก็ถูกรักษาสภาพได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์

Even after thousands of years,

แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายพันปี

scientists can perform autopsies on mummies

นักวิทยาศาสตร์ยังสามารถผ่าพิสูจน์มัมมี่

to determine their causes of death,

เพื่อหาสาเหตุการตาย

and possibly even isolate DNA samples.

หรือแม้กระทั่งสามารถสกัดตัวอย่างดีเอ็นเอ

This has given us new information.

ซึ่งทำให้เราได้ทราบข้อมูลใหม่ๆ

For example, it seems that air pollution was a serious problem in ancient Egypt,

เช่น ดูเหมือนว่ามลพิษทางอากาศ เป็นปัญหาใหญ่ในยุคอียิปต์โบราณ

probably because of indoor fires used to bake bread.

อาจเป็นเพราะการใช้ไฟในการอบขนมปังในบ้าน

Cardiovascular disease was also common, as was tuberculosis.

โรคหัวใจและหลอดเลือดพบได้บ่อย เช่นเดียวกับ วัณโรค

So ancient Egyptians were somewhat successful at evading decay.

ถือว่าชาวอียิปต์โบราณประสบความสำเร็จ ในการหยุดยั้งการเน่าเปื่อยในระดับหนึ่ง

Still, like death, taxes are inevitable.

อย่างที่บอกไปว่าความตาย และภาษีนั้นไม่อาจเลี่ยงพ้น

When some mummies were transported, they were taxed as salted fish.

เวลาขนย้ายมัมมี่ มันจึงถูกคิดภาษีแบบเดียวกับปลาเค็ม