How to embrace emotions at work | The Way We Work, a TED series

Transcriber: TED Translators admin

Translator: TED Translators Admin Reviewer: Dollaya Piumsuwan

ไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหน

คุณก็ไม่สามารถที่จะเพียงแค่กดสวิทช์ เมื่อคุณก้าวเข้าออฟฟิส

เพื่อปิดอารมณ์ของคุณ

การมีอารมณ์ความรู้สึก เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์

[วิถีที่เราเป็น]

No matter how hard you might try,

you can't just flip a switch when you step into the office

มีความเชื่อในวงกว้างว่าอารมณ์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรแสดงออกในที่ทำงาน

and turn your emotions off.

และความเชื่อนี้นำเราไปสู่

Feeling feelings is part of being human.

ความเป็นมืออาชีพผิด ๆ ที่จะต้อง อดกลั้นอารมณ์หรือเย็นชา

[The Way We Work]

แต่งานวิจัยบอกเราว่าในช่วงเวลา ที่เพื่อนร่วมงานของเรา

A pervasive myth exists that emotions don't belong at work,

เลิกแสดงความเป็นมืออาชีพแบบนั้น

เรามักจะเชื่อในสิ่งที่ พวกเขาบอกกับเรามากขึ้น

and this often leads us

to mistakenly equate professionalism with being stoic or even cold.

เราจะรู้สึกใกล้ชิดกับ ผู้คนรอบ ๆ ตัวเรา

เราจะพยายามมากขึ้น ทำงานดีขึ้น

But research shows that in the moments when our colleagues

และมีความอ่อนโยนและเมตตามากขึ้น

drop their glossy professional presentation,

ฉะนั้น มันถึงเวลาแล้วที่เราจะเรียนรู้ เพื่อเปิดรับอารมณ์ความรู้สึกในที่ทำงาน

we're actually much more likely to believe what they're telling us.

แต่นี่ไม่ใช่การบอกว่า

We feel connected to the people around us.

คุณจะต้องระบายทุกอย่างออกมาทันที

We try harder, we perform better

มันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่าง การเปิดเผยที่สร้างความเชื่อใจ

and we're just generally kinder.

So it's about time that we learn how to embrace emotion at work.

และการเปิดเผยมากเกินไป ที่ทำลายสิ่งนั้น

หากคุณปล่อยให้อารมณ์ของคุณ พลุ่งพล่านอย่างเปิดเผยในที่ทำงาน

Now, that's not to say

you should suddenly become a feelings fire hose.

และให้ข้อมูลกับเพื่อนร่วมงาน มากเกินกว่าที่พวกเขาต้องการรู้

A line exists between sharing, which builds trust,

คุณจะทำให้ทุกคนรอบตัวคุณรู้สึกอึดอัด

และมันก็จะบ่อนทำลายตัวคุณเองด้วย

and oversharing, which destroys it.

คุณมีแนวโน้มที่จะถูกมองว่า อ่อนแอหรือไม่รู้จักตัวเอง

If you suddenly let your feelings run wild at work

ฉะนั้น มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณบอกว่า คุณรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อคืน --

and give people far more information than they bargained for,

แต่คุณไม่จำเป็นต้องเล่า รายละเอียดทุกอย่าง

you make everyone around you uncomfortable

ว่าอาหารเย็นที่ไม่ย่อย ออกมาเจอกับคุณอีกครั้งได้อย่างไร

and you also undermine yourself.

You're more likely to be seen as weak or lacking self awareness,

การแสดงความรู้สึกมีหลายระดับ

so, great to say you weren't feeling well last night --

ฟากหนึ่ง คุณจะเจอกับ กลุ่มที่แสดงอารมณ์น้อยเกินไป

หรือผู้ที่มีปัญหากับการพูดถึง ความรู้สึกของพวกเขา

you don't need to go into every lurid detail

และอีกฟากหนึ่งคือ กลุ่มที่แสดงอารมณ์มากเกินไป

about how you got reacquainted with your half-digested dinner.

หรือผู้ที่พูดถึงความรู้สึกทุกอย่าง ของตัวเองตลอดเวลา

So there's a wide spectrum of emotional expression.

On one hand, you have under-emoters,

แต่ทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ได้ช่วยให้ ที่ทำงานน่าอยู่

or people who have a hard time talking about their feelings,

แล้วเราจะสร้างสมดุลระหว่าง สองฝั่งนี้ได้อย่างไร

and on the other end are over-emoters,

เราสามารถใช้สิ่งที่เรียกว่า การเลือกเปิดเผย

those who constantly share everything that's going on inside,

การเลือกเปิดเผย คือ การเปิดเผยตัวตน

ในขณะที่ยังให้ความสำคัญกับ ความมั่นคงและปลอดภัยในทางจิตวิทยา

and neither of these make for a healthy workplace.

So what's the balance between these two extremes?

ทั้งของตัวคุณเอง และของเพื่อนร่วมงาน

โชคดีมากที่ใคร ๆ ก็เรียนรู้

It's something called selective vulnerability.

ที่จะเลือกเปิดเผยได้ด้วยการฝึกฝน

Selective vulnerability is opening up

เรามี 4 วิธีแนะนำสำหรับการเริ่มต้น

while still prioritizing stability and psychological safety,

หนึ่งจับอารมณ์ของคุณ โดยพยายามไม่ให้มันรั่วออกมา

both for you and for your colleagues.

คนเราติดต่ออารมณ์ทางลบกันได้

Luckily, anyone can learn

และแม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดออกมา ว่าคุณรู้สึกอะไร

to be selectively vulnerable, with practice.

ก็มีโอกาสที่ภาษากาย หรือสีหน้าของคุณ

Here are four ways to get started.

First, flag your feelings without becoming emotionally leaky.

จะสื่อออกมาอย่างชัดเจน

ดังนั้น ถ้าคุณกอดอก หรือกระแทกแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

Bad moods are contagious,

เพื่อนร่วมงานของคุณจะรับรู้ได้ว่า คุณกำลังอารมณ์ไม่ดี

and even if you're not vocalizing what you're feeling,

และถ้าคุณไม่พูดอะไรออกมา

chances are your body language or your expressions

พวกเขาจะเริ่มคิดและกังวลว่า มันต้องเกี่ยวกับพวกเขาแน่ ๆ

ฉะนั้น ถ้าคุณมีปฏิกิริยา ต่อสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน

are a dead giveaway.

So if you are crossing your arms or hammering on your keyboard,

เช่น รถติด ก็แค่รับรู้มัน

your coworkers are going to know you're upset.

คุณไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียด

คุณแค่พูดสั้น ๆ ได้ว่า "ฉันเจอเช้าที่แย่มา

And if you don't say anything,

they might start to think it's about them and get worried.

ไม่ได้เป็นเพราะคุณนะ"

So if you are reacting to a non-work-related event,

ทีนี้ ถ้ามันเป็นเรื่องงาน

ที่ทำให้คุณมีอารมณ์

so traffic for example, just flag it.

เราต้องใช้วิธีที่สอง

You don't need to go into detail.

คือพยายามเข้าใจความต้องการ ที่อยู่เบื้องหลังความรู้สึกของคุณ

You can say something as simple as "I'm having a bad morning.

และกล่าวถึงความต้องการนั้น

หากคุณเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนรอบข้าง กำลังรบกวนคุณ

It has nothing to do with you."

Now if it's a work-related event

that's causing you to feel strong emotions,

ให้นั่งลงและตกผลึก

that brings us to point number two.

มันอาจจะเป็นเพราะว่า คุณกระวนกระวายใจเลยรู้สึกรำคาญ

Try to understand the need behind your emotion,

และคุณอาจจะกระวนกระวายใจ เพราะคุณกังวลถึงกำหนดเวลาส่งงาน

and then address that need.

If you suddenly start to find everyone around you irritating,

ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณสามารถคุยกับทีมงานของคุณ

เพื่อบอกความต้องการโดยอาจพูดว่า

sit back and reflect on that.

“ฉันต้องการมั่นใจว่า ฉันทำทุกอย่างเสร็จก่อนกำหนดส่ง

And it might be that you're irritable because you're anxious,

คุณช่วยฉันวางแผนที่เป็นรูปธรรม ได้ไหม"

and you're anxious because you're worried about hitting a looming deadline.

ถ้าคุณคิดที่จะเปิดเผยอารมณ์

พยายามมองจากมุมมองของคนอื่น

And in that case, you can go back to your team

to address that need and say something like,

ถ้าสิ่งที่คุณกำลังจะพูด จะช่วยให้คุณรู้สึกได้รับการสนับสนุน

"I want to make sure I get everything done ahead of the deadline.

และเข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น

Can you help me put together a realistic plan to do that?"

ก็พูดมันออกมาได้เลย

If you're thinking of sharing,

แต่ถ้าสิ่งที่คุณจะพูดทำให้คุณชะงัก คุณไม่ควรจะพูดถึงมัน

try and put yourself in the other person's shoes.

So if what you're about to say would help you feel more supported

และสุดท้าย ให้สังเกตบรรยากาศ และหาทางระยะยาว

หากทุกคนในทีมของคุณ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ

and better understand the situation,

then go ahead and share it.

และคุณสังเกตว่าเพื่อนร่วมงานคนนึง เหมือนจะอารมณ์เสียหรือวิตกกังวล

But if it gives you any kind of pause, you might want to leave it out.

คุณสามารถแสดงออกว่าคุณรับรู้ และเข้าใจ

And finally, read the room and provide a path forward.

และพยายามให้วิธีการคำแนะนำที่ใช้ได้จริง

If everyone on your team has been pulling long hours,

ที่พวกเขาจะสามารถนำไปใช้ได้

ในกรณีแบบนี้

and you notice that one of your colleagues seems particularly deflated or anxious,

คุณสามารถเสนอไปว่า คุณจะไปหาผู้จัดการ

และขอให้เลื่อนประชุมประจำสัปดาห์

ออกไปอีกสักวัน เพื่อที่จะได้มีเวลาเพิ่ม

you can acknowledge that and show some empathy,

แบบนี้คุณกำลังแสดงให้เห็นว่าคุณ ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของเขา

but then try to give them something actionable

และยังใส่ใจในเรื่อง ความสุขของเขาด้วย

that they could hold on to.

And in this case,

เมื่อเราซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง

you could suggest that you go to your manager

เสนอแนะหรือทำผิดพลาดบ้าง ได้อย่างอิสระ

and ask that your weekly meeting

be pushed back a day so you both have more time to work.

และไม่ต้องปิดบังความเป็นตัวเองเอาไว้

You're showing you're invested in their success,

เราก็จะมีแนวโน้มที่จะอยู่กับ องค์กรนานขึ้น

but also that you care about their well-being.

เราจะมีความสุขและ ทำงานได้มากขึ้นด้วย

When we can be honest about what we feel,

and freely suggest ideas, make mistakes

ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อทบทวน วิธีการแสดงความรู้สึก

and just not have to hide every piece of who we are,

ที่คุณใช้ในที่ทำงานในแต่ละวัน

ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะเปิดเผย มากเกินไปลองพยายามปรับสิ่งที่จะพูด

we're much more likely to stay at the company for a long time.

We're also happier and more productive.

ถ้าคุณเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว

ลองหาจังหวะที่คุณจะสามารถ เปิดอกกับเพื่อนร่วมงานได้

So take a moment to reflect on the emotional expression

และเปิดเผยตัวตนเล็กน้อย

that you bring to work each day.

สิ่งนี้อาจนำไปสู่ ความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

And if you are prone to oversharing, try editing.

กับวิธีการที่คนอื่นปฏิบัติกับคุณ

และการเลือกเปิดเผย อาจจะกลายเป็น

And if you're a little bit more reserved,

เครื่องมือหนึ่งที่เปิดใจมากที่สุดของคุณ

look for moments when you can open up to your colleagues

and be a bit vulnerable.

And chances are, there will be a big difference

in how people respond to you.

And selective vulnerability might just become

one of your most valuable tools.