A Brain Implant That Turns Your Thoughts Into Text | Tom Oxley | TED

Translator: โบนัส สินพิชิต Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

A few months ago,

ไม่กี่เดือนก่อน

I surrendered the password to my Twitter account

ผมปล่อยรหัสเข้าทวิตเตอร์ของผม

to let a person with paralysis tweet out their thoughts.

ให้คนที่เป็นอัมพาตสามารถทวีตความคิดตัวเอง

But I mean that literally.

ผมหมายความเเบบนั้นจริงๆ

Philip O'Keefe can't use his fingers to type like you or I,

ฟิลลิป โอคีฟ ไม่สามารถใช้นิ้วพิมพ์ ได้เเบบคุณหรือผม

but thanks to a tiny brain implant,

เเต่ต้องขอบคุณเจ้าสมองเทียมจิ๋ว

he was able to send the following tweets.

เขาสามารถส่งทวีตนี้ได้

"Hello world! Short tweet. Monumental progress."

“สวัสดีโลก! ทวีตสั้น.

ความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่”

"No need for keystrokes or voices.

“ไม่จำเป็นต้องกดแป้นหรือส่งเสียงใดๆ

I created this tweet just by thinking it."

ฉันสร้างทวีตนี้จากการคิดเท่านั้น”

"My hope is that I pave the way

“ความหวังของฉันคือการปูทาง

for people to be able to tweet through thoughts. Phil."

เพื่อให้คนสามารถทวีตโดยความคิด จากฟิล.”

Now you might be thinking there are some people out there

ตอนนี้คุณอาจจะกำลังคิดว่า มีคนบางคนข้างนอก

who should not be allowed to tweet directly from their brain.

ที่ไม่ควรได้รับการอนุญาต ที่จะทวีตโดยตรงจากสมอง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I agree.

ผมเห็นด้วย

But for people with paralysis and disability,

เเต่สำหรับคนที่เป็นอัมพาตเเละพิการ

this technology can be life-changing.

เทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขา

I’m very excited to introduce you to Philip and Rodney.

ผมตื่นเต้นมากที่จะแนะนำฟิลและร็อดนี

They both have a neurodegenerative disease called ALS,

พวกเขาทั้งคู่เป็นโรคระบบประสาทเสื่อม ที่เรียกว่าเอแอลเอส

means they can't move their hands or speak clearly,

หมายความเขาไม่สามารถขยับมือ หรือพูดได้อย่างชัดเจน

but they can now text

เเต่ตอนนี้เขาพิมพ์ได้เเล้ว

thanks to a brain-computer interface or BCI.

ต้องขอบคุณการเชื่อมต่อ ระหว่างสมองและคอมพิวเตอร์ หรือ บีซีไอ

There were Philip’s brain signals up on the screen.

สิ่งนี้เป็นสัญญาณสมองของฟิลลิป ที่เเสดงขึ้นบนหน้าจอ

They’re connected to their computers via Bluetooth.

มันเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านบลูทูธ

The device is fully internalized, invisible to the outside world,

อุปกรณ์นี้ได้รับการติดตั้งภายใน ไม่ปรากฏเเก่โลกภายนอก

and they learn to control the keyboard

เเละพวกเขาเรียนรู้ที่จะควบคุมเเป้นพิมพ์

with clicks directly coming from their brain.

เเละเลือกกดโดยตรงจากสมอง

Now BCIs conjure up images of science fiction like "The Matrix"

ตอนนี้บีซีไอสร้างภาพ ของนิยายวิทยาศาสตร์อย่าง “เดอะเมทริกซ์”

with a cable jacked up into your brain through a hole in your skull.

ด้วยสายเคเบิลที่เสียบเข้าไปในสมอง ผ่านรูในกะโหลกศีรษะของคุณ

But I'm here to show you that the future can be much more elegant than that.

เเต่ผมอยู่ที่นี่เพื่อจะเเสดงให้เห็นว่า อนาคตสามารถทำให้สง่างามได้มากกว่านี้

So we got this group chat going,

ดังนั้นเราจึงใช้กลุ่มสนทนานี้ต่อไป

which I thought was a great idea,

ซึ่งผมคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก

until they started roasting me about the TED Talk --

จนพวกเขาเริ่มเอาผมไปเผาเกี่ยวกับ TED Talk ที่ผมทำ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Which they found hilarious.

ซึ่งพวกเขาพบว่ามันบันเทิงมาก

Thanks for the vote of confidence, guys,

ขอบคุณสำหรับโหวตที่มั่นใจมากทุกคน

bloody Australians.

ชาวออสเตรเลียที่กระหายเลือด

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Now you can see it's still quite slow for them to type this way,

ตอนนี้คุณอาจจะเห็นว่ามันช้ามากสำหรับพวกเขา ในการพิมพ์วิธีนี้

but this is like dial up speeds at the beginning of the Internet.

เเต่นี่เป็นความเร็วที่เหมือนการเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตในช่วงเเรกๆ

This is a new Moore's Law.

นี่คือกฎของมัวร์รูปแบบใหม่

We're just getting started.

นี่เรากำลังเเค่เริ่ม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

That's Philip.

นั่นคือฟิลลิป

This has been the dream of patients and caregivers,

นี่คือความฝันของคนไข้เเละคนดูเเล

doctors and scientists, for decades,

เเพทย์เเละนักวิทยาศาสตร์มาหลายสิบปี

and for good reason.

ในเหตุผลที่ดี

You may know someone who's lost the ability to use their hands,

คุณอาจจะรู้จักใครสักคนที่สูญเสีย ความสามารถในการใช้มือ

maybe from a stroke or a spinal cord injury

อาจจะเกิดจากเส้นเลือดตีบหรือ อาการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง

or multiple sclerosis, paralysis.

หรือโรคปลอกประสาทอักเสบ อัมพาต

It comes in all shapes and sizes,

มันมาในทุกรูปทรงและขนาดต่างๆ

from minor inconvenience to life-threatening.

จากความไม่สะดวกเล็กน้อย จนอันตรายถึงชีวิต

During my neurology residency, I cared for a man in his 40s.

ในช่วงที่ผมเป็นเเพทย์ประจำบ้าน สาขาประสาทวิทยา

ผมดูเเละผู้ชายอายุประมาณ 40 อยู่คนนึง

He had a stroke and developed locked-in syndrome.

เขามีโรคเส้นเลือดตีบ เเละมีล็อคอินซินโดรม

Meant he couldn't move his body, except for his eyes, left or right.

หมายความว่าเขาไม่สามารถขยับตัว นอกจากขยับตาซ้ายขวา

His brain still worked like yours.

สมองเขายังทำงานเหมือนคุณ

He could see and hear and think and feel just like normal,

เขายังมองเห็นเเละได้ยินและคิด เเละรู้สึกเหมือนปกติ

but he couldn't move or speak ever again.

เเต่เขาไม่สามารถขยับหรือพูดได้อีกต่อไป

And in what were horrific circumstances,

และในสถานการณ์ที่น่าลำบากนี้

we supported his wish to be taken off life support.

เราสนับสนุนความต้องการของเขา ในการไม่พึ่งอุปกรณ์ช่วยชีวิต

And so I've been wondering ever since,

ผมก็เลยสงสัยตั้งแต่นั้นมา

was there not anything else that could have been done?

ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้เเล้วหรอ?

Connection is a fundamental human need.

ความสัมพันธ์เป็นความต้องการ ขั้นพื้นฐานของมนุษย์

So many of our patients have lost the ability to speak,

คนไข้หลายคนของเรา สูญเสียความสามารถในการสื่อสาร

let alone type, for years,

ส่วนการพิมพ์นั้นไม่ต้องพูดถึง

and they so desperately want to reconnect with their family,

เเละสิ่งที่พวกเขาต้องการ คือการกลับไปเชื่อมสัมพันธ์กับครอบครัว

with their loved ones.

กับคนที่เขารัก

You know what the main request we get is?

คุณรู้ไหมว่า อะไรคือคำขอหลักของพวกเขาที่เราได้

Text messaging.

การพิมพ์ข้อความ

And then email.

เเละตามด้วยการส่งอีเมล

Control over their smartphone.

การควมคุมโทรศัพท์มือถือ

And shock horror,

เเละที่น่าตกใจสุดๆ

social media.

สื่อสังคม

We've been speaking so much lately about the flaws of these technologies,

ช่วงนี้เราได้คุยกันบ่อยมาก เกี่ยวกับข้อบกพร่องของเทคโนโลยีเหล่านี้

but for people with paralysis, this is a return to life.

เเต่สำหรับคนที่เป็นอัมพาต นี่คือการกลับมามีชีวิต

BCIs make all of this possible.

บีซีไอทำให้ทุกอย่างนี้เป็นไปได้

Now, part of the problem has been

ตอนนี้บางส่วนของปัญหาคือ

that BCIs typically require invasive surgery.

บีซีไอต้องการ การผ่าตัด

This is the Utah Array.

นี่คือยูทาห์อะเรย์

This is designed similarly to all other BCIs

ที่ถูกออกเเบบคล้ายกับบีซีฟไอตัวอื่นๆ

currently under development,

ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

which require drilling needles directly into the brain.

ซึ่งต้องใช้เข็มเจาะ เข้าสู่สมองโดยตรง

Now, this has been the basis of critical fundamental research

ตอนนี้มันเป็นมาตรฐาน ของการวิจัยพื้นฐานที่สำคัญ

over the last 20 years

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

and the early proof that this technology really can perform.

และหลักฐานเบื้องต้นว่าสิ่งนี้ เทคโนโลยีสามารถทำได้จริงๆ

But for patients, it means open-brain surgery,

เเต่สำหรับคนไข้มันหมายความว่า ผ่าเเบบเปิดสมอง

which involves cutting through the skull with a saw.

ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดผ่าน กะโหลกศีรษะด้วยเลื่อย

And there are only about 150 functional neurosurgeons in the US

เเละในอเมริกามีเเพทย์ผ่าตัดสมองเเค่ 150 คน

that can perform this procedure.

ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้

Apart from the fact that the recovery is tricky,

บอกจากนั้นการฟื้นตัวยังเป็นเรื่องยาก

the brain doesn't really like having needles put into it.

สมองไม่ค่อยชอบให้ มีเข็มใส่เข้าไป

It develops this foreign-body tissue rejection immune reaction over time.

มันจะพัฒนาให้เนื้อเยื่อปฏิเสธสิ่งเเปลกปลอม เมื่อเวลาผ่านไป

So I've been wondering, is there any other way into the brain?

ผมก็เลยสงสัยว่ายังมีวิธีอื่นไหม ที่จะสามารถเข้าไปในสมอง

And there is, a secret back door.

เเละก็มีจริงๆ ประตูหลังลับ

The blood vessels are the natural highways into the brain.

หลอดเลือดคือถนนทางหลวงเข้าไปในสมอง

These are hollow tubes that connect every corner of the brain.

หลอดเลือดเหล่านี้เป็นท่อกลวงที่เชื่อมต่อ ทุกมุมของสมอง

The largest vein at the top there is right next to the motor cortex.

หลอดเลือดที่ใหญ่ที่สุดบนนั้น อยู่ติดกับมอเตอร์คอร์เทกซ์

The exact part of the brain that we want to connect to

ส่วนของสมอง ที่เราต้องการเชื่อมต่อ

to restore control to the outside world.

เพื่อคืนการควบคุมสู่โลกภายนอก

How cool is that?

เจ๋งขนาดไหนล่ะ

Now we already know how to travel through the blood vessels.

ตอนนี้เรารู้วิธีเข้าไปสู่หลอดเลือดเเล้ว

We've been doing it for 40 years, mostly going to the heart.

เราทำเเบบนี้มาตลอด 40 ปี ส่วนมากเข้าไปสู่หัวใจ

If anyone here today has had a heart attack,

วันนี้ ถ้าใครในที่นี้เกินหัวใจวาย

there's a pretty good chance you've had a stent.

มีโอกาสสูงที่คุณจะมี เครื่องตรึงผนังหลอดเลือด

A stent is a metal scaffold delivered through a catheter,

ตัวตรึงเป็นโครงเหล็กส่งผ่านสายสวน

which opens up like a flower into the blood vessel.

ที่มีการเปิดเเละขยายเหมือนดอกไม้ เข้าไปในหลอดเลือด

Millions of stents are delivered each year,

มีการใช้ตัวตรึงหลายล้านชิ้นต่อปี

not in the OR,

ไม่ใช่ในห้องผ่าตัด

but in the cath lab or catheter laboratory.

เเต่เป็นในแคธแล็บ หรือห้องสวนเส้นเลือด

It's now common in the cath lab to navigate up into the brain

ปัจจุบันเป็นเรื่องธรรมดาในแคธแล็บ ที่จะใช้กับสมอง

through the blood vessels.

ผ่านหลอดเลือด

And there are 2,500 physicians

เเละตอนนี้ก็มีเเพทย์ 2,500 คน

who can now navigate their way up into the brain.

ที่สามารถหาทางไปสู่สมองได้

But what's really amazing about this

แต่ที่น่าทึ่งจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

is that for BCIs we already know

คือสำหรับบีซีไอนั้นเรารู้อยู่เเล้ว

that devices can be left inside a blood vessel,

ว่าตัวอุปกรณ์อาจจะถูกทิ้ง หรือตกค้างในหลอดเลือด

cells grow over it, incorporate it into the wall

เซลล์อาจจะเจริญเติมโตบนอุปกรณ์ รวมเข้ากับผนัง

like a tattoo under the skin,

เหมือนเป็นรอยสักใต้ผิวหนัง

and we're protected from that immune reaction.

และเราถูกปกป้อง จากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันเหล่านั้น

This is part of the reason why our team became the first in the world

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมทีมของเรา จึงเป็นทีมเเรกบนโลก

to receive a green light from the FDA to conduct clinical trials

ที่ได้รับไฟเขียวจากอย.ในการทดลองกับคน

of a permanently implanted BCI.

ด้วยการปลูกถ่ายบีซีไออย่างถาวร

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

So what we had to do was figure out a way to put a sensor,

สิ่งที่เราต้องทำคือการหาวิธีใส่เซนเซอร์

connected to this crosslinks of the stent

เชื่อมต่อกับขดลวด

that could record that brain activity.

ที่สามารถบันทึกกิจกรรมของสมอง

To do that, we had to do a complete overhaul of stent manufacturing.

เพื่อที่จะทำเเบบนั้น เราต้องรื้อ วิธีการผลิตตัวตรึงใหม่หมด

This is the end result.

นี่คือผลลัพธ์ที่ได้

I think it's very beautiful.

ผมคิดว่ามันงดงามมากๆ

Then connect it to a cable

เเล้วเชื่อมต่อกับเคเบิ้ล

which brings the information out of the brain

ที่นำข้อมูลออกมาจากสมอง

and do it all in a way that it can be delivered in the cath lab.

และทำกระบวนการทั้งหมดนี้ ให้เกิดขึ้นในแคธแล็บได้

This way we can make BCI accessible not to the thousands of people,

โดยวิธีนี้เราทำให้ผู้คนเข้าถึงบีซีไอได้ ไม่ใช้เเค่พันคน

but to the millions of people who need this technology.

เเต่กับหลายล้านคนที่ต้องการเทคโนโลยีนี้

So it wasn't easy, took us ten years,

สิ่งนี้มันไม่ง่ายเลย เราใช้เวลานานถึงสิบปี

but I'm very excited to show you guys.

เเต่ผมตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะเเสดงให้คุณเห็น

We called this the Stentrode.

เราเรียกสิ่งนี้ว่า “สเตนโทรด”

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Graham Felstead, an incredible human being suffering with ALS,

คุณเกรแฮม เฟลเสด็ด บุคคลที่สุดยอดมากๆ ซึ่งกำลังทรมานจากโรคเอแอลเอส

became the first person in the world

กลายเป็นคนเเรกบนโลก

to receive and use one of these brain-computer interfaces.

ที่ได้รับเเละใช้หนึ่งในอุปกรณ์ การเชื่อมต่อระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์

And he has very generously offered you, the world,

เเละเขาเป็นผู้เอื้อเฟื้อ ที่ให้คุณเเละชาวโลก

a chance to see what it looks like inside his brain.

ได้มีโอกาสที่เห็นว่า สิ่งนี้มีหน้าตาอย่างไรเมื่ออยู่ในสมอง

Would you like to see?

พวกคุณอยากเห็นไหม

Audience: Yes!

อยาก

TO: Seeing this video for the first time

ตอนเห็นวิดีโอนี้เป็นครั้งเเรก

was one of the most incredible moments of my life.

มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อ ที่สุดในชีวิตผม

ผมยืนอยู่ในแคธแล็บ

I was standing in the cath lab,

Dr. Peter Mitchell had just completed the surgery

ดร.ปีเตอร์ มิทเชลเพิ่งผ่าตัดเสร็จ

and you can see the device, the outline of device,

เเละคุณสามารถเห็นอุปกรณ์ หรือรูปทรงของของอุปกรณ์

sitting inside the blood vessel there.

อยู่ในหลอดเลือด

So this popped up on the screen

เเละสิ่งนี้ปรากฏอยู่บนจอ

and it just felt like we were witnessing something new in the world.

เเละมันรู้สึกเหมือน เรากำลังค้นพบสิ่งใหม่ในโลก

I had tingles down my spine,

ผมรู้สึกสะท้าน ลงไปถึงกระดูกสันหลัง

I've got them now thinking about it again.

ตอนนี้ผมก็รู้สึกเเบบนั้นอีกเเล้ว เวลาคิดถึงมัน

I turned to my colleague Pete,

ผมหันไปที่เพื่อมร่วมงานที่ชื่อพีท

and I said something poetic and profound like,

และผมก็พูดอะไรบางอย่างที่กินใจ และลึกซึ้งว่า

"Pete, holy shit!"

“พีท ชิบเป๋งแล้ว!”

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And then two hours later, something even more amazing happened.

เเละสองชั่วโมงหลังจากนั้น สิ่งที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็เกิดขึ้น

Graham woke up, and he asked, “Am I alive?”

เกรแฮมตื่นขึ้นเเละถามว่า “ฉันยังมีชีวิตอยู่ไหม”

And our nurse Kristine broke out in tears of relief.

เเละพยาบาลของเราที่ชื่อคริสทีน หลั่งน้ำตาด้วยความโล่งอก

It was a phenomenal moment.

มันเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์

Once it's in place,

หลังจากที่ติดตั้งอุปกรณ์

it's connected to this tiny antenna that sits under the skin in the chest.

มันถูกเชื่อมต่อกับเสาอากาศจิ๋ว ที่อยู่ใต้ผิวหนังในหน้าอก

This collects the raw brain data

สิ่งนี้เป็นตัวรวบรวมข้อมูลดิบจากสมอง

and sends it out of the body wirelessly

และส่งออกจากร่างกายแบบไร้สาย

to then connect with external devices.

เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก

It's always on and ready to go.

มันเปิดอยู่ตลอดเวลาและพร้อมใช้

Kind of like how your brain is meant to work.

เหมือนกับการทำงานที่สมองควรทำ

So here's how it works.

เเละนี่คือวิธีการทำงาน

Our engineers work with our patients to decode specific movements.

วิศวกรของเราทำงานร่วมกับคนไข้ของเรา เพื่อถอดรหัสการเคลื่อนไหวเฉพาะ

So we tell the patient, “Press down your foot.”

เราเลยบอกคนไข้ว่า “กดเท้าของคุณลง”

So they'll repeatedly press down their foot.

พวกเขากดเท้าลงซ้ำแล้วซ้ำอีก

You won't see the foot moving because they're paralyzed,

คุณจะไม่เห็นเท้าขยับ เพราะพวกเขาเป็นอัมพาต

but we've been able to determine

เเต่เราก็ได้รู้ว่า

which brain signals are generally linked to “Press down your foot.”

สมองส่วนไหนเป็นตัวส่งสัญญาณ ที่เชื่อมต่อกับการกดเท้าลง

The black dotted line is the moment of pressing down the foot,

เส้นจุดดำๆ คือช่วงที่กดเท้าลง

and you can see the brain signal is different before to after,

และคุณสามารถมองเห็นสัญญาณของสมอง ที่ต่างกันก่อนเเละหลัง

which means we can turn that into a switch.

ซึ่งหมายความว่าเราสามารถเปลี่ยนสิ่งนั้น ให้เป็นสวิตช์

Now we repeat this for several different types of movements,

ตอนนี้เราทำซ้ำเเบบนี้กับ การเคลื่อนไหวประเภทต่างๆ

say, open/close your hand or pincer-grip your finger.

การพูด การกำมือแบมือของคุณ หรือการจับสิ่งของด้วยการจีบนิ้ว

Now, that may not seem like much,

ตอนนี้มันอาจจะดูไม่มากนัก

but these become the building blocks for every single interaction

เเต่สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการปฏิสัมพันธ์ทุกเเบบ

on a digital device that is needed for control.

ในอุปกรณ์ดิจิทัล ที่จำเป็นสำหรับการควบคุม

Converted to

ที่ถูกเเปลงเป็น

click, up, down, left, right, menu, back, etc.

คลิก ขึ้น ลง ซ้าย ขวา เมนู ถอยหลัง ฯลฯ

But what's really amazing is that to some degree,

แต่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ คือในระดับหนึ่ง

this process,

กระบวนการนี้

our brain signals, are universal.

สัญญาณของสมองทำงานคล้ายกันหมดทุกคน

So the brain signal for “Press down your foot” for me

เพราะฉะนั้นสัญญาณของสมอง สำหรับการกดเท้าลงของผม

is the same as it is for you.

ก็เหมือนของคุณ

Now this means that we're creating a dictionary of the brain

นี่หมายความว่าเรากำลังสร้าง พจนานุกรมของสมอง

across all humans.

ในมนุษย์ทุกคน

This is going to make BCI truly scalable.

นี่จะทำให้บีซีไอถูกต่อยอด ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

As Philip once said to me,

ฟิลลิปเคยพูดกับผมว่า

"It's kind of like learning how to ride a bike.

มันเหมือนกับการหัดปั่นจักรยาน

It takes a bit of practice, but once you're rolling,

ต้องใช้เวลาฝึกฝนสักหน่อย แต่เมื่อคุณปั่นได้เเล้ว

it becomes natural.

มันกลายเป็นธรรมชาติ

Now I just look on the screen where I want to click and I'm texting,

ตอนนี้ผมแค่มองบนหน้าจอ ที่ผมต้องการคลิกและผมกำลังส่งข้อความ

messaging the world via Twitter."

ส่งข้อความให้ทั้งโลกผ่านทวิตเตอร์

But Graham,

เเต่เกรแฮม

he said, as his ALS was progressing,

เขาบอกว่า ระหว่างที่โรคเอแอลเอสของเขา กำลังเเย่ลง

that it gave him immense comfort to know that even if his body was failing,

มันทำให้เขาสบายใจมาก เพราะเขารู้ว่าแม้ร่างกายจะทรุดกว่านี้

he was always going to be able to tell his wife that he loved her.

เขาจะสามารถบอกรักภรรยาได้เสมอ

In the future,

ในอนาคต

I'm really excited about the breakthroughs BCI could deliver to other conditions

ผมตื่นเต้นมากเกี่ยวกับความก้าวหน้าของ บีซีไอ ที่จะสามารถช่วยโรคอื่นๆ

like epilepsy, depression and dementia.

เช่น โรคลมบ้าหมู ภาวะซึมเศร้า และภาวะสมองเสื่อม

But beyond that,

แต่นอกเหนือจากนั้น

what is this going to mean for humanity?

สิ่งนี้จะมีความหมายต่อมนุษยชาติอย่างไร

What's really got me thinking is the future of communication.

ผมคิดถึงอนาคตของการสื่อสาร

Take emotion.

ใช้อารมณ์ความรู้สึก

Have you ever considered how hard it is to express how you feel?

คุณเคยคิดไหมว่ามันยากแค่ไหน ที่จะแสดงให้เห็นว่าคุณรู้สึกยังไง

You have to self-reflect,

คุณต้องลองนึกย้อนไปเเละทบทวนตัวเอง

package the emotion into words

รวบรวมความคิดให้เป็นคำพูด

and then use the muscles of your mouth to speak those words.

เเละใช้กล้ามเนื้อที่ปากของคุณ พูดคำเหล่านั้นออกมา

But you really just want someone to know how you feel.

แต่คุณเเค่ต้องการใครสักคน ที่รู้ว่าคุณรู้สึกยังไง

For some people with certain conditions,

สำหรับบางคนที่มีโรค

that's impossible.

มันเป็นไปไม่ได้

So what if, rather than using your words,

เเล้วถ้าเกิด นอกจากใช้คำพูด

you could throw your emotion just for a few seconds?

คุณสามารถเเสดงอารมณ์ของคุณ ในไม่กี่วินาที

And have them really feel how you feel.

และทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุณรู้สึกยังไง

At that moment, we would have realized

ในขณะนั้น เราก็จะได้รู้

that the necessary use of words to express our current state of being

ว่าความจำเป็นของการใช้คำ เพื่อแสดงสภาพความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบัน

was always going to fall short.

มักจะเเย่ลงเเละไม่ค่อยจะสำเร็จ

The full potential of the brain would then be unlocked.

ศักยภาพสูงสุดของสมอง ก็จะถูกปลดล็อค

But for right now,

เเต่สำหรับตอนนี้

BCI is about restoring the lives of millions of people with paralysis.

บีซีไอยังเน้นที่การฟื้นฟูชีวิต ของคนหลายล้านคนที่เป็นอัมพาต

After years of feeling trapped,

หลังจากถูกกักขังมาหลายปี

this technology promises the return of autonomy and independence.

เทคโนโลยีนี้จะนำทางเลือกในสิ่งที่ คนไข้ต้องการและความเป็นอิสระกลับมา

But what I really mean is dignity.

แต่สิ่งที่ผมหมายถึงจริง ๆ คือศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)