How to turn protest into powerful change - Eric Liu

จะเปลี่ยนการประท้วงให้เป็นการเปลี่ยนแปลงอันทรงพลังได้อย่างไร - อิริค ลิว (Eric Liu)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

We live in an age of protest.

เราอยู่กันในยุคของการประท้วง

On campuses and public squares,

ในมหาวิทยาลัย ที่จตุรัสสาธารณะ

on streets and social media,

บนถนน และในโซเชียลมีเดีย

protesters around the world are challenging the status quo.

ผู้ประท้วงทั่วโลกกำลังเปลี่ยน สิ่งที่อยู่ในกรอบเดิม ๆ

Protest can thrust issues onto the national or global agenda,

การประท้วงอาจผลักให้ประเด็น เป็นวาระแห่งชาติ หรือเรื่องระดับโลก

it can force out tyrants,

มันสามารถบีบบังคับขับไล่ทรราช

it can activate people who have long been on the sidelines of civic life.

มันสามารถปลุกระดมคนที่ใช้ชีวิต ในฐานะพลเมืองผู้นิ่งเฉยมานาน

While protest is often necessary, is it sufficient?

ในขณะที่การประท้วงมักเป็นสิ่งที่ เลี่ยงไม่ได้ มันมีประสิทธิภาพหรือเปล่า

Consider the Arab Spring.

ลองพิจารณาดูอาหรับสปริง

All across the Middle East,

ทั่วทั้งตะวันออกกลาง

citizen protesters were able to topple dictators.

พลเมืองผู้ประท้วง สามารถที่จะโค่นล้มอำนาจเผด็จการได้

Afterwards, though,

แต่ว่าหลังจากนั้น

the vacuum was too often filled by the most militant and violent.

สูญญากาศมักจะถูกแทนที่ ด้วยสงครามและความรุนแรงอยู่บ่อย ๆ

Protest can generate lasting positive change

ผู้ประท้วงสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นผลบวกที่ยืนยาวได้

when it's followed by an equally passionate effort

เมื่อมันตามมาด้วยความพยายาม ที่เต็มไปด้วยศรัทธาที่มากพอ ๆ กัน

to mobilize voters,

ในการขับเคลื่อนผู้ออกเสียง

to cast ballots,

ในการไปลงคะแนนเลือก

to understand government,

ในการพยายามทำความเข้าใจรัฐบาล

and to make it more inclusive.

และในการทำให้มันครอบคลุมมากขึ้น

So here are three core strategies for peacefully turning awareness into action

นี่คือสามแนวทางการเปลี่ยน ความตระหนักอย่างสันติ ไปเป็นการปฏิบัติ

and protest into durable political power.

และจากการประท้วงไปเป็น พลังทางการเมืองที่ยืนหยัดมั่นคง

First, expand the frame of the possible,

ประการแรก ขยายกรอบของความเป็นไปได้

second, choose a defining fight,

สอง เลือกการสู้ที่แน่นอน

and third, find an early win.

และสาม หาทางเอาชนะแต่เนิ่น ๆ

Let's start with expanding the frame of the possible.

ลองมาเริ่มกัน ที่การขยายกรอบความเป็นไปได้

How often have you heard in response to a policy idea,

บ่อยแค่ไหนที่เราได้ยินคำตอบ จากแนวคิดทางการเมืองว่า

"That's just never going to happen"?

"นั่นมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก"

When you hear someone say that,

เมื่อคุณได้ยินใครสักคนพูดแบบนั้น

they're trying to define the boundaries of your civic imagination.

พวกเขาพยายามกำหนดขอบเขต จินตนาการของพลเมืองอย่างคุณ

The powerful citizen works to push those boundaries outward,

พลเมืองที่มีพลังพยายามที่จะผลักดัน ขอบเขตเหล่านั้นออกไป

to ask what if -

เพื่อถามว่า แล้วถ้าหากว่า -

what if it were possible?

ถ้าหากว่ามันเป็นไปได้ล่ะ

What if enough forms of power -

ถ้าหากมีรูปแบบของอำนาจที่มากพอ -

people power, ideas, money, social norms -

พลังจากประชาชน ความคิด เงิน แนวคิดของสังคม -

were aligned to make it happen?

ถูกเรียงร้อยเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้มันเป็นไปได้ล่ะ

Simply asking that question

การถามง่าย ๆ ด้วยคำถามนั้น

and not taken as given all the givens of conventional politics

และการไม่ถือเอาว่าการเมืองแบบนี้ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำได้แล้ว

is the first step in converting protest to power.

เป็นก้าวแรกไปสู่การเปลี่ยนแปลง การประท้วงเป็นอำนาจ

But this requires concreteness about what it would look like to have, say,

แต่มันต้องการความมั่นคง ว่ามันจะเป็นอย่างไร เช่น

a radically smaller national government,

รัฐบาลของประเทศเล็ก ๆ

or, by contrast, a big single-payer healthcare system,

หรือ ที่ตรงข้ามกัน ระบบสาธารณสุข แบบผู้จ่ายรายเดียวขนาดใหญ่

a way to hold corporations accountable for their misdeeds,

วิธีการรักษาความร่วมมือ ต้องรับผิดชอบพฤติกรรมที่ผิด

or, instead, a way to free them from onerous regulations.

หรือวิธีที่จะปลดปล่อยพวกเขา ข้อกำหนดที่มีภาระผูกพันเกินควร

This brings us to the second strategy, choosing a defining fight.

มันนำเราสู่แนวทางที่สอง ซึ่งก็คือการเลือกการต่อสู้ที่แน่นอน

All politics is about contrasts.

การเมืองทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความแตกต่าง

Few of us think about civic life in the abstract.

พวกเราบางคนคิดว่าชีวิตพลเมืองนั้น เป็นนามธรรม

We think about things in relief compared to something else.

เราคิดว่าสิ่งต่างอยู่ในภาวะผ่อนคลาย เมื่อเทียบกับสื่งอื่น ๆ

Powerful citizens set the terms of that contrast.

พลเมืองที่ทรงพลังกำหนดสิทธิ ของความแตกต่างนั้น

This doesn't mean being uncivil.

นั่นไม่ได้หมายความว่า มันจะต้องหยาบคาย

It simply means thinking about a debate you want to have on your terms

มันแค่หมายความว่า การคิดที่จะโต้แย้ง ในสิ่งที่คุณต้องการตามสิทธิของคุณ

over an issue that captures the essence of the change you want.

เกี่ยวกับเรื่องที่มีความสำคัญ ต่อการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการ

This is what the activists pushing for a $15 minimum wage in the U.S. have done.

นี่เป็นสิ่งที่นักเคลื่อนไหวที่เรียกร้อง แรงงานขั้นต่ำ 15 เหรียญในสหรัฐฯ ทำ

They don't pretend that $15 by itself can fix inequality,

พวกเขาไม่ได้เสแสร้งว่าเงิน 15 เหรียญ จะสามารถจัดการกับความไม่เท่าเทียมได้

but with this ambitious and contentious goal,

แต่ด้วยความทะเยอทะยาน และเป้าหมายของกรณีพิพาท

which they achieved first in Seattle and then beyond,

ซึ่งพวกเขาทำได้เป็นครั้งแรก ในซีแอทเทิล และจากนั้นก็ที่อื่น

they have forced a bigger debate about economic justice and prosperity.

พวกเขาทำให้เกิดการโต้เถียงมากขึ้น เกี่ยวกับความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและการอยู่ดีกินดี

They've expanded the frame of the possible, strategy one,

พวกเขาขยายกรอบของความเป็นไปได้ แนวทางที่หนึ่ง

and created a sharp emblematic contrast, strategy two.

และสร้างสัญลักษณ์ที่ชัดเจน แนวทางที่สอง

The third key strategy, then, is to seek and achieve an early win.

แนวทางที่สามที่สำคัญ คือจากนั้น ค้นหาและชนะให้ได้เร็ว

An early win, even if it's not as ambitious as the ultimate goal,

การเอาชนะได้แต่เนิ่น ๆ แม้ว่ามัน จะไม่เป็นไปได้ตามเป้าหมายสูงสุดที่ตั้งเอาไว้

creates momentum,

สร้างพลวัตร

which changes what people think is possible.

ซึ่งจะเปลี่ยนสิ่งที่คนคิดว่าเป็นไปได้

The solidarity movement,

การเคลื่อนไหวอย่างเป็นปึกแผ่น

which organized workers in Cold War Poland emerged just this way,

ซึ่งผู้ใช้แรงงานได้มารวมตัวกัน ในสงครามเย็นโปแลนด์ก็เกิดขึ้นในแบบนี้

first, with local shipyard strikes in 1980 that forced concessions,

ตอนแรก การประท้วงที่ท่าเรือเกิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1980 ทำให้เกิดสิทธิ

then, over the next decade,

จากนั้น ตลอดทศวรรษต่อมา

a nationwide effort that ultimately helped topple

ความพยายามทั่วประเทศ ที่สุดท้ายแล้วทำให้เอาชนะ

Poland's communist government.

รัฐบาลคอมมิวนิสต์ในโปแลนด์ได้

Getting early wins sets in motion a positive feedback loop,

การได้ชัยชนะแต่เนิ่น ๆ ทำให้เกิดผลสะท้อนกลับเชิงบวก

a contagion, a belief, a motivation.

การแพร่กระจาย ความเชื่อ แรงบันดาลใจ

It requires pressuring policymakers,

มันต้องการผู้วางนโยบายที่สร้างแรงกระตุ้น

using the media to change narrative,

โดยใช้สื่อเพื่อเปลี่ยนการเล่าเรื่อง

making arguments in public,

สร้างการอภิปรายขึ้นในสังคม

persuading skeptical neighbors one by one by one.

ได้สมาชิกเพื่อนบ้านที่ช่างสงสัย ทีละคนสองคน

None of this is as sexy as a protest,

ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรน่าหลงใหล เท่ากับการประท้วง

but this is the history of the U.S. Civil Rights Movement,

แต่นี่คือประวัติศาสตร์ของการเคลื่อนไหว เรียกร้องสิทธิของพลเมืองสหรัฐฯ

of Indian Independence,

อิสรภาพของอินเดีย

of Czech self-determination.

การกำหนดเจตจำนงของตนเองในเช็ก

Not the single sudden triumph,

ไม่มีอะไรที่ได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว

but the long, slow slog.

ก่อนที่จะมีการดำเนินการที่ยาวนาน

You don't have to be anyone special to be part of this grind,

คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนพิเศษ ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบ

to expand the frame of the possible,

ที่จะขยายกรอบความเป็นไปได้

to pick a defining fight,

ที่จะเลือกการต่อสู้ที่แน่นอน

or to secure an early win.

หรือคว้าเอาชัยชนะแต่เนิ่น ๆ

You just have to be a participant and to live like a citizen.

คุณแค่ต้องเป็นส่วนร่วม และใช้ชีวิตอย่างพลเมือง

The spirit of protest is powerful.

จิตวิญญาณของการประท้วงนั้นทรงพลัง

So is showing up after the protest.

เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการประท้วง

You can be the co-creator of what comes next.

คุณสามารถเป็นผู้ร่วมสร้าง ของสิ่งที่กำลังจะมาถึง