6 ways to STOP translating in your head & THINK in another language! |

ภาษาอังกฤษกับลูซี่

Hello everyone and welcome back to English with Lucy

สวัสดีค่ะทุกคน ขอยินดีต้อนรับสู่ช่อง English With Lucy

I probably look a little bit different today and that it's

วันนี้ฉันดูแปลกไปนิดหน่อย

because I think I live in the hottest flat in England

เป็นเพราะว่าฉันคงอยู่ในห้องที่ร้อนที่สุด

ในประเทศอังกฤษ

or at least in Cambridge

หรือง่ายๆก็มหาวิทยาลัยเคมบริทจ์

Oh my God

คุณพระช่วยกล้วยทอด

right, so it's around 27, 28 degrees outside which for England is really really hot

อากาศข้างนอกก็ประมาณ 27-28 องศาค่ะ

ซึ่งสำหรับในอังกฤษแล้วถือว่าร้อนมาก ร้อนจริงๆ

ทำให้ในห้องของฉันมันอบอ้าวมากๆ

but inside my flat it's like a damn rain forest

it's humid muggy

มันชื้น.. muggy ใช่ คำนี้แหละ

that's a really good word

muggy is when it's like heavy hot sticky air

muggy คือความรู้สึกที่ ร้อน เหนียวเหนอะหนะ และเฉอะแฉะ

humidity

and I have a whole wall of windows which is great

ฉันมีห้องที่เป็นกำแพงกระจก

ซึ่งมันก็ดี

because it lets in a lot of light

เพราะแสงเข้ามาได้ง่าย

but it also

แต่มันก็ทำให้เกิดเหมือนกับภาวะโลกร้อนในห้อง

contributes to a green house effect in my flat and so I'm actually boiling

และต้อนนี้ฉันกำลังจะละลายแล้ว TT

so

วันนี้ฉันเลยไม่ได้ทำผม

I couldn't bring myself to do my hair

เพราะว่า

cause it was just like put it in and then it would fall out again

แค่ฉันรวบมัน ผมก็หลุดกระเซอะกระเซิงแล้ว

and also no turtle necks today

แถมยังไม่ได้ใส่เสื้อคอเต่าด้วยวันนี้

got my Coca Cola t-shirt instead

ถ้าคุณเห็น วันนี้ฉันใส่เสื้อตราโค้กด้วย

which is not sponsored

ซึ่งก็ไม่ได้ให้เงินฉันหรอก

wish it was sponsored, imagine having Coca Cola sponsoring you, awesome

แต่ถ้าได้ก็ดี

ลองคิดดูว่าถ้าบริษัทโค้กให้เงินสนับสนุนละก็...มันจะโคตรเจ๋งเลยล่ะ

so today is a really really really important video

สำหรับวันนี้ มันเป็นวิดีโอที่สำคัญจริงๆ

Today I'm going to give you some advice on how to stop translating

เพราะวันนี้ฉันจะมาให้คำแนะนำ

เพื่อจะไม่ต้องมานั่งแปล ยืนแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาบ้านเกิดตัวเองทีละคำในหัว

into your native language

Because a lot of people have this problem

เพราะว่าหลายคนมีปัญหานี้

I've asked lots of English learners and learners of other languages

ฉันได้ถามคนที่เรียนภาษาอังกฤษ

และภาษาอื่นๆมาหลายคน

and they say: "I would be able to speak so much more fluently if I could stop translating"

และเขาบอกว่า

ฉันจะพูดภาษานั้นได้คล่อง

ถ้าฉันไม่ต้องมากุมขมับแปลมันอีกที...อึ้ม

now, most of you probably already knew this

ตอนนี้คุณก็รู้ละ

if you are new to this channel then I speak fluent Spanish

เอ่อ ถ้าคุณเพิ่งมาดูช่องนี้ครั้งแรก

ฉันพูดภาษาสเปนได้คล่อง

and I'm actively learning Italian

และตอนนี้ก็กำลังเรียนภาษาอิตาลี

and I remember at the beginning of my Spanish learning journey

ฉันจำได้ว่าตอนเเรก

ที่ฉันเรียนภาษาสเปนแบบจริงจัง

I really find it hard not to translate

มันยากที่จะไม่แปลเป็นคำๆ

and translating between English and Spanish can be really really difficult

และการแปลระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาสเปนเนี้ย

มันแสนยุ่งยากลำบากกาย

and annoying

because the word other is so different

เพราะว่าการเรียงคำมันไม่เหมือนกัน

I'm now learning Italian actively

ตอนนี้ฉันกำลังตั้งใจเรียนภาษาอิตาลี

และก็พยายามที่จะทำแบบเดิม

and I'm managing to do so without translating into Spanish or English

แบบที่ไม่แปลภาษาสเปนหรือภาษาอังกฤษ

So

จะเห็นได้ว่าการพูดจากประสบการณ์ของการเป็นนักเรียน

Speaking from my own experience as a language learner

and speaking from my experience as an English language teacher

กับการพูดจากประสบการณ์

ของการเป็นคุณครู

I'm going to give you some advice and hopefully

ฉันจะให้คำแนะนำ

หวังว่ามันจะช่วยคุณข้ามปัญหานั้นได้

help you get over this massive massive problem

that it's preventing you from improving

ปัญหาที่ทำให้คุณพูดภาษาได้ไม่คล่องแคล่ว

Firstly, before we get started I'd just like to thank the sponsor of today's video

อย่างแรกก่อนที่เราจะเริ่ม

ฉันอยากจะขอขอบคุณผู้สนับสนุนในวันนี้

Lingoda

Lingoda

This is a company I've been working with for a while

เป็นบริษัทที่ฉันเคยทำงานด้วย

I really really belive in what they have on offer

ฉันมั่นใจในสิ่งที่พวกเขามอบให้

They are an online language academy

เขาเป็นโรงเรียนสอนภาษาออนไลน์

They teach English, French, Spanish and German

เขาสอนทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศษ สเปนและเยอรมัน

and you sign up on a monthly basis

และหากคุณลงทะเบียนทดลองใช้ 1 เดือน

and you get a combination of group and private lessons

เลือกเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนคนเดียว

taught by a video chat

สอนผ่านทางวิดิโอ

They have really really great materials

เขาทำงานกันอย่างไร้ที่ติ

taught to you and delivered to you by real native qualifed teachers

นึกถึงและให้ส่งมอบความรู้แก่คุณ

จากอาจารย์เจ้าของภาษาที่มีคุณภาพ

and if you look at the prices it's actually very very reasonable

ถ้าดูราคาแล้ว

มันเป็นราคาที่ใครต่อใครก็เอื้อมถืง

it's often much more affordable to study with Lingoda than it is to go to a like in person language school

เรียนกับ Lingoda มันคุ้มค่ากว่า

การที่จะไปเรียนในโรงเรียนนะ

they've given me a discount for you

และเขายังให้สวนลดแก่คุณด้วย

you can get 50 euros or dollars off of your first month subscription at Lingoda

คุณจะได้รับส่วนลด 50 ยูโรหรือดอลล่า

ในเดือนแรก

by clicking on the link in the description box

โดยการคลิ๊กลิงค์ในช่องคำอธิบายด้านล่าง

and using the discount code ENGLUCY6

แล้วใส่โค้ต ENGLUCY6

ENGLUCY6

ENGLUCY6

All the information is down there

รายละเอียดต่างๆหาอ่านได้จากด้านล่างนะคะ

Right,

ป่ะ...เรามาเริ่มกันเถอะ

Right,

Let's get started with the video

โอ้ยพระเจ้า มันชั่งร้าวร้อนซะเหลือเกิน

Oh my God

IT. IS. SO. HOT

I bet all of you are in your country

เชื่อว่าทุกคนอยู่ในประเทศของตัวเอง

Actually, let's do something fun tell me where you live and

ลองมาทำอะไรสนุกๆกันมั้ย

บอกฉันว่าคุณอยู่ที่ไหน

what temperature is where you are right now cause I bet something of you are in like 40 degree heat

และก็บอกอุณหภูมิของที่ที่คุณอยู่ขณะนี้

เพราะฉันเดิมพันว่าบางคนอาจจะสูงถึง 40 องศา

I know my friends in Seville are really suffering with the heat and I'm here with 27 degrees

ฉันรู้ว่าเพื่อนของฉันที่อยู่ใน Seville ต้องทรมาณกว่า

กับอากาศร้อน

และที่นี่แค่ 27 องศาเอง

DYING!

I'm very sensitive

ฉันขี้ร้อนหนะ

Okay so I've been thinking about this question for a long time

โอเค มาเข้าเรื่อง ฉันคิดเกี่ยวกับคำถามนี้

มานานแล้วละ

and I have actually made some notes on my phone

ฉันยังเขียนบันทึกไว้ในโทรศัพท์ด้วยนะ

just because I want to get it in the right order for you

เพราะว่าไม่อยากจะได้ไม่ลืมที่จะบอกคุณหนะ

so bear with me

ดังนั้นก็อยู่ฟังกันก่อนนะ

So,

จะเลี่ยงการแปลคำต่อคำเป็นภาษาบ้านเกิดยังไงละ

How to avoid translating into your native language?

งั้นนี่เป็นข้อแรก

Well, the first tip I can give you and this will not apply to everyone

ข้อนี้ใช้ไม่ได้กับทุกคนนะ

is don't start in the first place

if you are in like a beginner level of English

ถ้าคุณเป็นคนที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ

การแปลนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น

some translation is inevitable

I mean, you are going to do it

คุณยังสามารถทำมันได้

the way we learn in school is

วิธีการที่เราเรียนในโรงเรียน เช่น amarillo...สีเหลือง

Amarillo

Yellow

Naranja

naranja...สีส้ม

Orange

We learn through translation

เราเรียนผ่านการแปล

อย่างไรก็ตาม หากเรานึกย้อนไปเมื่อเรายังเป็นทารก

However

Think back to when you were a baby

How did you acquire your first ever language?

เราเรียนภาษาแรกกันยังไง

Your mother tongue

ภาษาบ้านเกิดใช่มั้ย

คุณเรียนผ่านการสังเกต การดู การได้ยิน

You learn through observing, seeing, watching, hearing, smelling, tasting

การดมกลิ่น การชิม การดูการกระทำนั้นๆ

watching actions

คุณไม่ได้เรียนผ่านการแปล

you didn't learn through translation

เพราะว่าเราไม่รู้จะแปลไปเป็นภาษาอะไร

because you had nothing to base your translation on

because you had no mother tongue

เพราะเรายังไม่มีภาษาบ้านเกิด

so babies are capable of learning a langue without any other language as reference

ดังนั้นทารกจะเรียนภาษาผ่านการจำ

โดยไม่ต้องยุ่งกับภาษาอื่น

เรายังพบความยากอย่างเหลือเชื่อ

yet, we find it incredibly difficult

So, what you need to think is simplification

อะไรที่ทำให้คุณเข้าใจได้ง่ายๆ

Babies start small and over years and years and years they build their vocabulary

ทารกเริ่มจากตัวเล็กๆ

และเริ่มโตขึ้นมาเรื่อยๆ

เขาสร้างคำศัพท์

and you need to apply this to yourself as well

และประยุกต์ให้มันดีขึ้น

is much more effective to learn vocabulary by observing and taking things in

มันเป็นวิธีการเรียนรู้คำศัพท์ที่ได้ผล

โดยการสังเกตและทำความเข้าใจกับมัน

than it is to just you know looking something at a dictionary

เหมือนกับการมองหาบางอย่างในพจนานุกรม

and that brings me on to my next point

และนำไปสู่ข้อถัดไป

Oh my God! I'm so hot!

โอ้ยพระเจ้า ร้อนอะไรอย่างนี้

and that brings me on to my next point which is

และนำไปสู่ข้อถัดไป

ที่ทำให้คุณต้องไปซื้อพจนานุกรมสองภาษามา

Grab your bilingual dictionary and throw it

แล้วโยนมันออกนอกหน้าต่างไป

out of the window! Don't do that, okay? It might land on somebody's head

อย่าทำแบบนั้นนะ ฉันแค่พูดเล่น

มันอาจจะไปโดนหัวคนอื่นได้

Just place it to one side very carefully

แค่วางมันไว้สักที่ด้วยความรักและหวงแหน

and then pick up your monolingual dictionary

และจากนั้นเปิดพจนานุกรมภาษาเดียวออกมา

เพื่ออะไรนะหรอ??

Is that the word for it?

And then

จากนั้นก็เปิดพจนานุกรม

Pick up the dictionary in the language that you are learning

ภาษาที่คุณกำลังเรียนอยู่

ในกรณีที่มันเป็นภาษาอังกฤษ

In many of your cases it would be English

and start letting the language define itself

ปล่อยให้มันกำหนดความหมายของตัวมัน

เป็นคำนามหรือกริยา

so with words like nouns and verbs it can be a little difficult to understand

มันอาจจะยากที่จะเข้าใจ

but that's what you need to learn through observation

แต่นั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องเรียนผ่านการสังเกต

When you are looking at adjective, adverbs and other things like that

เมื่อคุณมองที่คำคุณศัพท์ คำกริยาวิเศษ

หรืออะไรอย่างนี้

Try to understand the definition in that same language first

พยายามทำความเข้าใจในภาษาที่คล้ายๆกันก่อน

Because what you are going to be doing is training yourself to think in the language that you are learning

เช่นตอนที่คุณทำสิ่งต่างๆ

ให้พยายามนึกถึงภาษาที่คุณกำลังจะเรียน

นั้นคือคุณกำลังเรียนอยู่

Which brings me on to my third point

นั้นนำฉันไปสู่ข้อที่ 3

Oh my God! What a beautifully well planned out video this is

โอ้ มันช่างเป็นไปได้สวยจริงๆ

เป็นข้อดีที่ได้เขียนแผนการพูดแหละ

ดังนั้น 2 ข้อถัดไป

So my next two points are about thinking and speaking to yourself in that language

จะเกี่ยวกับการคิดและการพูดกับตัวเอง

ในภาษาที่กำลังเรียน

Now I actually recommend that you start by speaking out loud to yourself in the other language

ตอนนี้ฉันก็แนนำให้คุณเริ่ม

โดยการพูดดังๆกับตัวเองในภาษาอื่นๆ

I think I mentioned that in a video about conversation, improving your conversation and communication

ฉันหมายถึงวิดิโอเกี่ยวกับการสนทนาหนะ

เพิ่มประสิทธิภาพการสนทนาและการเข้าสังคม

if you are interested in that then you can watch that video just up there

ถ้าหากคุณสนใจนะ

คุณก็จะได้เห็นวิดิโอ ณ ตอนนั้นเล้ยย

However speaking to yourself in the other language is a really really key factor

อย่างไรก็ตามการพูดกับตัวเองในภาษาต่างๆ

มันเป็นกุญแจหลักเลย

in learning to think in the language

ในการเรียนรู้วิธีการคิดในภาษาอื่นๆ

So,

เช่นในภาษาสเปน ฉันกำลังขับรถ

For example with Spanish I'll be driving

ฉันก็จอธิบายในขณะนั้น

and I'll describe the movements that I'm going to be making with the car

ว่าฉันกำลังขับรถ

So I'll be like

เช่น ........(ภาษาสเปน)........

'Conduciendo, conduciendo, voy a girar a la derecha...

CABRÓN QUE TE ARRANCO LA CABEZA, GILIPO-anyway

อย่างนั้นแหละคือสิ่งที่ฉันทำ

That it's what I do

or I'll be pottering around my kitchen, cooking and talking to myself about what I'm doing

หรือตอนที่อยู่ในครัว

ทำกับข้าว และพูดกับตัวเอง

ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่

and

และคุณก็เริ่มเรียนรู้กับความผิดพลาดกับตัวเอง

you will start to notice your own errors, specially when you hear yourself speaking out loud

โดยเฉพาะเมื่อคุณได้ยินเสียงที่คุณพูดออกมาดังๆ

Once you are comfortable speaking out loud to yourself in private in that additional language

เมื่อคุณพร้อมที่จะพูดออกมาดังๆ

กับตัวเองในภาษาที่เรียน

ก้าวต่อไปกับการเริ่มตันที่จะคิด

Move on to starting to think

ตอนนี้ฉันคิดว่าการพูดควรมาก่อนการคิด

Now, I think speaking should come before thinking

But that's just my opinion, everybody learns in different ways

แต่นั้นเป็นแค่สิ่งที่ฉันคิด

ทุกคนเรียนในคนละแบบ

I personally think it's easier to spot errors and get comfortable when you are speaking out loud

สำหรับฉันคิดว่าเป็นง่ายที่จะหาข้อผิดพลาด

และสะดวกถ้าพูดออกมาดังๆ

Now, the speaking out loud, we should do in private

แค่พูดออกมาดังๆ

คุณอาจจะทำในที่ส่วนตัว

แต่สำหรับฉัน

but the thinking I want you to do it everywhere

ฉันอยากที่จะทำมันในทุกๆที่เลย

on the bus, seeing what goes past

ในรถเมล์ ดูว่ามีอะไรผ่านไปบ้าง

ฉันจำได้ว่าเคยทำวิดิโอหนึ่ง

it can relate to the video I made on how to learn and remember vocabulary which you can watch up here

เกี่ยวกับทำอย่างไรให้ทำคำศัพท์ได้

ซึ่งคุณก็ไปหาดูได้

it's a useful method where you observe everything around you check if you see if you know it in your own chosen language

มันมีประโยชน์

ที่คุณมองสิ่งต่างๆรอบตัวคุณ

แล้วก็ดูหากคุณรู้จักคำศัพ์นั้นในภาษาที่คุณกำลังเรียน

the full explanation it's in the video and some people have found that really really useful

มีคำอธิบายเต็มไปหมดในวิดิโอ

บางคนเห็นว่ามันมีประโยชน์

I know I found it useful

ฉันรู้ ฉันก็ว่ามันมีประโยชน์

see if you can apply using a monolingual dictionary to that video

ลองดูนะ หากคุณใช้พจนานุกรมภาษาเดียว

แต่ในวิดิโอนั้น

think I recommend using a bilingual one, see if you can do it with an English dictionary

ฉันแนะนำให้ใช้อันที่เป็นสองภาษานะ

ลอง หากคุณทำมันได้โดยใช่พจจนานุกรมภาษาอังกฤษ

yeah, so by thinking in English and I'm talking about

ช่ายย โดยการคิดในภาษาอังกฤษ

เช่น การอธิบายบุคคล

you know describing people, if you see someone walking think to yourself

เมื่อคุณเห็นใครกำลังเดิน

นึกในใจ ชายคนนั้นกำลังเดิน

"That man is walking" "He is walking down the street"

เขากำลังเดินไปตามถนน

หรือแค่นึกถึงการกระทำของตนเอง

or just go in through your motions

"I'm getting off the bus" "I'm going to go to the shops"

ฉันกำลังลงจากรถเมล์

ฉันกำลังเดินไปซื้อของ

in your head

ในสมอง

you are just starting to immerse yourself in the language

คุณแค่เริ่มที่ immerse(ใช้เวลา)ตัวเองในภาษานั้นๆ

Ah! That beautiful word! Immerse

ฮ่า เป็นคำที่สวยงาม immerse

to immerse yourself

ใช้เวลากับตัวเอง

ไปกันที่ข้อ 5

Brings me on to point number five which is

อะไรคือการใช้เวลากับตัวเอง

immersion

และนั้นเป็นคำที่ฉันชอบมาก

and that's actually one of my favorite words

I know I have a lot of favorite words but

ฉันรู้ คุณก็มีคำที่คุณชอบ

แต่ immersion, immersion อื้ม เป็นคำที่ดี

immersion

immersion

mmm

that's nice, that's a nice word

มันเป็นคำที่ดี

So immersion is something that you should be doing throughout your learning experience

ดังนั้นการใช้เวลากับตัวเองเป็นสิ่งที่คุณควรทำ

ตลอดประสบการณ์การเรียนรู้

and it's something that you can do whilst multitasking

เเละเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้พร้อมๆกัน

which is one of my favorite things

นั้นคือสิ่งที่ฉันชอบ

So, when I'm doing something that doesn't require a hundred percent concentration

ดังนั้นเมื่อฉันทำอะไรสักอย่าง

ที่ไม่ต้องใช้ความตั้งใจ 100%

เช่นทำกับข้าวหรือทำความสะอาด

Like cooking or cleaning

I always have something on in the background

ฉันมักทำสิ่งนี้ให้เป็นพื้นฐานเสมอ

Cleaning, cooking, washing the car, gardening, whatever

ทำความสะอาด ทำกับข้าว ล้างรถ ทำสวน หรืออะไรอื่นๆ

whatever any task that allows you to listen to something else at the same time as doing something else

งานที่ทำให้คุณสามารถไปทำสิ่งอื่นๆได้

ในขณะที่ทำสิ่งๆหนึ่งอยู่

Have something on in that language in the background

แล้วก็ให้การเรียนภาษาเป็นการกระทำหลัก

I know I'm saying it as if it's revolutionary but really don't forget to do it

ฉันรู้ว่ามันเป็นการปฏิวัติ

แต่จริงๆนะ อย่าลืมทำมัน

I know you can waste so much time and miss out on so much learning

ฉันรู้ว่ามันต้องใช่เวลาจำนวนมาก

และพลาดในการเรียนรู้สิ่งอื่นๆ

By, by having it on in the background and not even listening you will be getting used to pronunciation and accents

โดยให้การเรียนภาษาเป็นการกระทำหลัก

และไม่ใช่แค่ฟังอย่างเดียว

คุณต้องฝึกออกเสียงและสำเนียงด้วย

by listening and concentrating on what they are saying you will be familiarizing yourself with certain grammar

โดยการฟังอย่างตั้งใจในสิ่งที่เขากำลังพูด

คุณจะมีความคุ้นเคย

กับแกรมม่า

different vocabulary but also you will notice where you are lacking

คำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย

และคุณจะได้จำในสิ่งที่คุณบกพร่อง

So, if you listen to a radio program about

ดังนั้น ถ้าคุณฟังรายการวิทยุเกี่ยวกับ

ฉักมักพูดว่า Photography

จะพูดยังไงดี

so if you listen to a radio program about politics for example

ดังนั้น ถ้าคุณมีโอกาสฟังรายการวิทยุเกี่ยวกับการเมือง

ตัวอย่าเช่น

เป้าหมายล่าสุดของฉันคือทำได้ทุกวัน

My last point is make it daily

Focus on frequency and consistency

มุ่งเป้าไปที่ความถี่และความแน่วแน่

Okay, I always say to my students that twenty minutes a day of high quality

ฉันพูดกับนักเรียนของฉันเสมอ

ว่า 20 นาทีแห่งคุณภาพ

Not even studying, just language acquisition

ไม่ใช่เป็นการเรียน

แค่เป็นการเข้าใจในภาษา

การเข้าใจในภาษา

บางครั้งฉันก็ประหลาดใจตัวเอง

I sometimes surprise myself with the words that come out of my mouth

กับคำศัพท์ที่ออกมาจากปากของฉัน

ใช้เวลา 20 นาที่ในแต่ละวันกับภาษาอังกฤษ

Twenty minutes a day of high quality English time

There we are, that sounds more like something Lucy would say

อย่างเช่น

เสียงเหมือนบางอย่างที่ลูซี่จะพูด

it's much much much more valuable

ดูมีประโยชน์กว่ามาก มาก มาก

ถ้าใช้มากกว่า 140 นาที ใน 1 วัน

than a hundred and forty minutes all in one day

So,

ดังนั้นใส่ใจกับมัน

Make the general immersion and the thinking and the speaking to yourself

และคิดและพูดกับตัวเอง

something that you do throughout your day, make it part of your routine

เกี่ยวกับสิงที่คุณทำทั้งวัน

ทำให้เป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน

Make it become automatic to you

ทำให้มันเป็นอัตโนมัติ

You know I sometimes now go for an hour thinking in Spanish

บางครั้งฉันยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการคิดภาษาสเปนเลย

or you know thinking out loud in my head in Spanish and then I realize and I go

คิดดังๆในหัวเป็นภาษาสเปน

เมื่อเข้าใจแล้วเอาไปใช้

God!

พระเจ้า ฉันเคยพูดภาษาสเปนช่วงเวลาหนึ่งเลยล่ะ

You know, I just said something, I've just been speaking Spanish the whole time

and it is because I do it so often it becomes automatic

เพราะว่าฉันทำมันบ่อยจนเป็นอัตโนมัติไปแล้ว

Then

จากนั้นก็ปรับแต่งเล็กน้อย

the little tweaks and the little kind of self-help part that you are doing at the end

ปรับแต่งด้วยตัวเองเพียงเล็กน้อย

นั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องทำในตอนท้าย

which is

ซึ่งเป็นการหาคำจำกัดความของคำ

you know, searching definitions for words

working on the grammar that you've identified that you are lacking in

ศึกษาไวยากรณ์ที่คุณต้องการจะรู้

ที่คุณยังไม่รู้

or attempting to expand your vocabulary

หรือที่คุณพยายามจะอธิบายความหมายของคำ

that should be short and should be daily

ซึ่งควรจะกะทัดรัดและควรทำเป็นประจำทุกวัน

Right guys, as always I want to know your opinions

ใช่แล้ว ทำสม่ำเสมอ

ฉันอยากรู้เกี่ยวกับความคิดของพวกคุณ

คุณทุกคนมีความคิดที่ชาญฉลาดอยู่แล้ว

you guys are a bunch of extremely intelligent minds and

I love, I love hearing your recommendations

และฉันอยากได้ยินเกี่ยวกับความคิดเห็นของคุณ

and I apply them to my daily life as well

และอยากประยุกต์ใช้มันในชีวิตประจำวัน

จึงอยากที่จะรู้ว่ามีอะไรบ้างที่คุณใช้

So, I'd love to know something that helped you stop translating into your native language

หยุดการแปลในสมองของคุณ

I'm sure you've got lots to share

ฉันมั้นใจว่าคุณได้แชร์แล้วเป็นจำนวนมาก

In my other video where I asked you how many languages you speak

ในวิดิโออื่นๆของฉัน ฉันเคยถามคุณ

ว่าคุณพูดได้กี่ภาษา

Some of you speak like seven languages which is unbelievable

บางคนพูดได้ถึง 7 ภาษา

ซึ่งเหลือเชื่อ

and really awesome really impressive

เจ๋งสุดๆ โคตรน่าประทับใจ

ภูมิใจที่มีนักเรียนอย่างพวกคุณจัง

honored to have a group of students like you guys

Yes, so please share your recommendations and your experience

แต่ช่ายยย ช่วยแสดงความคิดเห็นของพวกคุณ

และประสบการณ์ของพวกคุณในช่องคอมเม้นท์

In the comments below and also constructive criticism it's completely welcome

เราพร้อมเปิดรับทุกความคิดที่สร้างสรรค์

So if you don't agree with something I say, say it

ดังนั้น ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับที่คนอื่นพูด

แสดงความคิดออกมาได้ แต่แสดงในทางที่ดี

say it in a nice way, because I like everyone to be respectful here but

เพราะว่าฉันอยากได้คนที่มีเคารพผู้อื่นที่นี่

แต่ฉันไม่ใช่เจ้าแม่ภาษาอังกฤษหรอกนะ

I'm not the goddess of English

what I say doesn't go

สิ่งที่ฉันพูดอาจไม่ได้รับการยอมรับ

but I really do hope that I helped you

แต่ฉันหวังว่าฉันจะสามารถช่วยเหลือคุณได้

and that's it for the video today

นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับวิดิโอนี้

Don't forget to check out Lingoda and see if it's for you

อย่าลืม สมัครบัญชีกับ Linoda

และเข้าไปดูถ้าคิดว่ามันเหมาะกับคุณ

The link is in the description box with my code ENGLUCY6

ลิ้งค์ต่างๆอยู่ในช่องอธิบาย

กับโค๊ตของฉัน ENGLUCY6

and don't forget to connect with me on all of my social media

แล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกัน

คุยได้ในโชเชียลมีเมียทุกช่องทาง

I've got my Facebook, my Instagram and my Twitter

ฉันใช้ Facebook Instagram Twitter

I will see you soon for another lesson

แล้วฉันกะกลับมาอีกครั้งกับบทเรียนต่อๆไปนะ จุ๊บๆ