David S. Rose: 10 things to know before you pitch a VC for

Translator: Suwitcha Chandhorn Reviewer: Araya Poomsaringkarn

Good morning.

สวัสดีครับ ผมชื่อเดวิด โรส

My name is David Rose.

I am a serial entrepreneur turned serial investor.

ผมเป็นผู้ประกอบการต่อเนื่องที่ผันตัวมาเป็นนักลงทุนต่อเนื่อง

And by the use of pitching PowerPoints to VCs,

และด้วยการนำเสนอผู้ร่วมลงทุน (Venture Capitals) ด้วย PowerPoints

ผมสามารถหาเงินได้นับสิบๆล้านเหรียญ

I have personally raised tens of millions of dollars

from VCs through PowerPoint pitches.

จากผู้ร่วมลงทุนด้วยการนำเสนอ PowerPoint ดังกล่าวนี้

And turning to the other side of the equation,

และในทางกลับกัน

I've personally supervised the investment of tens of millions of dollars

ผมก็ดูแลการลงทุน

มูลค่านับสิบล้านเหรียญในบริษัทต่างๆ

into companies who have pitched me with PowerPoint presentations.

ที่เข้ามานำเสนอกับผมด้วย PowerPoint เช่นกัน

เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าน่าจะไม่ดป็นอะไรที่จะบอกว่าผมก็พอมีความรู้บ้าง

So I think it's safe to say

I know a little bit about the process of pitching.

เกี่ยวกับขั้นตอนในการนำเสนอ

เพราะฉะนั้น คำถามแรกที่คุณควรจะคิดไว้

So, the very first question you've got to figure out is:

What is the single most important thing that a VC is looking for

คือ อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด

ที่ผู้ร่วมลงทุนจะมองหา เมื่อคุณไปหาพวกเขา

when you come to them pitching your new business idea?

เพื่อนำเสนอไอเดียธุรกิจใหม่ของคุณ?

There are obviously all kinds of things --

และที่แน่นอน มันมีหลายอย่างมาก

business models and financials and markets and this and that.

เช่น โมเดลในการทำธุรกิจ และแผนการเงิน

และเรื่องการตลาด

และโน่นนั่นนี่ โดยรวมแล้ว จากทุกสิ่งอย่างที่คุณต้องทำ

Overall, of all the things that you have to do,

what is the single most important thing

อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้ร่วมลงทุน

the VC is going to be investing in?

ตัดสินใจลงขัน?

Somebody? What?

ใครนะ? ว่าอย่างไรนะ?

Audience: People!

ผู้ชมตอบ "คน"

David Rose: People! You! That's it -- you are the person.

คน? คุณ! ใช่เลย คุณคือคนนั้น

และเพราะฉะนั้น จุดประสงค์ทั้งหมดในการนำเสนอต่อผู้ร่วมลงทุน

Therefore, the entire purpose of a VC pitch is to convince them

คือทำให้พวกเค้าเชื่อว่า คุณเป็นผู้ประกอบการ

that you are the entrepreneur in whom they are going to invest their money

ที่พวกเขาจะลงทุนด้วยเงินของเขา

and make a lot of money in return.

แล้วทำกำไรได้มหาศาลกลับคืนไป

Now, how do you do this?

เอาล่ะ, แล้วคุณจะทำยังไง?

You can't just walk up and say,

คุณคงไม่แค่เดินเข้าไปแล้วบอกว่า, แบบว่า,

"Hi, I'm a really good guy, good girl, and you should invest in me." Right?

"สวัสดีครับ ผมเป็นคนดีจริงๆนะ ดิฉันเป็นคนดี

และคุณก็ควรจะลงทุนกับผมจริงๆ" ใช่ไหม?

ในช่วงเวลาที่คุณนำเสนอต่อผู้ร่วมลงทุน คุณจะมีเวลาแค่ไม่กี่นาที

So in the course of your VC pitch -- you have a very few minutes;

most VC pitches, angel pitches, are about 15 minutes,

และในการนำเสนอต่อผู้ลงทุนทั่วๆไป

สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย (Angel Investors) ก็แค่ประมาณ 15 นาที

most should be less than half an hour --

และผู้ลงทุนทั่วไปก็ควรจะต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง

people's attention span, after 18 minutes, begins to drop off.

ความสนใจของคนเรามักจะตกลงหลังจากเริ่มไปได้ 18 นาที

มีการทดสอบยืนยันให้เห็น

Tests have shown.

ดังนั้นใน 18 นาทีนั้น, หรือแค่ 10 นาที หรือห้านาที,

So in that 18 or 10 or five minutes,

you have to convey a whole bunch of different characteristics,

คุณจะต้องแสดงคุณลักษณะที่หลากหลาย

about 10 different characteristics,

ที่จริงแล้วคุณต้องแสดงถึงสิบลักษณะ

while you're standing up there.

เมื่อคุณยืนอยู่บนนั้น

อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องแสดงออกมาก่อน?

What's the single most important thing you've got to convey? What?

อะไรนะ?

Audience: Integrity.

ผู้ชมตอบซ ความซื่อสัตย์

DR: Boy, oh boy, oh boy!

ใช่ โอ้ ใช่เลย! และนั่นคือคำตอบที่ตรงที่สุดที่เราได้

That's a straight line, look at that!

จากตรงนั้น ผมไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำ

And I didn't even prompt him.

Right, integrity. The key thing.

ถูกต้อง ความซื่อสัตย์ เพราะนั่นคือสิ่งจำเป็น

I would much rather invest in, take a chance on,

ผมเลือกที่จะลงทุนกับคนที่, รู้ไหม,

ยอมเสี่ยงกับคนที่ผมรู้ว่าเป็นคนตรงไปตรงมา

somebody who I know is straight than where there's any possible question

มากกว่าคนอื่นที่ผมอาจยังมีคำถามอยู่

เช่น แบบว่า, พวกเขากำลังมองหาใคร,

of who are they looking out for, and what's going on.

และ เกิดอะไรขึ้น

So the most important thing is integrity.

เพราะฉะนั้น เรื่องสำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์

แล้วอะไรคือสิ่งที่สำคัญรองลงมาจากความซื่อสัตย์?

What's the second most important thing?

ลองดูสิว่าคุณจะตอบข้อนี่ได้ไหม?

Let's see if you can get this one.

ผู้ชมตอบ: ความมั่นใจในตัวเอง

Audience: Self-confidence.

DR: Close enough. Passion.

ใกล้เคียง! ความคลั่งไคล้ไหลหลง

Right? Entrepreneurs, by definition, are people who are leaving something else,

ใช่ ในที่นี่คุณต้องการ --

ผู้ประกอบการ หมายถึงคน

ที่ทิ้งบางสิ่งบางอย่างมา เพื่อเริ่มต้นใหม่ที่นี่

starting a new world, creating and putting their lifeblood into this thing.

สร้างสรรค์และทุ่มเทชีวิตจิตใจให้สิ่งนี้

You've got to convey passion.

คุณต้องแสดงถึงความคลั่งไคล้

If you're not passionate,

ถ้าคุณไม่คลั่งไคล้ในบริษัทของคุณ

why should anyone else be, or put money into your company

แล้วทำไมคนอื่นจะต้องไปคลั่งไคล้ไปกับมันด้วย?

เขาจะเพิ่มเงินเข้าไปในบริษัทของคุณทำไม

if you're not passionate about it?

ถ้าคุณไม่หลงไหลในสิ่งที่คุณทำฦ

ดังนั้นความซื่อสัตย์และความหลงไหลในสิ่งที่ทำ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

Integrity, passion: the most important things.

Then there's a whole panoply of other things you've got to wrap up

จากนั้นก็มีเกราะป้องกันของสิ่งต่างๆ

ที่คุณต้องทำเพื่อห่อหุ้มการนำเสนอนี้

in this package you're presenting to a VC.

ที่คุณจะนำเสนอต่อผู้ร่วมลงทุน

Experience: you've got to be able to say,

ประสบการณ์

คุณต้องสามารถบอกได้ว่า "นี่ รู้ไหม ผมเคยทำมันมาแล้วก่อนหน้า"

"Hey, you know, I've done this before."

และ "ทำมาแล้ว" หมายถึงสร้างกิจการและเพิ่มมูลค่า

"Done this before" is starting an enterprise, creating value,

และทำบางอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ

and taking something from beginning to end.

เพราะนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผู้ร่วมลงทุน ชอบที่จะให้เงินกับผู้ประกอบการต่อเนื่อง

That's why VCs love to fund serial entrepreneurs --

even if you didn't do it right the first time,

เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำถูกในตอนแรก

you've learned the lessons, which puts you in good stead the next time.

คุณก็ได้รู้บทเรียนที่จะช่วยให้

คุณยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในคราวต่อไป

และควบไปกับสิ่งนั้น ควบไปกับประสบการณ์

Along with the experience of starting an enterprise or running something --

ของการเปิดบริษัท หรือดำเนินการบางอย่าง

doesn't have to be a business,

และมันไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นธุรกิจ

มันอาจจะเป็นองค์กรที่โรงเรียน

it can be an organization in a school, a not-for-profit.

มันอาจจะเป็นสิ่งไม่หวังผลกำไร

แต่พวกเขาต้องการประสบการณ์ในการสร้างองค์กร

But experience in creating an organization.

ถัดมาคือ ความรู้

Next: knowledge.

ถ้าคุณบอกผมว่า คุณกำลังจะเป็น

If you tell me

you're going to be the developer of the map of the human genome,

นักพัฒนาที่ยอดเยี่ยมในแผนที่ของพันธุกรรมมนุษย์

คุณก็ควรจะรู้ว่าพันธุกรรมมนุษย์คืออะไร

you better know what a human genome is; I want you to have expertise.

หมายความว่า ผมต้องการให้คุณมีความเชี่ยวชาญในด้านนั้น

I don't want somebody who says,

ดังนั้นผมไม่ต้องการใครบางคนที่พูดว่า

"I've got a great idea in a business I know nothing about.

"นี่ ผมมีไอเดียดีๆเกี่ยวกับธุรกิจที่ผมไม่รู้จัก

I don't know who the players are, what the market is like."

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคู่แข่ง

ผมไม่รู้ว่าตลาดเป็นยังอย่างไร"

You've got to know your market, your area.

ดังนั้นคุณต้องรู้จักตลาดของคุณ

คุณต้องรู้ขอบเขตของคุณ

และคุณต้องมีทักษะที่ต้องใช้

And you have to have the skills that it takes

เพื่อให้บริษัทไปได้รอด

to get a company going.

และทักษะเหล่านั้นต้องรวมไปถึงทุกสิ่งอย่าง จากทักษะทางเทคนิค

Those skills include everything from technical skills

if it's a technology business,

ถ้ามันเป็นธุรกิจไฮเทค ไปจนถึงการตลาดและงานขาย

to marketing and sales and management and so on.

และการบริหาร และอื่นๆที่จำเป็น

But, you know, not everybody has all these skills.

แต่ รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่มีทักษะเหล่านี้ครบถ้วน

Very few people have the full set of skills it takes to run a company.

มีคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีทักษะทั้งหมดนี้

ที่จะใช้ในการดำเนินงานของบริษัท

What else do you require? Well, leadership.

เพราะฉะนั้นอะไรอีกที่คุณต้องมี?

ใช่เลย, ความเป็นผู้นำ

You've got to be able to convince us that you either have developed a team

คุณต้องสามารถที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่า

คุณได้พัฒนาทีมงาน

that has all those factors in it, or else you can.

ที่มีปัจจัยทั้งหมดที่ว่ามาในตัว หรือไม่ก็คุณนั่นแหละที่ทำได้

And you have the charisma and the management style

และคุณมีคุณสมบัติน่าดึงดูดใจ และสไตล์การบริหาร

and the ability to get people to follow your lead,

และความสามารถที่จะทำให้คนเหล่านั้นทำตามที่คุณต้องการ

to inspire them, to motivate them to be part of your team.

สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นพวกเขาให้เป็นส่วนหนึ่งของทีม

Having done all that,

หลังจากได้ทำทั้งหมดที่เกล่ามาแล้ว

what else do I want to know as a VC?

อะไรอีกที่ผมต้องการจะรู้ในฐานะผู้ร่วมลงทุน?

I want to know that you have commitment.

ผมต้องการจะรู้ว่าคุณมีความมุ่งมั่น

That you are going to be here to the end.

ที่จะทำงานนี้จนจบ

I want you to say -- or I want you to convey --

ผมอยากบอกคุณว่า หรือผมต้องการให้คุณสื่อให้เห็น

that you are going to die if you have to, with your very last breath,

ว่าคุณจะตายถ้าจะเป็น ด้วยลมหายใจสุดท้ายของคุณ --

ด้วยเล็บจิกพื้นในขณะที่มีคนลากคุณออกไป

your fingernails scratching as they draw you out.

คุณจะไม่ทำให้เงินของผมสูญเปล่า

You'll keep my money alive and make more from it.

และคุณจะทำเงินของผมให้งอกเงยมากขึ้นด้วย

I don't want someone who'll cut and run at the first opportunity.

เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องการคนที่จะวิ่งหนี

ในครั้งแรกที่มีโอกาส

เพราะเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นเสมอ

ไม่เคยมีบริษัทไหนที่ได้รับทุนจากนักลงทุน

Bad things happen.

There's never been a venture-funded company where bad things didn't happen.

แล้วไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นมาก่อน

ดังนั้นผมต้องการรู้ว่าคุณจะรับผิดชอบที่จะอยู่ทำงาน

So know that you're committed to the very end.

จนเรื่องมันจบ

You've got to have vision to see where this is going.

คุณต้องมีวิสัยทัศน์

คุณต้องสามารถมองเห็นว่าอะไรจะไปทางไหน

I don't want another "me too" product.

ผมไม่ต้องการผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบอีกชิ้น

ผมต้องการคนที่รู้จริง คนที่จะสามารถเปลี่ยนโลกได้

I want somebody who can change the world out there.

But on top of that, I need realism,

แต่นอกเหนือจากนั้นผมต้องการการมองโลกตามจริงด้วย

Because while changing the world is great, it doesn't always happen.

เพราะผมต้องรู้ว่าคุณรู้ว่า

ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงของโลกนั้นสุดยอด มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ

And before you get to change the world,

และก่อนที่คุณจะไปเปลี่ยนโลก

bad things are going to take place;

เรื่องแย่ๆก็มักจะเข้ามาป่วน

you have to deal with that.

และคุณก็จะต้องรับมือกับมันให้ดี

And you have to have rational projections.

และคุณต้องมีการวางแผนอย่างสมเหตุสมผลและมีการเตรียมพร้อม

Finally, you're asking for my money --

และสุดท้าย คุณกำลังขอเงินผม

not just because it's my money, but because it's me.

ไม่ใช่เพียงเพราะมันเป็นเงินของผม แต่เพราะเป็นผม

คุณต้องเป็นคนที่ว่าง่าย

You need to be coachable.

ผมต้องรู้ว่าคุณมีความสามารถในการฟัง

I need to know you have the ability to listen.

We've had a lot of experience.

เรามีประสบการณ์มากมาย

People who are VCs or angels investing in you have had experience,

คนที่เป็นผู้ร่วมลงทุน ที่ให้ทุนกับคุณ

มีประสบการณ์ และพวกเขาต้องการที่จะรู้ว่า

and they'd like to know that you want to hear that experience.

คุณอยากรับฟังประสบการณ์เหล่านั้น

โอเค แล้วคุณจะสื่อ 10 อย่างที่ว่ามานี้ใน 10 นาที

So how do you convey these 10 things in 10 minutes without saying them?

โดยไม่พูดพร่ำเพรื่อได้อย่างไร?

You can't say, "I've got integrity, invest in me!"

คุณคงไม่บอกว่า "นี่ ผมเป็นคนซื่อสัตย์

ลงทุนกับผมนะ!" ใช่ไหม?

คุณต้องทำการนำเสนอที่บอกถังสิ่งต่างๆเหล่านี้

You've got to do a whole pitch that conveys this without conveying it.

โดยไม่โจ่งแจ้งเกินไปนัก

Think about your pitch as a timeline.

เพราะฉะนั้นคิดว่าการนำเสนอของคุณเป็นเส้นเวลา

มันเริ่มขึ้นเมื่อ คุณเดินเข้ามาทางประตู

It starts off, you walk in the door.

พวกเขาไม่รู้อะไรเลย อะไรก็ตาม เกี่ยวกับตัวคุณ

They know nothing whatsoever about you.

และคุณสามารถทำให้พวกเขาเคลิ้มได้

You can take them on an emotional -- all pitches, all sales presentations,

การนำเสนอ หรือการเสนอขายทุกครั้ง เกี่ยวพันกับอารมณ์ในบางระดับ

are emotional at some level.

คนเรามันก็มีขึ้นๆลงๆได้บ้าง ใช่ไหม?

You can go up, you can go down, right?

และมันก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ

And it goes from beginning to end.

You walk in, the first thing you've got to do,

คุณเดินเข้าไปทางประตู สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำ --

the overall arc of your presentation, it's got to start like a rocket.

โดยรวม รู้ไหม โค้งของการนำเสนอของคุณ --

มันต้องเริ่มเหมือนจรวด

คุณมีเวลาแค่ 10 วินาที -- ระหว่าง 10 ถึง 30 วินาที

You've got maybe 10 seconds --

between 10 and 30 seconds, depending on how long the pitch is --

ขึ้นอยู่กับเวลาในการนำเสนอทั้งหมด -- ที่จะดึงความสนใจของพวกเขา

to get their attention.

In my case, I've invested.

ในกรณีของผม: "ผมเคยลงทุน ผมเคยได้เงินเป็นสิบๆล้านเหรียญ

I've gotten millions of dollars from PowerPoint pitches.

จากการนำเสนอด้วย PowerPoint

และผมก็เคยลงทุนไปเป็นสิบๆล้านเหรียญแล้ว"

"I've invested millions." That should get you right there.

แค่นั้นเอง ที่จะนำคุณไปได้ถูกที่ถูกทาง

This can be a fact or something counterintuitive.

มันอาจจะเป็นปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง และทุกคนสามารถพูดได้ว่า

มันเป็นการตอบโต้ตามสัญชาติญาณ มันอาจจะเป็นเรื่องราว มันอาจจะเป็นประสบการณ์

It can be a story or an experience.

But you've got to grab their emotional attention, focused on you,

แต่คุณจะต้องจับอารมณ์ของพวกเขาให้ได้ ให้เขาสนใจคุณ

ภายในไม่กี่วินาทีแรก

within that first few seconds.

And then from there, you've got to take them

และจากตรงนั้น คุณต้องนำพวกเขาไปยัง

on a very solid, steady, upward path, right from beginning to end.

หนทางที่แข็งแรง มั่นคง สูงขึ้นไป จากตอนแรกถึงตอนจบ

Everything has to reinforce this.

และทุกสิ่งทุกอย่างต้องเสริมสร้างสิ่งนี้

And you've got to get better and better and better,

และคุณจะต้องดีขึ้น และดีขึ้น และดีขึ้น และดีขึ้น

revving up to the very end,

และมันต้องดีขึ้นไปเรื่อยๆจนท้ายสุด

then you've got to -- boom! --

และท้ายที่สุด คุณต้อง -- บูม! ดึงพวกเขาเข้ามา

knock them out of the park.

ให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมาย

You want to get them to such an emotional high

คุณต้องทำให้พวกเขาอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้นมากๆ

พอที่พวกเขาจะพร้อมเซนต์เช็ค -- ขว้างเงินใส่หน้าคุณ --

they're ready to write you a check, throw money at you,

ทันทีก่อนที่คุณจะกลับออกไป

before you leave.

How do you do that?

โอเค แล้วคุณจะทำงั้นได้อย่างไร?

First of all, logical progression.

เอิ่ม อย่างแรกเลยก็คือ การไปข้างหน้าอย่างสมเหตุสมผล

Any time you go backwards, any time you skip a step --

ทุกครั้งที่คุณถอย ทุกครั้งที่คุณข้ามสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป

ลองนึกถึงการเดินขึ้นบันไดที่บางขั้นหายไป

imagine walking up a staircase where some of the treads are missing,

หรือความสูงของมันไม่เท่ากันดูสิ

or the heights are different.

คุณหยุด คุณต้องคิดให้ออก

You stop, you need to figure out a nice, logical progression.

คุณต้องการลำดับการเดินเรื่องที่มีเหตุมีผล

Start with what the market is: Why are you going to do X, Y or Z?

เริ่มจากเล่าให้พวกเขาฟังว่าตลาดคืออะไร

ทำไมคุณจะต้องทำ X, Y หรือ Z

และคุณจะต้องบอกผมว่าจะทำมันอย่างไร

And then you've got to tell me how you're going to do it,

และคุณกำลังจะทำอะไร จะทำมันอย่างไร

and what you're going to do.

And it's got to flow from beginning to end.

และทั้งหมด มันจะต้องลื่นไหลไปตั้งแต่ต้นยันจบ

You've got to let me know there are touchstones,

คุณต้องทำให้ผมรู้ด้วยว่ามีเกณฑ์ในการวัด

to tie in to the rest of the world out there.

คุณต้องการให้สอดคล้องกับพวกที่เหลือในโลกภายนอก

For example, reference companies I've heard of,

ตัวอย่างเช่น

ถ้าคุณอ้างถึงบริษัทที่ผมเคยได้ยิน

or basic items in your business.

หรือสิ่งพื้นฐานใดๆในธุรกิจของคุณ

ผมต้องการรู้เกี่ยวกับมัน สิ่งที่ผมสามารถเชื่อมโยงได้

I want to know about things that I can relate to:

validators, or anything that tells me somebody else has approved this,

ผู้ตรวจสอบ หรืออะไรก็ได้ที่บอกผมว่ามีคนอื่นรับรองสิ่งนี้

or there's outside validation.

หรือมีการตรวจสอบจากภายนอก

It can be sales; it can be you got an award for something;

มันอาจจะเป็นยอดขาย มันอาจจะเป็นรางวัลที่คุณได้จากการทำอะไรบางอย่าง

it can be people have done it before;

มันอาจจะเป็น คนเคยทำมันสำเร็จมาก่อนแล้ว

it can be your beta tests are going great, whatever.

มันอาจจะเป็นรุ่นทดสอบที่ไปได้สวย

อะไรก็ได้ ผมอยากรู้การตรวจสอบที่สมเหตุสมผล

I want to know validation -- not just what you're telling me,

ว่าสิ่งที่คุณกำลังบอกผม ไม่ใช่เป็นแค่สิ่งที่คุณกำลังบอกผม

แต่ใครบางคน หรืออะไรบางอย่างข้างนอกนั่น

but that somebody or something else out there

says this makes sense.

บอกด้วยว่าเรื่องนี้ถูกต้อง

And then, I'm looking for the upside; I need a believable upside.

และหลังจากนั้น เพราะผมกำลังมองหาผลประโยชน์ที่นี่

ผมต้องมีผลประโยชน์ที่เชื่อได้

และนั่นแบ่งเป็น 2 ส่วน

That's two parts; it's got to be upside and believable.

มันต้องเป็นผลประโยชน์ และมันต้องเชื่อได้ด้วย

ผลประโยชน์หมายถึงถ้าคุณบอกผมว่าคุณกำลังจะ

The upside means if you tell me that five years out,

ทำธุรกิจในอีกห้าปีข้างหน้า ที่จะทำเงินล้านเหรียญต่อปี

you're making a million dollars a year, that's not really upside.

อืม.. นั่นไม่ค่อยจะเป็นผลประโยชน์เท่าไร

Telling me you'll be making a billion dollars a year --

แต่การที่คุณบอกผมว่าคุณกำลังจะทำเงินร้อยล้านเหรียญต่อปี

มันก็เหลือเชื่อเกินไป

that's not believable.

ดังนั้นมันควรจะเป็นทั้งสองด้าน

So it's got to be both.

ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีหลายสิ่งที่ลดทอนความสนใจของผม

On the other hand are things that take the emotional level down.

ทำให้อารมณ์ผมวูบลง

และคุณต้องพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น

You have to recover from those.

นั่นรวมถึง ยกตัวอย่างเช่น ทุกสิ่งที่คุณบอกผม

For example, anything that I know is not true.

แล้วผมรู้ว่ามันไม่จริง

"เราไม่มีคู่แข่ง ไม่มีคนอื่น

"We have no competition. Nobody makes a widget like this."

ที่เคยทำเครื่องจักรชิ้นเล็กๆอย่างนี้มาก่อน"

มีโอกาสเป็นไปได้ที่ผมอาจจะรู้จักใครบางคนที่ทำเครื่องอะไรประมาณนี้

Odds are I know somebody who's made a widget,

และเมื่อคุณบอกผม -- บูม! รู้ไหม

and the minute you tell me that,

I discount half of what you're saying from then on.

ผมจะลดความความน่าเชื่อถือของสิ่งที่คุณพูดตั้งแต่นั้นมาไปครึ่งหนึ่ง

Anything I don't understand,

อะไรที่ทำให้ผมต้องคิด อะไรที่ทำให้ผมไม่เข้าใจ

where I have to make the leap myself, in my own head,

ซึ่งทำให้ผมต้องคิดกลับไปกลับมาในหัว

will stop the flow of the presentation.

จะหยุดความลื่นไหลของการนำเสนอ

So you've got to take me through like a sixth-grader --

ดังนั้น คุณต้องสอนผมเหมือนผมเป็นแค่เด็กป.6

รัว รัว รัว รัว แต่อย่าทำให้ผมรู้สึกว่าโง่

dub, dub, dub -- but without patronizing me.

And it's a very tricky path.

และนั่นเป็นแนวทางที่ยากมากที่จะทำ

But if you can do it, it works really well.

แต่ถ้าคุณทำได้ มันจะเวิร์คเอามากๆ

Anything that's inconsistent within your concept --

อะไรก็ตามที่ขัดแย้งกับแนวความคิดของคุณ

ถ้าคุณบอกผมว่ายอดขายของ X, Y หรือ Z คือสิบล้านเหรียญ

if you tell me sales of X, Y or Z are 10 million dollars,

five slides later, they're five million dollars ...

แล้วสไลด์ถัดไป หรือ 5 สไลด์มันกลายเป็นห้าล้านเหรียญ

One may have been gross sales, one may have been net sales,

อืม.. อันนึงอาจจะเป็นยอดขายรวม

อีกอันอาจจะเป็นยอดขายหลังหักค่าใช้จ่าย

but I want to know that all the numbers make sense together.

แต่ผมต้องการรู้ว่าตัวเลขทั้งหมดสมเหตุสมผล เมื่ออยู่ด้วยกัน

And then, finally: anything that's an error or a typo,

และท้ายที่สุด อะไรก็ตามที่ผิด หรือสะกดผิด

or a stupid mistake or a line that's in the wrong place --

หรือจุดพลาดโง่ๆ หรือบรรทัดที่วางผิดที่

มันทำให้ผมเห็นว่าแค่ทำนำเสนอให้ดี คุณยังทำไม่ได้

that shows me that if you can't do a presentation, how can you run a company?

แล้วคุณจะทำบริษัทได้อย่างไร?

ทั้งหมดนี่ป้อนเข้าไปด้วยกัน

So this all feeds in together.

The best way to do this is to look at our betters,

โอเค วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำเรื่องนี้ก็คือลองดูจากเรื่องราวที่ดีๆ

people who have done this before.

ดูที่คนที่เคยทำมาก่อน

Let's look at the most successful technology executive in the business,

เพราะฉะนั้นเรามาดูผู้บริหารบริษัทไฮเทคที่ประสบความสำเร็จที่สุด

ในธุรกิจและดูวิธีนำเสนอของเขากันดีกว่า

and see how a presentation goes.

Bill Gates's PowerPoint presentation over here.

การนำเสนอ PowerPoint ของบิล เกตส์ อยู่ที่นี่

Here's Gates doing a thing for Windows.

นี่คือวิธีที่เกตส์ทำบางอย่างสำหรับ Windows

Is this how to do a PowerPoint presentation? What do you think?

นี่หรือคือวิธีที่คุณควรทำการนำเสนอด้วย PowerPoint?

คุณคิดว่าไงล่ะ?

ไม่ ใครที่คุณคิดว่าเราควรจะดูเป็นตัวอย่างล่ะ?

No. Who do you think we should look at as our role model?

Oh, isn't that funny! There's another great one over here.

โอ้ มันช่างน่าตลก! มีอีกคนที่ดีมากอยู่ตรงนี้

ใช่เหรอ? โอเค สตีฟ จ๊อบส์

OK, Steve Jobs.

You want absolute -- this is the Zen of presentation, right?

คุณต้องการความสมบูรณ์แบบ -- นี่คือ "เซน" ของการนำเสนอ ใช่หรือไม่?

Here he is, one little guy, black jeans and stuff,

นี่ไง คนตัวเล็ก ยีนส์สีดำ และกึ๋น

on a totally empty stage.

บนเวทีที่ว่างเปล่า

What are you focusing on?

คุณกำลังมองอะไร?

You're focusing on him! This is Steve Jobs.

คุณกำลังมองเขา! นี่คือสตีฟ จ๊อบส์

So are these wonderful long bullet points, whole list of things good?

เพราะฉะนั้น รู้ไหม ความยอดเยี่ยม --

รายการยาวเหยียดแสนมหัศจรรย์ ลิสต์ทั้งหมดทุกสิ่งอย่าง รู้ไหม -- เยี่ยม!

No, they're not. The long bullet points are bad.

ไม่ มันไม่ดี

รายการยาวเหยียดนั่นมันไม่ดี

What's good? Short. Short bullet points.

แล้วอะไรล่ะที่ดี? สั้น รายการสั้นๆไง

แต่คุณรู้ไหม?

But you know what? Even better than short bullet points are no bullet points.

ที่ดีกว่ารายการสั้นๆนั้นก็คือ ไม่มีรายการเลย

Just give me the headline.

แค่เขียนพาดหัวไว้ก็พอ

แล้วรู้ไหม?

And you know what?

สตีฟ จ๊อบใช้รายการหรือพาดหัวไปเท่าไร?

How many bullet points does Steve Jobs use?

Basically, none.

โดยพื้นฐานแล้ว ไม่ใช้เลย

What do you do?

เป็นคุณจะทำยังไง?

Best of all, images. Just a simple image.

ดีที่สุด: รูปภาพ แค่รูปง่ายๆ

I look at the image; a picture's worth a thousand words.

ผมมองไปที่รูป -- รูปเดียวแทนคำนับพัน

You look at the image and you've got the whole thing.

คุณมองดูภาพ และคุณก็เห็นทุกสิ่ง แล้วคุณก็ทิ้งสิ่งอื่นทั้งหมด

Then you come back to me; you're focused on me, why I'm such a great guy,

และกลับมาที่ผม

แล้วคุณก็เพ่งความสนใจมาที่ผม และคิดว่าทำไมผมถึงยอดเยี่ยมนัก

และทำไมคุณที่อยากลงทุนกับผม

why you want to invest, why this all makes sense.

และทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถึงสมเหตุสมผล

That said, we only have a very short time,

ดังที่ผมเคยได้บอกไว้ เรามีเวลาน้อยมากๆ

so let's run through the things to include in your presentation.

เพราะฉะนั้นเราลองมาทบทวนสิ่งที่คุณต้องมี

ในการนำเสนอของคุณ

First of all, none of these big, long-titled slides

อย่างแรก เริ่มด้วย ไม่ต้องมีสไลด์ที่พาดหัวใหญ่ๆ ยาวๆ

with blah, blah, I'm presenting to so-and-so on X date.

ด้วยอารัมภบทอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระ

และบอกผมว่าคุณกำลังนำเสนอ ในวันอะไร

I know the day, I know who I am -- I don't need all that.

ผมรู้วันที่, ผมรู้ว่าผมเป็นใคร, ผมรู้ว่าคุณกำลังนำเสนอ

ผมไม่ต้องการรู้อีก

Just give me your company logo.

แค่ให้ผมเห็นโลโก้บริษัทคุณ

I look at the logo, and it ties it to my brain.

ผมจะมองที่โลโก้ แล้วพยายามจำมันไว้ในหัวของผม

แล้วกลับมาที่คุณ มาสนใจคุณ โอเค?

Then I come back to you. I'm focused on you, OK?

You give me your quick, 15-second or 30-second intro, grab my attention.

คุณทำมัน คุณเริ่มนำเสนอโดยเร็ว

แนะนำตัวภายใน 15, 30 วินาที จับความสนใจผมให้อยู่

Then you give me a quick business overview.

แลพหลังจากนั้นคุณต้องบอกภาพรวมของธุรกิจย่อๆให้ผมฟัง

This is not a five-minute pitch. This is, you know, two sentences.

นี่ไม่ใช่การนำเสนอห้านาที แต่ รู้ไหม มันแค่สองประโยค

"เราสร้างเครื่องจักรสำหรับตลาด X, Y, Z"

"We build widgets for the X, Y, Z market."

หรือ "เราขายบริการที่จะช่วยให้ผู้คนทำ X" รู้ไหม อะไรประมาณนี้

Or, "We sell services to help do X." You know, whatever.

And that is like the picture on the outside of a jigsaw puzzle box.

และนั่นเปรียบเหมือนกับภาพภายนอกของกล่องตัวต่อปริศนา

That lets me know the context.

นั่นจะทำให้ผมรู้บริบท

It gives me the armature for the whole thing you'll be going through;

มันจะทำให้ผมรู้โครงสร้างสำหรับเรื่องทั้งหมด

ที่คุณกำลังจะนำเสนอ

และมันจะทำให้ผมเชื่อมโยงเรื่องอื่นทั้งหมดเข้าด้วยกันกับบางสิ่ง

it lets me put everything in relation to what you've told me.

ที่คุณได้บอกผมแล้ว

Then you've got to walk me through, show me who your management team is.

แล้วจากนั้นคุณก็ -- นำผมไป

ให้ผมเห็นทีมงานผู้บริหารของคุณ

มันช่วยได้ถ้าคุณมีประสบการณ์

และคุณเคยทำอะไรทำนองนี้มาก่อน

I want to know the size of the market. Why is this market worth getting at?

และผมต้องการรู้เรื่องตลาด -- ขนาดของตลาด

ทำไมตลาดนี้ถึงคุ้มค่าต่อการลงทุน?

I want to know your product, that's very important.

ผมต้องการรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ของคุณ และนั่นสำคัญมาก

Now, this is not a product pitch or sales pitch.

แต่นี่ไม่ใช่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่การเสนอขาย

ผมไม่ต้องการรู้นอกในทั้งหมด

รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับมันที่ลึกจนเกินไป

I don't want to know all the ins and outs, just what the heck is it?

ผมแค่ต้องการรู้ -- ว่านี่มันคืออะไร?

If it's a website, show me a screenshot of your website.

ถ้ามันเป็นเว็บไซต์ ให้ผมดูหน้าตาของมัน

รู้ไหม, ไม่ต้องทำให้ดูสดๆก็ได้

Don't do a live demo. Never do a live demo.

ไม่, ไม่ต้องทำให้ดูสดๆเลยจะดีกว่า

Do a canned demo, or something that lets me know

เอามันแห้งๆนี่แหละ หรือทำอย่างอื่นให้ผมรู้

why people are going to buy whatever it is.

ว่าทำไมใครๆจะต้องมาซื้อสิ่งนี้ด้วย

Now that I know what you're selling,

และผมต้องการรู้ -- ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณจะขายอะไร --

บอกผมว่าคุณจะทำเงินจากมันได้ยังไง

tell me how you make money on it.

For every X you sell, you get Y, or services of Z.

ทุกๆ X ที่คุณขาย คุณได้ Y, คุณให้บริการ Z

ผมต้องการรู้ว่าโมเดลธุรกิจคืออะไร

I want to know what the business model is on a per-unit basis,

บนหลักต่อหน่วย หรือสำหรับสินค้าเป็นชิ้น

or for the actual product you're selling.

ที่คุณจะขาย

I want to know who you're selling to in terms of customers

ผมต้องการรู้ว่าคุณจะขายสิ่งนี้ให้้ใคร

ใครคือลูกค้า

และผมต้องการรู้ว่าคุณมีความสัมพันธ์ใดๆ

and if you have any special relationships that will help you,

ที่จะช่วยคุณเป็นพิเศษหรือเปล่า

ไม่ว่าคุณจะมีความสัมพันธ์ในการจัดจำหน่ายกับใคร

whether it's a distribution relationship or a producing partner.

รู้ไหม, คุณมีพันธมิตรเป็นผู้ผลิต หรือ รู้ไหม

Again, validation.

อีกที, การรับรองความถูกต้อง

นี่จะช่วยบอกว่าคุณใหญ่โตกว่าแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

This helps to say you're bigger than just one little thing over here.

But everybody has competition.

แต่ทุกคนมีการแข่งขัน

There's never been a company with no competition,

ไม่เคยมีบริษัทใด

ที่ไม่มีการแข่งขัน

ถึงแม้ว่าการแข่งขันนั้นจะเป็นวิถีเก่าๆในการทำบางสิ่งบางอย่าง

even if the competition is the old way of doing something.

I want to know exactly what your competition is,

ผมต้องการรู้ชัดๆว่าการแข่งขันของคุณคืออะไร

และนั่นจะช่วยให้ผมตัดสินได้

and that will help me judge how you fit into the whole operation.

ว่าคุณจะดำเนินการอย่างเหมาะสมได้อย่างไร

I want to know how you're special.

แล้วผมต้องการรู้ด้วยว่าคุณพิเศษอย่างไร

ถ้าผมรู้ว่าคู่แข่งของคุณทำอะไร

I know what your competition does --

คุณจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันการแข่งขัน

how are you going to prevent them from eating your lunch?

จากการถูกเอาเปรียบ?

และทั้งหมดนี่ผูกเข้ากับภาพรวมทางการเงิน

All this ties into the financial overview.

And you can't do a VC pitch without giving me your financials.

และคุณต้องมี -- คุณไม่สามารถทำการนำเสนอต่อผู้ร่วมทุนได้

โดยไม่ให้ข้อมูลทางการเงินกับผม

ผมต้องการรู้สามปีและ -- รู้ไหม ปีนึงหรือสองปีย้อนกลับไป

I want to know a year or two back, or as long as you've been in existence.

หรือนานตราบเท่าที่คุณมีข้อมูล

และผมต้องการรู้สาม หรือสี่ หรือห้าปีข้างหน้า

And I want to know four or five years forward.

ห้าอาจจะมากไป บางทีสี่ก็พอมีเหตุผล

Five is a bit much. Probably four.

And I want to know how that business model, on a product basis,

และผมต้องการรู้ว่าโมเดลทางธุรกิจที่คุณให้ผมดู

บนพื้นฐานที่เป็นผลิตภัณฑ์ จะกลายเป็นโมเดลของบริษัทได้อย่างไร

will translate into a company model: How many widgets will you sell?

และ รู้ไหม คุณจะขายเครื่องจักรนี้กี่ตัว

คุณกำลังจะทำเงินจำนวน X ต่อหนึ่งเครื่อง

You make X amount per widget. I want to know what the driver is.

ผมต้องการรู้ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้น

เรากำลังจะมีลูกค้า 1,000 คนปีนี้

We'll have 1,000 customers this year and 10,000 the next,

และ 10,000 คนปีถัดไป

our revenues will do this and that.

และรายได้ของเราจะเพิ่มขึ้นไปที่นี่ ที่นั่น และโน่น

และมันจะทำให้ผมเห็นภาพทั้งหมดสำหรับหลายปีถัดไป

That gives me the whole picture for the next several years

ที่ผมกำลังจะลงทุน

และผมต้องการรู้ว่าคุณต้องการเงินเท่าไรจากผม

into which I'm investing.

And I want to know how the money from me will help you get there.

ที่จะช่วยให้คุณทำได้

คุณจะไปเปิดโรงงานต่างประเทศในจีน

You're going to open an offshore plant in China,

คุณจะใช้มันทั้งหมดไปกับการขายและการตลาด

you're going to spend it all on sales and marketing,

คุณจะไปตาฮิติ หรืออะไรก็ตาม ข้างนอกนั่น

you're going to go to Tahiti, whatever.

แต่แล้วก็กลับมาถึงคำถาม

But then comes the ask, where you tell me how much you want.

นี่คือช่วงที่คุณจะบอกผมว่าคุณต้องการเงินจริงๆเท่าไร

คุณจะขอ 5 ล้าน -- ที่การประเมินค่าแบบไหน?

You're looking for 5 million -- at what valuation?

Two million? 100,000?

2 ล้านที่ 100,000 หุ้น

มีเงินมาลงก่อนหน้านี้ไหม? ใครมาลงทุน?

What's the money in so far? Who invested?

I hope you invested -- if you can't invest in your own thing, why should I?

ผมหวังว่าคุณจะลงทุนเองด้วย

เพราะผมมักจะติดตาม

ถ้าคุณไม่สามารถลงทุนในธุรกิจของคุณเอง ทำไมผมจะต้องลงทุนด้วย?

So I like to know if you have friends and family,

ผมอยากรู้ว่าคุณมีเพื่อน หรือครอบครัว

หรือนักลงทุนย่อยอื่นหรือเปล่า หรือคุณมีผู้ร่วมลงทุนอื่นมาก่อนหน้านี้ไหม

or angel investors, or more VCs before.

โครงสร้างของทุนจนถึงตอนนี้เป็นอย่างไร?

What's the capital structure up until this point?

Finally, having done all that, you've now told me the whole thing,

และที่สุดเมื่อทำหมดทุกอย่างแล้ว

คุณได้บอกผมหมดทุกสิ่งอัน

ตอนนี้คุณต้องกลับมาที่บทสรุป

so now you bring it back to that conclusion.

นี่คือที่ๆจรวดถูกยิงขึ้นไป

This is that rocket going up.

หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปในทางบวก บวก บวก

Hopefully everything has been positive.

เป็นไปในทางบวกยิ่งขึ้น

And everything you say clicks, it all makes sense.

และทุกสิ่ง ทุกสิ่งที่คุณพูดทำให้ผมเข้าใจในทันที

และทุกอย่างสมเหตุสมผล

And I'm thinking, "This is really great!"

และผมคิดว่า "นี่มันดีมากๆเลย"

Then you take me back to just your logo on the screen.

แล้วคุณนำผมกลับมาที่โลโก้ของคุณ

มีแค่โลโก้บนหน้าจอ

And I look at the logo -- OK, good.

และผมมองที่โลโก้ -- โอเค ดี

Now I come back to you. Nothing else to look at, right?

แล้วผมกลับมาที่คุณ ไม่มีอะไรให้มองแล้ว ใช่ไหม?

และตอนนี้คุณต้องสรุปมันและผูกมันที่นี่

Now you've got to wrap it up to give me the final -- boom! --

คุณต้องให้บทสรุปสุดท้ายกับผม รู้ไหม -- บูม!

the final pitch that's going to send me into space.

การนำเสนอสุดท้ายที่จะส่งผมไปสู่อวกาศ

Now, in the process of doing this,

ตอนนี้ ในระหว่างที่กำลังทำเรื่องนี้

how do you remember the sequences and do it?

คุณจะจัดลำดับขั้นตอนและผู้ที่จะทำได้อย่างไร?

You've noticed I'm not looking at the screen, right?

สังเกตผมสิ ว่าผมไม่ได้มองที่จอเลย ใช่ไหม?

The screen is in front of me,

ที่จริงแล้วจอในห้องนี้ถูกติดตั้งไว้ข้างหน้าผม

so I couldn't even see if I wanted to.

เพราะงั้นผมไม่สามารถมองเห็นมันได้ ถึงแม้จะอยากมองก็เถอะ

So how do I know what's going on?

แล้วผมรู้ได้อย่างไรว่าอะไรไปถึงไหนแล้ว?

Well, I have a laptop in front of me.

อืม ผมมีแลปท๊อปอยู่หน้าผม

แต่ถ้าคุณมองผม และมองที่นี่

You're looking at me and at this.

What am I looking at?

คุณคิดว่าผมกำลังมองอะไรอยู่?

You think that I'm looking at that?

คิดว่าผมมองนั่นอยู่เหรอ?

ไม่, ที่จริงผมกำลังมอง PowerPoint

No, I'm looking, actually,

at a special version of PowerPoint over here,

แบบหน้าจอพิเศษตรงนี้

which shows me the slides ahead and behind, my notes,

ที่แสดงให้ผมเห็นสไลด์ถัดไป และสไลด์ก่อนหน้า

บันทึกกันลืมของผม -- เพราะฉะนั้นผมเลยเห็นว่าอะไรไปถึงไหน

so I can see what's going on.

PowerPoint has this built into every copy of it that's shipped.

PowerPoint มีคุณสมบัติแบบนี้ในทุกๆแผ่น

ที่วางขาย

If you use Apple's Keynote, it's got an even better version.

ถ้าคุณใช้ Keynote ของ Apple มันจะยิ่งมีดีกว่านี้อีก

There's another program called Ovation you can get from Adobe

และยังมีโปรแกรมอื่นที่ชื่อว่า Ovation

คุณสามารถหาได้จากบริษัท Adobe ซึ่งพวกเขาซื้อมันมาเมื่อหน้าร้อนที่แล้ว

that they bought last summer,

ซึ่งจะช่วยคุณเดินเครืองตัวจับเวลาทั้งหมด

which helps you run the timers and lets you figure out what's going on.

และให้คุณรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น

So, here's my wrap-up to take you to the moon, right?

เพราะฉะนั้น นี่คือบทสรุปของผมที่พาคุณไปถึงดวงจันทร์ ใช่ไหม?

I usually do a Top 10, but we don't have time,

เดวิดมักจะทำ 10 อย่างที่เจ๋งสุด แต่เราไม่มีเวลาพอสำหรับ 10 อย่างนั้น

so: David's Top Five Presentation Tips.

เพราะฉะนั้น นี่คือ 5 ข้อแนะนำสำหรับการนำเสนอที่เจ๋งสุดของเดวิด

หนึ่ง ต้องใช้โหมดสำหรับผู้บรรยายทุกครั้ง

Number five: always use presenter mode,

or Ovation, or presenter tools.

หรือ Ovation, หรือ เครื่องมือสำหรับผู้บรรยาย

It lets you know exactly where you're going,

เพราะมันจะทำให้คุณรู้ว่าคุณอยู่ตรงไหนอย่างแม่นยำ

มันช่วยให้คุณกะเวลาของคุณได้ มันช่วยคุณจับเวลา

helps you pace yourself, gives you a timer, the whole bit.

เราจะได้จบตรงเวลาและครบถ้วน

Number four: always use remote control.

สี่ ใช้รีโมททุกครั้ง

Have you seen me touch the computer? No. Why not?

คุณเห็นผมแตะคอมฯบ้างไหมล่ะ?

ไม่ คุณไม่เห็นหรอก ทำไมละ?

Because I'm using remote control. Always use remote control.

เพราะผมใช้รีโมทที่นี่

ใช้มันทุกครั้งนะครับ

สาม

Number three: the handouts you give are not your presentation.

สิ่งพิมพ์ที่คุณแจกไม่ใช่การนำเสนอของคุณ

ถ้าคุณทำตามคำแนะนำของผม คุณจะมีการนำเสนอที่น้อย

If you follow my suggestions,

you'll have a very spare, Zen-like presentation,

และคล้าย "เซน" มาก ซึ่งดีเยี่ยมสำหรับการถ่ายทอด

which is great to convey who you are and get people emotionally involved,

ว่าคุณเป็นใคร และทำให้ผู้คนรู้สึกจดจ่อทางอารมณ์

แต่มันไม่ดีนักสำหรับการทำเป็นสิ่งพิมพ์

but not good as a handout.

คุณต้องมีสิ่งพิมพ์ที่ให้ข้อมูลมากกว่านั้นเยอะ

You want a handout that gives more information; it has to stand without you.

เพราะสิ่งพิมพ์ต้องเป็นตัวแทนในขณะที่คุณไม่อยู่

สาม

Number two: don't read your speech. Can you imagine?

อย่าอ่านบท

ลองนึกดูสิ "เอ่อ คุณควรจะลงทุนในบริษัทของผม

(Reading) "You should invest in my company ... "

เพราะมันดีจริงๆ"

มันไม่เวิร์ค ใช่ไหม? อย่าอ่านบท

It doesn't work.

And the number one presentation tip: never, ever look at the screen.

และเกร็ดการนำเสนอข้อที่หนึ่ง

อย่า อย่าคิดแม้แต่จะมองจอ

You're making a connection with your audience,

คุณกำลังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณและผู้ชม

และคุณมักจะอยากทำมันแบบตัวต่อตัว

and you always want a one-on-one connection.

The screen should come up behind you

จอควรจะแสดงผลให้เห็นข้างหลังคุณ

and supplement what you're doing, instead of replace you.

และมาเสริมสิ่งที่คุณกำลังทำ แทนที่จะมาแทนที่คุณ

และนั่นคือวิธีการนำเสนอต่อผู้ร่วมลงทุน

And that is how to pitch to a VC.