How does impeachment work? - Alex Gendler

Translator: Varintorn Tacha Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

For most jobs, it's understood that you can be fired,

สำหรับงานแทบทุกตำแหน่ง เป็นที่รู้กันว่า คุณสามารถถูกไล่ออกได้

whether for crime,

ไม่ว่าเพราะคุณก่ออาชญากรรม

incompetence,

ความขาดคุณสมบัติ

or just poor performance.

หรือไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน

But what if your job happens to be the most powerful position in the country,

แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากงานนั้นของคุณ อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ

or the world?

หรือสูงสุดในโลก

That's where impeachment comes in.

นั่นคือเมื่ออิมพีชเมนต์หรือการถอดถอน เข้ามามีบทบาท

Impeachment isn't the same as actually removing someone from office.

การฟ้องถอดถอนจากตำแหน่งไม่ใช่แค่ การปลดใครออกจากตำแหน่ง

Like an indictment in criminal court,

เหมือนคำฟ้องในศาลอาญา

it's only the formal accusation that launches a trial,

มันเป็นเพียงการกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ที่นำไปสู่การพิจารณาคดีเท่านั้น

which could end in conviction or acquittal.

ซึ่งจะจบลงด้วยการพิพากษา ลงโทษหรือการพ้นผิด

Originating in the United Kingdom,

มีต้นกำเนิดในสหราชอาณาจักร

impeachment allowed Parliament to vote for removing a government official from office

อิมพีชเมนต์ทำให้รัฐสภาสามารถลงคะแนนเสียง ให้ถอดถอนข้าราชการออกจากตำแหน่งได้

even without the king's consent.

แม้จะไม่ได้รับความยินยอมจากกษัตริย์ก็ตาม

Although this was an important check on royal power,

แม้ว่านี่จะเป็นการตรวจสอบ พระราชอำนาจที่สำคัญก็ตาม

the king couldn't be impeached

พระมหากษัตริย์ไม่สามารถโดนปลดจากตำแหน่งได้

because the monarch was considered the source of all government power.

เพราะกษัตริย์ถือเป็นแหล่งที่มา ของอำนาจการปกครองทั้งหมด

But for the founders of the American Republic,

แต่สำหรับผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐอเมริกา

there was no higher authority beyond the people themselves.

ไม่มีอำนาจใดที่สูงกว่าตัวประชาชนเอง

And so impeachment was adopted in the United States as a power of Congress

การฟ้องถอดถอนจึงถูกนำมาใช้ใน สหรัฐอเมริกาในฐานะอำนาจของรัฐสภา

applying to any civil officers, up to and including the president.

นำไปใช้กับข้าราชการพลเรือนทุกตำแหน่ง ขึ้นไปจนถึงประธานาธิบดีด้วย

Although demands for impeachment can come from any members of the public,

แม้ว่าข้อเรียกร้องสำหรับการฟ้องถอดถอน อาจมาจากประชาชนทั่วไปก็ตาม

only the House of Representatives has the power to actually initiate the process.

มีเพียงสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นที่มีอำนาจ ในการเริ่มดำเนินการได้จริง

It begins by referring the matter to a committee,

เริ่มต้นด้วยการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ

usually the House Committee on Rules

โดยปกติแล้วจะเป็น คณะกรรมการสภาสภาด้านกฎเกณฑ์

and the House Committee on the Judiciary.

และคณะกรรมาธิการสภาตุลาการ

These committees review the accusations,

คณะกรรมการเหล่านี้จะทบทวนข้อกล่าวหา

examine the evidence,

ตรวจสอบหลักฐาน

and issue a recommendation.

และออกข้อเสนอแนะ

If they find sufficient grounds to proceed,

หากพบเหตุเพียงพอที่จะดำเนินการต่อไป

the House holds a separate vote on each of the specific charges,

สภามีคะแนนเสียงแยกกัน เฉพาะในแต่ละข้อกล่าวหา

known as Articles of Impeachment.

เรียกกันว่า ประเด็นของการถอดถอน (Articles of Impeachment)

If one or more passes by a simple majority,

ถ้าหนึ่งหรือมากกว่านั้นผ่านเสียงส่วนใหญ่

the official is impeached and the stage is set for trial.

เจ้าหน้าที่ถูกฟ้องถอดถอนจากตำแหน่ง และเข้าสู่การพิจารณาคดี

The actual trial that follows impeachment is held in the Senate.

การพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นจริงภายหลัง การกล่าวโทษจะจัดขึ้นในวุฒิสภา

Selected members of the House, known as managers, act as the prosecution,

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือก ในนามผู้จัดการ ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินคดี

while the impeached official and their lawyers present their defense.

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหา และทนายของพวกเขาออกมาแก้ต่าง

The Senate acts as both judge and jury,

วุฒิสภาทำหน้าที่เป็น ทั้งผู้พิพากษาและคณะลูกขุน

conducting the trial and deliberating after hearing all the arguments.

ดำเนินการพิจารณาคดีและ ไตร่ตรองหลังจากได้ยินข้อโต้แย้งทั้งหมด

If it's the president or vice president being impeached,

หากเป็นประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดี ที่ถูกฟ้องถอดถอน

the chief justice of the Supreme Court presides.

หัวหน้าผู้พิพากษาของศาลฎีกาจะเป็นประธาน

A conviction requires a supermajority of two-thirds

การพิพากษาลงโทษ ต้องมีเสียงข้างมากเป็นพิเศษของสองในสาม

and results in automatic removal from power.

และส่งผลให้ถูกถอดออกจากอำนาจโดยอัตโนมัติ

Depending on the original charges,

ขึ้นอยู่กับข้อหา

it can also disqualify them from holding office in the future

มันอาจทำให้ขาดคุณสมบัติในการ ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในสภาในอนาคตได้

and open them to standard criminal prosecution.

และเปิดดำเนินการดำเนินคดีอาญาตามมาตรฐาน

So what exactly can get someone impeached?

แล้วอะไรล่ะที่ทำให้คน ถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้

That's a bit more complicated.

มันซับซ้อนกว่านั้นเล็กน้อย

Unlike in the United Kingdom,

แตกต่างจากสหราชอาณาจักร

impeachment in the U.S. pits an elected legislature

การอิมพีชเมนต์ในสหรัฐฯ เปิดโอกาส ให้สภานิติบัญญัติที่ได้รับการเลือกตั้ง

ใช้มันสู้กับสมาชิกรัฐบาลอื่น ๆ ที่ได้รับ การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

against other democratically elected members of government.

Therefore, to prevent the process from being used as a political weapon,

ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระบวนการนี้ ถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมือง

the Constitution specifies that an official can only be impeached

รัฐธรรมนูญระบุว่าเจ้าหน้าที่ สามารถถูกฟ้องร้องได้

for treason,

จากการก่อกบฏ

bribery,

อามิสสินจ้าง

หรืออาชญากรรม และความผิดลหุโทษที่สูงอื่น ๆ เท่านั้น

or other high crimes and misdemeanors.

That still leaves a lot of room for interpretation,

นั่นยังเหลือพื้นที่ให้ตีความอีกมาก

not to mention politics,

ไม่ต้องพูดถึงการเมือง

and many impeachment trials have split along partisan lines.

และการพิจารณาคดีฟ้องร้องหลายคดี ที่แยกออกจากกัน

But the process is generally understood to be reserved for serious abuses of power.

แต่โดยทั่วไปเข้าใจว่ากระบวนการนี้สงวนไว้ สำหรับการใช้อำนาจในทางที่มิชอบ

The first official to be impeached was Tennesse Senator William Blount in 1797

คนแรกที่ถูกถอดถอนคือวุฒิสมาชิกรัฐ เทนเนสซี วิลเลียม บลานท์ ในปี ค.ศ. 1797

for conspiring with Britain to cease the Spanish colony of Louisiana.

สำหรับการสมรู้ร่วมคิดกับอังกฤษ เพื่อยุติอาณานิคมหลุยเซียน่าของสเปน

Since then, the House has launched impeachment investigations about 60 times,

นับตั้งแต่นั้น สภาผู้แทนราษฎรก็ได้เปิดการ สอบสวนเรื่องการฟ้องร้องประมาณ 60 ครั้ง

but only 19 have led to actual impeachment proceedings.

แต่มีเพียง 19 ครั้งเท่านั้นที่นำไปสู่การ ดำเนินคดีถอดถอนจริง ๆ

The eight cases that ended in a conviction and removal from office

คดีทั้ง 8 คดีที่จบลงด้วยการพิพากษาลงโทษ และถอดถอนออกจากตำแหน่ง

were all federal judges.

ล้วนเป็นผู้พิพากษาของรัฐบาลกลาง

And impeachment of a sitting president is even more rare.

และการถอดถอนประธานาธิบดีที่กำลังดำรง ตำแหน่งอยู่นั้นหาได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก

Andrew Johnson was impeached in 1868

แอนดรูว์ จอห์นสัน ถูกฟ้องถอดถอน ในปี ค.ศ. 1868

for attempting to replace Secretary of War Edwin Stanton

สำหรับการพยายามแทนที่ รัฐมนตรีกลาโหม เอ็ดวิน สแตนตัน

โดยไม่ปรึกษาวุฒิสภาก่อน

without consulting the Senate.

Over a century later, Bill Clinton was impeached

กว่าหนึ่งศตวรรษต่อมา บิล คลินตัน ถูกฟ้องถอดถอน

for making false statements under oath during a sexual harassment trial.

ฐานให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จหลังให้คำสาบาน ระหว่างการพิจารณาคดีล่วงละเมิดทางเพศ

Both were ultimately acquitted when the Senate's votes to convict

ทั้งสองก็พ้นผิดเมื่อคะแนนเสียงของวุฒิสภา ในการตัดสินลงโทษ

จากการขาดคะแนนเสียงข้างมากสองในสามที่กำหนด

fell short of the required two-thirds majority.

And contrary to popular belief,

และขัดต่อความเชื่อที่นิยมกัน

Richard Nixon was never actually impeached for the Watergate scandal.

ริชาร์ด นิกสันไม่เคยถูกฟ้องถอดถอนจาก คดีอื้อฉาววอเตอร์เกต (Watergate scandal)

He resigned before it could happen

เขาชิงลาออกก่อนที่มันจะเกิดขึ้น

knowing he would almost certainly be convicted.

โดยเขารู้ว่าจะถูกตัดสินลงโทษอย่างแน่นอน

Theoretically, the U.S. government is already designed

ตามทฤษฎีแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับการออกแบบมา

to prevent abuses of power,

เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ

จำกัดอำนาจแต่ละฝ่าย ผ่านระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ

limiting different branches through a system of checks and balances,

term limits,

ข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง และการเลือกตั้งโดยเสรีอยู่แล้ว

and free elections.

But impeachment can be seen as an emergency brake

แต่การการอิมพีชเมนต์ก็ เป็นเหมือนเบรกฉุกเฉิน

for when these safeguards fail.

เมื่อการป้องกันเหล่านี้ล้มเหลว