The otherworldly creatures in the ocean's deepest depths - Lidia Lins

สิ่งมีชีวิตประหลาดในมหาสมุทรสุดลึก - ลิเดีย ลินส์ (Lidia Lins)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

It's easy to forget how vast and deep the ocean really is.

มันไม่ยากที่จะลืมไปว่า แท้จริงแล้ว มหาสมุทรมีขนาดใหญ่และลึกมากแค่ไหน

About 60% of it is actually a cold and dark region

ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของมหาสมุทรนั้นหนาวเย็น

known as the deep ocean.

ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ มหาสมุทรส่วนลึก

And it reaches down to 11,000 meters.

ที่อยู่ลึกลงไปถึง 11,000 เมตร

Yet, this remote zone is also one of the greatest habitats on Earth,

และแม้ว่ามันอาจจะห่างไกล แต่ว่า มันก็เป็นหนึ่งในแหล่งที่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก

harboring a huge diversity of life,

ที่เป็นที่พึ่งของชีวิตต่าง ๆ มากมาย

from giant squids and goblin sharks

ตั้งแต่หมึกยักษ์และฉลามก็อบลิน

to minuscule animals smaller than a millimeter.

ไปจนถึงสัตว์เล็ก ๆ ที่เล็กกว่าระดับมิลลิเมตรเสียอีก

How do so many species thrive in this underwater world?

สายพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย อาศัยอยู่ในโลกใต้น้ำพิศวงนั้นได้อย่างไร

Over the decades, intrepid scientists have ventured there to find out.

ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ นักวิทยาศาสตร์ผู้กล้าบุกลงไปเพื่อหาคำตอบ

Traveling down through the water column,

เมื่อเดินทางลงไปในน้ำในแนวตั้ง

pressure increases and light begins to wane.

ความดันเพิ่มขึ้นและแสงสว่างก็เริ่มลดลง

At 200 meters, photosynthesis stops

ที่ระดับ 200 เมตร ก็ไม่มีการสังเคราะห์แสง

and temperature decreases from surface temperatures

อุณหภูมิลดลงจากอุณหภูมิพื้นผิว

by up to 20 degrees Celsius.

ถึง 20 องศาเซลเซียส

By 1000 meters, normal sunlight has disappeared altogether.

ที่ระดับ 1000 เมตร แสงจากดวงอาทิตย์ก็หายไป

Without light, life as we know it seems impossible.

เมื่อปราศจากแสง มันก็เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะพบกับชีวิตอย่างที่เราเคยรู้จัก

That's why in 1844, the naturalist Edward Forbes

นั่นเป็นเหตุว่าทำไมในปี ค.ศ. 1844 นักธรรมชาติวิทยา เอ็ดเวิร์ด ฟอร์บส์

wrote his Azoic Theory,

เขียนทฤษฎีอะโซอิกของเขา

Azoic, meaning without animals.

อะโซอิก หมายถึงไม่มีสัตว์

Forbes was sure that nothing could survive below 600 meters

ฟอร์บส์มั่นใจว่าไม่มีอะไรที่จะมีชีวิตอยู่ได้ ที่จะดับลึกลงไปเกิน 600 เมตร

on account of the lack of light.

เนื่องจากมันไม่มีแสงสว่าง

Of course, the discovery of deep-sea species proved him wrong.

แน่นอนว่า การค้นพบสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่ทะเลส่วนลึก เป็นการพิสูจน์ว่าเขาคิดผิด

What Forbes failed to take into account is something called marine snow,

ฟอร์บพลาดตรงที่ไม่ได้พิจารณา ถึงสิ่งที่เรียกว่า หิมะทะเล

which sounds much nicer than it is.

ซึ่งมันฟังดูดีกว่าสิ่งที่มันเป็น

Marine snow is basically organic matter,

หิมะทะเลคือสารอินทรีย์

things like particles of dead algae, plants, and animals,

อย่างเช่นอนุภาคของสาหร่าย พืช และสัตว์ที่ตายแล้ว

drifting down into the depths

ร่วงหล่นลงไปตามความลึก

and acting as food for deep-sea animals.

และทำหน้าที่เป็นอาหารสำหรับสัตว์ ที่อยู่ในทะเลส่วนลึก

Largely thanks to that, abundant life forms exist in the darkness,

ต้องขอบคุณที่มันมีบทบาทเป็นส่วนใหญ่ ในการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตในความมืดมิด

adapting to a harsh reality where only the weird and wonderful can survive.

ซึ่งมีเพียงแต่พวกประหลาดและงดงามเท่านั้น ที่จะปรับตัวต่อความจริงอันโหดร้ายได้

Fish with cavernous mouths,

ปลาที่มีปากขนาดใหญ่

spiky teeth jutting from their jaws,

มีฟันแหลมยื่นออกมาจากขากรรไกร

and lamp-like structures protruding from their heads,

และโครงสร้างที่เหมือนกับโคมไฟ ที่ห้อยลงมาจากหัวของมัน

like the anglerfish which entices prey with its misleading glow.

อย่างเช่น ปลาตกเบ็ดที่ล่อเหยื่อ ด้วยแสงที่ชวนให้หลง

Several sea creatures have perfected this lightning technique

สิ่งมีชีวิตในทะเลบางชนิด มีการพัฒนาเทคนิคการฉายแสง

known as bioluminescence,

ที่เรียกว่า การเรืองแสงทางชีวภาพ

using it to lure prey,

โดยใช้มันเพื่อลวงเหยื่อ

distract predators,

ทำให้ผู้ล่าไขว้เขว

or attract mates.

หรือดึงดูดคู่ของมัน

Some creatures use it for camoflauge.

สิ่งมีชีวิตบางอย่างใช้มันเพื่อพรางตัว

In parts of the water column where only faint blue light filters through,

ในส่วนร่องน้ำลึกที่มีเพียงแสงสีฟ้าจาง ๆ ผ่านเล็ดลอดลงไปได้

animals bioluminesce to match the glow.

สัตว์ใช้การเรืองแสงทางชีวภาพ เพื่อทำตัวเองให้สว่างเท่ากับแสงสว่าง

Predators or prey looking up from below

ผู้ล่าหรือเหยื่อที่มองขึ้นมาจากข้างล่าง

are deceived by this camoflauge,

จะถูกลวงโดยการพรางตัวนี้

unable to see the creatures silhouette.

และไม่สามารถเห็นเงาของสิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้

Such otherworldly adaptations also arise from the need to locate

การปรับตัวที่แปลกประหลาดนี้ ยังเกิดมาจากความจำเป็น

and snatch up food before it drifts away.

ที่ต้องระบุตำแหน่งและจับอาหาร ก่อนที่มันจะหนีไป

Some sea animals, like jellyfish, comb jellies and salps

สัตว์ทะเลบางชนิด อย่างแมงกะพรุน หวีวุ้น และสัตว์จำพวกเพรียงหัวหอม

can migrate between depths

สามารถย้ายจากที่ระดับความลึกต่าง ๆ ได้

partially because their 90% water consistency

ส่วนหนึ่งก็เพราะร่างกายของมัน ที่ประกอบด้วยน้ำ 90%

allows them to withstand immense pressure.

ทำให้พวกมันทนต่อแรงดันมหาศาลได้

But they're the exception.

แต่ก็ยังมีข้อยกเว้น

Most deep-sea creatures are confined to a narrow range in the water column

สิ่งมีชีวิตในทะเลส่วนลึกส่วนใหญ่ พบได้ในบริเวณร่องน้ำแคบ ๆ

where nutrients are scarce

ที่มีอาหารอย่างจำกัด

since the food drifting downwards from the surface

เพราะอาหารล่องลอยลงมา จากผิวน้ำ

rapidly sinks to the sea floor.

และจมลงอย่างรวดเร็วที่ก้นทะเล

Plunging all the way down, we find more exotic creatures.

เมื่อดำลึกลงไป เราจะพบกับสิ่งมีชีวิตสุดประหลาด

Some take on dwarfism,

บ้างก็มีรูปร่างแคระ

a trait that transforms them into miniature versions of animals

ที่ทำให้พวกมันเหมือนกับสัตว์ ที่เราเห็นได้บนผิวน้ำ

we see closer to the surface.

แต่เป็นในแบบย่อส่วน

It's thought that reduced food availability causes the shrinkage.

คาดว่าการที่อาหารมีปริมาณน้อย ทำให้มันมีขนาดที่หดลง

Only a tiny fraction of the food produced at the surface reaches the sea floor,

มีอาหารเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น ที่ถูกผลิตขึ้นที่ผิวน้ำ ที่หล่นไปถึงพื้นทะเล

so being small gives animals a low energy requirement

ฉะนั้น การเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ ทำให้พวกมันต้องการพลังงานน้อย

and an adaptive advantage.

และเป็นการปรับตัวที่ให้ข้อดี

And yet, the sea is also the land of giants.

แต่ถึงกระนั้น ทะเลก็ยังคงเป็นดินแดนของยักษ์

Here, gargantuan squids can reach 18 meters long.

นี่คือ หมึกการ์กันทวน (gargantuan) สามารถมีขนาดได้ยาวถึง 18 เมตร

Isopods scuttle around the sea floor like enormous wood lice.

ไอโซพอต มีอยู่ทั่วไปตามพื้นทะเล หน้าตาเหมือนกับแมงกะปิ

There are long-limbed Japanese spider crabs,

มีปูแมงมุมญี่ปุ่นที่ขายาว

and oarfish, whose bodies stretch to 15 meters.

และปลาออร์ที่มีร่างกายยาวถึง 15 เมตร

This trait is known as gigantism, and it's something of a mystery.

ลักษณะดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ไจแกนทิซึม และมันยังคงเป็นปริศนา

It's thought that high oxygen levels may drive extreme growth in some species,

เราคิดว่าระดับออกซิเจนที่สูงอาจทำให้เกิด การเติบโตที่มากเกินปกติในบางสายพันธุ์

while the colder temperatures promote longer life spans,

ในขณะที่อุณหภูมิที่หนาวเย็น ส่งเสริมช่วงชีวิตที่ยืนยาวขึ้น

giving animals the opportunity to grow massive.

ทำให้สัตว์มีโอกาสที่จะเติบโต จนมีขนาดใหญ่ยักษ์ได้

Many of these exotic sea beasts will never experience sunlight.

สัตว์ประหลาดจากท้องทะเลหลายชนิด อาจะไม่เคยได้พบกับแสงอาทิตย์เลย

Some will venture up through the water column to feed,

บ้างก็จะว่ายน้ำขึ้นมาเพื่อหาอาหาร

and a few will actually break the waves,

และส่วนน้อยที่จะโผล่ขึ้นมาถึงคลื่น

reminding us at the surface

เพื่อมาบอกกับพวกเราที่ผิวน้ำ

about the incredible survival skills of the ocean's deepest inhabitants.

เกี่ยวกับความสามารถในการอยู่รอดอันน่าทึ่ง ของผู้ที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรสุดลึก

Humans still have an astounding 95% of the ocean left to explore.

มนุษย์ยังคงไม่ได้สำรวจทะเล อีกกว่า 95%

So those depths remain a great mystery.

ฉะนั้นความลึกนั้นจึงเป็นการย้ำเตือน ถึงปริศนาอันยิ่งใหญ่

What other untold wonders lie far below, and which ones will we discover next?

ว่าจะมีเรื่องราวใดอีกที่ยังซ่อนตัวอยู่เบื้องล่าง และอะไรกันที่รอให้เราค้นพบ