Elon Musk: A future worth getting excited about | Tesla Texas Gigafactory interview | TED

Chris Anderson: Elon Musk, great to see you.

Translator: Sakunphat Jirawuthitanant Reviewer: Supakij Patthanapitoon

คริส แอนเดอร์สัน: อีลอน มัสก์ ดีใจที่เจอคุณ

How are you?

สบายดีไหมครับ

Elon Musk: Good. How are you?

อีลอน มัสก์: ดีครับ แล้วคุณล่ะ

CA: We're here at the Texas Gigafactory the day before this thing opens.

คริส: เราอยู่กันที่เท็กซัสกิกะแฟกทอรี หนึ่งวันก่อนที่จะเปิดทำการ

It's been pretty crazy out there.

ค่อนข้างวุ่นวายกันพอสมควร

Thank you so much for making time on a busy day.

ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับเวลา แม้ในวันที่ยุ่งมาก ๆ

I would love you to help us, kind of, cast our minds,

ผมอยากให้คุณช่วย ทำให้เราเข้าใจหน่อยครับ

I don't know, 10, 20, 30 years into the future.

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นสัก 10 20 30 ปีในอนาคต

And help us try to picture what it would take

และช่วยให้เราเห็นภาพว่า จะต้องทำอะไรบ้าง

to build a future that's worth getting excited about.

ในการสร้างอนาคต ที่ควรค่าแก่การตื่นเต้นไปกับมัน

The last time you spoke at TED,

ครั้งสุดท้ายที่คุณมาพูดที่ TED

you said that that was really just a big driver.

คุณบอกว่าอนาคตที่มีคุณค่านั้น คือแรงขับเคลื่อนขนาดใหญ่

You know, you can talk about lots of other reasons to do the work you're doing,

คุณสามารถพูดถึงเหตุผลอีกมากมาย ในการทำสิ่งที่คุณทำอยู่

but fundamentally, you want to think about the future

แต่หัวใจของมันก็คือ คุณอยากจะคิดถึงอนาคต

and not think that it sucks.

โดยไม่คิดว่ามันจะห่วยแตก

EM: Yeah, absolutely.

อีลอน: ใช่เลยครับ

I think in general, you know,

ผมคิดว่าในภาพรวม

there's a lot of discussion of like, this problem or that problem.

มีการพูดคุยมากมาย เกี่ยวกับปัญหานั้น ปัญหานี้

And a lot of people are sad about the future

และมีผู้คนมากมายที่รู้สึกเศร้า เกี่ยวกับอนาคต

and they're ...

และพวกเขาก็...

Pessimistic.

มองโลกในแง่ร้าย

And I think ...

และผมคิดว่า...

this is ...

มัน...

This is not great.

มันไม่ดีเลย

I mean, we really want to wake up in the morning

คืออย่างนี้ครับ เราอยากที่จะ ตื่นขึ้นมาในยามเช้า

and look forward to the future.

และตั้งตารอดูอนาคต

We want to be excited about what's going to happen.

เราอยากตื่นเต้น ไปกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

And life cannot simply be about sort of,

และชีวิตไม่สามารถเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

solving one miserable problem after another.

การแก้แก้ปัญหาแย่ ๆ ไปเรื่อย ๆ

CA: So if you look forward 30 years, you know, the year 2050

คริส: งั้นถ้าคุณมองไปในอนาคต 30 ปี

has been labeled by scientists

เนื่องจากในปี 2050 นั้น ถูกนักวิทยาศาสตร์ติดป้ายไว้ว่า

as this, kind of, almost like this doomsday deadline on climate.

เป็นปีที่ประมาณว่า เป็นเส้นตายของ วาระสุดท้ายสำหรับสภาพภูมิอากาศ

There's a consensus of scientists, a large consensus of scientists,

มีฉันทามติของนักวิทยาศาสตร์ ของนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก

who believe that if we haven't completely eliminated greenhouse gases

ที่เชื่อว่าถ้าเราไม่กำจัด ก๊าซเรือนกระจกให้สิ้นซาก

or offset them completely by 2050,

หรือหักล้างมันให้หมดไปภายในปี 2050

effectively we're inviting climate catastrophe.

เราจะเลี่ยงไม่ได้เลย ที่จะเจอภัยพิบัติทางสภาพอากาศ

Do you believe there is a pathway to avoid that catastrophe?

คุณเชื่อว่ามีแนวทาง ที่จะเลี่ยงภัยพิบัตินั้นไหม

And what would it look like?

และหน้าตามันเป็นยังไง

EM: Yeah, so I am not one of the doomsday people,

อีลอน: แน่นอนครับ ผมไม่ได้เป็น หนึ่งในคนที่เชื่อเรื่องวันโลกแตก

which may surprise you.

ซึ่งคุณน่าจะแปลกใจนะ

I actually think we're on a good path.

ผมกลับคิดว่าเรากำลังอยู่ในแนวทางที่ดี

But at the same time,

แต่ในขณะเดียวกัน

I want to caution against complacency.

ผมอยากจะระวังความประมาทเลินเล่อ

So, so long as we are not complacent,

ตราบใดที่เราไม่เลินเล่อ

as long as we have a high sense of urgency

ตราบใดที่เราตระหนักถึงความเร่งด่วน

about moving towards a sustainable energy economy,

ในเรื่องการเดินหน้าไปสู่ การใช้พลังงานที่ยั่งยืน

then I think things will be fine.

ผมก็คิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะดีเอง

So I can't emphasize that enough,

ผมไม่รู้จะเน้นประเด็นนี้ยังไงให้พอ

as long as we push hard and are not complacent,

ตราบใดที่เราผลักดันอย่างหนัก และไม่ประมาทเลินเล่อ

the future is going to be great.

อนาคตก็จะยอดเยี่ยม

Don't worry about it.

ไม่ต้องกังวลใจไป

I mean, worry about it,

ผมหมายความว่า กังวลได้

but if you worry about it, ironically, it will be a self-unfulfilling prophecy.

แต่ถ้าคุณกังวลใจ ในมุมกลับ มันก็จะเป็นคำทำนายที่ไม่สำเร็จในตัวเอง

So, like, there are three elements to a sustainable energy future.

มีองค์ประกอบอยู่สามประการ สำหรับอนาคตของพลังงานที่ยั่งยืน

One is of sustainable energy generation, which is primarily wind and solar.

ประการแรกคือการผลิตพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งก็คือลมและแสงอาทิตย์

There's also hydro, geothermal,

แล้วก็พลังงานน้ำและความร้อนใต้พิภพ

I'm actually pro-nuclear.

จริง ๆ ผมสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์

I think nuclear is fine.

ผมว่านิวเคลียร์ดีนะ

But it's going to be primarily solar and wind,

แต่หลัก ๆ จะเป็นแสงอาทิตย์และลม ที่จะมาเป็นตัวหลักในการผลิตพลังงาน

as the primary generators of energy.

The second part is you need batteries to store the solar and wind energy

ประการที่สอง คุณต้องมีแบตเตอรี่ เพื่อเก็บกักพลังงานแสงอาทิตย์และลม

because the sun doesn't shine all the time,

เพราะพระอาทิตย์ ไม่ได้ส่องแสงสว่างตลอดวัน

the wind doesn't blow all the time.

ลมไม่ได้พัดตลอดเวลา

So it's a lot of stationary battery packs.

ต้องมีแบตเตอรี่จำนวนมาก

And then you need electric transport.

แล้วคุณก็จำเป็นต้องมีการขนส่งด้วยระบบไฟฟ้า

So electric cars, electric planes, boats.

รถไฟฟ้า เครื่องบินไฟฟ้า เรือไฟฟ้า

And then ultimately,

แล้วในที่สุด

it’s not really possible to make electric rockets,

มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะสร้างจรวดไฟฟ้า

but you can make the propellant used in rockets

แต่คุณสร้างจรวดที่ใช้เชื้อเพลิง จากพลังงานยั่งยืนได้

using sustainable energy.

So ultimately, we can have a fully sustainable energy economy.

แล้วเราก็จะมีเศรษกิจ จากพลังงานยั่งยืนแบบเต็มรูปแบบ

And it's those three things:

และนั่นคือปัจจัยสามประการ

solar/wind, stationary battery pack, electric vehicles.

แสงอาทิตย์รวมถึงลม แบตเตอรี่ และยานพาหนะไฟฟ้า

So then what are the limiting factors on progress?

แล้วปัจจัยที่จำกัดความก้าวหน้าคืออะไร

The limiting factor really will be battery cell production.

ปัจจัยจำกัดก็จะเป็นเรื่อง การผลิตเซลล์แบตเตอรี่

So that's going to really be the fundamental rate driver.

นั่นแหละที่จะเป็นตัวขับเคลื่อน ความก้าวหน้าขั้นพื้นฐาน

And then whatever the slowest element

และอะไรก็ตามที่เป็นส่วนที่ช้าสุด

of the whole lithium-ion battery cells supply chain,

ของห่วงโซ่อุปทานของ เซลล์แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

from mining and the many steps of refining

ตั้งแต่การขุด การสกัด และอีกหลายขั้นตอน

to ultimately creating a battery cell

จนกระทั่งได้เป็นเซลล์แบตเตอรี่ขึ้นมา

and putting it into a pack,

และจับเอามารวมกัน

that will be the limiting factor on progress towards sustainability.

นั่นจะเป็นปัจจัยที่คอยขัดขวาง หนทางสู่ความยั่งยืน

CA: All right, so we need to talk more about batteries,

คริส: โอเค เราต้องคุยกันมากขึ้น เกี่ยวกับแบตเตอรี่

because the key thing that I want to understand,

เพราะกุญแจหลักที่ผมอยากทำความเข้าใจ

like, there seems to be a scaling issue here

เช่น เหมือนว่าจะมีปัญหา เรื่องการขยายกำลังการผลิต

that is kind of amazing and alarming.

ซึ่งออกจะตื่นตาตื่นใจและน่าตื่นตระหนก

You have said that you have calculated

คุณบอกว่าคุณได้คำนวณแล้วว่า

that the amount of battery production that the world needs for sustainability

กำลังการผลิตแบตเตอรี่ ที่โลกต้องการใช้เพื่อความยั่งยืนนั้น

is 300 terawatt hours of batteries.

คือแบตเตอรี่ขนาด 300 เทระวัตต์-ชั่วโมง

That's the end goal?

นั่นคือเป้าหมายใช่ไหม

EM: Very rough numbers,

อีลอน: เป็นตัวเลขคร่าว ๆ

and I certainly would invite others to check our calculations

และผมอยากเชิญคนอื่น ๆ ให้มาตรวจสอบการคำนวณของเรา

because they may arrive at different conclusions.

เพราะคนอื่นอาจจะได้ผลลัพธ์ ที่ต่างกันออกไป

But in order to transition, not just current electricity production,

แต่เพื่อที่จะเปลี่ยนผ่าน ไม่ใช่แค่เรื่องการผลิตกระแสไฟฟ้าในปัจจุบัน

but also heating and transport,

แต่เป็นเรื่องของพลังงานความร้อน และการขนส่งด้วย

which roughly triples the amount of electricity that you need,

ซึ่งโดยคร่าว ๆ ความต้องการใช้ไฟฟ้าของเรา จะเพิ่มขึ้นสามเท่า

it amounts to approximately 300 terawatt hours of installed capacity.

มันจะมีค่าประมาณ 300 เทระวัตต์-ชั่วโมง ของความจุที่ติดตั้ง

CA: So we need to give people a sense of how big a task that is.

คริส: เราต้องอธิบายให้ผู้คน ได้เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของงานนี้

I mean, here we are at the Gigafactory.

เราอยู่ที่นี่ ที่กิกะแฟกทอรี

You know, this is one of the biggest buildings in the world.

ที่นี่คือหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก

What I've read, and tell me if this is still right,

ผมได้อ่านมาว่า และบอกผมด้วยนะว่าเรื่องนี้จริงมั้ย

is that the goal here is to eventually produce 100 gigawatt hours

ว่าเป้าหมายสูงสุดของโรงงานนี้ คือผลิตแบตเตอรี่

of batteries here a year eventually.

ขนาด 100 กิกะวัตต์-ชั่วโมงในหนึ่งปี

EM: We will probably do more than that,

อีลอน: เราน่าจะทำได้มากกว่านั้น

but yes, hopefully we get there within a couple of years.

แต่ก็ใช่ครับ หวังว่าเราจะผลิตได้ขนาดนั้นใน 2-3 ปี

CA: Right.

คริส: ครับ

But I mean, that is one --

แต่ผมว่า มันคือ--

EM: 0.1 terrawat hours.

อีลอน: 0.1 เทระวัตต์-ชั่วโมง

CA: But that's still 1/100 of what's needed.

คริส: แต่นั่นมันแค่หนึ่งในร้อย ของทั้งหมดที่ต้องการนะ

How much of the rest of that 100 is Tesla planning to take on

เทสล่าวางแผนที่จะทำเพิ่ม มากน้อยแค่ไหนจากหนึ่งในร้อยนั้น

let's say, between now and 2030, 2040,

เอาเป็นว่า ระหว่างตอนนี้จนถึงปี 2030-2040

when we really need to see the scale up happen?

เมื่อเราต้องเห็นการขยายขนาดเกิดขึ้น

EM: I mean, these are just guesses.

อีลอน: ผมหมายถึงว่า นี่เป็นแค่การคาดเดา

So please, people shouldn't hold me to these things.

ฉะนั้น ได้โปรดอย่ายึดผมไว้กับสิ่งเหล่านี้

It's not like this is like some --

มันไม่ใช่ แบบไม่ใช่ว่า

What tends to happen is I'll make some like,

สิ่งที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นก็คือ

ผมจะเดาให้ดีที่สุด

you know, best guess

and then people, in five years,

และในอีก 5 ปี

there’ll be some jerk that writes an article:

ก็จะมีพวกเกรียนคีย์บอร์ด เขียนบทความว่า

"Elon said this would happen, and it didn't happen.

“อีลอนบอกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น

He's a liar and a fool."

เขาขี้โกหกและเป็นไอ้งั่ง”

It's very annoying when that happens.

มันน่ารำคาญมาก ๆ เวลาที่มีเรื่องแบบนี้

So these are just guesses, this is a conversation.

ดังนั้น เรื่องพวกนี้เป็นแค่การคาดเดา มันเป็นบทสนทนา

CA: Right.

คริส: ครับ

EM: I think Tesla probably ends up doing 10 percent of that.

อีลอน: ผมคิดว่าในท้ายที่สุด เทสล่าน่าจะผลิตสัก 10 เปอร์เซ็นต์

Roughly.

โดยประมาณ

CA: Let's say 2050

คริส: เอาเป็นว่า ปี 2050

we have this amazing, you know, 100 percent sustainable electric grid

เราจะมีโครงข่ายไฟฟ้าที่น่าทึ่ง ซึ่งจะยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์

made up of, you know, some mixture of the sustainable energy sources

ผลิตมาจากแหล่งพลังงานยั่งยืน หลากหลายแหล่งที่คุณได้พูดถึง

you talked about.

That same grid probably is offering the world

โครงข่ายที่ว่านี้น่าจะช่วยให้โลก

really low-cost energy, isn't it,

มีแหล่งพลังงานราคาถูกใช่ไหมครับ

compared with now.

ถ้าเทียบกับที่เรามีอยู่ตอนนี้

And I'm curious about like,

และผมสงสัยว่า

are people entitled to get a little bit excited

ผู้คนจะมีสิทธิ์ที่จะ รู้สึกตื่นเต้นสักนิดไหม

about the possibilities of that world?

เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโลกอนาคต

EM: People should be optimistic about the future.

อีลอน: ผู้คนควรจะมองโลกในแง่ดี เกี่ยวกับอนาคต

Humanity will solve sustainable energy.

มนุษยชาติจะแก้ปัญหาพลังงานที่ยั่งยืนได้

It will happen if we, you know, continue to push hard,

มันจะเกิดขึ้น ถ้าเราพยายามอย่างหนักต่อไปเรื่อย ๆ

the future is bright and good from an energy standpoint.

อนาคตจะสดใสและดีงาม ในมุมของเรื่องพลังงาน

And then it will be possible to also use that energy to do carbon sequestration.

มันจะเป็นไปได้ ถ้าเราใช้พลังงานนั้นกักเก็บคาร์บอน

It takes a lot of energy to pull carbon out of the atmosphere

การดึงคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ ต้องใช้พลังงานสูงมาก

because in putting it in the atmosphere it releases energy.

เพราะตอนปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ มันคายพลังงาน

So now, you know, obviously in order to pull it out,

แน่นอนว่า เพื่อที่จะดูดมันออกมา

you need to use a lot of energy.

คุณต้องใช้พลังงานสูงมาก

But if you've got a lot of sustainable energy from wind and solar,

ถ้าคุณมีพลังงานที่ยั่งยืน จากลมและแสงอาทิตย์

you can actually sequester carbon.

คุณจะกักเก็บคาร์บอนได้จริง ๆ

So you can reverse the CO2 parts per million of the atmosphere and oceans.

คุณจะเปลี่ยน CO2 ได้หลายส่วนในล้าน ของที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศและท้องทะเล

And also you can really have as much fresh water as you want.

และคุณก็สามารถมีน้ำสะอาด ได้มากเท่าที่คุณอยากจะมี

Earth is mostly water.

โลกเป็นน้ำซะมาก

We should call Earth “Water.”

เราควรจะเรียกโลกว่า “น้ำ”

It's 70 percent water by surface area.

มันมีน้ำปกคลุมพื้นผิวอยู่ 70%

Now most of that’s seawater,

ส่วนใหญ่เป็นน้ำเค็ม

but it's like we just happen to be on the bit that's land.

แต่เราก็แค่อยู่บนส่วนเล็ก ๆ ที่เป็นผืนแผ่นดิน

CA: And with energy, you can turn seawater into --

คริส: กับพลังงานนั้น คุณสามารถเปลี่ยนน้ำเค็มเป็น--

EM: Yes.

อีลอน: ใช่แล้วครับ

CA: Irrigating water or whatever water you need.

คริส: ทำชลประทาน หรือทำน้ำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ

EM: At very low cost.

อีลอน: ในราคาที่ต่ำมาก ๆ

Things will be good.

หลายอย่างจะยอดเยี่ยม

CA: Things will be good.

คริส: ใช่ครับ

And also, there's other benefits to this non-fossil fuel world

และยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ในโลกที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

where the air is cleaner --

ที่ซึ่งอากาศบริสุทธิ์ขึ้น

EM: Yes, exactly.

อีลอน: ใช่แล้ว แน่นอนครับ

Because, like, when you burn fossil fuels,

เพราะเมื่อเราเผาผลาญพลังงานฟอสซิล

there's all these side reactions

ปฏิกิริยาข้างเคียงต่าง ๆ จะเกิดขึ้น

and toxic gases of various kinds.

เกิดก๊าซพิษอีกหลายชนิด

And sort of little particulates that are bad for your lungs.

และอนุภาคเล็ก ๆ ที่ไม่ดีต่อปอด

Like, there's all sorts of bad things that are happening

เรื่องแย่ ๆ อีกมากที่เกิดขึ้นตอนนี้จะหายไป

that will go away.

And the sky will be cleaner and quieter.

ท้องฟ้าก็จะสะอาดและเงียบสงบขึ้น

The future's going to be good.

อนาคตจะออกมาดี

CA: I want us to switch now to think a bit about artificial intelligence.

คริส: ผมอยากจะเปลี่ยนไปคุยกันสักนิด ถึงเรื่องปัญญาประดิษฐ์

But the segue there,

แต่ก่อนอื่น

you mentioned how annoying it is when people call you up

คุณเคยบอกว่ามันน่ารำคาญแค่ไหน เวลาที่มีคนชี้มาที่คุณ

for bad predictions in the past.

สำหรับคำทำนายที่ผิดพลาดในอดีต

So I'm possibly going to be annoying now,

ดังนั้นผมก็น่าจะกำลังจะทำให้คุณรำคาญ

but I’m curious about your timelines and how you predict

แต่ผมสงสัยเกี่ยวกับลำดับเวลา วิธีการที่คุณพยากรณ์

and how come some things are so amazingly on the money and some aren't.

และทำไมบางเรื่องถึงแม่นราวกับจับวาง ส่วนบางเรื่องก็พลาด

So when it comes to predicting sales of Tesla vehicles, for example,

อย่างตอนที่พยากรณ์ยอดขายรถเทสล่า

you've kind of been amazing,

คุณแม่นอย่างเหลือเชื่อ

I think in 2014 when Tesla had sold that year 60,000 cars,

ผมคิดว่าในปี 2014 ตอนที่รถเทสล่าถูกขายออกไป 60,000 คัน

you said, "2020, I think we will do half a million a year."

คุณบอกว่า “ปี 2020 ผมว่าเราจะขายได้ครึ่งล้านต่อปี”

EM: Yeah, we did almost exactly a half million.

อีลอน: ใช่ เราทำได้ เกือบครึ่งล้านเป๊ะ ๆ

CA: You did almost exactly half a million.

คริส: คุณทำได้เกือบครึ่งล้านเป๊ะ

You were scoffed in 2014 because no one since Henry Ford,

คุณถูกเยาะเย้ยในปี 2014

เพราะไม่มีใครเลยตั้งแต่เฮนรี ฟอร์ด กับรถรุ่นโมเดลที

with the Model T, had come close to that kind of growth rate for cars.

ที่จะมีอัตราการเพิ่มยอดขายที่สูงแบบนั้น

You were scoffed, and you actually hit 500,000 cars

คุณถูกเยาะเย้ย และคุณก็ขายได้ 500,000 คัน

and then 510,000 or whatever produced.

และผลิตประมาณ 510,000 คัน

But five years ago, last time you came to TED,

แต่ 5 ปีที่แล้ว ครั้งสุดท้ายที่คุณมาเยือน TED

I asked you about full self-driving,

ผมถามคุณเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ

and you said, “Yeah, this very year,

และคุณก็บอกว่า “ปีนี้แหละ

I'm confident that we will have a car going from LA to New York

ผมมั่นใจว่าเราจะมีรถที่ ขับเคลื่อนจากแอลเอไปยังนิวยอร์ก

without any intervention."

โดยไม่มีการแทรกแซงจากคนขับ”

EM: Yeah, I don't want to blow your mind, but I'm not always right.

อีลอน: ครับ ผมก็ไม่อยากทำให้คุณประหลาดใจนะ แต่ผมก็ไม่ได้ถูกเสมอไป

CA: (Laughs)

คริส: (หัวเราะ)

What's the difference between those two?

สองอย่างนี้มันต่างกันยังไงครับ

Why has full self-driving in particular been so hard to predict?

ทำไมเรื่องรถยนต์ไร้คนขับ ถึงเป็นเรื่องที่พยากรณ์ได้ยาก

EM: I mean, the thing that really got me,

อีลอน: คือว่า สิ่งที่ผมเจอ

and I think it's going to get a lot of other people,

และผมคิดว่าหลาย ๆ คนก็จะเจอเหมือนกัน

is that there are just so many false dawns with self-driving,

ก็คือมีความหวังเลื่อนลอยมากมาย เกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ

where you think you've got the problem,

คือเมื่อคุณเจอปัญหา

have a handle on the problem,

ซึ่งคุณได้พยายามจัดการแล้ว

and then it, no, turns out you just hit a ceiling.

แต่แล้วก็ยังไม่ใช่ทางแก้

คุณเจอทางตัน

Because if you were to plot the progress,

เพราะถ้าคุณพยายามจะอธิบายความคืบหน้า

the progress looks like a log curve.

ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นโค้งลอการิทึม

So it's like a series of log curves.

เหมือนเป็นชุดของเส้นโค้งลอการิทึม

So most people don't know what a log curve is, I suppose.

ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า เส้นโค้งนี้หน้าตาเป็นอย่างไร

CA: Show the shape with your hands.

คริส: ใช้มือลากเส้นให้ดูได้ไหมครับ

EM: It goes up you know, sort of a fairly straight way,

อีลอน: ตอนแรกมันจะชันขึ้นเกือบเป็นเส้นตรง

and then it starts tailing off

และความชันก็จะค่อย ๆ ลดลง

and you start getting diminishing returns.

ซึ่งผลลัพธ์ของคุณก็จะลดลง

And you're like, uh oh,

จนคุณรู้สึกว่า

it was trending up and now it's sort of, curving over

แนวโน้มที่เคยเป็นขาขึ้น ได้กลับเป็นขาลง

and you start getting to these, what I call local maxima,

เมื่อคุณมาถึงจุดนี้ ซึ่งผมเรียกว่าจุดสูงสุดของเส้นโค้ง

where you don't realize basically how dumb you were.

จุดที่คุณไม่รู้ตัว ว่าตัวเองนั้นโง่แค่ไหน

And then it happens again.

และมันก็เกิดขึ้นซ้ำอีก

And ultimately...

จนในที่สุด

These things, you know, in retrospect, they seem obvious,

เมื่อมองย้อนกลับมา คุณจะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจน

but in order to solve full self-driving properly,

แต่การจะแก้ปัญหาเรื่องรถยนต์ขับเคลื่อน โดยไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบนั้น

you actually have to solve real-world AI.

คุณต้องแก้ปัญหาปัญญาประดิษฐ์ของโลกจริง

Because what are the road networks designed to work with?

เครือข่ายถนนถูกออกแบบ ให้ทำงานกับอะไรรู้ไหมครับ

They're designed to work with a biological neural net, our brains,

มันถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับ เครือข่ายใยประสาทชีวภาพ

ซึ่งคือสมองของเรา

and with vision, our eyes.

และการมองเห็น ซึ่งคือดวงตาของเรา

And so in order to make it work with computers,

และการทำให้มันทำงาน ร่วมกันได้กับคอมพิวเตอร์

you basically need to solve real-world AI and vision.

คุณต้องแก้ปัญหาปัญหา ปัญญาประดิษฐ์ของโลกจริง

รวมถึงการรับรู้ภาพ

Because we need cameras

เพราะเราต้องการกล้อง

and silicon neural nets

และเครือข่ายใยประสาทซิลิคอน

in order to have self-driving work

เพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองทำงานได้

for a system that was designed for eyes and biological neural nets.

กับระบบที่ออกแบบมาสำหรับ สายตาและสมองของมนุษย์

You know, I guess when you put it that way,

ผมเชื่อว่าถ้าเราพิจารณาแบบนี้

it's sort of, like, quite obvious

จะค่อนข้างชัดเจนว่าหนทางเดียว

that the only way to solve full self-driving

ในการแก้ปัญหาการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง

is to solve real world AI and sophisticated vision.

ก็คือการแก้ปัญหาปัญญาประดิษฐ์โลกจริง และการมองเห็นอันซับซ้อนของมนุษย์

CA: What do you feel about the current architecture?

คริส: คุณคิดว่าสถาปัตยกรรม ในปัจจุบันเป็นอย่างไร

Do you think you have an architecture now

คุณคิดว่ามีสถาปัตยกรรม

where there is a chance

ที่มอบโอกาส

for the logarithmic curve not to tail off any anytime soon?

ให้เส้นโค้งลอการิทึมไม่เสียความชัน ได้เร็ว ๆ นี้หรือไม่

EM: Well I mean, admittedly these may be infamous last words,

อีลอน: ผมยอมรับเลยว่า มันอาจจะเป็นคำพูดที่ทำให้ผมขายหน้า

but I actually am confident that we will solve it this year.

แต่ผมเชื่อมั่นว่า เราจะแก้ปัญหานั้นได้ในปีนี้

That we will exceed --

ซึ่งเราจะทำได้ดีกว่า--

The probability of an accident,

โอกาสการเกิดอุบัติเหตุ

at what point do you exceed that of the average person?

ที่จะต่ำกว่ามนุษย์โดยเฉลี่ยทั่วไป

I think we will exceed that this year.

ผมคิดว่าเราจะผ่านจุดนั้นได้ในปีนี้

CA: What are you seeing behind the scenes that gives you that confidence?

คริส: คุณทำอะไรอยู่เบื้องหลัง ถึงมีความมั่นใจขนาดนี้

EM: We’re almost at the point where we have a high-quality

อีลอน: เราใกล้ถึงจุดที่มี ปริภูมิเวกเตอร์คุณภาพสูง

unified vector space.

In the beginning, we were trying to do this with image recognition

ตอนเริ่มต้นเราพยายามทำสิ่งนี้

ด้วยการตรวจจับรูปภาพทีละรูป

on individual images.

But if you get one image out of a video,

ถ้าคุณดึงรูปเดี่ยว ๆ ออกมาจากวิดีโอ

it's actually quite hard to see what's going on without ambiguity.

การอธิบายความหมายของภาพให้ชัดเจน จะทำได้ยากพอสมควร

But if you look at a video segment of a few seconds of video,

แต่ถ้าคุณดูวิดีโอต่อเนื่อง เพียงไม่กี่วินาที

that ambiguity resolves.

ก็จะเข้าใจความหมายได้ชัดเจน

So the first thing we had to do is tie all eight cameras together

สิ่งแรกที่เราทำก็คือ เชื่อมต่อกล้องทั้งแปดตัวไว้ด้วยกัน

so they're synchronized,

เพื่อให้มันทำงานร่วมกัน

so that all the frames are looked at simultaneously

เพื่อให้ทุก ๆ เฟรม ได้รับการพิจารณาพร้อมกัน

and labeled simultaneously by one person,

และติดป้ายพร้อมกันด้วยคนคนเดียว

because we still need human labeling.

เพราะเรายังต้องใช้คนเพื่อติดป้าย

So at least they’re not labeled at different times by different people

อย่างน้อยมันจะไม่ถูกติดป้าย ต่างเวลากันไปโดยคนหลายคนด้วยวิธีต่างกัน

in different ways.

So it's sort of a surround picture.

มันจะกลายเป็นภาพรอบทิศทาง

Then a very important part is to add the time dimension.

และส่วนที่สำคัญมาก ก็คือการเพิ่มมิติของเวลา

So that you’re looking at surround video,

ก็คือคุณกำลังดูวิดีโอรอบทิศทาง

and you're labeling surround video.

และคุณกำลังติดป้ายให้มัน

And this is actually quite difficult to do from a software standpoint.

ซึ่งทำได้ยากพอสมควร เมื่อพิจารณาจากพื้นฐานของซอฟต์แวร์

We had to write our own labeling tools

เราต้องสร้างเครื่องมือติดป้ายขึ้นมาเอง

and then create auto labeling,

และทำให้ติดป้ายได้อย่างอัตโนมัติ

create auto labeling software to amplify the efficiency of human labelers

สร้างซอฟต์แวร์ติดป้ายอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการติดป้ายโดยคน

because it’s quite hard to label.

ซึ่งทำได้ยากพอสมควร

In the beginning, it was taking several hours

ในตอนแรกเราใช้เวลาหลายชั่วโมง

to label a 10-second video clip.

เพื่อติดป้ายให้วิดีโอยาว 10 วินาที

This is not scalable.

และทำให้เร็วขึ้นอีกไม่ได้

So basically what you have to have is you have to have surround video,

โดยพื้นฐานแล้ว สิ่งที่คุณต้องมี คือวิดีโอรอบทิศทาง

and that surround video has to be primarily automatically labeled

และวิดีโอรอบทิศทางนั้น ต้องถูกติดป้ายโดยอัตโนมัติมาก่อน

with humans just being editors

ซึ่งมนุษย์จะเป็นเพียงผู้ตัดต่อ

and making slight corrections to the labeling of the video

และแก้ไขการติดป้ายวิดีโอ อีกเพียงเล็กน้อย

and then feeding back those corrections into the future auto labeler,

แล้วจึงส่งต่อการแก้ไขนั้น ไปยังระบบติดป้ายอัตโนมัติในอนาคต

so you get this flywheel eventually

เพื่อให้ระบบทำงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

where the auto labeler is able to take in vast amounts of video

นั่นคือการที่การติดป้ายอัตโนมัติ สามารถทำงานได้ในปริมาณมาก

and with high accuracy,

และมีความแม่นยำสูง

automatically label the video for cars, lane lines, drive space.

ติดป้ายให้กับรถ เส้นจราจร ช่องทางวิ่ง ในวิดีโอได้อย่างอัตโนมัติ

CA: What you’re saying is ...

คริส: คุณหมายความว่า

the result of this is that you're effectively giving the car a 3D model

ผลลัพธ์ของสิ่งนี้ คือการสร้างตัวแบบสามมิติของรถ

of the actual objects that are all around it.

ที่มีวัตถุต่าง ๆ ล้อมรอบอยู่

It knows what they are,

พร้อมกับแยกแยะได้ว่าคืออะไร

and it knows how fast they are moving.

และเคลื่อนที่เร็วเท่าไร

And the remaining task is to predict

งานที่เหลือก็คือการพยากรณ์

what the quirky behaviors are that, you know,

ว่าจะเกิดพฤติกรรมแปลก ๆ ได้อย่างไรบ้าง

that when a pedestrian is walking down the road with a smaller pedestrian,

คนอาจจะเดินลงมาบนถนน พร้อมกับเด็กเล็ก

that maybe that smaller pedestrian might do something unpredictable

และคนที่ตัวเล็กกว่า อาจจะทำบางอย่างที่เกิดคาดเดา

or things like that.

ประมาณนั้น

You have to build into it before you can really call it safe.

คุณต้องทำให้ระบบทำงานได้ขนาดนั้น ถึงจะเรียกได้เต็มปากว่าปลอดภัย

EM: You basically need to have memory across time and space.

อีลอน: คุณต้องมีหน่วยความจำ ทั้งในมิติของเวลาและสถานที่

So what I mean by that is ...

ผมหมายความว่า

Memory can’t be infinite,

หน่วยความจำต้องมีไม่จำกัด

because it's using up a lot of the computer's RAM basically.

เพราะต้องใช้หน่วยความจำ จำนวนมากในคอมพิวเตอร์

So you have to say how much are you going to try to remember?

คุณต้องบอกได้ว่า ต้องใช้ปริมาณความจำมากแค่ไหน

It's very common for things to be occluded.

และก็เป็นเรื่องปกติมาก ที่วัตถุจะถูกบัง

So if you talk about say, a pedestrian walking past a truck

ตัวอย่างเช่น คนกำลังเดินผ่านรถบรรทุก

where you saw the pedestrian start on one side of the truck,

คุณจะเห็นคนเริ่มเดิน จากด้านหนึ่งของรถบรรทุก

then they're occluded by the truck.

และถูกรถบรรทุกบัง

You would know intuitively,

แต่คุณจะรู้ได้เอง

OK, that pedestrian is going to pop out the other side, most likely.

ว่าคนนั้นก็น่าจะ โผล่ออกมาที่อีกข้างของรถ

CA: A computer doesn't know it.

คริส: ซึ่งคอมพิวเตอร์จะไม่เข้าใจ

EM: You need to slow down.

อีลอน: คุณถึงต้อง ลดความเร็ว

CA: A skeptic is going to say that every year for the last five years,

คริส: คนช่างสงสัยก็จะพูดว่า ทุก ๆ ปีในช่วงห้าปีหลังมานี้

you've kind of said, well,

คุณพูดซ้ำ ๆ ว่า

no this is the year,

ไม่ใช่ปีนี้

we're confident that it will be there in a year or two or, you know,

แต่เรามั่นใจว่าระบบจะพร้อม ในอีกปีหรือสองปีข้างหน้า

like it's always been about that far away.

เหมือนเป็นอีกปีสองปีข้างหน้าอยู่เรื่อยไป

But we've got a new architecture now,

แต่ตอนนี้เรามีสถาปัตยกรรมใหม่

you're seeing enough improvement behind the scenes

คุณเห็นพัฒนาการที่มากพอ อยู่หลังฉากนั่น

to make you not certain, but pretty confident,

ทำให้คุณมั่นใจมากพอ แม้อาจจะไม่เต็มร้อย

that, by the end of this year,

ว่าภายในสิ้นปีนี้

what in most, not in every city, and every circumstance

ในเกือบทุกเมือง แต่ไม่ถึงขนาดทุกเมืองและทุกสถานการณ์

but in many cities and circumstances,

แต่ในหลายเมืองและหลายสถานการณ์

basically the car will be able to drive without interventions

รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนได้เอง โดยไม่ต้องใช้มนุษย์ควบคุม

safer than a human.

และปลอดภัยกว่ามนุษย์ขับ

EM: Yes.

อีลอน: ใช่ครับ

I mean, the car currently drives me around Austin

ตอนนี้ที่ออสติน ผมก็ใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้เอง

most of the time with no interventions.

โดยที่ผมแทบไม่ต้องควบคุมใด ๆ เลย

So it's not like ...

ไม่ใช่แบบว่า--

And we have over 100,000 people

เรามีคนมากกว่า 100,000 คน

in our full self-driving beta program.

ในโครงการทดสอบรถขับเคลื่อนเองเต็มรูปแบบ

So you can look at the videos that they post online.

คุณสามารถดูวิดีโอ ที่พวกเขาโพสต์ออนไลน์

CA: I do.

คริส: ผมได้ดูแล้ว

And some of them are great, and some of them are a little terrifying.

บางกรณีก็ยอดเยี่ยม และบางกรณีก็น่ากลัวอยู่บ้าง

I mean, occasionally the car seems to veer off

หมายถึงว่าบางครั้ง รถก็เบี่ยงออกนอกทาง

and scare the hell out of people.

จนทำให้ผู้คนตกใจ

EM: It’s still a beta.

อีลอน: ยังเป็นขั้นทดสอบครับ

CA: But you’re behind the scenes, looking at the data,

คริส: แต่คุณประมวลผลข้อมูลอยู่เบื้องหลัง และคุณเห็นพัฒนาการที่มากพอ

you're seeing enough improvement

to believe that a this-year timeline is real.

ที่จะเชื่อได้ว่ากำหนดการในปีนี้ เป็นไปได้จริง

EM: Yes, that's what it seems like.

อีลอน: ใช่ครับ น่าจะเป็นแบบนั้น

I mean, we could be here talking again in a year,

ผมหมายความว่าเราอาจจะ กลับมาคุยกันที่นี่อีกครั้งในปีหน้า

like, well, another year went by, and it didn’t happen.

แล้วก็พบว่าเวลาผ่านไปหนึ่งปี โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

But I think this is the year.

แต่ผมคิดว่าปีนี้แหละ

CA: And so in general, when people talk about Elon time,

คริส: โดยทั่วไป เมื่อผู้คนพูดถึงกรอบเวลาแบบอีลอน

I mean it sounds like you can't just have a general rule

เหมือนว่าคุณจะไม่สามารถ ใช้หลักเกณฑ์ทั่วไป

that if you predict that something will be done in six months,

ในการพยากรณ์ว่าบางสิ่ง จะสำเร็จภายในหกเดือน

actually what we should imagine is it’s going to be a year

แต่เราควรจินตนาการว่า น่าจะเป็นหนึ่งปี

or it’s like two-x or three-x, it depends on the type of prediction.

เหมือนจะต้องคูณสองหรือคูณสาม แล้วแต่ว่าจะพยากรณ์อะไร

Some things, I guess, things involving software, AI, whatever,

ผมเดาว่าเรื่องของซอฟต์แวร์ หรือปัญญาประดิษฐ์

are fundamentally harder to predict than others.

จะคาดการณ์ได้ยาก กว่าเรื่องอื่น ๆ

Is there an element

มีองค์ประกอบอะไรไหม

that you actually deliberately make aggressive prediction timelines

ที่คุณตั้งใจ

ใช้การพยากรณ์กำหนดการอย่างจริงจัง

to drive people to be ambitious?

เพื่อขับเคลื่อนผู้คนให้มีความหวัง

Without that, nothing gets done?

ซึ่งหากไม่มีสิ่งนั้นแล้วจะไม่สำเร็จ

EM: Well, I generally believe, in terms of internal timelines,

อีลอน: ในเชิงกำหนดการส่วนตัวผมเชื่อว่า

that we want to set the most aggressive timeline that we can.

เราต้องการจะทำให้สำเร็จ เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Because there’s sort of like a law of gaseous expansion where,

เพราะจะมีอะไรอย่างเช่น กฎการขยายตัวของก๊าซ

for schedules, where whatever time you set,

ที่เทียบได้กับกำหนดการ ว่าหากเรากำหนดกรอบเวลาไว้แล้ว

it's not going to be less than that.

มันไม่มีทางที่เสร็จเร็วกว่านั้น

It's very rare that it'll be less than that.

หาได้ยากมาก ที่จะเสร็จก่อนกำหนดการ

But as far as our predictions are concerned,

ตราบใดที่ผู้คนจับตามอง การคาดการณ์ของเรา

what tends to happen in the media

ซึ่งมักจะไปอยู่ในสื่อ

is that they will report all the wrong ones

สื่อจะพากันรายงานเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ

and ignore all the right ones.

และละเลยเรื่องดี ๆ

Or, you know, when writing an article about me --

หากจะเขียนบทความเกี่ยวกับผม

I've had a long career in multiple industries.

ผมมีประสบการณ์ยาวเหยียด ในหลายอุตสาหกรรม

If you list my sins, I sound like the worst person on Earth.

หากคุณดูตราบาปของผม ผมจะเป็นคนที่แย่ที่สุดในโลก

But if you put those against the things I've done right,

ถ้ายกเรื่องแย่ ๆ มาเทียบกับเรื่องที่ผมทำไดัดี

it makes much more sense, you know?

ก็จะดูสมเหตุสมผลกว่า

So essentially like, the longer you do anything,

เหมือนกับว่า ยิ่งคุณหยิบจับทำอะไรมากขึ้น

the more mistakes that you will make cumulatively.

ความผิดพลาดก็จะมีมากขึ้น

Which, if you sum up those mistakes,

และถ้าคุณนำความผิดพลาดมารวมกัน

will sound like I'm the worst predictor ever.

ก็เหมือนว่าผมเป็นนักพยากรณ์ที่ย่ำแย่

But for example, for Tesla vehicle growth,

แต่หากจะยกตัวอย่างการเติบโตของเทสล่า

I said I think we’d do 50 percent, and we’ve done 80 percent.

ผมพูดว่าเราจะทำได้ร้อยละ 50 แต่ทำได้จริงถึงร้อยละ 80

CA: Yes.

คริส: ใช่เลย

EM: But they don't mention that one.

อีลอน: แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดถึง

So, I mean, I'm not sure what my exact track record is on predictions.

ผมไม่แน่ใจว่า ฝีมือการพยากรณ์ของผมเป็นอย่างไร

They're more optimistic than pessimistic, but they're not all optimistic.

ซึ่งส่วนใหญ่จะมองโลกในแง่ดี แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำได้จริง

Some of them are exceeded probably more or later,

แต่ก็อาจจะมากกว่าหรือช้ากว่าที่คาดไว้

but they do come true.

แต่สุดท้ายก็เป็นจริง

It's very rare that they do not come true.

ไม่ค่อยมีที่ไม่เกิดขึ้นจริง

It's sort of like, you know,

ประมาณว่า

if there's some radical technology prediction,

ถ้าจะมีการพยากรณ์เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า มันจะช้าไปสองปีไหม

the point is not that it was a few years late,

but that it happened at all.

แต่อยู่ที่ว่ามันจะเกิดได้จริงไหม

That's the more important part.

สิ่งนี้สำคัญกว่า

CA: So it feels like at some point in the last year,

คริส: เหมือนว่า สักช่วงหนึ่งของปีที่แล้ว

seeing the progress on understanding,

ปัญญาประดิษฐ์ของเทสล่า

มีความก้าวหน้า ในการเข้าใจโลกที่อยู่ล้อมรอบมัน

the Tesla AI understanding the world around it,

led to a kind of, an aha moment at Tesla.

ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาสุดยอดของเทสล่า

Because you really surprised people recently when you said

เพราะเร็ว ๆ นี้คุณทำให้ผู้คนประหลาดใจ ตอนที่คุณพูดว่า

probably the most important product development

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุด

going on at Tesla this year is this robot, Optimus.

ซึ่งจะเกิดขึ้นกับเทสล่าในปีนี้ คือหุ่นยนต์ออปทิมัส

EM: Yes.

อีลอน: ใช่ครับ

CA: Many companies out there have tried to put out these robots,

คริส: หลายบริษัทพยายาม ใช้หุ่นยนต์แบบนี้

they've been working on them for years.

พยายามพัฒนาอยู่หลายปี

And so far no one has really cracked it.

แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จ

There's no mass adoption robot in people's homes.

การใช้หุ่นยนต์ในครัวเรือน ยังไม่แพร่หลายในวงกว้าง

There are some in manufacturing, but I would say,

มีบางรายกำลังผลิต แต่ผมพูดได้ว่า

no one's kind of, really cracked it.

ยังไม่มีใครที่ทำได้ตรงเผง

Is it something that happened

มีอะไรไหมที่เกิดขึ้น

in the development of full self-driving that gave you the confidence to say,

ในการพัฒนารถขับเคลื่อนเองเต็มรูปแบบ ที่ทำให้คุณมั่นใจ

"You know what, we could do something special here."

แบบว่า “เราอาจจะทำสิ่งที่พิเศษได้ที่นี่”

EM: Yeah, exactly.

อีลอน: ใช่เลยครับ

So, you know, it took me a while to sort of realize

ผมต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเลย เพื่อทำความเข้าใจว่า

that in order to solve self-driving,

การแก้ปัญหาเรื่องรถขับเคลื่อนเอง

you really needed to solve real-world AI.

เราต้องแก้ปัญหาปัญญาประดิษฐ์ในโลกจริง

And at the point of which you solve real-world AI for a car,

และเมื่อเราแก้ปัญหา ปัญญาประดิษฐ์ในโลกจริงของรถยนต์

which is really a robot on four wheels,

ซึ่งที่จริงก็คือหุ่นยนต์สี่ล้อได้แล้วนั้น

you can then generalize that to a robot on legs as well.

เราถึงจะสามารถนำสิ่งนั้นไปประยุกต์ใช้ กับหุ่นยนต์ที่มีขาได้

The two hard parts I think --

สองเรื่องที่ผมคิดว่ายาก

like obviously companies like Boston Dynamics

อย่างที่เห็นที่ได้ชัดคือบริษัท อย่างบอสตันไดนามิกส์

have shown that it's possible to make quite compelling,

ได้ทำให้เห็นแล้วว่าเราสามารถ ผลิตหุ่นยนต์ที่เสมือนจริงมาก

sometimes alarming robots.

บางทีก็เหมือนจนน่ากลัว

CA: Right.

คริส: จริงครับ

EM: You know, so from a sensors and actuators standpoint,

อีลอน: ถ้ามองในมุมองตัววัด และตัวควบคุมกลไก

it's certainly been demonstrated by many

ก็มีการแสดงให้เห็นมากมายแล้วว่า

that it's possible to make a humanoid robot.

เราผลิตหุ่นยนต์ที่เหมือนมุษย์ขึ้นมาได้

The things that are currently missing are enough intelligence

สิ่งที่ขาดอยู่ในตอนนี้คือ ระดับสติปัญญาของหุ่นยนต์

for the robot to navigate the real world and do useful things

ซึ่งยังไม่สูงพอที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ในโลกจริงได้

without being explicitly instructed.

โดยไม่ต้องรับคำสั่งแบบชัด ๆ

So the missing things are basically real-world intelligence

ดังนั้นสิ่งที่ยังขาด มีเพียงสติปัญญาในโลกจริง

and scaling up manufacturing.

และการเพิ่มปริมาณในการผลิตนั่นเองครับ

Those are two things that Tesla is very good at.

นั่นเป็นสองเรื่อง ที่เทสล่าทำได้ดีมาก ๆ

And so then we basically just need to design the specialized actuators

และดังนั้นเราจึงแค่ต้อง ออกแบบตัวควบคุมกลไกและเซนเซอร์

and sensors that are needed for humanoid robot.

ที่มีลักษณะเฉพาะสำหรับ การผลิตหุ่นยนต์เหมือนมนุษย์

People have no idea, this is going to be bigger than the car.

ทุกคนนึกภาพไม่ออกหรอกว่า ขนาดของมันจะใหญ่กว่ารถยนต์ซะอีก

CA: So let's dig into exactly that.

คริส: เราเจาะลึกเรื่องนั้นกันดีกว่า

I mean, in one way, it's actually an easier problem than full self-driving

ถ้ามองในมุมหนึ่ง อันที่จริงมันเป็น โจทย์ที่ง่ายกว่ารถยนต์ไร้คนขับซะอีก

because instead of an object going along at 60 miles an hour,

เพราะแทนที่จะเป็นวัตถุซึ่งขับเคลื่อน ด้วยความเร็วเกือบร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง

which if it gets it wrong, someone will die.

และสามารถทำให้คนตายได้ ถ้ามันเกิดผิดพลาดขึ้นมา

This is an object that's engineered to only go at what,

แต่นี่คือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา

ให้ขยับด้วยความเร็วเพียง ไม่ถึงสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

three or four or five miles an hour.

And so a mistake, there aren't lives at stake.

ดังนั้นหากทำงานผิดพลาด ก็ไม่เสี่ยงที่จะกระทบต่อชีวิตของใคร

There might be embarrassment at stake.

อาจกระทบแค่ภาพลักษณ์

EM: So long as the AI doesn't take it over and murder us in our sleep or something.

อีลอน: ตราบใดที่ปัญญาประดิษฐ์ยังไม่ ครองโลกและมาฆ่าเราตอนหลับหรืออะไรแบบนั้น

CA: Right.

คริส: นั่นสิครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So talk about --

งั้นถ้าพูดถึง--

I think the first applications you've mentioned

เข้าใจว่าสิ่งแรก ๆ ที่คุณบอกว่าจะทำ

are probably going to be manufacturing,

น่าจะเป็นเรื่องของการผลิต

but eventually the vision is to have these available for people at home.

แต่ภาพสุดท้ายก็คือการมีสิ่งเหล่านี้ อยู่ในบ้านของผู้คน

If you had a robot that really understood the 3D architecture of your house

ถ้ามีหุ่นยนต์ที่เข้าใจ สถาปัตยกรรมแบบสามมิติของบ้านเรา

and knew where every object in that house was

และรู้ว่าของแต่ละชิ้นในบ้านอยู่ตรงไหน

or was supposed to be,

หรือควรจะอยู่ตรงไหน และสามารถจดจำได้ทุกชิ้น

and could recognize all those objects,

I mean, that’s kind of amazing, isn’t it?

มันแบบว่า น่าทึ่งมากเลยใช่ไหมครับ

Like the kind of thing that you could ask a robot to do

ทีนี้สิ่งที่เราสามารถ ขอให้หุ่นยนต์ทำให้ได้

would be what?

จะมีอะไรบ้างล่ะ

Like, tidy up?

อย่างเช่น จัดบ้านเหรอครับ

EM: Yeah, absolutely.

อีลอน: ใช่แล้วครับ

Make dinner, I guess, mow the lawn.

ทำอาหารเย็น ไม่งั้นก็ถางหญ้า

CA: Take a cup of tea to grandma and show her family pictures.

คริส: เอาชาไปเสิร์ฟคุณย่า และเอารูปครอบครัวให้ท่านดู

EM: Exactly. Take care of my grandmother and make sure --

อีลอน: ใช่ครับ ดูแลคุณย่า อะไรทำนองนั้น--

CA: It could obviously recognize everyone in the home.

คริส: มันจะสามารถจดจำ ทุกคนในบ้านได้

It could play catch with your kids.

เล่นวิ่งไล่จับกับลูกคุณได้

EM: Yes. I mean, obviously, we need to be careful

อีลอน: ใช่ครับ และแน่นอนว่า เราต้องระวังไม่ให้

this doesn't become a dystopian situation.

พวกหุ่นยนต์ขึ้นมาครองโลก

I think one of the things that's going to be important

ผมคิดว่าหนึ่งในเรื่องที่จะต้อง ให้ความสำคัญมาก ๆ

is to have a localized ROM chip on the robot

คือการฝังชิปหน่วยความจำ ไว้ในหุ่นยนต์

that cannot be updated over the air.

ซึ่งอัปเดตแบบไร้สายไม่ได้

Where if you, for example, were to say, “Stop, stop, stop,”

ทำให้สมมติเวลาเราสั่งว่า “หยุด หยุด หยุด”

if anyone said that,

ถ้าใครก็ตามพูดคำนั้นขึ้นมา

then the robot would stop, you know, type of thing.

หุ่นยนต์ก็จะหยุด อะไรประมาณนั้นครับ

And that's not updatable remotely.

ซึ่งเป็นคำสั่งที่อัปเดตจากระยะไกลไม่ได้

I think it's going to be important to have safety features like that.

ผมคิดว่าการมีคุณลักษณะนี้ จะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

CA: Yeah, that sounds wise.

คริส: เป็นสิ่งที่ฉลาดมากครับ

EM: And I do think there should be a regulatory agency for AI.

อีลอน: และผมก็คิดว่าจะต้องมี หน่วยงานกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์

I've said that for many years.

ผมพูดเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว

I don't love being regulated,

ผมไม่ชอบการถูกบังคับควบคุม

but I think this is an important thing for public safety.

แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ ต่อความปลอดภัยสาธารณะ

CA: Let's come back to that.

คริส: คุยเรื่องนั้นต่อดีกว่า

But I don't think many people have really sort of taken seriously

แต่ผมไม่คิดว่าจะมีคนจำนวนมาก ที่ให้ความสนใจจริงจัง

the notion of, you know, a robot at home.

กับความคิดที่จะมีหุ่นยนต์ในบ้าน

I mean, at the start of the computing revolution,

อย่างช่วงเริ่มแรก ของการปฏิวัติคอมพิวเตอร์

Bill Gates said there's going to be a computer in every home.

บิล เกตส์พูดไว้ว่า ทุกบ้านจะมีคอมพิวเตอร์

And people at the time said, yeah, whatever, who would even want that.

และผู้คนในตอนนั้นก็บอกว่า แล้วไง ใครจะไปอยากได้อะไรแบบนั้น

Do you think there will be basically like in, say, 2050 or whatever,

คุณคิดว่าเราจะมีแบบว่า สมมติว่าสักในปี 2050 หรือเมื่อไหร่ก็ตาม

like a robot in most homes, is what there will be,

เราจะมีหุ่นยนต์ในแทบทุกครัวเรือน

and people will love them and count on them?

และผู้คนก็จะชื่นชอบ และต้องพึ่งพาพวกมันไหมครับ

You’ll have your own butler basically.

ประมาณว่ามีพ่อบ้านเป็นของตัวเอง

EM: Yeah, you'll have your sort of buddy robot probably, yeah.

อีลอน: ใช่ครับ ทำนองว่าเราจะมี หุ่นยนต์ที่รู้ใจ ใช่แล้ว

CA: I mean, how much of a buddy?

คริส: รู้ใจถึงระดับไหน ผมหมายถึง

How many applications have you thought,

คิดว่าจะนำหุ่นยนต์ไปใช้ได้ถึงระดับไหน

you know, can you have a romantic partner, a sex partner?

จนถึงระดับคู่รัก หรือมีเพศสัมพันธ์เลยไหม

EM: It's probably inevitable.

อีลอน: ก็อาจเป็นไปได้

I mean, I did promise the internet that I’d make catgirls.

ผมเคยสัญญากับชาวเน็ตเอาไว้ ว่าจะสร้างสาวหูแมว

We could make a robot catgirl.

เราอาจจะผลิตหุ่นยนต์สาวหูแมวก็ได้

CA: Be careful what you promise the internet.

คริส: ระวังให้ดีนะครับ เวลาสัญญากับชาวเน็ต

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

EM: So, yeah, I guess it'll be whatever people want really, you know.

อีลอน: นั่นแหละครับ ผมว่า มันคงเป็นอะไรก็ตามที่ผู้คนอยากได้

CA: What sort of timeline should we be thinking about

คริส: แล้วคิดว่าโมเดลหุ่นยนต์ ตัวแรก ๆ จะมีกำหนดการ

of the first models that are actually made and sold?

ผลิตและวางขายจริง ประมาณช่วงไหนครับ

EM: Well, you know, the first units that we intend to make

อีลอน: คือสำหรับรุ่นแรก ๆ เราตั้งใจว่าจะผลิตหุ่นยนต์

are for jobs that are dangerous, boring, repetitive,

เอาไว้สำหรับทำงานที่เสี่ยงอันตราย งานที่ซ้ำซากน่าเบื่อ

and things that people don't want to do.

และเรื่องอื่น ๆ ที่มนุษย์ไม่อยากทำ

And, you know, I think we’ll have like an interesting prototype

แล้วผมคาดว่าเราจะได้ หุ่นยนต์ต้นแบบที่น่าสนใจภายในปีนี้

sometime this year.

We might have something useful next year,

และมีอะไรที่นำไปใช้งานได้ภายในปีหน้า

but I think quite likely within at least two years.

แต่ผมคาดว่าเราจะมีอะไรประมาณนั้น ภายในอย่างน้อยสองปี

And then we'll see rapid growth year over year

หลังจากนั้นก็จะเติบโตรวดเร็วขึ้นในทุกปี

of the usefulness of the humanoid robots

หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จะ ทำอะไร ๆ ได้มากขึ้น

and decrease in cost and scaling up production.

ด้วยต้นทุนที่ลดลง และปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น

CA: Initially just selling to businesses,

คริส: เริ่มขายให้แค่ในแวดวงธุรกิจก่อน

or when do you picture you'll start selling them

หรือคุณมองว่าจะเริ่มขายหุ่นยนต์พวกนี้

where you can buy your parents one for Christmas or something?

ให้ผู้คนซื้อเป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับพ่อแม่หรืออะไรทำนองนี้เมื่อไหร่

EM: I'd say in less than ten years.

อีลอน: ผมว่าในอีกไม่ถึงสิบปีครับ

CA: Help me on the economics of this.

คริส: ช่วยอธิบายในแง่เศรษฐศาสตร์ให้ผมที

So what do you picture the cost of one of these being?

คุณมองว่าราคาหุ่นยนต์พวกนี้ หนึ่งตัวจะอยู่ที่เท่าไหร่

EM: Well, I think the cost is actually not going to be crazy high.

อีลอน: อืม ผมคิดว่าราคาจริง ๆ แล้ว มันจะไม่สูงขนาดนั้นครับ

Like less than a car.

ถูกกว่ารถยนต์ด้วยซ้ำ

Initially, things will be expensive because it'll be a new technology

แรกเริ่มทุกอย่างอาจมีราคาสูง เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่

at low production volume.

และปริมาณการผลิตต่ำ

The complexity and cost of a car is greater than that of a humanoid robot.

ความซับซ้อนและต้นทุนผลิตรถยนต์หนึ่งคัน สูงกว่าหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์หนึ่งตัวอีก

So I would expect that it's going to be less than a car,

ผมจึงคาดการณ์ว่า มันจะมีราคาถูกกว่ารถยนต์

or at least equivalent to a cheap car.

หรืออย่างน้อยก็พอ ๆ กับรถยนต์ถูก ๆ

CA: So even if it starts at 50k, within a few years,

คริส: ดังนั้นแม้ราคาจะเริ่มต้นที่ ห้าหมื่นเหรียญ

it’s down to 20k or lower or whatever.

แต่ในสองสามปีราคาจะตกลง เหลือสองหมื่นเหรียญหรือต่ำกว่านั้น

And maybe for home they'll get much cheaper still.

แถมหุ่นยนต์ในบ้าน ยังอาจถูกลงไปกว่านั้นอีก

But think about the economics of this.

แต่ลองคิดในแง่เศรษฐศาสตร์

If you can replace a $30,000,

ถ้าเราสามารถแทนที่คนงาน

$40,000-a-year worker,

ที่มีค่าแรงสามถึงสี่หมื่นเหรียญต่อปี

which you have to pay every year,

ซึ่งต้องจ่ายให้ทุก ๆ ปี

with a one-time payment of $25,000

ด้วยหุ่นยนต์ที่จ่ายเพียงครั้งเดียว ราคาสองหมื่นห้าพันเหรียญ

for a robot that can work longer hours,

แถมทำงานได้นานกว่า

a pretty rapid replacement of certain types of jobs.

คงทดแทนงานบางประเภท ได้ภายในเวลาสั้น ๆ เลย

How worried should the world be about that?

ผู้คนควรจะกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้ มากแค่ไหนครับ

EM: I wouldn't worry about the sort of, putting people out of a job thing.

อีลอน: ผมคงไม่กังวลเกี่ยวกับ เรื่องที่จะมีใครถูกแทนที่งานนะ

I think we're actually going to have, and already do have,

ผมว่าที่จริงแล้วในอนาคตเราจะขาด หรือไม่ก็กำลังขาด

a massive shortage of labor.

แรงงานมหาศาลอยู่แล้ว

So I think we will have ...

ผมเลยคิดว่าเราจะ...

Not people out of work,

ไม่ได้มีคนตกงาน

but actually still a shortage labor even in the future.

กลับกันจะยังคงขาดแรงงานอยู่ดีในอนาคต

But this really will be a world of abundance.

แต่มันจะกลายเป็น โลกที่ทุกอย่างมีล้นเหลือ

Any goods and services will be available to anyone who wants them.

สินค้าและบริการต่าง ๆ จะมีพร้อม ตามต้องการสำหรับทุกคน

It'll be so cheap to have goods and services, it will be ridiculous.

ราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ จะถูกจนน่าขำไปเลย

CA: I'm presuming it should be possible to imagine a bunch of goods and services

คริส: ผมเดาว่าเราคงจินตนาการได้ถึง สินค้าและบริการมากมายมหาศาล

that can't profitably be made now but could be made in that world,

ที่ไม่สามารถทำขายได้ในปัจจุบัน แต่สามารถทำได้ในโลกอนาคต

courtesy of legions of robots.

ที่มีกองทัพหุ่นยนต์ให้ใช้ไม่จำกัด

EM: Yeah.

อีลอน: ครับ

It will be a world of abundance.

จะเป็นโลกที่ทุกอย่างมีล้นเหลือ

The only scarcity that will exist in the future

สิ่งเดียวจะขาดแคลน ในโลกอนาคตก็คือ

is that which we decide to create ourselves as humans.

การตัดสินใจสร้างมนุษย์ขึ้นมา

CA: OK.

คริส: ครับ

So AI is allowing us to imagine a differently powered economy

ดังนั้นปัญญาประดิษฐ์ ก็ทำให้เราเห็นภาพเศรษฐกิจ

ที่ขับเคลื่อนในรูปแบบที่ต่างออกไป

that will create this abundance.

ซึ่งจะทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์นี้

What are you most worried about going wrong?

คุณกลัวความผิดพลาด เรื่องไหนมากที่สุดครับ

EM: Well, like I said, AI and robotics will bring out

อีลอน: ก็อย่างที่ผมพูดไปครับ ปัญญาประดิษฐ์และวิทยาการหุ่นยนต์

what might be termed the age of abundance.

จะนำไปสู่สิ่งที่อาจเรียกได้ว่า ยุคแห่งความอุดมสมบูรณ์

Other people have used this word,

เคยมีคนใช้คำนี้มาแล้ว และผมก็ทำนายว่าแบบนี้ครับ

and that this is my prediction:

it will be an age of abundance for everyone.

มันจะเป็นยุคแห่งความอุดมสมบูรณ์สำหรับทุกคน

But I guess there’s ...

แต่ผมเดาว่ามันจะมี...

The dangers would be the artificial general intelligence

สิ่งอันตรายก็คือการที่ ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป

or digital superintelligence decouples from a collective human will

หรือปัญญาประดิษฐ์แบบทรงปัญญา แยกตัวเองออกจากเจตจำนงของมนุษย์

and goes in the direction that for some reason we don't like.

แล้วปฏิบัติในทิศทางที่อาจไม่ถูกใจเรา

Whatever direction it might go.

ไม่ว่าจะเป็นทิศทางไหนก็ตาม

You know, that’s sort of the idea behind Neuralink,

เช่นเดียวกับแนวคิดเบื้องหลังของนิวรัลลิงก์

is to try to more tightly couple collective human world

มันคือการพยายามเชื่อมต่อภูมิปัญญามนุษย์

to digital superintelligence.

เข้ากับปัญญาประดิษฐ์ดิจิทัลทรงปัญญา

And also along the way solve a lot of brain injuries and spinal injuries

พร้อมทั้งแก้ปัญหาความบาดเจ็บทางสมอง และกระดูกสันหลัง

and that kind of thing.

อะไรทำนองนั้น

So even if it doesn't succeed in the greater goal,

ดังนั้นถึงแม้จะไม่บรรลุเป้าหมายใหญ่

I think it will succeed in the goal of alleviating brain and spine damage.

ผมคิดว่ามันก็จะประสบความสำเร็จด้านการ บรรเทาความเสียหายทางสมองและกระดูกสันหลัง

CA: So the spirit there is that if we're going to make these AIs

คริส: ดังนั้นเจตนาก็คือ ถ้าเราจะสร้างปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้

that are so vastly intelligent, we ought to be wired directly to them

ซึ่งฉลาดมาก ๆ เราควรจะเชื่อมต่อกับพวกมันโดยตรง

so that we ourselves can have those superpowers more directly.

เพื่อที่จะใช้ความสามารถเหล่านั้น ได้อย่างทันใจมากขึ้น

But that doesn't seem to avoid the risk that those superpowers might ...

แต่นั่นก็เหมือนไม่ได้ลดความเสี่ยง ที่ความสามารถพวกนั้นจะ...

turn ugly in unintended ways.

กลายเป็นอันตรายแบบที่เราไม่ต้องการขึ้นมา

EM: I think it's a risk, I agree.

อีลอน : ผมเห็นด้วย ว่ามีความเสี่ยง

I'm not saying that I have some certain answer to that risk.

ไม่ได้หมายถึงว่าผมมีคำตอบ สำหรับเรื่องความเสี่ยงนี้

I’m just saying like

ผมแค่กำลังบอกว่า

maybe one of the things that would be good

บางทีหนึ่งในสิ่งที่เราควรทำ

for ensuring that the future is one that we want

เพื่อให้แน่ใจว่าอนาคต จะเป็นไปในแบบที่เราต้องการ

is to more tightly couple

คือการเชื่อมต่อภูมิปัญญามนุษย์

the collective human world to digital intelligence.

เข้ากับปัญญาดิจิทัล ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

The issue that we face here is that we are already a cyborg,

ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ก็คือ มนุษย์เองก็กลายเป็นเครื่องกลอยู่แล้ว

if you think about it.

ถ้าคุณลองคิดดู

The computers are an extension of ourselves.

คอมพิวเตอร์คือส่วนต่อขยาย ของตัวเราเอง

And when we die, we have, like, a digital ghost.

และพอเราตายไป เราก็มีวิญญาณดิจิทัล

You know, all of our text messages and social media, emails.

ข้อความตัวอักษร โซเชียลมีเดีย และอีเมลทั้งหมดของเรา

And it's quite eerie actually,

มันน่าขนลุกอยู่เหมือนกันนะครับ

when someone dies but everything online is still there.

ที่พอเวลาใครตายไปแล้ว แต่ทุกอย่าง เกี่ยวกับเขาบนโลกออนไลน์ยังคงอยู่

But you say like, what's the limitation?

แต่คุณถามว่า แล้วขีดจำกัดอยู่ตรงไหน

What is it that inhibits a human-machine symbiosis?

อะไรคือตัวขัดขวางการอยู่ร่วมกัน ของมนุษย์กับเครื่องจักรกล

มันคืออัตราการส่งข้อมูลครับ

It's the data rate.

When you communicate, especially with a phone,

เวลาที่เราติดต่อสื่อสาร โดยเฉพาะทางโทรศัพท์

you're moving your thumbs very slowly.

เราขยับนิ้วหัวแม่มืออย่างช้ามาก ๆ

So you're like moving your two little meat sticks

ก็เหมือนกับเรากำลังขยับ แท่งเนื้อเล็ก ๆ สองแท่ง

at a rate that’s maybe 10 bits per second, optimistically, 100 bits per second.

ด้วยอัตราอาจจะประมาณ 10 บิตต่อวินาที หรืออย่างดีก็ 100 บิตต่อวินาที

And computers are communicating at the gigabyte level and beyond.

ในขณะที่คอมพิวเตอร์สื่อสาร ด้วยอัตราเร็วระดับกิกะไบต์หรือไวกว่านั้น

CA: Have you seen evidence that the technology is actually working,

คริส: คุณเคยพบเห็นอะไรที่ยืนยันได้ว่า เทคโนโลยีนั้นทำงานได้จริง

that you've got a richer, sort of, higher bandwidth connection, if you like,

ว่าคุณมีการเชื่อมต่อที่เข้นข้นขึ้น หรือความเร็วสูงขึ้นได้เท่าที่ต้องการ

between like external electronics and a brain

ระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายนอกกับสมอง

than has been possible before?

อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนไหมครับ

EM: Yeah.

อีลอน: ครับ

I mean, the fundamental principles of reading neurons,

หลักการพื้นฐาน ของการอ่านกระแสประสาท

sort of doing read-write on neurons with tiny electrodes,

การอ่านและบันทึกข้อมูลลงบนกระแสประสาท ผ่านขั้วไฟฟ้าขนาดเล็ก

have been demonstrated for decades.

ก็มีการอธิบายไว้มาเป็นทศวรรษแล้ว

So it's not like the concept is new.

ดังนั้นแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่

The problem is that there is no product that works well

ปัญหาคือไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหน ที่ทำงานได้ดี

that you can go and buy.

ที่คุณสามารถหาซื้อได้

So it's all sort of, in research labs.

ทุกอย่างอยู่ในห้องแล็บวิจัย

And it's like some cords sticking out of your head.

และมันก็มีลักษณะเป็นเหมือน สายไฟระโยงระยางเชื่อมอยู่กับหัวคุณ

And it's quite gruesome, and it's really ...

ซึ่งมองดูน่าสยดสยอง และ...

There's no good product that actually does a good job

ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่ทำงานได้ดีจริง ๆ เลย

and is high-bandwidth and safe

มีแบนด์วิดท์สูง ปลอดภัย

and something actually that you could buy and would want to buy.

เป็นอะไรที่คุณสามารถซื้อได้จริง ๆ และอยากจะซื้อด้วย

But the way to think of the Neuralink device

แต่วิธีคิดของนิวรัลลิงก์

is kind of like a Fitbit or an Apple Watch.

มันคล้าย ๆ กับฟิตบิท ไม่ก็แอปเปิลวอตช์

That's where we take out sort of a small section of skull

คือเราจะดึงส่วนเล็ก ๆ ภายในกะโหลกออกมา

about the size of a quarter,

ขนาดประมาณเหรียญเหรียญหนึ่ง

replace that with what,

แล้วแทนที่มันด้วยอุปกรณ์

in many ways really is very much like a Fitbit, Apple Watch

ที่ในหลาย ๆ ด้านมันคล้ายกับพวก ฟิตบิทและแอปเปิลวอตช์

or some kind of smart watch thing.

หรืออาจเป็นพวกสมาร์ตวอตช์อะไรสักอย่าง

But with tiny, tiny wires,

แต่มีสายไฟที่เล็กมาก

very, very tiny wires.

เล็กแบบเล็กมาก ๆ

Wires so tiny, it’s hard to even see them.

สายมันเล็กมาก จนแทบจะมองไม่เห็น

And it's very important to have very tiny wires

และมันสำคัญมาก ที่จะต้องมีสายไฟที่เล็ก

so that when they’re implanted, they don’t damage the brain.

เพื่อที่จะฝังเข้าไป โดยไม่ทำความเสียหายต่อสมอง

CA: How far are you from putting these into humans?

คริส: อีกนานไหมกว่าคุณจะได้ ลองฝังอุปกรณ์เหล่านี้ลงไปในตัวคน

EM: Well, we have put in our FDA application

อีลอน: เรากำลังยื่นขอใบอนุญาตจากราชการอยู่

to aspirationally do the first human implant this year.

ด้วยความต้องการที่อยากจะฝังอุปกรณ์ ลงในมนุษย์เป็นครั้งแรกในปีนี้

CA: The first uses will be for neurological injuries

คริส: และผู้ใช้งานกลุ่มแรกน่าจะเป็น ผู้ที่ระบบประสาทได้รับความเสียหาย

of different kinds.

ในรูปแบบต่าง ๆ

But rolling the clock forward

แต่มาหมุนเวลาไปข้างหน้ากันสักนิด

and imagining when people are actually using these

และลองจินตนาการถึง ตอนที่ผู้คนได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้จริง ๆ

for their own enhancement, let's say,

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพวกเขา

and for the enhancement of the world,

และเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของโลกด้วย

how clear are you in your mind

คุณคิดภาพไว้ชัดแค่ไหน

as to what it will feel like to have one of these inside your head?

คือมันจะรู้สึกยังไงครับ ที่มีอุปกรณ์พวกนี้อยู่ในหัวคุณ

EM: Well, I do want to emphasize we're at an early stage.

อีลอน: ผมอยากจะย้ำก่อนนะครับ ว่าเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น

And so it really will be many years before we have

และมันน่าจะใช้เวลาอีกหลายปี

anything approximating a high-bandwidth neural interface

ก่อนที่เราจะมีอะไรสักอย่างที่คาดว่า จะมีส่วนเชื่อมต่อระบบประสาทความเร็วสูง

that allows for AI-human symbiosis.

ที่ทำให้คนกับปัญญาประดิษฐ์ทำงานร่วมกันได้

For many years, we will just be solving brain injuries and spinal injuries.

หลายปีที่ผ่านมาเราแค่หาหนทางที่จะ รักษาอาการบาดเจ็บทางสมองและกระดูกสันหลัง

For probably a decade.

น่าจะเกือบ ๆ สิบปี

This is not something that will suddenly one day

มันไม่ใช่เรื่องที่จะ ทำสำเร็จทันทีในวันเดียว

it will have this incredible sort of whole brain interface.

มันจะต้องมีส่วนเชื่อมต่อกับสมองทั้งก้อน ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

It's going to be, like I said,

มันจะเป็นเหมือนกับที่ผมบอกไว้

at least a decade of really just solving brain injuries

อย่างน้อยเกือบทศวรรษที่เรามุ่งจะ รักษาอาการบาดเจ็บทางสมอง

and spinal injuries.

กับอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง

And really, I think you can solve a very wide range of brain injuries,

และจริง ๆ ผมคิดว่าคุณสามารถรักษาอาการ บาดเจ็บทางสมองได้ในระดับที่กว้างพอสมควร

including severe depression, morbid obesity, sleep,

รวมไปถึงอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง โรคอ้วน ปัญหาการนอนหลับ

potentially schizophrenia,

อาจรวมถึงจิตเภทด้วย

like, a lot of things that cause great stress to people.

อะไรหลาย ๆ อย่าง ที่สร้างความเครียดให้กับผู้คน

Restoring memory in older people.

และฟื้นฟูความทรงจำให้กับผู้สูงวัย

CA: If you can pull that off, that's the app I will sign up for.

คริส: ถ้าคุณทำออกมาได้จริง นี่จะเป็นแอปที่ผมจะไปสมัครแน่ ๆ

EM: Absolutely.

อีลอน: แน่นอนครับ

CA: Please hurry. (Laughs)

คริส: ได้โปรดรีบเลยครับ (หัวเราะ)

EM: I mean, the emails that we get at Neuralink are heartbreaking.

อีลอน: อีเมลที่เราได้รับมา ตอนทำนิวรัลลิงก์มันน่าเศร้าใจมากครับ

I mean, they'll send us just tragic, you know,

คือพวกเขาส่งเมลมาหาเรา มีแต่เรื่องน่าเศร้านะครับ

where someone was sort of, in the prime of life

บางคนกำลังอยู่ใน ช่วงชีวิตที่ดีที่สุด

and they had an accident on a motorcycle

แต่ประสบอุบัติเหตุ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์

and someone who's 25, you know, can't even feed themselves.

บางคนนี่น่าจะสักอายุ 25 เองนะครับ ไม่สามารถที่จะกินอาหารเองได้ด้วยซ้ำ

And this is something we could fix.

ซึ่งนี่จะเป็นอะไรที่สามารถแก้ไขได้

CA: But you have said that AI is one of the things you're most worried about

คริส: แต่คุณเคยพูดไว้ว่าปัญญาประดิษฐ์ เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณกังวลมาก ๆ

and that Neuralink may be one of the ways

และนิวรัลลิงก์น่าจะเป็นหนึ่งในหนทาง

where we can keep abreast of it.

ที่จะทำให้มันอยู่ในระดับที่เราควบคุมได้

EM: Yeah, there's the short-term thing,

อีลอน: ครับ ในระยะสั้น

which I think is helpful on an individual human level with injuries.

ผมคิดว่ามันมีประโยชน์ต่อผู้คนในระดับปัจเจก ในการเยียวยาความบาดเจ็บ

And then the long-term thing is an attempt

และในระยะยาวมันเป็นความพยายาม

to address the civilizational risk of AI

ที่จะจัดการความเสี่ยงระดับอารยธรรม ที่เกิดจากปัญญาประดิษฐ์

by bringing digital intelligence

โดยนำเอาความฉลาดทางดิจิทัล และความฉลาดทางชีวภาพ

and biological intelligence closer together.

มาใช้ควบคู่กันไป

I mean, if you think of how the brain works today,

ผมหมายถึง ถ้าคุณคิดถึงการทำงานของสมอง

there are really two layers to the brain.

มันมีสมองสองส่วน

There's the limbic system and the cortex.

คือระบบลิมบิกและคอร์เท็กซ์

You've got the kind of, animal brain where --

คุณลองคิดถึงสมองสัตว์ ส่วนที่--

it’s kind of like the fun part, really.

มันเป็นส่วนที่ค่อนข้างสนุกทีเดียว

CA: It's where most of Twitter operates, by the way.

คริส: ส่วนที่ทวิตเตอร์ทำงานอยู่ ว่างั้นนะครับ

EM: I think Tim Urban said,

อีลอน:ที่ทิม เออร์เบินพูดไว้

we’re like somebody, you know, stuck a computer on a monkey.

เราเหมือนกับคนที่ ฝากคอมพิวเตอร์ไว้กับลิง

You know, so we're like, if you gave a monkey a computer,

คือเหมือนกับว่า ถ้าคุณให้คอมพิวเตอร์สักเครื่องกับลิง

that's our cortex.

นั่นคือสมองส่วนคอร์เท็กซ์

But we still have a lot of monkey instincts.

แต่เรายังมีสัญชาตญาณของลิงอยู่มาก

Which we then try to rationalize as, no, it's not a monkey instinct.

ซึ่งเราพยายามจะหาเหตุผลมาอธิบาย

แต่มันไม่ใช่สัญชาตญาณของลิงหรอกครับ

It’s something more important than that.

มันเป็นอะไรที่สำคัญกว่านั้นมาก

But it's often just really a monkey instinct.

แต่บ่อยครั้งมันก็เป็นแค่ สัญชาตญาณของลิง

We're just monkeys with a computer stuck in our brain.

เราเป็นแค่ลิงที่มีคอมพิวเตอร์ ติดอยู่ในสมองของเรา

But even though the cortex is sort of the smart,

แต่ถึงอย่างนั้น คอร์เท็กซ์ก็เป็นส่วนที่ค่อนข้างฉลาด

or the intelligent part of the brain,

หรือเป็นส่วนสติปัญญาของสมองเลยทีเดียว

the thinking part of the brain,

ส่วนของสมองที่ใช้ความคิด

I've not yet met anyone who wants to delete their limbic system

ผมยังไม่เจอใครที่อยากจะ ลบระบบลิมบิกหรือคอร์เท็กซ์ของตัวเอง

or their cortex.

They're quite happy having both.

พวกเขาค่อนข้างชอบที่จะมีทั้งคู่

Everyone wants both parts of their brain.

ทุกคนต้องการสมองทั้งสองส่วน

And people really want their phones and their computers,

และคนเรายังต้องการ มือถือและคอมพิวเตอร์

which are really the tertiary, the third part of your intelligence.

ซึ่งสำคัญเป็นอันดับสาม เป็นสติปัญญาส่วนที่สามของคุณเลย

It's just that it's ...

มันแค่

Like the bandwidth,

เหมือนกับแบนด์วิดท์

the rate of communication with that tertiary layer is slow.

ความเร็วในการสื่อสาร ของส่วนที่สามมันค่อนข้างช้า

And it's just a very tiny straw to this tertiary layer.

มันเหมือนฟางเส้นเล็ก ๆ ที่เชื่อมกับส่วนที่สามนี้

And we want to make that tiny straw a big highway.

และเราต้องการทำให้ฟางเส้นเล็ก ๆ กลายเป็นทางด่วนขนาดใหญ่

And I’m definitely not saying that this is going to solve everything.

ผมจะไม่พูดแน่นอว่า มันจะสามารถแก้ไขได้ทุกสิ่งอย่าง

Or this is you know, it’s the only thing --

หรือก็คือ...มันเป็นแค่

it’s something that might be helpful.

สิ่งที่อาจจะมีประโยชน์เท่านั้น

And worst-case scenario,

และอย่างน้อยที่สุด

I think we solve some important brain injury,

ผมคิดว่าเราจะรักษา อาการบาดเจ็บบางอย่างทางสมอง

หรือกระดูกสันหลัง

spinal injury issues, and that's still a great outcome.

ซึ่งนั่นก็เป็นผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี

CA: Best-case scenario,

คริส: พูดถึงกรณีดีที่สุด

we may discover new human possibility, telepathy,

เราอาจค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ได้เแก่ การสื่อสารทางจิต

you've spoken of, in a way, a connection with a loved one, you know,

ซึ่งคุณเคยพูดไว้ว่า มันเป็นรูปแบบของการเชื่อมต่อกับคนที่คุณรัก

full memory and much faster thought processing maybe.

มีความทรงจำอันสมบูรณ์แบบ และอาจจะเป็นกระบวนการคิดที่เร็วขึ้น

All these things.

สิ่งเหล่านี้

It's very cool.

มันเจ๋งมากครับ

If AI were to take down Earth, we need a plan B.

ถ้าปัญญาประดิษฐ์ยึดโลก เราต้องการแผนสอง

Let's shift our attention to space.

มาว่ากันด้วยเรื่องอวกาศบ้างดีกว่าครับ

We spoke last time at TED about reusability,

เราคุยกันครั้งก่อนที่ TED เรื่องการใช้ซ้ำ

and you had just demonstrated that spectacularly for the first time.

และคุณได้สาธิตเรื่องนั้นไว้ ได้อย่างน่าตื่นเต้นเป็นครั้งแรก

Since then, you've gone on to build this monster rocket, Starship,

ตั้งแต่นั้น คุณยังคงเดินหน้าต่อ ในการจะสร้างจรวดสตาร์ชิปอันมหืมานี้

which kind of changes the rules of the game in spectacular ways.

อะไรที่ทำให้กฎของเกมนี้ เปลี่ยนไปในทางที่ตื่นเต้นมากขึ้น

Tell us about Starship.

เล่าเรื่องสตาร์ชิปหน่อยสิครับ

EM: Starship is extremely fundamental.

คริส: สตาร์ชิปเป็นรากฐานอันสำคัญมากครับ

So the holy grail of rocketry or space transport

ดังนั้นจอกศักดิ์สิทธิ์ของวิทยาการทางจรวด หรือการเดินทางในอวกาศ

is full and rapid reusability.

คือการใช้ซ้ำอย่างเต็มรูปแบบและรวดเร็ว

This has never been achieved.

สิ่งนี้ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

The closest that anything has come is our Falcon 9 rocket,

สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่เคยมีมา คือจรวดฟัลคอน 9

where we are able to recover the first stage, the boost stage,

ที่เราสามารถจะกู้คืน ส่วนแรกและส่วนขับเคลื่อน

which is probably about 60 percent of the cost of the vehicle

ซึ่งน่าจะเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการปล่อยจรวด

of the whole launch, maybe 70 percent.

น่าจะ 70 เปอร์เซ็นต์

And we've now done that over a hundred times.

และตอนนี้เราทำให้เกิดขึ้นได้ เป็นร้อย ๆ ครั้ง

So with Starship, we will be recovering the entire thing.

และสำหรับสตาร์ชิป เราจะกู้คืนมาใช้ได้ทั้งลำ

Or at least that's the goal.

หรืออย่างน้อย นั่นคือเป้าหมาย

CA: Right.

คริส: ครับ

EM: And moreover, recovering it in such a way

อีลอน: มากไปกว่านั้น เราจะกู้คืนมาในลักษณะที่

that it can be immediately re-flown.

มันสามารถนำกลับไปออกบินได้อีกทันที

Whereas with Falcon 9, we still need to do some amount of refurbishment

เนื่องจากตอนฟัลคอน 9 เรายังต้อง ยกเครื่องใหม่พอสมควร

to the booster and to the fairing nose cone.

ในส่วนของบูสเตอร์ และฝาครอบจรวด

But with Starship, the design goal is immediate re-flight.

แต่เป้าหมายการออกแบบของสตาร์ชิป คือทำให้สามารถนำกลับไปขึ้นบินได้อีกในทันที

So you just refill propellants and go again.

คุณแค่เติมเชื้อเพลิง และก็ออกบินอีกครั้งได้เลย

And this is gigantic.

และนี่มันยิ่งใหญ่มาก

Just as it would be in any other mode of transport.

และมันคงเป็นเหมือนกัน ไม่ว่ากับการเดินทางด้วยวิธีไหน ๆ ก็ตาม

CA: And the main design

คริส: การออกแบบที่สำคัญ

is to basically take 100 plus people at a time,

คือโดยพื้นฐานมันจะ บรรทุกคนกว่า 100 คนได้ในครั้งเดียว

plus a bunch of things that they need, to Mars.

และบวกกับข้าวของสัมภาระ ที่พวกเขาจำเป็นสำหรับการไปดาวอังคาร

So, first of all, talk about that piece.

ก่อนอื่นมาพูดถึงจุดนั้นกันดีกว่า

What is your latest timeline?

แผนการล่าสุดของคุณเป็นยังไงบ้าง

One, for the first time, a Starship goes to Mars,

หนึ่ง เที่ยวบินแรกของสตาร์ชิป ที่จะไปดาวอังคาร

presumably without people, but just equipment.

น่าจะปราศจากผู้โดยสาร มีแค่อุปกรณ์

Two, with people.

สอง แบบที่มีคนไปด้วย

Three, there’s sort of,

สาม แบบว่าที่

OK, 100 people at a time, let's go.

คนร้อยคนในคราวเดียวกัน เริ่มเลยครับ

EM: Sure.

อีลอน: ครับ

And just to put the cost thing into perspective,

การจะจัดการค่าใช้จ่าย ให้ได้สัดส่วน

the expected cost of Starship,

ค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ไว้สำหรับสตาร์ชิป

putting 100 tons into orbit,

สำหรับบรรทุกน้ำหนัก 100 ตันขึ้นสู่วงโคจร

is significantly less than what it would have cost

มันน้อยลงมากกว่าค่าใช้จ่ายที่น่าจะใช้

or what it did cost to put our tiny Falcon 1 rocket into orbit.

หรือเคยใช้ตอนที่เรานำ จรวดฟัลคอนหนึ่งลำเล็ก ๆ ขึ้นสู่วงโคจร

Just as the cost of flying a 747 around the world

เหมือนกับต้นทุนของการบิน เครื่องบินโบอิง 747 รอบโลก

is less than the cost of a small airplane.

มันถูกกว่าของเครื่องบินลำเล็ก ๆ ซะอีก

You know, a small airplane that was thrown away.

หมายถึงพวกเครื่องบินลำเล็ก ๆ ที่ถูกโละทิ้งนะครับ

So it's really pretty mind-boggling that the giant thing costs less,

จึงเป็นเรื่องผิดคาดมากว่า ของใหญ่โตแบบนั้นกลับมีค่าใช้น้อยกว่า

way less than the small thing.

น้อยกว่าพวกสิ่งเล็ก ๆ อีก

So it doesn't use exotic propellants

มันจึงไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงที่แปลกใหม่อะไร

or things that are difficult to obtain on Mars.

หรือต้องการอะไรที่มันเป็นอุปสรรค ในการจะไปดาวอังคาร

It uses methane as fuel,

มันใช้มีเทนเป็นเชื้อเพลิง

and it's primarily oxygen, roughly 77-78 percent oxygen by weight.

ส่วนใหญ่จะเป็นออกซิเจน คร่าว ๆ คิดเป็น 77-78 เปอร์เซ็นของน้ำหนัก

And Mars has a CO2 atmosphere and has water ice,

ชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร มีน้ำแข็ง น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์

which is CO2 plus H2O, so you can make CH4, methane,

เมื่อเอาคาร์บอนไดออกไซด์รวมตัวกับน้ำ คุณจะได้มีเทนและออกซิเจนบนดาวอังคาร

and O2, oxygen, on Mars.

CA: Presumably, one of the first tasks on Mars will be to create a fuel plant

คริส: เป็นไปได้ว่าภารกิจแรก บนดาวอังคารคือการสร้างโรงงานเชื้อเพลิง

that can create the fuel for the return trips of many Starships.

ที่จะสามารถให้เชื้อเพลิงสำหรับ ใช้เดินทางกลับให้กับสตาร์ชิปอีกหลายลำ

EM: Yes.

อีลอน: ใช่ครับ

And actually, it's mostly going to be oxygen plants,

และจริง ๆ แล้ว ส่วนใหญ่ น่าจะเป็นโรงงานผลิตออกซิเจนมากกว่า

because it's 78 percent oxygen, 22 percent fuel.

เพราะมันบรรทุกออกซิเจน 78 เปอร์เซ็นต์ เชื้อเพลิงแค่ 22 เปอร์เซ็นต์

But the fuel is a simple fuel that is easy to create on Mars.

เชื้อเพลิงก็จะเป็นแบบง่าย ๆ ที่สามารถสร้างได้บนดาวอังคาร

And in many other parts of the solar system.

และในหลาย ๆ ส่วนในระบบสุริยะ

So basically ...

ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้ว

And it's all propulsive landing, no parachutes,

มันเป็นการร่อนลงโดยใช้แรงขับเคลื่อน ไม่ใช่ร่มชูชีพ

nothing thrown away.

จะไม่มีอะไรที่ต้องทิ้งไป

It has a heat shield that’s capable of entering on Earth or Mars.

มันมีเกราะกันความร้อนที่สามารถ เข้าสู่โลกหรือดาวอังคารได้

We can even potentially go to Venus.

เราสามารถไปได้กระทั่งดาวศุกร์

but you don't want to go there.

แต่เราไม่อยากไปที่นั่นหรอก

(Laughs)

(หัวเราะ)

Venus is hell, almost literally.

ดาวศุกร์คือนรก ประมาณนั้นเลย

But you could ...

แต่คุณอาจจะ ...

It's a generalized method of transport to anywhere in the solar system,

มันคือวิธีการทั่วไปสำหรับเดินทาง ไปที่ไหนก็ตามในระบบสุริยะ

because the point at which you have propellant depo on Mars,

เพราะในจุดที่คุณมีคลังเก็บเชื้อเพลิง บนดาวอังคารแล้ว

you can then travel to the asteroid belt

คุณสามารถเดินทางไปยังแถบดาวเคราะห์น้อย

and to the moons of Jupiter and Saturn

ไปดวงบริวารของดาวพฤหัสและดาวเสาร์

and ultimately anywhere in the solar system.

และในท้ายที่สุด คือที่ไหนก็ตามในระบบสุริยะ

CA: But your main focus

คริส: แต่ความสนใจหลักของคุณ

and SpaceX's main focus is still Mars.

และของสเปซเอ็กซ์ยังอยู่ที่ดาวอังคาร

That is the mission.

นั่นคือภารกิจ

That is where most of the effort will go?

นั่นคือที่ที่น้ำพักน้ำแรง ส่วนใหญ่จะทุ่มลงไป

Or are you actually imagining a much broader array of uses

หรือจริง ๆ คุณกำลังจินตนาการ จะใช้มันในวงกว้างกว่านั้น

even in the coming, you know,

ต่อให้มีสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในทศวรรษแรก หรือการประยุกต์ใช้อื่น ๆ

the first decade or so of uses of this.

Where we could go, for example, to other places

ที่ที่เราจะสามารถไปได้อีก

in the solar system to explore,

เช่นในบริเวณอื่น ๆ ในระบบสุริยะที่รอเราไปสำรวจ

perhaps NASA wants to use the rocket for that reason.

บางทีนาซาอาจต้องการจะใช้จรวดลำนี้ เพื่อเหตุผลนั้นก็ได้

EM: Yeah, NASA is planning to use a Starship to return to the moon,

อีลอน: ใช่ครับ นาซากำลังวางแผนจะใช้ สตาร์ชิปในการเดินทางกลับไปยังดวงจันทร์

to return people to the moon.

พาคนกลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้ง

And so we're very honored that NASA has chosen us to do this.

และเรารู้สึกเป็นเกียรติมาก ที่นาซามอบหมายให้เราทำสิ่งนี้

But I'm saying it is a generalized --

แต่ผมจะบอกว่ามันเป็นเรื่องทั่วไปนะครับ

it’s a general solution

มันเป็นวิถีทางทั่วไป

to getting anywhere in the greater solar system.

ในการจะไปไหนก็ตาม ในระบบสุริยะอันกว้างใหญ่

It's not suitable for going to another star system,

มันไม่ได้เหมาะสำหรับ จะไปยังระบบดาวอื่น ๆ

but it is a general solution for transport anywhere in the solar system.

แต่มันเป็นวิถีทางทั่วไปสำหรับการเดินทาง ไปยังที่ไหนก็ตามในระบบสุริยะ

CA: Before it can do any of that,

คริส: ก่อนที่มันจะไป

it's got to demonstrate it can get into orbit, you know, around Earth.

มันจะต้องสาธิตว่ามันสามารถ ไปสู่วงโคจรของโลก วนรอบโลก

What’s your latest advice on the timeline for that?

คุณมีข้อมูลล่าสุดอะไรไหม สำหรับกำหนดการในเรื่องนี้

EM: It's looking promising for us to have an orbital launch attempt

อีลอน: มันมีความหวังที่เราจะ พยายามปล่อยจรวดสู่วงโคจร

in a few months.

ในอีกไม่กี่เดือน

So we're actually integrating --

ดังนั้นเราจึงจะประกอบ

will be integrating the engines into the booster

เราก็จะประกอบเครื่องยนต์ เข้ากับตัวบูสเตอร์

for the first orbital flight starting in about a week or two.

สำหรับเที่ยวบินโคจรแรก จะเริ่มในอีกประมาณหนึ่งหรือสองสัปดาห์

And the launch complex itself is ready to go.

ส่วนศูนย์ปล่อยจรวด มันก็พร้อมแล้ว

So assuming we get regulatory approval,

สมมุติว่าเราได้รับการอนุมัติ

I think we could have an orbital launch attempt within a few months.

ผมคิดว่าเราน่าจะทดลองปล่อยขึ้นสู่วงโคจร ได้ภายในสองสามเดือนครับ

CA: And a radical new technology like this

คริส: และเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำเช่นนี้

presumably there is real risk on those early attempts.

น่าจะมีความเสี่ยง ในช่วงที่ทดลองแรกๆ

EM: Oh, 100 percent, yeah.

อีลอน: ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ

The joke I make all the time is that excitement is guaranteed.

มุกตลกที่ผมเล่นอยู่ตลอด คือความตื่นเต้นนี่รับประกันได้เลยครับ

Success is not guaranteed, but excitement certainly is.

ไม่ได้รับประกันความสำเร็จ แต่ความตื่นเต้นละก็มีแน่นอนครับผม

CA: But the last I saw on your timeline,

คริส: แต่คราวที่แล้วผมดูกำหนดการของคุณ

you've slightly put back the expected date

คุณได้เลื่อนวันออกไป

to put the first human on Mars till 2029, I want to say?

กว่าจะส่งมนุษย์คนแรกไปดาวอังคาร ก็คือปี 2029 ผมพูดถูกไหม

EM: Yeah, I mean, so let's see.

อีลอน: ครับ ผมหมายถึง เดี๋ยวนะ

I mean, we have built a production system for Starship,

เราได้สร้างระบบการผลิตสตาร์ชิปไว้แล้ว

so we're making a lot of ships and boosters.

ดังนั้นเรามีการผลิตยานอวกาศ และบูสเตอร์มากมายเลย

CA: How many are you planning to make actually?

คริส: เอาจริง ๆ แล้ว คุณจะสร้างมันกี่ลำครับ

EM: Well, we're currently expecting to make a booster and a ship

อีลอน: ตอนนี้ก็คาดว่าจะทำ บูสเตอร์หนึ่งตัวกับยานอวกาศหนึ่งลำ

roughly every, well, initially, roughly every couple of months,

คร่าว ๆ ก็...ในช่วงเริ่มต้น ประมาณทุก ๆ สองสามเดือน

and then hopefully by the end of this year, one every month.

และก็หวังว่าในสิ้นปีนี้ จะได้หนึ่งลำในทุก ๆ เดือน

So it's giant rockets, and a lot of them.

ก็จะเป็นจรวจยักษ์ และก็อีกมากมายเลย

Just talking in terms of rough orders of magnitude,

พูดในแง่ของการผลิตขนาดใหญ่

in order to create a self-sustaining city on Mars,

เพื่อที่จะสร้างเมืองที่ยั่งยืนได้ ด้วยตัวเองบนดาวอังคาร

I think you will need something on the order of a thousand ships.

ผมคิดว่าจะต้องผลิต ยานอวกาศเป็นพันลำ

And we just need a Helen of Sparta, I guess, on Mars.

เราจำเป็นจะต้องมีเฮเลนแห่งสปาร์ตา บนดาวอังคารนะ

CA: This is not in most people's heads, Elon.

คริส: คนส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดเรื่องนี้นะ อีลอน

EM: The planet that launched 1,000 ships.

อีลอน: โลกที่ปล่อยยานอวกาศ 1,000 ลำ

CA: That's nice.

คริส: ดีจังครับ

But this is not in most people's heads,

แต่ก็ไม่ใช่ เรื่องที่คนส่วนใหญ่คิดกัน

this picture that you have in your mind.

ภาพที่คุณจินตนาการ

There's basically a two-year window,

โดยทั่วไปแล้ว จะมีระยะเวลาสองปี

you can only really fly to Mars conveniently every two years.

คุณสามารถบินไปดาวอังคารได้จริง อย่างสะดวกเลย ทุก ๆ สองปี

You were picturing that during the 2030s,

คุณลองนึกภาพนั้นช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 2030

every couple of years,

ทุก ๆ สองสามปี

something like 1,000 Starships take off,

ประมาณว่ายานสตาร์ชิปพันลำได้ทะยานขึ้น

each containing 100 or more people.

แต่ละลำบรรจุผู้คน 100 คน หรือมากกว่า

That picture is just completely mind-blowing to me.

ภาพนั้นมันทำให้ ผมอึ้งมากนะครับ

That sense of this armada of humans going to --

รู้สึกเหมือนกองเรือรบ ของมนุษย์กำลังจะไป--

EM: It'll be like "Battlestar Galactica," the fleet departs.

อีลอน: เหมือนกองทัพในเรื่อง “แบทเทิลสตาร์กาแลกติกา” ออกเดินทาง

CA: And you think that it can basically be funded by people

คริส: และคุณคิดว่าจะสามารถ ระดมทุนจากผู้คนได้งั้นเหรอ

spending maybe a couple hundred grand on a ticket to Mars?

อาจจะใช้จ่ายประมาณสองสามแสนเหรียญ สำหรับตั๋วไปดาวอังคาร

Is that price about where it has been?

เป็นราคาประมาณนั้นหรือเปล่า

EM: Well, I think if you say like,

อีลอน: ผมคิดว่าหากคุณบอกว่า

what's required in order to get enough people and enough cargo to Mars

อะไรคือสิ่งที่จะทำให้ได้คนเพียงพอ ได้ของบรรทุกเพียงพอสู่ดาวอังคาร

to build a self-sustaining city.

เพื่อสร้างเมืองที่ยั่งยืนด้วยตัวเอง

And it's where you have an intersection

โดยเฉพาะเมื่อคุณมาเจอทางเลือก ของกลุ่มคนที่ต้องการจะไป

of sets of people who want to go,

because I think only a small percentage of humanity will want to go,

เพราะผมคิดว่ามีมนุษย์โลกไม่มาก ที่ต้องการจะไป

and can afford to go or get sponsorship in some manner.

และสามารถที่จะจ่ายได้ หรือได้รับการสนับสนุนให้ไป

That intersection of sets, I think,

เมื่อดูตามเงื่อนไขนี้ ผมคิดว่า

needs to be a million people or something like that.

มันต้องเป็นล้านคนเลยนะ หรืออะไรประมาณนั้นล่ะครับ

And so it’s what can a million people afford, or get sponsorship for,

และอะไรที่คนล้านคนจ่ายได้ หรือได้รับทุนสนับสนุน

because I think governments will also pay for it,

คือผมคิดว่ารัฐบาลจะจ่ายให้ครับ

and people can take out loans.

และประชาชนก็สามารถกู้ได้

But I think at the point at which you say, OK, like,

แต่ผมคิดว่าในจุดนี้ ประมาณว่า

if moving to Mars costs are, for argument’s sake, $100,000,

ถ้าย้ายไปดาวอังคาร ราคาจะถกกันอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งแสนดอลลาร์

then I think you know, almost anyone can work and save up

ซึ่งผมคิดว่าไม่ว่าใคร ก็สามารถทำงานและเก็บออมได้

and eventually have $100,000 and be able to go to Mars if they want.

แล้วก็จะมีเงินแสน เพื่อเดินทางไปดาวอังคาร

We want to make it available to anyone who wants to go.

เราอยากที่จะทำให้มันเป็นไปได้ สำหรับทุกคนที่อยากไป

It's very important to emphasize that Mars, especially in the beginning,

มันสำคัญมากที่จะให้ความสำคัญกับดาวอังคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะต้น

will not be luxurious.

มันไม่หรูหราสุขสบายหรอกครับ

It will be dangerous, cramped, difficult, hard work.

มันออกจะน่ากลัว คับแคบ มันยาก เป็นงานยาก

It's kind of like that Shackleton ad for going to the Antarctic,

มันก็คล้ายกับโฆษณาแช็คเคิลตัน ที่ไปแอนตาร์กติกานั่นละครับ

which I think is actually not real, but it sounds real and it's cool.

ซึ่งผมคิดว่ามันไม่จริงหรอก แต่ฟังดูเป็นไปได้ และมันก็เจ๋งด้วย

It's sort of like, the sales pitch for going to Mars is,

การเสนอขายเที่ยวบินไปดาวอังคาร มันจะเป็นแบบนี้

"It's dangerous, it's cramped.

“มันอันตรายและแออัด

You might not make it back.

คุณอาจจะไม่ได้กลับมาด้วยซ้ำ

It's difficult, it's hard work."

มันเหนื่อยยากและเป็นงานหนัก”

That's the sales pitch.

นั่นคือการเสนอขาย

CA: Right.

คริส: ครับ

But you will make history.

แต่คุณจะสร้างประวัติศาสตร์

EM: But it'll be glorious.

อีลอน: มันจะต้องรุ่งโรจน์ครับ

CA: So on that kind of launch rate you're talking about over two decades,

คริส: แล้วในส่วนของอัตราการปล่อยยาน ที่คุณกำลังพูดถึงว่าอีกกว่าสองทศวรรษ

you could get your million people to Mars, essentially.

คุณสามารถที่จะส่งคนเป็นล้านไปดาวอังคารได้

นั่นจะเป็นเมืองของใครครับ

Whose city is it?

Is it NASA's city, is it SpaceX's city?

เมืองของนาซา หรือว่าเมืองของสเปซเอ็กซ์

EM: It’s the people of Mars’ city.

อีลอน: เมืองของชาวดาวอังคารครับ

The reason for this, I mean, I feel like why do this thing?

เหตุผลของมัน ผมรู้สึกว่าที่กำลังทำอยู่นี้

I think this is important for maximizing

ผมว่ามันสำคัญมาก ที่จะทำให้อายุขัยของมนุษยชาติ

the probable lifespan of humanity or consciousness.

ถูกยืดออกไปให้ได้นานที่สุด หรือไม่ก็เป็นที่จิตสำนึกรู้

Human civilization could come to an end for external reasons,

อารยธรรมมนุษย์อาจถึงจุดจบ ด้วยเหตุผลภายนอก

like a giant meteor or super volcanoes or extreme climate change.

เช่น อุกกาบาตยักษ์ ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ หรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่รุนแรง

Or World War III, or you know, any one of a number of reasons.

สงครามโลกครั้งที่สาม หรือหนึ่งในเหตุใด ๆ ก็ตาม

But the probable life span of civilizational consciousness

แต่ช่วงชีวิตที่ยังรับรู้ได้ถึงอารยธรรม

as we know it,

เท่าที่เรารู้

which we should really view as this very delicate thing,

เราควรจะหันมามองมันอย่างจริงจัง เหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน

like a small candle in a vast darkness.

เหมือนเทียนเล่มเล็กในความมืดอันกว้างใหญ่

That is what appears to be the case.

นั่นก็คือสิ่งที่จะปรากฏขึ้นในกรณีนี้

We're in this vast darkness of space,

เราอยู่ในห้วงอวกาศอันมืดมิด

and there's this little candle of consciousness

และมีเทียนเล็ก ๆ ของการรับรู้

that’s only really come about after 4.5 billion years,

ที่จะมาให้เห็นหลังจากที่ ผ่านไปแล้ว 4.5 พันล้านปีเท่านั้น

and it could just go out.

และมันอาจจะหายวับไป

CA: I think that's powerful,

คริส: ทรงพลังมากครับ

and I think a lot of people will be inspired by that vision.

และผมคิดว่าผู้คนมากมาย จะได้แรงบันดาลใจจากมุมมองนั้น

And the reason you need the million people

และเหตุผลที่คุณต้องการคนล้านคน

is because there has to be enough people there

ก็เพราะว่าที่นั่น มันจะต้องมีคนเพียงพอ

to do everything that you need to survive.

ที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีชีวิตรอด

EM: Really, like the critical threshold is if the ships from Earth stop coming

จริง ๆ มันเหมือนจุดเปลี่ยนในยามวิกฤต คือถ้าหากว่าไม่มียานอวกาศจากโลกมา

for any reason,

ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม

does the Mars City die out or not?

เมืองดาวอังคารจะสูญสิ้นหรือไม่

And so we have to --

ดังนั้น เราจะต้อง--

You know, people talk about like, the sort of, the great filters,

คือคนพูดถึงคล้าย ๆ กับว่า เป็นกำแพงแห่งการวิวัฒนาการ

the things that perhaps, you know,

สิ่งที่บางที

we talk about the Fermi paradox, and where are the aliens?

เราพูดถึงปฏิทรรศน์ของแฟร์มี และเอเลียนอยู่ที่ไหน

Well maybe there are these various great filters

อาจจะมีกำแพงแห่งวิวัฒนาการมากมาย

that the aliens didn’t pass,

ที่เอเลียนไม่สามารถผ่านมาได้

and so they eventually just ceased to exist.

และในที่สุดพวกมัน ก็แค่มาถึงจุดสิ้นสุด

And one of the great filters is becoming a multi-planet species.

และหนึ่งในกำแพงแห่งวิวัฒนาการนั้น ก็คือการกลายมาเป็นสายพันธุ์หลากดวงดาว

So we want to pass that filter.

ดังนั้นเราต้องก้าวข้ามกำแพงนั้น

And I'll be long-dead before this is, you know, a real thing,

และผมก็คงจะตายไปนานแล้ว ก่อนที่มันจะกลายเป็นจริงขึ้นมา

before it happens.

ก่อนมันจะเกิดขึ้นจริง

But I’d like to at least see us make great progress in this direction.

แต่อย่างน้อยผมอยากให้เรา มีความคืบหน้าไปในทิศทางนี้

CA: Given how tortured the Earth is right now,

คริส: เพราะเหตุว่า ในตอนนี้ที่โลกเราได้ถูกทำร้าย

how much we're beating each other up,

เราสู้รบกันไปมากขนาดไหน

shouldn't there be discussions going on

มันน่าจะหารือกันไหมว่าเกิดอะไรขึ้น

with everyone who is dreaming about Mars to try to say,

หารือกับทุกคนที่ฝันจะไปดาวอังคาร เพื่อที่พยายามจะบอกว่า

we've got a once in a civilization's chance

เรามีโอกาสแค่ครั้งเดียว ในอารยธรรมนี้

to make some new rules here?

ที่จะสร้างกฎใหม่ ๆ ที่นี่

Should someone be trying to lead those discussions

ควรจะมีใครสักคนเป็นผู้นำในการหารือ

to figure out what it means for this to be the people of Mars' City?

เพื่อที่จะหาว่าอะไรที่มันมีสำคัญ สำหรับชาวดาวอังคาร

EM: Well, I think ultimately

อีลอน: ผมคิดว่าที่สุดแล้ว

this will be up to the people of Mars to decide

มันขึ้นอยู่กับชาวดาวอังคาร ที่จะตัดสินใจครับ

how they want to rethink society.

ว่าพวกเขาอยากจะทบทวนอะไรเกี่ยวกับสังคม

Yeah there’s certainly risk there.

มันมีความเสี่ยงแน่นอน

And hopefully the people of Mars will be more enlightened

ผมหวังว่าชาวดาวอังคาร จะมีปัญญาที่สูงขึ้น

and will not fight amongst each other too much.

และจะไม่สู้รบกันเองมากนัก

I mean, I have some recommendations,

ผมหมายถึง ผมมีคำแนะนำบางอย่าง

which people of Mars may choose to listen to or not.

ที่ชาวดาวอังคาร อาจเลือกที่จะฟังหรือไม่ก็ตาม

I would advocate for more of a direct democracy,

ผมต้องการที่จะสนับสนุน ประชาธิปไตยทางตรง

not a representative democracy,

ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน

and laws that are short enough for people to understand.

และกฎหมายที่สั้นพอที่จะ ทำให้ประชาชนเข้าใจได้

Where it is harder to create laws than to get rid of them.

ซึ่งการออกกฎหมายใหม่ ยากกว่าขจัดมันทิ้งไป

CA: Coming back a bit nearer term,

คริส: กลับมาที่อนาคตอันใกล้

I'd love you to just talk a bit about some of the other possibility space

ผมอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับ อวกาศอื่นที่มีความเป็นไปได้

that Starship seems to have created.

ยานสตาร์ชิปดูเหมือนได้ถูกสร้างขึ้นมา

So given --

ด้วยเหตุนี้

Suddenly we've got this ability to move 100 tons-plus into orbit.

ก็ทำให้เราก็มีความสามารถ ที่จะแบกน้ำหนักกว่า 100 ตันไปสู่วงโคจร

So we've just launched the James Webb telescope,

เราเพิ่งจะปล่อย กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์

which is an incredible thing.

อันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก

It's unbelievable.

มันยากที่จะเชื่อได้

EM: Exquisite piece of technology.

อีลอน: ผลงานชิ้นโบว์แดง

CA: Exquisite piece of technology.

คริส: ครับ มันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง

But people spent two years trying to figure out how to fold up this thing.

แต่คนใช้เวลาสองปี พยายามหาวิธีพับเจ้าสิ่งนี้

มันคือกล้องโทรทรรศน์หนัก 3 ตัน

It's a three-ton telescope.

EM: We can make it a lot easier if you’ve got more volume and mass.

อีลอน: เราสามารถสร้างได้ง่ายกว่าเยอะ ถ้ามีปริมาตรและมวลมากขึ้น

CA: But let's ask a different question.

คริส: แต่ขอถามคำถามที่ต่างไปหน่อยนะครับ

Which is, how much more powerful a telescope could someone design

กล้องโทรทรรศน์กำลังสูงแค่ไหนกัน ที่เราจะสามารถออกแบบได้

based on using Starship, for example?

ถ้าหากใช้สตาร์ชิป

มีตัวอย่างไหมครับ

EM: I mean, roughly, I'd say it's probably an order of magnitude more resolution.

อีลอน: มันจะเป็นกล้องโทรทรรศน์ ที่มีกำลังแยกภาพสูงขึ้นกว่าสิบเท่า

If you've got 100 tons and a thousand cubic meters volume,

น้ำหนัก 100 ตัน และมีปริมาตร 1 พันลูกบาศก์เมตร

which is roughly what we have.

ก็ประมาณที่เรามีล่ะครับ

CA: And what about other exploration through the solar system?

คริส: แล้วเรื่องการสำรวจอื่น ๆ ในระบบสุริยะล่ะครับ

I mean, I'm you know --

ผมหมายถึง ผมว่า --

EM: Europa is a big question mark.

อีลอน: ยูโรปาคือความหวังใหญ่

CA: Right, so there's an ocean there.

คริส: ครับ มันมีมหาสมุทรที่นั่น

And what you really want to do is to drop a submarine into that ocean.

และอะไรที่คุณต้องทำจริง ๆ ก็คือ ปล่อยเรือดำน้ำลงไปในมหาสมุทรนั่น

EM: Maybe there's like, some squid civilization,

อีลอน: บางทีอาจจะมี อารยธรรมของหมึกอยู่บ้าง

cephalopod civilization under the ice of Europa.

อารยธรรมสัตว์จำพวกหมึก ภายใต้ผืนน้ำแข็งของยูโรปา

That would be pretty interesting.

อย่างนั้นแล้วจะน่าสนใจทีเดียว

CA: I mean, Elon, if you could take a submarine to Europa

คริส: ถ้าคุณ เอาเรือดำน้ำไปยูโรปาได้

and we see pictures of this thing being devoured by a squid,

และเรานึกภาพที่เรือดำน้ำ โดนหมึกกลืนเข้าไป

that would honestly be the happiest moment of my life.

นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลย

EM: Pretty wild, yeah.

อีลอน: สุดเหวี่ยงเลยครับ

CA: What other possibilities are out there?

คริส: มีความเป็นไปได้ อื่น ๆ อีกไหมครับ

Like, it feels like if you're going to create a thousand of these things,

เหมือนแบบว่า หากคุณจะสร้าง สิ่งเหล่านี้เป็นพัน ๆ

they can only fly to Mars every two years.

ซึ่งสามารถที่จะบินไปดาวอังคารในทุกสองปี

What are they doing the rest of the time?

แล้วเวลาที่เหลือจะเอาไว้ทำอะไรกันล่ะ

It feels like there's this explosion of possibility

รู้สึกได้ว่ามันมี ความเป็นไปได้สูง

that I don't think people are really thinking about.

ที่ผมก็ไม่คิดว่า คนจะคิดถึงมัน

EM: I don't know, we've certainly got a long way to go.

อีลอน: ผมก็ไม่รู้นะ หนทางผมยังอีกยาวไกล

As you alluded to earlier, we still have to get to orbit.

อย่างที่คุณบอกเป็นนัยก่อนหน้านี้ เรายังคงต้องไปสู่วงโคจร

And then after we get to orbit,

และหลังจากที่เราเข้าสู่วงโคจร

we have to really prove out and refine full and rapid reusability.

เราต้องพิสูจน์ว่ามันจะถูกนำมาใช้ซ้ำ ได้อย่างเต็มที่และรวดเร็ว

That'll take a moment.

นั่นมันก็จะใช้เวลาสักระยะ

But I do think we will solve this.

แต่ผมก็คิดว่า เราจะแก้ไขมันได้

I'm highly confident we will solve this at this point.

เราจะแก้ปัญหา ณ จุดนี้ได้

CA: Do you ever wake up with the fear

คริส: คุณเคยตื่นมาแล้วรู้สึกกลัวไหม

that there's going to be this Hindenburg moment for SpaceX where ...

ว่ามันจะเกิดเหตุแบบฮินเดินบวร์ค กับสเปซเอ็กซ์

EM: We've had many Hindenburg.

อีลอน: เราเจอ มาหลายครั้งแล้ว

Well, we've never had Hindenburg moments with people, which is very important.

เราไม่เคยเจอขนาดเหตุฮินเดินบวร์ค กับผู้คนนะ ซึ่งนั่นสำคัญมาก

Big difference.

แตกต่างกันอย่างมาก

We've blown up quite a few rockets.

เราระเบิดจรวดไปหลายลูกเลยครับ

So there's a whole compilation online that we put together

มีการรวบรวมเอาไว้ในโลกออนไลน์ ที่เรานำมารวมกัน

and others put together,

แล้วก็ที่คนอื่นนำมารวม

it's showing rockets are hard.

มันทำให้เห็นว่าการสร้างจรวดเป็นงานช้าง

I mean, the sheer amount of energy going through a rocket boggles the mind.

พลังงานที่บึ้มออกมาจากจรวด ทำให้ผมอึ้งไปเลย

So, you know, getting out of Earth's gravity well is difficult.

จะหลุดออกจากแรงโน้มถ่วง ของโลกมันยากนะ

We have a strong gravity and a thick atmosphere.

โลกมีแรงโน้มถ่วงสูง ส่วนชั้นบรรยากาศก็หนา

And Mars, which is less than 40 percent,

แต่ดาวอังคารน้อยกว่า 40%

it's like, 37 percent of Earth's gravity

ก็ประมาณ 37% ของแรงโน้มถ่วงโลก

and has a thin atmosphere.

และมีชั้นบรรยากาศที่บางเบา

The ship alone can go all the way

ตัวยานอวกาศเองสามารถ

เดินทางจากพื้นผิวดาวอังคาร ไปยังพื้นผิวโลกด้วยตัวเอง

from the surface of Mars to the surface of Earth.

Whereas getting to Mars requires a giant booster and orbital refilling.

แต่การไปดาวอังคารจะต้องใช้ บูสเตอร์ตัวใหญ่และเติมเชื้อเพลิงในวงโคจร

CA: So, Elon, as I think more about this incredible array of things

คริส: เช่นนั้นแล้ว อีลอน ว่าด้วยสิ่งที่เหลือเชื่อทั้งหลายนี้

that you're involved with,

ที่คุณมีส่วนร่วมด้วย

I keep seeing these synergies,

ผมเห็นอยู่เสมอว่าการรวมพลังกัน

to use a horrible word,

เรียกอย่างหยาบ ๆ นะครับ

between them.

มีการทำงานร่วมกัน

You know, for example,

ก็แบบว่า เช่น

the robots you're building from Tesla could possibly be pretty handy on Mars,

หุ่นยนต์ที่คุณสร้างจากเทสล่า อาจจะมีประโยชน์บนดาวอังคาร

doing some of the dangerous work and so forth.

สำหรับงานอันตราย และงานอื่น ๆ

I mean, maybe there's a scenario where your city on Mars

ผมหมายความว่า เป็นไปได้ที่เมืองของคุณบนดาวอังคาร

doesn't need a million people,

ไม่ต้องมีคนถึงล้านคน

it needs half a million people and half a million robots.

อาจจะมีคนครึ่งล้าน และหุ่นยนต์อีกครึ่งล้าน

And that's a possibility.

นั่นคือสิ่งที่เป็นไปได้

Maybe The Boring Company could play a role

บอริงคอมพานีอาจจะเข้ามา

helping create some of the subterranean dwelling spaces that you might need.

ช่วยสร้างที่อยู่อาศัยใต้ดิน ตามที่คุณต้องการ

EM: Yeah.

อีลอน: ใช่เลย

CA: Back on planet Earth,

คริส: กลับมาที่โลก

it seems like a partnership between Boring Company and Tesla

เหมือนว่าความร่วมมือ ระหว่างบอริงคอมพานีกับเทสล่า

could offer an unbelievable deal to a city

อาจเกิดเป็นข้อเสนอ ที่น่าตื่นตาสำหรับชาวเมือง

to say, we will create for you a 3D network of tunnels

เช่น เราจะสร้างเครือข่าย อุโมงค์สามมิติให้คุณ

populated by robo-taxis

ซึ่งจะเต็มไปด้วยแท็กซี่หุ่นยนต์

that will offer fast, low-cost transport to anyone.

ที่จะมอบบริการขนส่งที่เร็ว และประหยัดให้กับทุกคน

You know, full self-driving may or may not be done this year.

แต่รถยนต์ขับเคลื่อนเอง อาจเสร็จทันในปีนี้หรือไม่ก็ได้

And in some cities, like, somewhere like Mumbai,

ส่วนในบางเมือง อย่างเช่นมุมไบ

I suspect won't be done for a decade.

ผมคาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นภายในสิบปีนี้

EM: Some places are more challenging than others.

อีลอน: บางพื้นที่จะมีความ ท้าทายมากกว่าที่อื่น ๆ

CA: But today, today, with what you've got,

คริส: แต่สิ่งคุณมี ณ วันนี้

you could put a 3D network of tunnels under there.

คุณอาจสร้างเครือข่ายอุโมงค์ สามมิติไว้ใต้นั้นแล้ว

EM: Oh, if it’s just in a tunnel, that’s a solved problem.

อีลอน: ถ้าพูดถึงแค่ในอุโมงค์ ก็ถือปัญหาถูกแก้ไขแล้ว

CA: Exactly, full self-driving is a solved problem.

คริส: รถขับเคลื่อนเองเต็มรูปแบบ ก็จะวิ่งได้ฉลุย

To me, there’s amazing synergy there.

สำหรับผม ที่นั่นมีสุดยอดความร่วมมือกับสตาร์ชิป

With Starship,

you know, Gwynne Shotwell talked about by 2028 having from city to city,

คุณรู้ไหม กวิน ชอตเวลล์พูดไว้ว่า ประมาณปี 2028 เราจะมีการขนส่งระหว่างเมือง

you know, transport on planet Earth.

การขนส่งบนดาวเคราะห์โลก

EM: This is a real possibility.

อีลอน: นี่คือโอกาสที่เป็นไปได้จริง

The fastest way to get from one place to another,

วิธีเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ที่รวดเร็วที่สุด

if it's a long distance, is a rocket.

ถ้าระยะทางไกลก็ต้องใช้จรวด

It's basically an ICBM.

จริง ๆ แล้วมันคือ ขีปนาวุธวิถีโค้งระหว่างทวีป

CA: But it has to land --

คริส: แต่ต้องมีการร่อนลง

Because it's an ICBM, it has to land probably offshore,

เพราะมันเป็นขีปนาวุธวิถีโค้ง มันจะต้องร่อนลงในทะเล

because it's loud.

เพราะเสียงจะดัง

So why not have a tunnel that then connects to the city with Tesla?

ดังนั้นทำไมเราไม่สร้างอุโมงค์ และเชื่อมเมืองต่าง ๆ ด้วยเทสล่า

And Neuralink.

และนิวรัลลิงก์

I mean, if you going to go to Mars

หมายความว่า ถ้าคุณจะไปดาวอังคาร

having a telepathic connection with loved ones back home,

และมีความเชื่อมโยงทางจิต กับคนที่คุณรักบนโลก

even if there's a time delay...

แม้เวลาอาจจะหน่วงบ้างจากระยะทาง--

EM: These are not intended to be connected, by the way.

อีลอน: ไม่ได้ตั้งใจจะให้เชื่อมโยงกัน

But there certainly could be some synergies, yeah.

แต่แน่นอนว่า อาจมีความร่วมมือกันได้ ใช่เลย

CA: Surely there is a growing argument

คริส: ชัดเจนว่ามีกระแสวิจารณ์หนาหู

that you should actually put all these things together

ว่าคุณควรรวมธุรกิจทั้งหมดนี้ เข้าไว้ด้วยกัน

into one company

ในบริษัทเดียว

and just have a company devoted to creating a future

มีเพียงบริษัทเดียว ทุ่มเทกับการสร้างอนาคตที่น่าตื่นเต้น

that’s exciting,

and let a thousand flowers bloom.

และให้เห็นผลสำเร็จพร้อม ๆ กัน

Have you been thinking about that?

คุณคิดแนวทางนี้ไว้บ้างหรือเปล่า

EM: I mean, it is tricky because Tesla is a publicly-traded company,

อีลอน: มันยากเหมือนกัน เพราะเทสล่าเป็นบริษัทมหาชน

and the investor base of Tesla and SpaceX

และกลุ่มนักลงทุนของเทสล่า สเปซเอ็กซ์

and certainly Boring Company and Neuralink are quite different.

รวมถึงบอริงคอมพานีและนิวรัลลิงก์ ก็ค่อนข้างต่างกัน

Boring Company and Neuralink are tiny companies.

บอริงคอมพานีและนิวรัลลิงก์ เป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ

CA: By comparison.

คริส: เล็กกว่าโดยเปรียบเทียบ

EM: Yeah, Tesla's got 110,000 people.

อีลอน: ใช่ครับ เทสล่ามีพนีกงาน 110,000 คน

SpaceX I think is around 12,000 people.

สเปซเอ็กซ์ผมคิดว่ามี 12,000 คน

Boring Company and Neuralink are both under 200 people.

แต่บอริงคอมพานีและนิวรัลลิงก์ มีพนักงานไม่ถึงบริษัทละ 200 คน

So they're little, tiny companies,

จึงถือเป็นบริษัทเล็กจิ๋วเท่านั้น

but they will probably get bigger in the future.

แต่ทั้งสองบริษัท ก็อาจเติบโตขึ้นในอนาคต

They will get bigger in the future.

พวกมันจะเติบโตขึ้นในอนาคต

It's not that easy to sort of combine these things.

ไม่ง่ายที่จะจับรวมธุรกิจเหล่านี้ เข้าด้วยกัน

CA: Traditionally, you have said that for SpaceX especially,

คริส: คุณพูดเสมอว่า จะไม่นำสเปซเอ็กซ์เข้าตลาดหุ้น

you wouldn't want it public,

because public investors wouldn't support the craziness of the idea

เพราะนักลงทุนในตลาดหุ้นจะไม่สนับสนุน แนวคิดหลุดโลกของสเปซเอ็กซ์

of going to Mars or whatever.

ในการไปดาวอังคาร หรือทำนองนั้น

EM: Yeah, making life multi-planetary

อีลอน: ใช่ครับ การเป็นเผ่าพันธ์ุหลากดวงดาว

is outside of the normal time horizon of Wall Street analysts.

อยู่นอกกรอบเวลาปกติ ของนักวิเคราะห์ในวอลสตรีต

(Laughs)

(หัวเราะ)

To say the least.

ถ้าจะพูดอย่างเบานะครับ

CA: I think something's changed, though.

คริส: ผมคิดว่าบางอย่างเปลี่ยนไป

What's changed is that Tesla is now so powerful and so big

สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ เทสล่าในทุกวันนี้ทรงพลังและยิ่งใหญ่

and throws off so much cash

และใช้เงินมหาศาล

that you actually could connect the dots here.

ซึ่งคุณสามารถเชื่อมโยง จุดต่าง ๆ ได้จากที่นี่

Just tell the public that x-billion dollars a year, whatever your number is,

แค่บอกกับสาธารณะว่าจะทุ่มเงิน เท่านั้นเท่านี้พันล้านเหรียญต่อปี

will be diverted to the Mars mission.

ให้กับภารกิจดาวอังคาร

I suspect you'd have massive interest in that company.

ผมคิดว่าคุณน่าจะได้รับความสนใจ อย่างมากในบริษัทนั้น

And it might unlock a lot more possibility for you, no?

และอาจจะช่วยสร้างความเป็นไปได้ ที่มากขึ้นให้กับคุณ ไม่สนใจหรือ

EM: I would like to give the public access to ownership of SpaceX,

อีลอน: ผมก็อยากจะเปิดโอกาสให้สาธารณะ ได้ร่วมเป็นเจ้าของสเปซเอ็กซ์

but I mean the thing that like,

แต่ผมคิดว่า

the overhead associated with a public company is high.

การเป็นบริษัทมหาชน มีต้นทุนสูง

I mean, as a public company, you're just constantly sued.

ผมหมายความว่า เมื่อเป็นบริษัทมหาชน คุณจะมีคดีตลอดเวลา

It does occupy like, a fair bit of ...

ซึ่งเป็นการสิ้นเปลือง

You know, time and effort to deal with these things.

ทั้งเวลาและกำลัง ในการจัดการเรื่องพวกนี้

CA: But you would still only have one public company, it would be bigger,

คริส: แต่คุณยังสามารถมีบริษัทมหาชน เพียงแห่งเดียวตามเดิม แต่ใหญ่ขึ้น

and have more things going on.

ทำหลายอย่างมากขึ้น

But instead of being on four boards, you'd be on one.

แทนที่จะเป็นกรรมการสี่บริษัท คุณก็รวมไว้ในที่เดียว

EM: I'm actually not even on the Neuralink or Boring Company boards.

อีลอน: จริง ๆ ผมไม่ได้เป็นกรรมการ ทั้งนิวรัลลิงก์และบอริงคอมพานี

And I don't really attend the SpaceX board meetings.

และผมก็ไม่ได้เข้าประชุมกรรมการ ของสเปซเอ็กซ์

We only have two a year,

ซึ่งจัดเพียงปีละสองครั้ง

and I just stop by and chat for an hour.

ผมแค่แวะทักทายชั่วโมงเดียว

The board overhead for a public company is much higher.

และการเป็นกรรมการบริษัทมหาชน ยิ่งมีภาระมากขึ้นไปอีก

CA: I think some investors probably worry about how your time is being split,

คริส: ผมคิดว่านักลงทุนบางส่วนอาจกังวล กับการแบ่งเวลาทำงานของคุณ

and they might be excited by you know, that.

และพวกเขาอาจจะตื่นเต้นเมื่อได้รู้ว่า

Anyway, I just woke up the other day

ผมตื่นขึ้นมาอีกวัน

thinking, just, there are so many ways in which these things connect.

และคิดว่ามีหลายวิธี ที่สิ่งต่าง ๆ จะเชื่อมโยงกันได้

And you know, just the simplicity of that mission,

และคุณเชื่อไหม แค่ความเรียบง่ายของพันธกิจ

of building a future that is worth getting excited about,

การสร้างอนาคต ที่ควรค่าแก่การตื่นเต้น

might appeal to an awful lot of people.

ก็อาจจะดึงดูดผู้คนได้มหาศาล

Elon, you are reported by Forbes and everyone else as now, you know,

อีลอนครับ ฟอร์บส์และผู้คนทั่วไป ต่างพูดกันว่า

the world's richest person.

คุณคือผู้ที่รวยที่สุดในโลก

EM: That’s not a sovereign.

อีลอน: ไม่ขนาดผู้นำประเทศ

CA: (Laughs)

คริส: (หัวเราะ)

EM: You know, I think it’s fair to say

อีลอน: ยุติธรรมเหมือนกันที่จะพูดว่า

that if somebody is like, the king or de facto king of a country,

บางคนเช่นกษัตริย์หรือผู้ปกครองโดยนัย ของประเทศหนึ่ง

they're wealthier than I am.

อาจจะรวยกว่าผม

CA: But it’s just harder to measure --

คริส: แต่พวกนั้นก็วัดได้ยาก

So $300 billion.

ไม่เหมือน 300,000 ล้านเหรียญ

I mean, your net worth on any given day

ความมั่งคั่งของคุณในแต่ละวัน

is rising or falling by several billion dollars.

ขยับขึ้นลง วันละหลายพันล้านเหรียญ

How insane is that?

หลุดโลกจริง ๆ

EM: It's bonkers, yeah.

อีลอน: ก็จะประมาณนั้นแหละครับ

CA: I mean, how do you handle that psychologically?

คริส: คุณจัดการความรู้สึก เรื่องตัวเลขความมั่งคั่งยังไง

There aren't many people in the world who have to even think about that.

มีเพียงไม่กี่คนในโลก ที่ต้องคิดเรื่องนี้

EM: I actually don't think about that too much.

อีลอน: จริง ๆ ผมไม่ได้ คิดเรื่องนี้เท่าไรนะ

But the thing that is actually more difficult

แต่สิ่งที่ยากกว่าจริง ๆ ที่ทำให้นอนหลับไม่ค่อยลง

and that does make sleeping difficult

is that, you know,

ก็คือ

every good hour or even minute

ทุกชั่วโมงหรือนาทีที่ใช้อย่างคุ้มค่า

of thinking about Tesla and SpaceX

ในการคิดถึงงานของเทสล่าและสเปซเอ็กซ์

has such a big effect on the company

จะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับบริษัท

that I really try to work as much as possible,

ผมจึงพยายามทำงานให้ได้มากที่สุด

you know, to the edge of sanity, basically.

จนร่างกายหมิ่นเหม่ที่จะรับไม่ไหว

Because you know, Tesla’s getting to the point where

เพราะว่าเทสล่ากำลังเข้าสู่จุดที่

probably will get to the point later this year,

อาจจะถึงจุดนั้น ในช่วงหลัง ๆ ของปีนี้

where every high-quality minute of thinking

จุดที่ทุก ๆ นาที ของการคิดอย่างมีคุณภาพ

is a million dollars impact on Tesla.

หมายถึงผลกระทบระดับร้อยล้านเหรียญ

Which is insane.

บ้าไปแล้ว

I mean, the basic, you know, if Tesla is doing, you know,

พูดง่าย ๆ คือว่า ถ้าเทสล่าสามารถ

sort of $2 billion a week, let’s say, in revenue,

สร้างรายได้ประมาณ สองพันล้านเหรียญต่อสัปดาห์

it’s sort of $300 million a day, seven days a week.

ก็คือสามร้อยล้านเหรียญต่อวัน เจ็ดวันต่อสัปดาห์

You know, it's ...

หมายความว่า

CA: If you can change that by five percent in an hour’s brainstorm,

คริส: ถ้าคุณสามารถเพิ่มตัวเลขได้ 5% จากการคิดงานหนึ่งชั่วโมง

that's a pretty valuable hour.

ก็จะเป็นหนึ่งชั่วโมงที่ทรงคุณค่า

EM: I mean, there are many instances where a half-hour meeting,

มีหลายโอกาส ที่การประชุมครึ่งชั่วโมง

I was able to improve the financial outcome of the company

ผมสามารถเพิ่ม ประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัท

by $100 million in a half-hour meeting.

ได้ถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญ ในเวลาครึ่งชั่วโมง

CA: There are many other people out there

คริส: มีคนจำนวนมากข้างนอกนั่น

who can't stand this world of billionaires.

ที่รับไม่ได้กับโลกแบบนี้ ของเหล่ามหาเศรษฐีพันล้าน

Like, they are hugely offended by the notion

เหมือนกับว่าพวกเขาถูก ดูหมิ่นอย่างมากับปมที่ว่า

that an individual can have the same wealth as, say,

บุคคลเพียงคนเดียว สามารถครอบครองความมั่งคั่ง

a billion or more of the world's poorest people.

เท่ากับคนยากจน นับพันล้านคนหรือมากกว่า

EM: If they examine sort of --

อีลอน: ถ้าพวกเขาจะคิดว่า--

I think there's some axiomatic flaws that are leading them to that conclusion.

ผมคิดว่ามีความเชื่อผิด ๆ ที่นำพวกเขาไปสู่ข้อสรุปแบบนั้น

For sure, it would be very problematic if I was consuming,

แน่นอนว่ามันต้องแย่มาก ถ้าผมบริโภค

you know, billions of dollars a year in personal consumption.

ข้าวของส่วนตัว เป็นพันล้านเหรียญต่อปี

But that is not the case.

แต่ผมไม่ได้ทำแบบนั้น

In fact, I don't even own a home right now.

จริง ๆ ผมไม่มีบ้าน เป็นของตัวเองด้วยซ้ำ

I'm literally staying at friends' places.

ผมอยู่ตามบ้านเพื่อน เป็นแบบนั้นจริง ๆ

If I travel to the Bay Area,

ถ้าผมเดินทางไปเบย์เอเรีย

which is where most of Tesla engineering is,

ซึ่งวิศวกรเทสล่า จะอยู่กันเยอะ

I basically rotate through friends' spare bedrooms.

ผมก็แค่ขออาศัยนอน ตามห้องนอนแขกของเพื่อน ๆ

I don't have a yacht, I really don't take vacations.

ผมไม่มีเรือยอร์ช ผมไม่พักร้อน

It’s not as though my personal consumption is high.

การใช้จ่ายส่วนตัวของผม จึงมีไม่มาก

I mean, the one exception is a plane.

จะมีข้อยกเว้นอย่างเดียว คือเครื่องบิน

But if I don't use the plane, then I have less hours to work.

เพราะถ้าผมไม่ใช้เครื่องบินส่วนตัว ผมจะมีเวลาทำงานน้อยลง

CA: I mean, I personally think you have shown that you are mostly driven

คริส: ส่วนตัวผมเชื่อว่าคุณได้แสดงให้เห็น แล้วว่าคุณมีแรงผลักดัน

by really quite a deep sense of moral purpose.

จากจุดมุ่งหมายทางจริยธรรมที่ลึกซึ้ง

Like, your attempts to solve the climate problem

เช่น คุณเป็นคนที่พยายามจะแก้ ปัญหาภูมิอากาศ

have been as powerful as anyone else on the planet that I'm aware of.

อย่างทรงพลังที่สุดคนหนึ่งในโลก เท่าที่ผมรู้จัก

And I actually can't understand,

ผมจึงไม่ค่อยเข้าใจ

personally, I can't understand the fact

ส่วนตัวผมไม่ค่อยเข้าใจ

that you get all this criticism from the Left about,

ว่าที่คุณถูกวิจารณ์ จากฝ่ายซ้ายว่า

"Oh, my God, he's so rich, that's disgusting."

“พระเจ้า เขารวยมาก ๆ น่าเกลียดมาก ๆ”

When climate is their issue.

ทั้งที่ปัญหาของเขาคือเรื่องภูมิอากาศ

Philanthropy is a topic that some people go to.

ความใจบุญก็เป็นอีกเรื่อง ที่ผู้คนพูดถึงกัน

Philanthropy is a hard topic.

ความใจบุญเป็นประเด็นอ่อนไหว

How do you think about that?

แล้วคุณคิดเห็นอย่างไร

EM: I think if you care about the reality of goodness

อีลอน: ผมคิดว่าถ้าคุณสนใจ ความเป็นจริงของความดีงาม

instead of the perception of it, philanthropy is extremely difficult.

ไม่ใช่แค่รับรู้ถึงความดีงาม

การทำบุญเป็นสิ่งที่ทำยากมาก

SpaceX, Tesla, Neuralink and The Boring Company are philanthropy.

สเปซเอ็กซ์ เทสล่า นิวรัลลิงก์ และบอริงคัมพานีล้วนใจบุญ

If you say philanthropy is love of humanity,

ถ้าคุณนิยามความใจบุญ ว่าคือการรักมนุษยชาติ

they are philanthropy.

บริษัทเหล่านั้นล้วนใจบุญ

Tesla is accelerating sustainable energy.

เทสล่าเร่งรุดการใช้พลังงานที่ยั่งยืน

This is a love -- philanthropy.

นี่คือความรัก ความใจบุญ

SpaceX is trying to ensure the long-term survival of humanity

สเปซเอ็กซ์พยายามสร้างโอกาส ที่มนุษยชาติจะอยู่รอดได้ในระยะยาว

with a multiple-planet species.

ด้วยการเป็นเผ่าพันธุ์หลากดวงดาว

That is love of humanity.

นี่คือความรักที่มีต่อมนุษยชาติ

You know, Neuralink is trying to help solve brain injuries

นิวรัลลิงก์พยายามแก้ปัญหา การบาดเจ็บทางสมอง

and existential risk with AI.

และลดความเสี่ยงจากปัญญาประดิษฐ์

Love of humanity.

นี่คือความรักต่อมนุษยชาติ

Boring Company is trying to solve traffic, which is hell for most people,

บอริงคอมพานีพยายามแก้ปัญหาจราจร ที่หลอกหลอนคนจำนวนมาก

and that also is love of humanity.

และนี่ก็คือความรักต่อมนุษยชาติ

CA: How upsetting is it to you

คริส: คุณหงุดหงิดมากไหม

to hear this constant drumbeat of,

เมื่อได้ยินความเห็นทำนองนี้อยู่เรื่อย ๆ

"Billionaires, my God, Elon Musk, oh, my God?"

“เศรษฐีพันล้าน พระเจ้า อีลอน มัสก์ พระเจ้า”

Like, do you just shrug that off

คุณไม่ได้ใส่ใจ

or does it does it actually hurt?

หรือจริง ๆ คุณก็รู้สึก

EM: I mean, at this point, it's water off a duck's back.

อีลอน: ณ จุดนี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น

CA: Elon, I’d like to, as we wrap up now,

คริส: อีลอน เราจะเข้าช่วงสรุปแล้ว ผมอยากจะ

just pull the camera back and just think ...

ดึงภาพย้อนกลับไป และมองว่า

You’re a father now of seven surviving kids.

คุณเป็นพ่อ ของเด็ก ๆ เจ็ดคน

EM: Well, I mean, I'm trying to set a good example

อีลอน: ผมพยายามจะสร้าง ตัวอย่างที่ดี

because the birthrate on Earth is so low

เพราะอัตราการเกิดชาวโลกนั้นต่ำมาก

that we're facing civilizational collapse

จนเรากำลังเผชิญปัญหาอารยธรรมล่มสลาย

unless the birth rate returns to a sustainable level.

จนกว่าอัตราการเกิดจะกลับสู่ ระดับที่ยั่งยืน

CA: Yeah, you've talked about this a lot,

คริส: นั่นสิ คุณพูดเรื่องนี้บ่อยครั้ง

that depopulation is a big problem,

ว่าประชากรที่ลดลงคือปัญหาใหญ่

and people don't understand how big a problem it is.

และผู้คนไม่เข้าใจ ว่าปัญหานี้หนักหนาเพียงใด

EM: Population collapse is one of the biggest threats

อีลอน: การลดลงของประชากร เป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญ

to the future of human civilization.

สำหรับอนาคตของอารยธรรมมนุษย์

And that is what is going on right now.

และนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้

CA: What drives you on a day-to-day basis to do what you do?

คริส: อะไรผลักดันให้คุณทำในสิ่งที่ทำอยู่ ในแต่ละวัน

EM: I guess, like, I really want to make sure

อีลอน: ผมคิดว่า ผมอยากเพิ่มโอกาส

that there is a good future for humanity

ให้มนุษยชาติมีอนาคตที่ดี

and that we're on a path to understanding the nature of the universe,

และกำลังมุ่งหน้าสู่ความเข้าใจ ธรรมชาติของจักรวาล

the meaning of life.

ความหมายของชีวิต

Why are we here, how did we get here?

เราอยู่ที่นี่เพื่ออะไร มาจุดนี้ได้อย่างไร

And in order to understand the nature of the universe

และเพื่อที่จะเข้าใจ ธรรมชาติจองจักรวาล

and all these fundamental questions,

และคำถามพื้นฐานเหล่านี้ทั้งหมด

we must expand the scope and scale of consciousness.

เราต้องขยายกรอบและขนาด ของความตระหนักรู้

Certainly it must not diminish or go out.

แทนที่จะทำให้ด้อยลงหรือเมินเฉย

Or we certainly won’t understand this.

ซึ่งเราจะไม่มีทางเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้

I would say I’ve been motivated by curiosity more than anything,

ผมอาจจะพูดว่า ผมถูกจูงใจ จากความใคร่รู้มากกว่าสิ่งอื่นใด

and just desire to think about the future

และอยากขบคิดถึงอนาคต

and not be sad, you know?

และไม่เศร้าโศก

CA: And are you?

คริส: คุณเศร้าไหมครับ

Are you not sad?

คุณไม่เศร้าเหรอ

EM: I'm sometimes sad,

อีลอน: บางครั้งผมก็เศร้า

but mostly I'm feeling I guess

แต่ส่วนใหญ่แล้วผมรู้สึกว่า

relatively optimistic about the future these days.

ผมมองอนาคตในแง่บวก โดยเฉพาะในช่วงนี้

There are certainly some big risks that humanity faces.

แน่นอนว่ามนุษยชาติกำลังเผชิญ ความเสี่ยงที่สำคัญ

I think the population collapse is a really big deal,

ซึ่งผมคิดว่าการลดลงของประชากร เป็นปัญหาที่ใหญ่จริง ๆ

that I wish more people would think about

ผมหวังให้ผู้คนตระหนัก

because the birth rate is far below what's needed to sustain civilization

เพราะอัตราการเกิดในตอนนี้ ต่ำกว่าระดับที่ทำให้อารยธรรมดำรงอยู่ได้

at its current level.

ในระดับปัจจุบัน

And there's obviously ...

และแน่นอนว่า

We need to take action on climate sustainability,

เราต้องลงมือทำ ให้สภาพภูมิอากาศมีความยั่งยืน

which is being done.

ซึ่งก็มีการดำเนินการกันอยู่

And we need to secure the future of consciousness

และเราต้องปกปักรักษา อนาคตแห่งการมีตัวตนของมนุษย์

by being a multi-planet species.

ด้วยการเป็นเผ่าพันธุ์หลากดวงดาว

We need to address --

เราต้องตระหนัก--

Essentially, it's important to take whatever actions we can think of

ถึงความสำคัญ ของการพยายามทุกวิถีทางที่คิดได้

to address the existential risks that affect the future of consciousness.

ที่จะตระหนักความเสี่ยงที่จะกระทบ ถึงการมีตัวตนของมนุษย์ต่อไปได้ในอนาคต

CA: There's a whole generation coming through

คริส: ถ้ามีคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมา อย่างเศร้าโศกเมื่อคิดถึงอนาคต

who seem really sad about the future.

What would you say to them?

คุณจะพูดกับพวกเขาว่าอย่างไร

EM: Well, I think if you want the future to be good, you must make it so.

อีลอน: ถ้าคุณต้องการอนาคตที่ดี คุณก็ต้องสร้างมันขึ้นมา

Take action to make it good.

ลงมือทำให้มันดี

And it will be.

และมันก็จะออกมาดี

CA: Elon, thank you for all this time.

คริส: อีลอน ขอบคุณสำหรับเวลา

That is a beautiful place to end.

ที่นี่คือที่ที่สวยงามสำหรับชีวิต

Thanks for all you're doing.

ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่คุณทำ

EM: You're welcome.

อีลอน: ยินดีมากครับ