How mRNA Medicine Will Change the World | Melissa J. Moore | TED

Translator: Supakij Patthanapitoon Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Now, many of the people watching this talk

ตอนนี้ หลายคนที่กำลังชมทอล์กนี้อยู่

by now will have had one, two, three or even four doses

น่าจะได้รับวัคซีนที่ทำมาจาก อาร์เอ็นเอสื่อสาร

หนึ่ง สอง สาม หรือแม้กระทั่งสี่เข็ม

of a messenger RNA vaccine.

With billions of these shots now in arms.

ด้วยจำนวนกว่าพันล้านโดส ที่ถูกฉีดเข้าแขน

it’s clear that this new way of making vaccines

มันแน่ชัดแล้วว่า วิธีการผลิตวัคซีนรูปแบบใหม่นี้

is both remarkably safe and incredibly effective.

มันทั้งปลอดภัยและได้ผลดีเยี่ยม

But did you know it's not the vaccine itself that's keeping you safe?

แต่คุณรู้ไหม ไม่ใช่วัคซีนหรอกที่ปกป้องคุณ

It's actually you.

เป็นตัวคุณตะหาก

Because the human body has amazing powers

เพราะร่างกายมนุษย์มีพลังวิเศษ

to both prevent and cure disease by making its own medicines.

ที่ช่วยทั้งป้องกันและรักษาโรคร้าย ด้วยการปรุงยาขึ้นมาด้วยตัวเอง

You just need to know what medicine to make.

ขอแค่ให้รู้ว่า จะปรุงยาอะไรขึ้นมา

And that's what your vaccine gave you.

และสิ่งที่วัคซีนทำให้แก่คุณ

Simply a set of instructions

ก็เป็นแค่ชุดคำสั่งง่าย ๆ

for how to protect yourself against SARS-CoV-2.

ว่าคุณจะป้องกันตัวเอง จากโควิด-19 ได้อย่างไร

Now vaccines are only the beginning.

วัคซีนเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

As I said before, the advent of mRNA vaccines

อย่างที่ฉันว่าเอาไว้ การปรากฏขึ้นของวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ

is heralding in an entirely new era of medicines.

เป็นเหมือนระฆังแจ้งเตือน ว่าเรากำลังเข้าสู่การแพทย์ยุคใหม่

mRNAs give us the ability to not only prevent disease

เอ็มอาร์เอ็นเอไม่เพียงแต่ ช่วยเราป้องกันโรค

but also treat previously intractable disorders.

แต่ยังช่วยเรารักษาโรค ที่ซึ่งก่อนหน้านี้รักษาไม่ได้

But before I get to that,

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น

let's talk about what is this new way of medicines really about?

การแพทย์วิถีใหม่นี้ มันเป็นยังไงกันนะ

Well, it all comes down to proteins.

คือ ทั้งหมดทั้งมวลมันอยู่ที่โปรตีน

Now, you may think of protein

คุณอาจจะคิดว่าโปรตีน

as simply something that you need to eat,

คือสิ่งที่คุณต้องกินเข้าไป

an important part of your diet,

เป็นสารอาหารสำคัญ

something that's important for you to build muscle.

เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อ

But it's not just muscle that contains protein.

แต่ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อที่มีโปรตีน

Protein makes up a huge fraction of the incredibly complicated ecosystem

โปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญ ของระบบที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ

that's your entire body.

ซึ่งนั่นก็คือร่างกายของคุณ

In many ways, your body functions like a large city,

ร่างกายคุณเปรียบได้กับมหานครที่ยิ่งใหญ่

full of myriad buildings, interconnected buildings,

เต็มไปตึกรามบ้านช่องมากมาย ที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน

with lots of different structures.

แล้วโครงสร้างอาคารก็แตกต่างกันอย่างมาก

Now, just as the word "building"

แต่แค่คำว่า “อาคาร”

fails to capture the incredible variety of structures that make up any large city,

มันก็ไม่ครอบคลุมโครงสร้างอื่นอันหลากหลาย ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นมหานคร

the generic term "protein" gives no clue

“โปรตีน” ซึ่งเป็นคำทั่ว ๆ ไป ก็เฉกเช่นเดียวกัน

as to the incredible variety of molecular architectures

มันไม่ครอบคลุมโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม ที่หลากหลายอย่างเหลือเชื่อในระดับโมเลกุล

at the molecular level.

Like buildings, proteins are not monolithic.

เช่นเดียวกับตึกอาคาร โปรตีนไม่ได้เป็นเหมือนเสาหินแท่ง ๆ

Our body makes many proteins.

ร่างกายเราสร้างโปรตีนจำนวนมาก

Some, like the collagen in our skin

เช่น คอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังของเรา

that makes our skin tough but pliable.

มันทำให้ผิวหนังเรา ทั้งเหนียวและยืดหยุ่นได้ดี

Like the actin and myosin in our muscles that enable us to move.

แอกทินและไมโอซินในกล้ามเนื้อ ทำให้เราขยับได้

Or our blood is full of hemoglobin, ferrying oxygen around.

ในเลือดเรามีฮีโมโกลบิน ที่ขนส่งออกซิเจนไปทั่ว

Antibodies protecting us from disease,

แอนติบอดีคอยป้องกันโรคให้เรา

and clotting factors that close up our wounds.

และโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัว เพื่อช่วยสมานแผล

And for any of you that have ever cracked a biochemistry textbook,

ส่วนใครก็ตามที่เคยแง้มดูตำราชีวเคมี

this should look familiar.

ก็คงคุ้นกับภาพนี้

This is the metabolic chart of the human body.

นี่คือแผนผังเมแทบอลิซึม ของร่างกายมนุษย์

These are all of the reactions in your body that are keeping you

ทั้งหมดนี้คือปฏิกิริยาเคมี ที่เกิดขึ้นในร่างกายคุณ

alive and well right now.

และทำให้คุณมีชีวิตอยู่ได้ ณ ขณะนี้

And each one of those reactions is catalyzed by a different protein

ทุก ๆ ปฏิกิริยาบนนั้น มีโปรตีนมากมายช่วยเร่งให้เกิดเร็วขึ้น

whose names are shown here in blue.

สีฟ้า ๆ นั่นคือชื่อของพวกมัน

So proteins are not only what makes up the bulk of your body,

โปรตีนจึงไม่ใช่แค่สิ่งที่ทำให้ ร่างกายคุณดูกำยำ

they’re also what make your body tick and keep you well.

แต่ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ระบบร่างกายคุณ ยังคงดำเนินงานต่อไปได้ดี

Now, if we think again about buildings,

ทีนี้กลับมาพูดถึงเรื่องอาคารกันอีกรอบ

the structures of buildings may look quite different in the end,

แม้ว่าโครงสร้างหน้าตาจะดูแตกต่างกัน

but they're all made of a limited set of building materials

แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมา จากวัสดุพื้นฐานไม่กี่อย่าง

and which of those building materials are used

เป็นเพราะวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้

and how they're arranged, and how they're attached to one another

การจัดเรียง และวิธีการเชื่อมต่อเข้าหากัน

gives the buildings their final form.

เป็นสิ่งที่ทำให้อาคาร มีรูปร่างเป็นอย่างที่เห็น

The same is true of proteins.

โปรตีนก็เช่นกัน

If we zoom down to the molecular level,

ถ้าเราซูมเข้าไปดูที่ระดับโมเลกุล

we can see that proteins,

นี่คือหน้าตาของมัน

if we unravel their three-dimensional architecture,

ถ้าเราแกะแงะโครงสร้างสามมิติของโปรตีนออกมา

are actually just long strings of building blocks.

ก็จะเห็นว่ามันคือหน่วยโครงสร้างพื้นฐาน ที่มาต่อกันเป็นสายยาว

And these building blocks have different shapes

หน่วยโครงสร้างพื้นฐานพวกนี้ มีรูปร่างแตกต่างกัน

and different propensities to interact with one another.

และมีรูปแบบของการทำปฏิกิริยา ที่แตกต่างกันด้วย

So it's which building blocks are used

ด้วยเพราะหน่วยโครงสร้างพื้นฐาน ที่ถูกนำมาเลือกใช้

and the order in which they are in the chain

และเพราะการจัดเรียงตัวเป็นสายโซ่นี้เอง

that gives a protein is three-dimensional shape.

ที่ทำให้โปรตีนมีรูปร่างสามมิติตามที่เห็น

Now here I'm only showing three proteins,

ที่ผ่านมาฉันพูดถึงโปรตีนแค่สามชนิด

but creating and maintaining a healthy human

แต่การสร้างและธำรงไว้ซึ่ง มนุษย์ผู้มีสุขภาพดี

requires the combined action

ต้องการปฏิกิริยาที่เกิดร่วมกัน

of over 100,000 different types of protein.

ระหว่างโปรตีนที่แตกต่างกัน ถึงกว่า 100,000 ชนิด

And our bodies make them all.

ซึ่งร่างกายเราผลิตขึ้นมาเองทั้งหมด

Thus our bodies are remarkable protein factories.

ร่างกายเราจึงเป็น โรงงานผลิตโปรตีนแสนน่าทึ่ง

At the molecular level, the numbers are truly mind-blowing.

ในระดับโมเลกุล ตัวเลขจะยิ่งชวนให้ตื่นตะลึง

Each of the 30 trillion cells in your body --

เซลล์แต่ละเซลล์ ในจำนวน 30 ล้านล้านเซลล์ของร่างกาย--

that's three with 13 zeros --

นั่นคือเลข 3 แล้วตามด้วย 0 อีก 13 ตัว--

contains between one and 10 billion protein molecules.

มีโปรตีนบรรจุอยู่ ตั้งแต่พันล้านไปจนถึงหมื่นล้านโมเลกุล

That means that you have as many protein molecules in your body

หมายความว่าคุณมีโมเลกุลโปรตีนในร่างกาย

as there are stars in the known universe.

เทียบเท่ากับจำนวนดวงดาวในจักรวาล

Now each different cell type in your body makes a different kind of protein,

ทีนี้ เซลล์แต่ละประเภทในร่างกายคุณ ก็จะสร้างโปรตีนแตกต่างกันไป

a different set of proteins,

เป็นชุดโปรตีนที่ต่างกัน

like the rods and cones in my eye that are detecting light right now

เช่น เซลล์รูปแท่งกับเซลล์รูปกรวย ที่กำลังตรวจจับแสงในตาฉันตอนนี้

and the neurons in my brain that are interpreting that light

กับเซลล์ประสาทในสมอง ที่กำลังตีความภาพที่ส่งเข้ามา

and enabling me to see you right now.

ซึ่งทำให้ฉันมองเห็นพวกคุณในขณะนี้

So they make a particular set of proteins unique to it.

เซลล์พวกนั้นผลิตชุดโปรตีน ที่จำเพาะต่อตนเอง

And like any complex building project,

แล้วมันก็เหมือนกับ โครงการก่อสร้างตึกขนาดใหญ่

you can imagine that the process of protein synthesis

คุณน่าจะจินตนาการออกว่า กระบวนการสังเคราะห์โปรตีน

needs to be tightly regulated

ต้องถูกควบคุมเข้มงวดขนาดไหน

so that the right protein is made at the right time and in the right place.

เพื่อที่ว่าจะได้มีโปรตีนที่ถูกต้อง ถูกผลิตขึ้นมาได้อย่างถูกที่ถูกเวลา

But of course, with anything so complicated,

แน่นอนว่า อะไรก็ตามที่ซับซ้อนขนาดนี้

it's perhaps not surprising that there's an occasional mistake,

มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ จะมีข้อผิดพลาดบ้างเป็นครั้งคราว

a fault in the algorithm.

เป็นข้อบกพร่องในระบบชุดคำสั่ง

Let's go back to that metabolic chart.

กลับไปที่แผนผังเมแทบอลิซึมกันค่ะ

It’s estimated that one in 1,000 newborns

ประมาณการณ์กันว่า เด็กแรกเกิด 1 ใน 1,000 คน

are born without the ability to make one of the proteins on this chart.

จะเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ ของการสร้างโปรตีนตัวใดตัวหนึ่งในแผนผังนี้

Therefore, they have lifelong complications

เด็กเหล่านั้นจะมีภาวะแทรกซ้อนไปตลอดชีวิต

due to inborn metabolic errors.

อันเกิดจากความผิดพลาด ด้านเมแทบอลิซึมแต่กำเนิด

Let's take just one of those.

ลองยกมาสักหนึ่งโรค

Let's talk about von Gierke's disease or glycogen storage disease I.

จะขอพูดถึงโรคฟอนเกียร์ค หรือโรคการสะสมไกลโคเจนผิดปกติ ประเภทที่ 1

This is due to the lack of a protein circled here in red,

โรคนี้เกิดจากการขาดโปรตีน ในวงกลมสีแดง

whose job it is to release stored sugars

ซึ่งหน้าที่มันคือปลดปล่อยน้ำตาล ที่เก็บสะสมเอาไว้

so that you can maintain a healthy blood sugar level

เพื่อที่คุณจะได้มีระดับน้ำตาลที่เหมาะสม

while you're fasting.

ตอนที่ไม่ได้ทานข้าว

So von Gierke's disease patients can't fast.

ดังนั้นเด็กที่เป็นโรคฟอนเกียร์ค จึงอดข้าวไม่ได้เลย

They must constantly eat small amounts of carbohydrates,

พวกเขาต้องได้รับคาร์โบไฮเดรต ในปริมาณต่ำ ๆ ตลอดเวลา

including getting up every one or two hours during the night

นั่นก็คือการลุกขึ้นมา ทุก ๆ หนึ่งหรือสองชั่วโมงตอนกลางคืน

to eat raw cornstarch.

เพื่อกินแป้งข้าวโพดดิบ

Now, imagine the toll that this takes on parents.

คุณลองนึกถึงภาระหนักอึ้ง ที่พ่อแม่ต้องแบกเอาไว้ดูสิ

If they are ever to miss a feeding of their child,

ลืมป้อนอาหารลูกน้อยเพียงแค่ครั้งเดียว

their child could slip into severe hypoglycemia,

เด็กคนนั้นอาจขาดน้ำตาลอย่างรุนแรง

seizures and possibly death.

จนชัก และเสียชีวิต

But even if these patients can keep up this endless feeding cycle,

แต่ถึงแม้พ่อแม่เหล่านั้น จะป้อนอาหารลูกได้ต่อไปไม่รู้จบ

they are plagued by lifelong complications,

เด็กเหล่านั้นก็จะมีภาวะแทรกซ้อน ไปตลอดชีวิต

including delayed puberty,

นั่นรวมถึงการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ล่าช้า

frequent infections, kidney disease and liver cancer.

ติดเชื้อง่าย โรคไต และมะเร็งตับ

So von Gierke's disease is just one example of a disorder

โรคฟอน เกียร์คเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง ของความผิดปกที่เรารู้ว่าโปรตีนใดขาดหายไป

where we know what protein is missing.

What if we could give those patients back the ability to make that missing protein?

แล้วถ้าเราทำให้ผู้ป่วย กลับมาสร้างโปรตีนที่ขาดหายไปได้อีกครั้งล่ะ

Then we could actually treat their disease instead of just managing their symptoms.

เมื่อนั้นเราจะรักษาโรคพวกนี้ได้จริง ๆ แทนที่จะแค่ดูแลไปตามอาการ

And that's where mRNA comes in.

และนั่นคือโอกาสของเอ็มอาร์เอ็นเอ

That's also where I come in.

ซึ่งเป็นโอกาสทองของฉันด้วย

You see, I spent the better part of my career as an academic

ฉันทุ่มส่วนที่ฉันทำได้ดี ไปกับการเป็นนักวิชาการ

doing curiosity-based research

ทำวิจัยด้วยความอยากรู้อยากเห็น

into the fundamental principles of how proteins are made.

เพื่อมุ่งศึกษาหลักการพื้นฐาน ว่าด้วยการสร้างโปรตีน

And my specialty was messenger RNA.

และฉันก็เชี่ยวชาญด้านอาร์เอ็นเอส่งสาร

Like proteins, messenger RNAs are long chainlike molecules

อาร์เอ็นเอสื่อสารเป็นโมเลกุลคล้ายสายโซ่ยาว เช่นเดียวกับโปรตีน

composed of building blocks.

ประกอบด้วยหน่วยโครงสร้างพื้นฐาน

The four building blocks that make up messenger RNAs

หน่วยโครงสร้างพื้นฐานทั้งสี่ชนิด ที่มาประกอบกันเป็นอาร์เอ็นเอส่งสาร

form what is known as the genetic code.

เรียงตัวกันเป็นสิ่งที่เรียกว่า รหัสพันธุกรรม

As their name implies,

ชื่อมันก็บอกอยู่ว่า

messenger RNAs carry messages:

อาร์เอ็นเอส่งสารเป็นตัวนำสาร

messages that are translated by your body in order to create proteins.

แล้วร่างกายคุณจะแปลสารนี้ เพื่อสร้างเป็นโปรตีนขึ้นมา

Thus messenger RNAs are the language of life.

อาร์เอ็นเอส่งสาร จึงเป็นภาษาประจำสิ่งมีชีวิต

And the human body has a lot to say.

และร่างกายมนุษย์ก็ช่างจ้อเสียจริง

So, like proteins,

เช่นเดียวกับโปรตีน

your cells are chock-full of messenger RNA.

เซลล์ของคุณนั้นเต็มไปด้วยอาร์เอ็นเอส่งสาร

Every one of your 30 trillion cells

ทุกเซลล์ใน 30 ล้านล้านเซลล์ของคุณ

has hundreds of thousands of messenger RNA molecules.

มีอาร์เอ็นเอส่งสาร อยู่เป็นร้อยเป็นพันโมเลกุล

Messenger RNAs are an essential component of all living organisms.

มันเป็นองค์ประกอบหลัก ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด

So when you are eating protein-rich foods,

ตอนที่คุณกินอาหารโปรตีนสูง

you're not only eating protein,

คุณจึงไม่ได้กินแค่โปรตีน

you're also eating lots of messenger RNA.

แต่ยังกินอาร์เอ็นเอส่งสารเข้าไปด้วย

Your body takes the messenger RNA in the food that you consumed,

ร่างกายคุณรับเอาอาร์เอ็นเอส่งสาร จากอาหารที่คุณกินเข้าไป

breaks it down into those component parts

แล้วย่อยมันจนกลายเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน

and then builds new messenger RNAs specific to your needs.

แล้วสร้างเป็นอาร์เอ็นส่งสารโมเลกุลใหม่ ที่จำเพาะต่อความต้องการของคุณ

Now this continual destruction and rebuilding

การย่อยและการสร้างใหม่อย่างต่อเนื่องนี้

is a feature true of almost all proteins and messenger RNAs in your body.

เป็นความจริงของโปรตีนและอาร์เอ็นเอส่งสาร เกือบทั้งหมดในร่างกายคุณ

Let's take, for example, the circadian clock.

ลองดูตัวอย่างนี้ นาฬิกาวงรอบวัน

This is the timer in your body

มันคือตัวแจ้งเตือนเวลาของร่างกายคุณ

that tells you when to be active and when to sleep.

ที่คอยบอกว่าจะตื่นกี่โมง จะเข้านอนกี่โมง

The proteins that make up this clock

โปรตีนที่ประกอบเป็นนาฬิกานี้

appear and disappear with remarkable regularity every day.

ปรากฏขึ้นและสลายไปในแต่ละวัน ด้วยความสม่ำเสมออย่างยิ่ง

The way that this is accomplished is that your body makes the messenger RNAs

สาเหตุเพราะอาร์เอ็นเอส่งสาร ที่ร่างกายคุณสร้างขึ้น

that encode those proteins

ซึ่งเป็นตัวเข้ารหัสโปรตีนเหล่านี้

appear and disappear every day.

ได้ปรากฏขึ้นและสลายตัวไปในทุกวัน

Every day for your entire life,

ทุกวันตลอดช่วงอายุคุณ

you get your daily dose of clock messenger RNAs

คุณจะได้รับอาร์เอ็นเอส่งสารนาฬิกาประจำวัน

producing clock proteins.

เพื่อเอาไปสร้างโปรตีนนาฬิกา

Now three properties of proper medicines

ทีนี้ คุณสมบัติสามข้อของยาที่ดี

are that their effects are of limited duration,

คือ ออกฤทธิ์ในระยะเวลาจำกัด

that their effects are dose-dependent

ฤทธิ์ยาขึ้นอยู่กับปริมาณที่ให้

and that they can be given over and over again

และต้องให้ซ้ำแล้วซ้ำอีกได้

to produce the same effect.

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเดิม

mRNA's are transient.

เอ็มอาร์เอ็นเอมันอยู่ชั่วประเดี๋ยวเดียว

The amount of protein produced

ปริมาณโปรตีนที่สร้างได้

is dependent on how much of that mRNA is present.

ขึ้นอยู่กับปริมาณเอ็มอาร์เอ็นเอที่ได้รับ

And they can be induced over and over again

และมันสามารถสร้างซ้ำแล้วซ้ำอีกได้

to produce the same effect.

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเดิม

So wow, it seems so simple.

คือแบบ ว้าว มันฟังดูง่ายมากเลย

If we could treat a disease,

ถ้าเราจะรักษาโรคสักโรค

if there's a protein that's missing to treat a disease,

หากโรคนั้นเกี่ยวข้องกับ การขาดโปรตีนไปสักหนึ่งชนิด

then we could simply give a few copies of an mRNA to the body

เราก็แค่ฉีดเอ็มอาร์เอ็นเอเข้าไปในร่างกาย

for it to produce that protein.

แล้วให้ร่างกายสร้างโปรตีนนั้นขึ้นมา

แล้วถ้าโปรตีนนั้น ถูกต้องการใช้เพียงแค่ครั้งเดียว

If that protein's only needed once,

then maybe a single dose would suffice.

งั้นบางทีฉีดเอ็มอาร์เอ็นเอเพียงหนเดียวก็พอ

If a protein is needed multiple times,

ถ้าร่างกายต้องการโปรตีนนั้นเรื่อย ๆ

then we can dose mRNA over and over again.

เราก็แค่ฉีดเอ็มอาร์เอเข้าไปอีกเรื่อย ๆ

And that's exactly what's happening.

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ

So when I went on clinicaltrials.gov this morning,

เมื่อเช้าฉันเข้าเว็บ clinicaltrials.gov

it turns out that there are over 175 clinical trials now open

พบว่ามีการทดสอบทางคลินิกกว่า 175 รายการ ที่กำลังเปิดรับผู้ป่วยเข้าร่วมวิจัย

using mRNA-based medicines

เพื่อทดสอบยาเอ็มอาร์เอ็นเอ

that are recruiting patients.

Another 54 clinical trials are waiting in the [wings],

อีก 54 รายการ กำลังตระเตรียมความพร้อม

ready to be opened.

ที่จะเปิดรับผู้เข้าร่วมวิจัย

So there is a coming tsunami of mRNA medicines.

เอ็มอาร์เอ็นเอทางการแพทย์ กำลังเป็นคลื่นการเปลี่ยนแปลงลูกใหญ่

Last year, Moderna and AstraZeneca reported positive results

ปีที่แล้ว โมเดิร์นนาและแอสตราเซเนกา รายงานข่าวดีของผลการทดสอบทางคลินิก

from a clinical trial where patients during open heart surgery

กล่าวถึงผู้ป่วย ที่เข้ารับการผ่าเปิดหัวใจ

were dosed with messenger RNA injected directly into their heart muscles,

และได้รับการฉีดอาร์เอ็นเอส่งสาร ส่งตรงเข้าไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ

that told their heart muscles to grow new blood vessels

เพื่อบอกให้กล้ามเนื้อหัวใจ สร้างหลอดเลือดใหม่อ้อมเส้นที่อุดตันไปแล้ว

in order to get around clogged arteries.

In other clinical trials we're repeatedly dosing patients

การทดสอบทางคลินิกอีกชิ้น

ได้ฉีดเอ็มอาร์เอ็นเอหลายครั้ง ให้แก่ผู้ป่วยโรคเมแทบอลิกแต่กำเนิด

with inborn metabolic errors

to treat their metabolic disease.

เพื่อที่จะรักษาความเจ็บป่วยนั้น

In fact, one of those clinical trials that's currently recruiting patients

จริง ๆ แล้ว หนึ่งในการทดสอบทางคลินิก ที่กำลังเปิดรับผู้เข้าร่วมวิจัย

is for von Gierke's disease.

คือโรคฟอน เกียร์ค

And for cancer patients, we're creating personalized cancer vaccines.

สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เรากำลังทำวัคซีนมะเร็งจำเพาะบุคคล

These vaccines are meant to train their bodies,

วัคซีนเหล่านี้จะบอกร่างกายและภูมิคุ้มกัน ให้มุ่งโจมตีเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย

their immune systems, to attack their cancers.

These are truly personalized medicines, one vaccine for one person.

มันคือการแพทย์จำเพาะบุคคลอย่างแท้จริง หนึ่งวัคซีน เพื่อคนหนึ่งคน

Now for personalized cancer vaccines to be the most effective,

เพื่อให้วัคซีนมะเร็งจำเพาะบุคคล มีประสิทธิภาพสูงสุด

we need to get them made and back to the patient as quickly as possible.

เราต้องสร้างและนำไปฉีดให้ผู้ป่วย โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

We aim for a turnaround time of 45 days.

เราตั้งเป้าไว้ที่ 45 วัน

By January of 2020,

ในเดือนมกราคม ปี 2020

we had already manufactured, quality-controlled and delivered

เราได้สร้างวัคซีนมะเร็งจำเพาะบุคคล ที่ผ่านการรับรองคุณภาพ

to several dozen patients personalized cancer vaccines.

และนำไปฉีดให้กับผู้ป่วยมะเร็งกว่าหลายสิบคน

So we had the know-how and the capacity

เราจึงมีทั้งความรู้และความสามารถ

to manufacture vaccines quickly.

ที่จะสร้างวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว

Thus, when the sequence of the SARS-CoV-2 virus

ดังนั้น เมื่อรหัสพันธุกรรมของ ไวรัสก่อโรคโควิด-19

was posted to a public web server on January 10, 2020,

มีการเผยแพร่ขึ้นเซิร์ฟเวอร์ ในวันที่ 10 มกราคม 2020

we got immediately to work.

เราจึงเริ่มงานได้ทันที

Within two days, we had agreed with our collaborators at NIH

เราทำข้อตกลงกับทีมวิจัยที่ NIH ภายในสองวัน

on exactly which form of the spike protein to put in our vaccine.

ว่าจะบรรจุโปรตีนหนามรูปร่างแบบไหน ลงในวัคซีนของเรา

Because we had done so so many times before,

และเพราะเราทำมาแล้ว หลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านั้น

it then took our mRNA design team

ทีมออกแบบเอ็มอาร์เอ็นเอของเรา

just one hour to design the mRNA

จึงใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง ในการออกแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ

that we immediately --

เพื่อที่เราจะ --

(Applause)

(ปรบมือ)

That we immediately put on to our manufacturing equipment.

เพื่อที่เราจะส่งต่อเข้าสู่ กระบวนการผลิตในทันที

We were then able to make that RNA,

แล้วเราก็ได้สร้างอาร์เอ็นเอสายนั้น พามันเข้าสู่การตรวจสอบคุณภาพ

get it quality-controlled,

fill-finished and shipped off to NIH for the clinical trial in 45 days.

บรรจุใส่ขวด และส่งไปที่ NIH พร้อมสำหรับการทดสอบทางคลินิก ในเวลา 45 วัน

Now what I find --

ฉันพบว่า --

(Applause)

(ปรบมือ)

What I find truly remarkable is that that mRNA sequence

ฉันพบว่าความน่าทึ่งนั้นก็คือ

รหัสเอ็มอาร์เอ็นเอ ที่พวกเราใช้เวลาออกแบบหนึ่งชั่วโมง

that took us one hour to design

is the same mRNA sequence that went into your arms,

คือรหัสเดียวกันกับที่ถูกฉีด เข้าสู่แขนของพวกคุณ

that ended up in Spikevax, our now fully approved vaccine.

แล้วกลายมาเป็นสไปก์แว็กซ์ วัคซีนที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ

One hour to design a medicine that has saved countless lives.

หนึ่งชั่วโมงที่ใช้ออกแบบยา ที่รักษาชีวิตไว้ได้นับไม่ถ้วน

(Applause)

(ปรบมือ)

It still gives me goosebumps every time I talk about it.

ฉันเองยังขนลุกทุกครั้ง ที่ได้พูดถึงเหตุการณ์นั้น

So what does the future hold?

แล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปล่ะ

Well, I've already told you about regenerative medicine

ฉันได้พูดถึงเวชศาสตร์ฟื้นฟู

and personalized cancer vaccines.

และวัคซีนมะเร็งจำเพาะบุคคลไปแล้ว

For cancer patients, we can send in -- by directly injecting

ในคนที่เป็นมะเร็ง เราสามารถฉีดอาร์เอ็นเอส่งสาร

เข้าไปยังก้อนเนื้อร้ายได้โดยตรง

messenger RNA into their tumors --

we can send in instructions telling the tumor cells to self-destruct,

เพื่อไปบอกให้เซลล์มะเร็งทำลายตัวเอง

Or having the tumor cells send out signals to the immune system,

หรือบอกให้เซลล์มะเร็ง ส่งสัญญาณไปถึงระบบภูมิคุ้มกัน

beckoning the immune system to attack.

ว่าช่วยมาโจมตีมันหน่อย

For patients with autoimmune disorders,

ส่วนคนที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง

we can send in signals that tamp down their overactive immune systems.

เราก็จะส่งสัญญาณไปกดการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกันที่แอกทีฟเกินไป

And we and others are rapidly making many more messenger RNA vaccines.

ทั้งยังเร่งผลิตวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ สำหรับป้องกันโรคอื่น ๆ

Because messenger RNA vaccines can be produced so quickly and rapidly,

เป็นเพราะว่าวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ผลิตได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

they're really well suited for newly emerging diseases

มันจึงเหมาะสำหรับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

as well as other viruses, like the flu,

รวมถึงไวรัสอื่น ๆ เช่นเชื้อไข้หวัดใหญ่

where new variants come out every year, and the vaccines need to be updated.

ซึ่งเกิดสายพันธุ์ใหม่ขึ้นทุกปี และวัคซีนก็ต้องอัปเดตตาม

But one of the exciting things about mRNA medicines

แต่สิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ของเรื่องนี้ ก็คือ

is we're not limited to sending in the instructions

เราไม่จำเป็นต้องส่งคำสั่ง ให้ร่างกายสร้างโปรตีน

for one protein at a time.

เพียงแค่ชนิดเดียวในแต่ละครั้ง

mRNA medicines can be easily multiplexed.

เอ็มอาร์เอ็นเอทางการแพทย์ สามารถผสมผสานกันได้

Therefore, we're working on a combination vaccine

ตอนนี้เรากำลังผลิตวัคซีนรวม

for COVID, flu

ระหว่างโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่

and respiratory syncytial virus, or RSV:

และไวรัส RSV ซึ่งก่อโรคทางเดินหายใจ

all leading causes of hospitalization and death in the elderly.

ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วย และการเสียชีวิตในผู้สูงอายุ

And we're hoping that this will then be an annual booster,

เราหวังว่าที่พูดไปนี้ จะกลายมาเป็นวัคซีนบูสเตอร์ประจำปี

that you will get, just like the flu vaccine.

เหมือนอย่างที่คุณฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

(Applause)

(ปรบมือ)

So finally, the very modest footprint

อย่างน้อยที่สุด

of the manufacturing equipment

การประดิษฐ์อุปกรณ์และเครื่องมือ สำหรับสังเคราะห์อาร์เอ็นเอส่งสาร

for making messenger RNAs

means that they can be made almost anywhere in the world.

จะทำให้เราสังเคราะห์มัน ได้เกือบทุกที่บนโลก

And to take this to an extreme,

และถ้าอยากจะไปให้สุด

the American Defense Department started a program in 2019,

กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา จัดตั้งโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2019

and we're working with them to miniaturize the entire process

และเราก็กำลังทำงานร่วมกัน เพื่อย่อส่วนเครื่องไม้เครื่องมือ

so that it can be fit into a single shipping container

แล้วเราจะบรรจุมันลงในตู้คอนเทนเนอร์

for rapid deployment anywhere in the world.

เพื่อการติดตั้งที่รวดเร็ว ทุกหนแห่งบนโลก

So --

ดังนั้น--

(Applause)

(ปรบมือ)

So to finish, I hope I've convinced you

ท้ายสุดนี้ ฉันคาดว่าฉันได้โน้มน้าวพวกคุณ

that we have entered an entirely new era of medicine.

ว่าเราได้ก้าวเข้าสู่การแพทย์ยุคใหม่ อย่างเต็มตัวแล้ว

Having learned to speak the language of mRNA, the language of life,

การเรียนรู้เอ็มอาร์เอ็นเอ ซึ่งเป็นภาษาแห่งชีวิต

we can now use it to create medicines that are just for one person,

ทำให้เราใช้มันผลิตยา ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อคนคนเดียว

like a personalized cancer vaccine,

อย่างเช่นวัคซีนมะเร็งจำเพาะบุคคล

or can be rapidly produced and distributed to entire populations,

หรือใช้มันผลิตของสำคัญได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะกระจายไปสู่คนทั้งโลก

like the COVID-19 vaccines.

อย่างเช่นวัคซีนโควิด-19

And the best part?

ส่วนที่ดีที่สุดน่ะหรือ

The best part is we're simply tapping into your body's own ability

ก็คือการที่เราก็แค่ ไว้ใจความสามารถของร่างกาย

to make its own medicines.

ให้ผลิตสร้างตัวยาสำหรับเราเอง

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(ปรบมือ)