Uğur Şahin and Özlem Türeci: Meet the scientist couple driving an mRNA vaccine revolution | TED

Translator: Lilit Pipatanusorn Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Chris Anderson: Dr. Şahin and Dr. Türeci, welcome.

คริส แอนเดอร์สัน: ดร.ชาฮีน ดร.ทูเรชี ยินดีต้อนรับครับ

Such a treat to speak with you.

เป็นเกียรติมากที่ได้มาสนทนากับคุณทั้งสอง

Özlem Türeci: Thank you very much, Chris.

เอิซแลม ทูเรชี: ขอบคุณมากค่ะคริส

It's a pleasure to be here.

ยินดีเช่นกันค่ะที่ได้มาสนทนากัน

CA: So tell me, as you think back over the last 18 months,

คริส: บอกผมหน่อยสิครับ หากคิดย้อนกลับไปช่วง 18 เดือนที่แล้ว

what words pop to mind for you?

มีคำไหนที่ผุดขึ้นมาในใจคุณบ้าง

ÖT: Well, one word which comes to mind is breathless.

ทูเรชี: คำหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในใจฉันคือ หายใจไม่ทันค่ะ

It was indeed a breathless 16, 17 months for us.

เป็นช่วงเวลา 16 ถึง 17 เดือน ที่เราหายใจกันไม่ทันทีเดียว

When we started in January last year,

ตอนที่เราเริ่มในเดือนมกราคมปีที่แล้ว

it was already at that time clear to us that we were already in a pandemic.

เวลานั้นก็เป็นเวลาที่เกิดโรคระบาดขึ้นแล้ว

What was not known was how fast this pandemic would evolve

สิ่งที่เราไม่รู้คือ การระบาด จะขยายวงกว้างรวดเร็วแค่ไหน

and whether we would have the time in the first place

และที่สำคัญ เราไม่รู้ว่า เราจะมีเวลาพอหรือเปล่า

to have a vaccine ready soon enough in due time.

ในการมีวัคซีนที่พร้อมใช้ทันเวลา

And understanding this,

เมื่อเราเข้าใจในเรื่องนี้

it meant for us that there was not even one day to lose.

นั่นก็ทำให้เราตระหนักว่า เราเสียเวลาไม่ได้แม้แต่วันเดียว

And this was the mindset of the entire team

และนี่เป็นหลักคิดของทั้งทีม

here in Mainz and at BioNTech

ที่นี่ ที่ไมนซ์และไบออนเทค

and later on also of our partners which were involved,

และรวมไปถึงพันธมิตรทางธุรกิจ ที่เข้ามามีส่วนร่วม

Pfizer and others,

ไฟเซอร์และพันธมิตรอื่น ๆ

to keep going and be fast.

ที่จะต้องเดินหน้าต่อไปและต้องเร็วด้วย

CA: I mean, it's so extraordinary that the ideas and the work in your minds

คริส: ผมคิดว่ามันน่าทึ่งมากเลยนะครับ ที่แนวคิดและงานของคุณ

have now impacted hundreds of millions,

ได้มีผลต่อชีวิตผู้คนนับร้อยล้านคน

perhaps billions of people.

หรือบางทีอาจจะพันล้านคน

That must feel overwhelming.

นั่นคงเป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นน่าดู

And yet, I know at the same time,

แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ทราบว่า

you don't believe in this notion of a flash-in-the-pan ideas.

คุณไม่เชื่อเรื่องความคิดบรรเจิด ที่อยู่ดี ๆ ก็บังเอิญแวบเข้ามา

Steven Johnson, the author, in his book "Where [Good] Ideas Come From,"

สตีเวน จอห์นสัน ผู้แต่งหนังสือเรื่อง “ความคิดบรรเจิดมาจากไหน”

speaks of the slow hunch,

ได้พูดถึงความรู้สึกตะหงิด ๆ

that the best ideas happen over many years.

ที่ว่า ไอเดียบรรเจิดก่อตัว โดยใช้เวลาหลายปี

And I know that you believe that is true in your case.

และผมรู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นในกรณีของคุณ

I'd like us to go back a couple of decades to -- tell us how this began.

ผมอยากจะพาเราย้อนกลับไปหลายทศวรรษที่แล้ว บอกเราหน่อยสิครับ เรื่องราวเป็นมาอย่างไร

How did you meet?

พวกคุณพบกันได้อย่างไร

ÖT: We met on an oncohematology ward,

ทูเรชี: เราพบกันที่หอผู้ป่วย มะเร็งเม็ดเลือด

Uğur being a young physician,

ตอนนั้นอูกัวยังเป็นแพทย์ใหม่

and I was still in medical school training on ward.

และตอนนั้นฉันยังเป็นนักศึกษาแพทย์มาฝึกงาน

Which means we met in one of the worlds

นั่นหมายถึงเราพบกันในโลกหนึ่ง

which became important to us,

ที่ได้กลายมาเป็นโลกที่สำคัญสำหรับเรา

the world of patient care,

โลกของการดูแลผู้ป่วย

of treating oncohematology patients.

ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือด

And we soon found out

และทันใดเราก็ได้พบว่า

that there was a second world which we liked,

ยังมีโลกอีกใบที่เราชอบ

namely the world of science.

และนั่นก็คือโลกของวิทยาศาสตร์

We were haunted by the same dilemma,

เราถูกตามหลอกหลอนด้วยปัญหาเดียวกัน

namely that whereas there was not much we could offer our cancer patients,

คือเราพบว่าเราไม่สามารถมอบการรักษา ให้กับผู้ป่วยมะเร็งของเราได้มากเท่าที่ควร

there were so many potential technologies we encountered in the lab

แม้เราจะรู้จักเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ มากมายในห้องปฏิบัติการ

which could address this.

ที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

So one of our shared visions

หนึ่งในวิสัยทัศน์ที่เรามีร่วมกัน

was to bridge this dilemma

คือการเชื่อมปัญหากับทางออก

by working on bringing science and technology fast.

โดยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้ามาใช้อย่างรวดเร็ว

And that's an important word here.

นั่นเป็นคำที่สำคัญมากเลยนะคะ

Fast to the patient's bedside to address high medical need.

ต้องเร็วเพื่อที่จะช่วยรักษาผู้ป่วย ได้อย่างทันท่วงที

CA: So I think the first company you founded nearly 20 years ago

คริส: ดูเหมือนว่าบริษัทแรก ที่คุณก่อตั้งมาเกือบ 20 ปีที่แล้ว

was to use the power of the human immune system to tackle cancer.

จะใช้พลังจากระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ในการจัดการกับมะเร็ง

Uğur Şahin: We were always interested in using the patient's immune system

อูกัว ชาฮีน: เรามีความสนใจมาตลอด ในการใช้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย

to fight cancer and other type of diseases.

ในการต่อสู้กับมะเร็งและโรคประเภทอื่น ๆ

As immunologists, we knew how powerful the human immune system is.

ในฐานะนักภูมิคุ้มกันวิทยา เราทราบว่า ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ทรงพลังแค่ไหน

But it was also clear that the human immune system,

แต่มันก็เป็นที่ชัดเจนว่า ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์นั้น

in the case of cancer,

ในกรณีของมะเร็ง

did not fight cancer cells.

ไม่ต่อสู่กับเซลล์มะเร็ง

It could fight it, but it didn't.

มันต่อสู้มะเร็งได้ แต่มันไม่ทำ

And for that, we wanted to develop immunotherapies.

และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงอยากจะพัฒนา การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

That means treatments that use the power of the immune system

ซึ่งหมายถึงการรักษา ที่ใช้พลังจากระบบภูมิคุ้มกัน

and redirect the power of the immune system to cancer cells.

และกำหนดทิศทางของความสามารถ ของระบบภูมิคุ้มกันนั้นในการจัดการมะเร็ง

It was clear that in the university setting,

เรารู้ดีว่า ในบริบทของมหาวิทยาลัย

we could not continue to develop monoclonal antibodies

เราไม่สามารถที่จะดำเนินการพัฒนา สารภูมิต้านทานแบบโมโนโคลนอลต่อได้

because the cost for development of monoclonal antibodies

เนื่องด้วยต้นทุนการพัฒนา สารภูมิต้านทานแบบโมโนโคลนอลมีราคาสูง

before you can start a clinical trial,

ก่อนที่จะเริ่มการทดลองทางคลินิก

was in the range of 20, 30 million euros,

ซึ่งอยู่ระหว่าง 20 ถึง 30 ล้านยูโร

and therefore we decided to start a company to get the funding.

เราจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทเพื่อหาทุน

CA: Now, soon after you started this company,

คริส: ไม่นานหลังจากคุณก่อตั้งบริษัท

you decided to get married.

คุณก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน

Tell me about your wedding day.

เล่าให้ฟังหน่อยสิครับเกี่ยวกับวันแต่งงาน

ÖT: Day was well planned, a quick wedding.

ทูเรชี: วันนั้นเราวางแผนอย่างดี เป็นงานแต่งงานที่รวดเร็วค่ะ

And thereafter we went back to the laboratory

และหลังจากจบงานเราก็กลับไปที่ห้องทดลอง

and our guests at our wedding, that was basically our team,

และแขกที่มาในงานก็คือทีมของเรา

our research team.

ทีมวิจัย

So no time to lose, Chris.

เราจะเสียเวลาไม่ได้ค่ะคริส

CA: (Laughs)

คริส: (เสียงหัวเราะ)

That was a pretty special honeymoon.

นั่นเป็นการฮันนีมูนที่พิเศษมากเลย

I mean, it seems like your love for each other

ผมหมายถึง ความรักที่คุณมีให้กันและกันนั้น

is very much bound up in your love for this work

ผูกพันกันด้วยความรักที่พวกคุณมีต่องานนี้

and your sense of the importance of this work.

และการตระหนักถึงความสำคัญของงานนี้

How would you characterize those intersecting relationships there?

คุณจะอธิบายความสัมพันธ์ ของคุณทั้งสองที่เชื่อมกันอย่างไรครับ

UŞ: We are really two scientists.

ชาฮีน: เราเป็นนักวิทยาศาสตร์ทั้งคู่

At the end of the day, we love what we do,

ซึ่งท้ายที่สุด เราก็รักงานของเรา

and for us,

และสำหรับเราแล้ว

we don't differentiate between work and life balance.

เราไม่ได้แบ่งความสมดุลระหว่าง ชีวิตและการทำงาน

It's for us really a privilege to be scientists,

นี่เป็นข้อได้เปรียบ ของการเป็นนักวิทยาศาสตร์

to be able to do what we love.

ที่สามารถทำสิ่งที่เรารักได้

And therefore, we combine our normal life with our professional life.

และเราจึงผสานชีวิตปกติของเรา เข้ากับการทำงาน

And therefore, this is pretty normal for us.

และนี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเรา

CA: So talk to me about this extraordinary molecule RNA,

คริส: ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับ เกี่ยวกับโมเลกุลที่น่าทึ่งอย่างอาร์เอ็นเอ

and how you got interested in it and how it became, as I understand it,

และคุณเริ่มมาสนใจมันได้อย่างไร และเท่าที่ผมเข้าใจ ทำไมมันถึงเริ่มกลายเป็น

an increasing focus of your work.

จุดเน้นในงานของคุณ

And indeed, it led to the founding of BioNTech.

และแน่นอน มันนำไปสู่ การก่อตั้งไบออนเทค

Talk about that.

เล่าให้ฟังหน่อยครับ

UŞ: Yeah, mRNA is a natural molecule,

ชาฮีน: ครับ เอ็มอาร์เอ็นเอ เป็นโมเลกุลตามธรรมชาติ

it's one of the first molecules of life.

เป็นหนึ่งในโมเลกุลแรก ๆ ของชีวิต

It is a carrier of genetic information.

มันบรรจุข้อมูลทางพันธุกรรม

But in contrast to DNA, it's not stable.

แต่เมื่อเทียบกับดีเอ็นเอ มันไม่ค่อยเสถียรครับ

So it can be used to transfer information to human cells.

หน้าที่ของมันคือการถ่ายทอดข้อมูล ไปสู่เซลล์ของมนุษย์

And the human cells can use this information to build proteins,

และเซลล์ของมนุษย์ก็สามารถใช้ข้อมูลนี้ ในการสร้างโปรตีน

which can be used for therapeutic settings,

ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อการรักษาโรคได้

for example, to make a protein which is a vaccine,

เช่น การสร้างโปรตีนที่เป็นวัคซีน

or to make a protein which is an antibody,

หรือการสร้างโปรตีนที่เป็นสารภูมิต้านทาน

or to make a protein which is another type of drug.

หรือการสร้างโปรตีนที่เป็นยาประเภทอื่น

And we were fascinated by this molecule class,

เรารู้สึกหลงไหลในโมเลกุลประเภทนี้

because it was very clear

เพราะมันชัดเจนว่า

that mRNA can be produced pretty fast, within a few days.

เอ็มอาร์เอ็นเอถูกผลิตได้อย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วัน

And we were, as MDs,

และในฐานะที่เราเป็นแพทย์

we were particularly interested to develop personalized medicines.

เรามีความสนใจเป็นพิเศษในเรื่อง การพัฒนายาเฉพาะบุคคล

That means a treatment and immunotherapy

นั่นหมายถึง การรักษา และการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด

specifically designed for a cancer patient,

ที่ออกแบบมาเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งเป็นรายบุคคล

because one of the key challenges in cancer treatment,

เพราะหนึ่งในความท้าทายในการรักษามะเร็ง

is that every patient has a different tumor.

คือการที่ผู้ป่วยทุกราย มีเนื้องอกที่แตกต่างกัน

If you compare two tumors of two patients

หากคุณเปรียบเทียบเนื้องอกของผู้ป่วยสองราย

with the same type of tumor,

ที่มีเนื้องอกประเภทเดียวกัน

the similarity of the tumors is less than three percent

คุณจะพบความเหมือนของเนื้องอก น้อยกว่าร้อยละสาม

and 97 percent is really unique.

และความแตกต่างเฉพาะตัวที่ร้อยละ 97

And today, it's still not possible

และทุกวันนี้ มันก็ยังเป็นไปไม่ได้

to address the uniqueness of the tumor of a patient.

ในการจัดการกับความแตกต่างเฉพาะตัว ของเนื้องอกในผู้ป่วยแต่ละราย

And therefore,

เพราะฉะนั้น

we were seeking for a technology which could be used for immunotherapy

เราเลยแสวงหาเทคโนโลยีที่จะสามารถ นำมาใช้กับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

and which could be used to develop a treatment

และสามารถใช้เพื่อการพัฒนาการรักษา

within the shortest possible time.

ในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

The idea to get the genetic sequence of the tumor

ความคิดนี้คือ การนำลำดับพันธุกรรม ของเนื้องอก

and then make a vaccine which is personalized,

มาใช้ในการสร้างวัคซีนเฉพาะบุคคล

within a few weeks.

ภายในไม่กี่สัปดาห์

CA: Is it fair to say

คริส: ผมเข้าใจถูกไหมครับ

that almost all of the significant things that happen to us biologically

ว่าเกือบทุกสิ่งที่สำคัญที่เกิดขึ้นกับเรา ในทางชีววิทยา

are actions done by proteins,

เป็นผลจากการกระทำของโปรตีน

and that it's mRNA that actually makes those proteins?

และเอ็มอาร์เอ็นเอคือสิ่งที่ สร้างโปรตีนเหล่านั้น

If you can understand the language of mRNA,

หากคุณเข้าใจภาษาของเอ็มอาร์เอ็นเอ

you can get involved in pretty much everything of significance

คุณก็จะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วม ในเกือบทุกด้าน

to the well-being of a human being.

ของสวัสดิภาพของมนุษย์

ÖT: Exactly.

ทูเรชี: ถูกต้องค่ะ

So in principle,

ในทางหลักการ

the information instructions are in the DNA.

ข้อมูลคำสั่งนั้นอยู่ในดีเอ็นเอ

These have to be translated into protein

ซึ่งจะถูกแปลรหัสเพื่อสังเคราะห์โปรตีน

because proteins are the actors which keep our cells alive

เพราะโปรตีนมีบทบาทสำคัญ ในการทำให้เซลล์ของเรามีชีวิตอยู่ได้

and our organism functional.

และทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานเป็นปรกติ

And the way how to translate

และการแปลรหัส

what is instructed by DNA

สิ่งที่สั่งโดยดีเอ็นเอ

in a fashion that it is well-timed

ในเวลาที่เหมาะสม

and happens at the right places, into protein,

และเกิดขึ้นที่ตำแหน่งที่ถูกต้อง

there is messenger RNA.

เป็นหน้าที่ของอาร์เอ็นเอนำรหัส

Messenger RNA sort of instructs when

อาร์เอ็นเอนำรหัสจะบอกว่าเมื่อไหร่

and how much of which protein has to be built

และจำนวนเท่าใดที่โปรตีนใดจะถูกสังเคราะห์

in order to ensure the activity of our body.

เพื่อที่จะแน่ใจว่าร่างกายทำงานเป็นปรกติ

CA: So you can almost think of DNA

คริส: ฉะนั้นคุณสามารถมองดีเอ็นเอ

as the sort of The Oxford English Dictionary of Language.

เป็นเหมือนพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ของอ็อกซ์ฟอร์ด

It sort of sits there as the reference point.

ที่วางอยู่ตรงนั้นเพื่อใช้อ้างอิง

But for the actual living work,

แต่ส่วนที่ใช้งานจริง ๆ

the living work of language out there in the world instructing things,

ก็เหมือนภาษาที่เราใช้เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ

that is done by mRNA.

ซึ่งนี่เป็นหน้าที่ของเอ็มอาร์เอ็นเอ

UŞ: Yeah, absolutely, it is possible.

ชาฮีน: ครับ ใช่เลย ประมาณนั้น

So the human cells,

เมื่อพูดถึงเซลล์ของมนุษย์

exactly, DNA is like a library.

ซึ่งอันที่จริง ดีเอ็นเอเป็นเหมือนห้องสมุด

If you have the platform for the messenger RNA therapy,

หากคุณมีเครื่องมือสำหรับการบำบัดรักษา ด้วยอาร์เอ็นเอนำรหัส

you can deliver any type of message

คุณจะสามารถส่งข้อความใด ๆ ก็ได้

and the body cells ensure that the message is translated

และแน่นอนที่เซลล์ของร่างกายจะแปลรหัสนั้น

into the right protein.

เป็นโปรตีนที่ถูกต้อง

ÖT: A high advantage of mRNA is that it is so versatile.

ทูเรชี: ประโยชน์ที่สำคัญมาก ของเอ็มอาร์เอ็นเอ คือมันทำได้หลายอย่าง

You can deliver all sorts of messages, as Uğur has called them.

คุณสามารถที่จะถ่ายทอดข้อความใด ๆ อย่างที่อูกัวได้บอกไป

On the one hand, you can deliver the blueprint for the protein

ในทางหนึ่ง คุณสามารถที่จะส่งพิมพ์เขียว ในการสังเคราะห์โปรตีน

which you want to be produced in this cell.

ที่คุณต้องการ ให้เกิดขึ้นในเซลล์นั้น ๆ

But you can, with the same molecule,

แต่ด้วยโมเลกุลเดียวกันนี้

also design into the mRNA

คุณก็สามารถออกแบบให้เป็น คำสังของเอ็มอาร์เอ็นเอ

instructions how this protein should be built,

ว่าควรสังเคราะห์โปรตีนแบบใด

instructions to the protein factories of the cell.

เป็นคำสั่งไปยังโรงงานสร้างโปรตีนในเซลล์

So you can define

ฉะนั้นคุณจึงสามารถกำหนด

whether you want this protein to be built in high amounts

ว่าคุณอยากให้โปรตีนนี้ผลิตในปริมาณที่มาก

or for a long duration,

หรือในระยะยาว

how the pharmacokinetics of this protein should be in the cell.

การกำหนดเภสัชจลนศาสตร์ ของโปรตีนในเซลล์ว่าควรเป็นอย่างไร

CA: So talk about January of last year

คริส: เดือนมกราคมปีที่แล้ว เป็นยังไงบ้างครับ

when you first heard about this new virus that was spreading.

เมื่อคุณได้ยินเกี่ยวกับไวรัสชนิดใหม่ ที่กำลังระบาด

UŞ: So in the end of January,

ชาฮีน: ปลายเดือนมกราคม

we read a paper published about this outbreak in Wuhan,

เราได้อ่านบทความวิจัยเกี่ยวกับ การระบาดในเมืองอู่ฮั่น

and realized that this new outbreak

และตระหนักว่าการระบาดใหม่นี้

has all features to become a global pandemic,

มีครบทุกคุณลักษณะที่จะกลายเป็น การระบาดทั่วโลก

and we were concerned that our life will change,

และเราต่างกังวลว่าชีวิตของเรา จะมีการเปลี่ยนแปลง

that this outbreak could change the fate of mankind.

กังวลว่าการระบาดนี้จะสามารถ เปลี่ยนชะตากรรมของมนุษยชาติ

And we knew that we have this messenger RNA technology,

และเราก็ทราบดีว่า เรามีเทคโนโลยี อาร์เอ็นเอนำรหัสนี้

which was actually developed for personalized cancer therapy.

ซึ่งจริง ๆ แล้วถูกพัฒนาเพื่อการบำบัดรักษา มะเร็งแบบเฉพาะบุคคล

But the idea of personalized cancer therapy

ซึ่งแนวคิดของการบำบัดรักษา มะเร็งเฉพาะบุคคล

is to get the genetic information of the patient

คือการนำข้อมูลทางพันธุกรรมของผู้ป่วย

and then make a vaccine as fast as possible.

มาใช้ผลิตวัคซีนให้เร็วที่สุด

And we had now the same situation.

และตอนนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

It was not a personalized vaccine,

เพียงแต่มันไม่ใช่การพัฒนาวัคซีนเฉพาะบุคคล

but it was a genetic information of the virus,

แต่เป็นการใช้ข้อมูลพันธุกรรมของไวรัส

which was released two weeks earlier.

ซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาสองสัปดาห์ก่อนหน้า

And so this genetic information of this virus was available,

และเนื่องจากเราสามารถเข้าถึง ข้อมูลทางพันธุกรรมของไวรัสนี้

and our task was to make a vaccine as fast as possible.

งานของเราจึงเป็นการสร้างวัคซีน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

And the challenge at that time point was,

และอุปสรรคในตอนนั้นคือ

there was almost nothing known about this virus.

เราแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้

It was a completely new virus.

เป็นไวรัสที่ใหม่มาก ๆ

We had some assumptions

เรามีสมมติฐานบางอย่างว่า

which target which molecule encoded by the virus

โมเลกุลใดที่ถูกเข้ารหัสโดยไวรัส

could be the right target.

จะเป็นเป้าหมายที่ถูกต้อง

That means the molecule which can be used

หมายความว่า โมเลกุลนั้นจะสามารถนำมาใช้

to precisely engineer an immune attack.

เพื่อที่จะกำหนดได้อย่างแม่นยำว่า ระบบภูมิคุ้มกันจะไปจัดการมัน

This is the spike protein.

นี่คือภาพของโปรตีนปุ่มหนาม

It is on the surface of the virus.

ที่อยู่บนผิวของไวรัส

And there's not only one copy of the spike protein on the virus,

และโปรตีนปุ่มหนามก็ไม่ได้มีเพียงปุ่มเดียว

but multiple in the range of 20, 25, 30 spike proteins.

แต่มีมากมายระหว่าง 20 25 หรือ 30 ปุ่มหนาม

And the spike protein has two functions.

และโปรตีนปุ่มหนามก็มีหน้าที่สองประการ

One function is really to enable that the virus sticks to human cells.

หน้าที่แรก คือการที่ทำให้ไวรัส สามารถเกาะกับเซลล์มนุษย์

For example, it sticks to cells in the human lung.

ยกตัวอย่างเช่น การที่ไวรัสไปเกาะที่เซลล์ ในปอดของมนุษย์

And the second is that the spike protein acts as a key.

และหน้าที่ที่สองของโปรตีนปุ่มหนาม คือการทำงานเหมือนกุญแจ

It allows the virus to enter into the cells.

ที่จะสามารถทำให้ไวรัส เปิดประตูเข้าไปในเซลล์ได้

Our goal was to engineer an immune response.

เป้าหมายของเราคือการออกแบบ การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน

CA: You've got a slide showing the T-cell response to your vaccine.

คริส: คุณมีสไลด์แสดงการตอบสนอง ของที-เซลล์กับวัคซีนของคุณ

How long were you into the process before you saw this

คุณใช้เวลาเท่าใดก่อนที่คุณจะเห็นภาพนี้

and you saw, wow, there really is a spectacular response going on here?

และเมื่อคุณเห็นคุณรู้สึกโอ้โห นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย แบบนี้ไหมครับ

ÖT: We saw this already in the animal models

ทูเรชี: เราเห็นภาพนี้มาก่อนแล้วค่ะ ในสัตว์ทดลอง

because they are also meant to assess the immune response.

เพราะมันมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบ การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

And what is shown on this slide

และที่คุณเห็นบนสไลด์

is on the left side, a lymph node

ทางซ้ายคือภาพต่อมน้ำเหลือง

from a setting where there was no RNA treatment or RNA vaccination.

ในกรณีที่ไม่มีการรักษาด้วยอาร์เอ็นเอ หรือได้รับวัคซีนอาร์เอ็นเอ

And on the right side, a lymph node of a treated organism,

และทางขวาคือภาพต่อมน้ำเหลือง ของสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการรักษา

in this case, an animal.

ในกรณีนี้เป็นเซลล์ของสัตว์

And the localization matters.

และการกำหนดตำแหน่งเป็นเรื่องสำคัญ

And we have constructed our RNA nanoparticles,

และเราได้สร้างอนุภาคอาร์เอ็นเอระดับนาโน

with encapsulation into lipids

ที่ถูกหุ้มด้วยชั้นของลิพิด

such that the mRNA is carried into lymph nodes,

เพื่อที่ว่าเอ็มอาร์เอ็นเอ จะถูกส่งไปยังต่อมน้ำเหลือง

not just anywhere, it's carried into lymph nodes

ไม่ใช่ส่งไปที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไปที่ต่อมน้ำเหลืองเท่านั้น

and in the lymph nodes

และภายในต่อมน้ำเหลือง

it reaches a very special cell type, which is called dendritic cells,

มันจะเข้าไปหาเซลล์ประเภทพิเศษ ที่เรียกว่าเซลล์มีแขนง

and these cells are coaches of the immune system.

และเซลล์เหล่านี้เป็นเหมือนโค้ช ของระบบภูมิคุ้มกัน

So they are the generals which call all the different special forces

เพราะมันทำหน้าที่ในการสั่งการ ให้ระดมกำลังแบบต่าง ๆ

and train them on the wanted poster of attacker.

และฝึกฝนให้สามารถจัดการกับ ศัตรูที่หมายหัวไว้

And it's very important that you reach those cells.

มันสำคัญมากค่ะที่คุณจะเข้าไปให้ถึง เซลล์เหล่านั้น

On the right side, you can see the effect of reaching those cells.

ส่วนทางขวาคุณจะเห็นผลของ การเข้าถึงเซลล์เหล่านั้น

You see many red dots.

คุณจะเห็นจุดสีแดงมากมาย

And these are T-cells which have been trained to recognize the antigen,

และนี่คือที-เซลล์ที่ได้รับการฝึกฝน ให้สามารถระบุสารก่อภูมิต้านทานได้

the protein which mRNA has delivered,

เป็นโปรตีนที่เอ็มอาร์เอ็นเอได้ถูกนำไปส่ง

and they have expanded to a sort of army of clones, so to say.

และหากจะพูดให้ชัด มันได้ขยายตัว กลายเป็นกองทัพของโคลน

So all these red dots are an army

จุดสีแดงเล็ก ๆ เหล่านี้คือกองทัพ

which only knows one goal,

ที่รู้เป้าหมายเพียงอย่างเดียว

namely attacking this specific protein encoded by the mRNA.

คือการจัดการโปรตีนเฉพาะตัว ที่ถูกเข้ารหัสด้วยเอ็มอาร์เอ็นเอ

CA: So it's really stunning

คริส: นี่มันน่าทึ่งทีเดียว

that within just a few days of your looking at this sequence

ที่เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ คุณศึกษาลำดับเหล่านี้

of the most dangerous pathogen to hit humanity in 100 years, I guess,

ซึ่งเป็นของจุลชีพก่อโรคที่อันตรายที่สุด ที่โจมตีมนุษยชาติในรอบ 100 ปี ถ้าให้ผมเดา

that you were able to come up with these these candidate vaccines.

และคุณก็สามารถที่จะคิดค้นวัคซีนตัวทดลอง

And I guess over the course of the next weeks and months,

และผมเดาว่าไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน

you had growing confidence that, wow, this was going to work.

คุณเริ่มมีความมั่นใจว่า โอ้โห มันต้องได้ผลแน่ ๆ

It wasn't until the results of the human trials came out,

จนกระทั่งผลลัพธ์จากการทดลองในมนุษย์ออกมา

I guess in November of last year,

ผมคิดว่าเป็นช่วงเดือนพฤษจิกายนปีที่แล้ว

that you really knew.

คุณรู้ว่าวันไหน

Tell us about that moment.

เล่าให้เราฟังถึงตอนนั้นหน่อยครับ

ÖT: It was a Sunday when we were waiting for these results,

ทูเรชี: วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ค่ะ ที่เราเฝ้ารอผล

which are assessed in such trials by an independent committee

ซึ่งเป็นการประเมินผลการทดลอง โดยคณะกรรมการอิสระ

and Uğur said, "So let's see how the data will look like."

และอย่างที่อูกัวบอก “เรามาดูผลกันว่าจะมีหน้าตาเป็นยังไง”

It was not clear whether it would be a thumbs up or down.

มันไม่แน่ชัดว่าผลจะออกมาดีหรือไม่

And we were very relieved.

และสุดท้ายเราก็โล่งอก

And I felt blessed to hear that the vaccine was efficacious

ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้รับฟังว่า วัคซีนนั้นให้ผลตามที่ต้องการ

and it was highly efficacious, over 90 percent.

และมีประสิทธิภาพสูง มากกว่าร้อยละ 90

CA: And that more than 90 percent almost disguises the full extent,

คริส: และการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ร้อยละ 90 มันก็แทบสมบูรณ์แล้ว

because that's just against any kind of level of infection of COVID.

เพราะว่ามันก็สามารถต่อสู้ กับการติดเชื้อโควิดได้ทุกระดับ

Severe infection and fatalities were almost completely protected against,

การป้องกันเกือบสมบูรณ์ต่อการติดเชื้อรุนแรง รวมไปถึงป้องกันการเสียชีวิต

I think.

ผมคิดว่านะ

And it must have been an ecstatic moment for you.

และมันคงเป็นชั่วขณะแห่งความปีติของคุณแน่ ๆ

Certainly was for so many people around the world.

แน่นอนสำหรับผู้คนมากมายทั่วโลกด้วย

UŞ: Yes, absolutely.

ชาฮีน: ครับ เป็นเช่นนั้น

So this was a Sunday evening,

ตอนนั้นคือช่วงเย็นของวันอาทิตย์

and there were a handful of people

และมีเพียงไม่กี่คน

knowing that an effective vaccine is existing against this global pandemic.

ที่ทราบว่าเรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อ จัดการกับโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

And we were so excited and so happy

และเราทั้งตื่นเต้นและมีความสุขมาก

and we shared of course this information the next day.

และแน่นอนเราก็ได้เผยแพร่ข้อมูลนั้น ในวันถัดไป

CA: So based on what's happened this time around

คริส: หากมองสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

and the amazing acceleration,

และการเร่งการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

compared with any other vaccine development,

เมื่อเปรียบเทียบกับการพัฒนาวัคซีนในอดีต

I mean, if we were hit by another virus,

สมมติว่าถ้าเราถูกโจมตีด้วยไวรัสอีกชนิด

could you picture that next time

คุณลองจินตนาการดูได้ไหมครับว่า

we could accelerate the time line further still if need be?

เราจะสามารถเร่งกระบวนการเช่นนี้ได้ หากจำเป็น

UŞ: Yes, Chris, this is an excellent question.

ชาฮีน: ครับ คริส เป็นคำถามที่เยี่ยมมากครับ

Actually, the world was not prepared to deal with such a pandemic.

จริง ๆ แล้ว ทั่วโลกไม่ได้เตรียมรับมือ กับโรคระบาดเช่นนี้

The science and the vaccine developers reacted in an excellent fashion.

แต่นักวิทยาศาสตร์และนักพัฒนาวัคซีน ก็ได้ตอบสนองกับการระบาดได้อย่างยอดเยี่ยม

And it is incredible and wonderful

มันเหลือเชื่อและน่าประหลาดใจมาก

that it was possible to come up with an effective vaccine

ที่เราสามารถพัฒนาวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพได้สำเร็จ

while a pandemic is ongoing, in less than 12 months.

ในขณะที่กำลังเกิดโรคระบาด และภายในไม่ถึง 12 เดือน

But the challenges that we have at the moment

แต่อุปสรรคที่เรามีในตอนนั้น

is that we don't have sufficient production capacity.

คือการที่เราไม่มีกำลังการผลิตที่เพียงพอ

Ideally, we would be prepared the next time,

ดีที่สุดคือ หากเราสามารถ เตรียมการสำหรับครั้งหน้า

not only to develop a vaccine in light speed,

ไม่เพียงแต่พัฒนาวัคซีนได้ระดับความเร็วแสง

but also to to make and distribute the vaccine in light speed.

แต่ต้องสามารถผลิตและแจกจ่ายวัคซีน ได้ในระดับความเร็วแสงเช่นกัน

So what we need now is an additional element which was not existing,

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องการในตอนนี้ คือองค์ประกอบที่ยังไม่มี

is manufacturing capacity.

ซึ่งก็คือกำลังการผลิต

And idle manufacturing capacity.

และกำลังการผลิตสำรอง

We must be bringing us into a position

เราต้องสามารถพาตัวเองไปยังจุด

that we can produce 12 billion doses of vaccine,

ที่เราสามารถผลิตวัคซีนได้ หนึ่งหมึ่นสองพันล้านโดส

if you consider prime boost, within less than six months.

หากพิจารณาจากการเร่งผลิตในอุดมคติ ซึ่งต้องทันภายในหกเดือน

And this is technically possible.

และนี่ก็เป็นไปได้ในทางปฏิบัติด้วย

So this can be done if governments

สิ่งนี้จะเป็นไปได้ หากรัฐบาลต่าง ๆ

and international organizations invest into manufacturing capacity,

รวมไปถึงองค์กรระหว่างประเทศ มาร่วมลงทุนกับการเพิ่มกำลังการผลิต

invest into keeping this idle capacity,

และการลงทุนในการเพิ่มกำลังการผลิตสำรองไว้

and also come up with a standard time span and process

และการออกแบบมาตรฐานกรอบเวลาและกระบวนการ

to enable even faster response.

ในการจัดการที่เร็วยิ่งขึ้น

So we in principle,

ในทางหลักการ

we might be able to manage to come up with a vaccine

เราอาจคิดค้นพัฒนาจนได้วัคซีน

and start distribution in even less than eight months.

และเริ่มกระจายวัคซีนได้ภายในไม่ถึงแปดเดือน

CA: What does what's happened in this last year tell you now

คริส: สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ได้บอกอะไรกับคุณในตอนนี้

about the prospects for using mRNA to treat cancer

ถึงแนวทางในอนาคตเกี่ยวกับ การใช้เอ็มอาร์เอ็นเอในการรักษามะเร็ง

and indeed other diseases?

และแน่นอนโรคอื่น ๆ ด้วย

Where is this heading?

สิ่งนี้จะมีทิศทางอย่างไรครับ

UŞ: What we have now is now an approved technology

ชาฮีน: สิ่งที่เรามีในตอนนี้คือ เทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับ

and a first approved product.

และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ

The development of the coronavirus mRNA vaccine shows the power

การพัฒนาวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ เพื่อต้านเชื้อไวรัสโคโรน่า ได้แสดงถึงพลัง

of the mRNA

ของเอ็มอาร์เอ็นเอ

and it shows also the safety of this approach.

และยืนยันว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัย

And it shows

รวมไปถึง

that it opens up a door for new technology

การเปิดประตูสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ

and for new type of treatments.

สำหรับการรักษาแนวใหม่

And the mRNA molecules

และโมเลกุลเอ็มอาร์เอ็นเอ

that we are currently using for cancer,

ที่เรากำลังใช้อยู่ตอนนี้ในการรักษามะเร็ง

we have more than 10 products now in clinical development,

มีจำนวนมากกว่า 10 ผลิตภัณฑ์ ที่กำลังอยู่ในขั้นการทดลองทางคลินิก

are diverse against different types of cancer.

ที่มีความหลากหลายเพื่อการต่อต้าน มะเร็งที่ต่างชนิดกัน

We are very confident that the success that we have generated now

เรามีความมั่นใจเป็นอย่างมากในความสำเร็จ ที่เราได้สร้างขึ้น

for our infectious disease vaccines

ในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคติดเชื้อ

can be continued with our cancer immunotherapies.

จะทำให้การพัฒนาการรักษามะเร็ง ด้วยการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน เดินหน้าต่อได้

CA: Some people may hear this

คริส: หลายคนฟังแล้ว

and say this is just another type of drug that's coming along.

อาจบอกว่านี่มันก็แค่ยาชนิดใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้น

But I think on the mental model you're talking about,

แต่ผมคิดว่า ด้วยหลักคิดที่คุณกำลังสื่อสาร

we should think about it as much more revolutionary than that,

เราควรที่จะคิดเชิงปฏิวัติมากกว่า

that typically a drug, a traditional drug, kind of changes the chemical environment,

ผมหมายถึง ยาโดยทั่วไป เป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางเคมี

the background of an entire area of the body.

เป็นพื้นหลังของพื้นที่ทั้งหมดของร่างกาย

But your --

แต่

If you understand the language of mRNA,

หากคุณเข้าใจภาษาของเอ็มอาร์เอ็นเอ

you can do something much more specific and precise.

คุณจะสามารถทำบางสิ่งที่จำเพาะเจาะจง และแม่นยำได้มากกว่า

Is that something like a fair way to think about it?

ผมคิดแบบนี้ถูกต้องไหมครับ

ÖT: Yes, indeed.

ทูเรชี: ใช่เลยค่ะ

It could be the next revolution

นี่จะเป็นการปฏิวัติ

in the biopharm landscape.

ที่เกิดขึ้นในวงการชีวเภสัชภัณฑ์

UŞ: At the end of the day, disease is a situation

ชาฮีน: ท้ายที่สุดแล้ว โรคภัยไข้เจ็บเป็นสถานการณ์

where the communication between cells is disturbed.

ที่การสื่อสารระหว่างเซลล์ถูกรบกวน

So, for example, autoimmune disease is a disease condition

ตัวอย่างเช่น โรคภูมิต้านทานตัวเอง เป็นโรคที่มีลักษณะคือ

where immune cells attack normal cells.

เซลล์ภูมิคุ้มกันโจมตีเซลล์ปรกติ

And indeed, we could engineer messenger RNA therapies

และแน่นอน เราสามารถออกแบบ การบำบัดด้วยอาร์เอ็นเอนำรหัส

which could teach the immune system to stop to do that,

ที่สามารถสั่งให้ระบบภูมิคุ้มกัน หยุดทำเช่นนั้น

without inhibiting the whole immune system,

โดยไม่ได้เป็นการหยุด ระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมด

by just communicating with the immune cells which are attacking.

แต่เป็นการสื่อสารไปที่เซลล์ภูมิคุ้มกัน ที่กำลังโจมตีอยู่

We could be precise and more specific.

เราสามารถที่จะดำเนินการได้อย่างแม่นยำ และเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

CA: The success of BioNTech over the last couple of years,

คริส: ความสำเร็จของไบออนเทค ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

I think the value of the company has rocketed

ผมคิดว่ามูลค่าของบริษัทได้ทะยานขึ้น

because of the amazingness of what's happened.

เพราะความน่าทึ่งที่เกิดขึ้น

I mean, it's made you both extremely wealthy,

ผมหมายถึง มันทำให้คุณทั้งสอง ร่ำรวยขึ้นมาก

I think you're both billionaires now.

ผมคิดว่าตอนนี้ พวกคุณคือเศรษฐีพันล้าน

How have you been able to respond to that?

คุณคิดยังไงเหรอครับ

Sometimes so much money brings its own problems with it.

บางครั้งการมีเงินมากก็มักนำปัญหามาให้

Is that proving a distraction?

มันทำให้คุณไขว้เขวไหมครับ

ÖT: For a company

ทูเรชี: สำหรับบริษัท

which sees innovation as its core mission,

ที่มองนวัตกรรมเป็นแกนหลักของพันธกิจ

too much money is never a problem.

การมีเงินมากเกินไปไม่เคยเป็นปัญหา

Because innovation really means that you have to invest.

เพราะนวัตกรรมหมายถึงการที่คุณต้องลงทุน

Otherwise, we will only have two type of products

ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะมีผลิตภัณฑ์ เพียงสองสามชนิด

or incremental improvement

ไม่ก็ก้าวหน้าได้เพียงเล็กน้อย

for solutions of high medical need.

สำหรับการตอบรับกับ ความต้องการทางการแพทย์ที่มีมาก

UŞ: It really gives us the chance to transform our company.

ชาฮีน: มันทำให้เราได้มีโอกาส ในการเปลี่ยนแปลงบริษัทของเรา

So we were when we started --

ในตอนที่เราเริ่ม

When we compare ourselves with the situation we had

หากเปรียบเทียบกับตอนนั้น

at the beginning of 2020,

ในต้นปี ค.ศ. 2020

we had a number of product candidates in clinical testing,

เรามีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในขั้นทดลองทางคลินิก

but the company required funding every year or every second year.

แต่บริษัทต้องการเงินทุนทุก ๆ ปี หรือสองปี

Now we have a situation to really address the full vision of the company.

ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่สามารถตอบสนอง วิสัยทัศน์ของบริษัทได้อย่างเต็มที่

We started BioNTech

เราเริ่มต้นไบออนเทค

with the idea really to provide novel treatments

ด้วยความคิดที่จะมอบการรักษาแบบใหม่

wherever there is a high unmet medical need.

เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ ที่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ

And we now can do that in a much larger and broader scale,

ตอนนี้เราสามารถทำได้แล้ว ในระดับที่ใหญ่ขึ้นและกว้างขึ้น

and bring our innovations faster to patients.

และนำนวัตกรรมของเราไปใช้กับผู้ป่วย ได้รวดเร็วขึ้น

CA: You are both from families who immigrated from Turkey to Germany.

คริส: คุณทั้งสองมาจากครอบครัวผู้อพยพ จากตุรกีมาที่เยอรมนี

Immigrants have faced hard times in many countries, including Germany.

ผู้อพยพต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ มาตลอด ในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงเยอรมนี

And yet you, I think,

แต่ผมคิดว่า

have helped transform the debate about immigration,

คุณได้ช่วยแปรเปลี่ยนข้อถกเถียง เกี่ยวกับการอพยพ

in Germany and elsewhere,

ทั้งในเยอรมนีและที่อื่น ๆ

just by the extraordinary success that you've achieved

เพียงดูจากความสำเร็จอันน่าทึ่ง ที่คุณได้คว้ามา

creating this world-leading company in Germany.

จากการสร้างบริษัทชั้นนำระดับโลก ในเยอรมนี

Do you take joy for the impact you may have had on this issue?

คุณรู้สึกยินดีกับบทบาทของตัวเอง ที่อาจมีส่วนในประเด็นนี้ไหมครับ

UŞ: It is somehow surprising

ชาฮีน: มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน

because the way how we do science,

เพราะว่าวิธีที่เราทำงานด้านวิทยาศาสตร์

and how we recognize how people work effectively in teams together

และวิธีที่เราตระหนักถึง การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

is not to us from where the person is coming,

ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นเพของบุคคลนั้น ๆ

but what the person can contribute.

แต่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้

So in our company, we have employees from more than 60 countries.

ในบริษัทของเราจึงมีพนักงาน ที่มาจากกว่า 60 ประเทศ

So we are an international group of scientists,

เราเลยเป็นบริษัทที่เป็นกลุ่ม ของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ

as any other research institution.

เช่นเดียวกับสถาบันวิจัยอื่น ๆ

So we have to recognize that globalization really helps

เราจะต้องตระหนักว่า โลกาภิวัฒน์นั้นมีส่วนช่วย

to bring people, scientists or other engineers into one place,

ในการรวมผู้คน นักวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรด้านต่าง ๆ มาอยู่ในที่เดียวกัน

allowing to work together

ทำให้พวกเขาทำงานร่วมกันได้

and to come with extraordinary results.

และยังผลที่น่าทึ่ง

For us, this is somehow surprising that this is seen as special.

สำหรับเราแล้ว มันน่าแปลกใจ ที่คนมองว่ามันเป็นสิ่งที่พิเศษ

It is just the way how excellent research and science work.

มันก็เป็นแค่วิธีการชั้นยอด สำหรับการวิจัยและการทำงานด้านวิทยาศาสตร์

CA: Well, it's extraordinary and inspiring what you've achieved,

คริส: ความสำเร็จของคุณ ช่างน่าอัศจรรย์และจับใจ

and it'll be very exciting to track progress over the coming years.

และมันคงน่าตื่นเต้นมากในการติดตาม ความคืบหน้าต่าง ๆ ที่จะตามมาในอนาคต

Thank you so much. Thank you.

ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ