Where does energy come from? - George Zaidan and Charles Morton

พลังงานทั้งปวงในจักรวาลนั้น... - จอร์จ ไซแดน (George Zaidan) และ ชาร์ลส์ มอร์ทอน (Charles Morton)

435,245 views

2013-11-12 ・ TED-Ed


New videos

Where does energy come from? - George Zaidan and Charles Morton

พลังงานทั้งปวงในจักรวาลนั้น... - จอร์จ ไซแดน (George Zaidan) และ ชาร์ลส์ มอร์ทอน (Charles Morton)

435,245 views ・ 2013-11-12

TED-Ed


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Nuchapong Wongrajit Reviewer: Pattapon Kasemtanakul
00:08
Energy is not easy to define.
0
8206
2232
มันไม่ง่ายเลยที่จะนิยามคำว่า พลังงาน
00:10
Things have energy,
1
10438
1615
สิ่งต่าง ๆ มีพลังงานอยู่
00:12
but you can't hold
2
12053
907
00:12
a bushel of energy in your hands.
3
12960
1862
แต่คุณไม่สามารถ
ถือก้อนพลังงานไว้ในมือได้
00:14
You can see what it does,
4
14822
1661
คุณมองเห็นสิ่งที่พลังงานทำได้
00:16
but you can't see it directly.
5
16483
2321
แต่คุณไม่มีทางเห็นหน้าตาของมัน
00:18
There are different types of energy,
6
18804
1811
พลังงานมีหลายชนิด
00:20
but the differences between them
7
20615
1301
แต่เราจะจำแนกความแตกต่างได้จาก
00:21
are manifested only in how they make stuff behave.
8
21916
3776
การที่พลังงานทำให้สสารมีพฤติกรรมต่างกันเท่านั้น
00:25
We do know that the total amount
9
25692
1353
เรารู้แน่ว่าปริมาณรวมทั้งหมด
00:27
of all the different types of energy in the universe
10
27045
2120
ของพลังงานทุกรูปแบบในจักรวาล
00:29
is always the same.
11
29165
2201
มีค่าเท่าเดิมเสมอ
00:31
And, for chemists, two important types of energy
12
31366
2180
และสำหรับนักเคมี มีพลังงานสำคัญอยู่ 2 ชนิด
00:33
are chemical potential energy
13
33546
1561
ได้แก่ พลังงานศักย์ทางเคมี
00:35
and kinetic energy.
14
35107
1779
และ พลังงานจลน์
00:36
Potential energy is energy waiting to happen.
15
36886
2835
พลังงานศักย์ คือพลังงานที่รอให้มีอะไรเกิดขึ้น
00:39
Think of a stretched rubber band.
16
39721
2080
ลองนึกถึงหนังยางที่ถูกยืด
00:41
If you cut it,
17
41801
828
ถ้าคุณตัดมันขาด
00:42
all that potential energy
18
42629
1379
พลังงานศักย์ทั้งหมด
00:44
gets converted to kinetic energy,
19
44008
2735
จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์
00:46
which is registered by you as pain.
20
46743
2856
ซึ่งคุณจะรู้สึกถึงมันได้จากความเจ็บปวด
00:49
Like a stretched rubber band,
21
49599
1251
เหมือนกับหนังยางที่ถูกยืด
00:50
chemical bonds also store energy,
22
50850
1998
พันธะเคมีก็มีพลังงานสะสมอยู่
00:52
and when those bonds are broken,
23
52848
1254
และเมื่อพันธะถูกทำลาย
00:54
that potential energy gets converted
24
54102
1501
พลังศักย์ก็จะถูกเปลี่ยน
00:55
to other types of energy,
25
55603
1513
เป็นพลังงานชนิดอื่น ๆ
00:57
like heat or light,
26
57116
1319
เช่น ความร้อน หรือ แสง
00:58
or gets used to make different bonds.
27
58435
2415
หรือ ถูกนำไปใช้สร้างพันธะชนิดอื่น
01:00
Kinetic energy is the energy of motion,
28
60850
2647
พลังงานจลน์ คือพลังงานของการเคลื่อนไหว
01:03
and molecules are always moving.
29
63497
2126
และโมเลกุลก็ขยับอยู่ตลอดเวลา
01:05
They're not necessarily going somewhere,
30
65623
1991
โมเลกุลอาจไม่ได้เคลื่อนที่ไหน
01:07
though they could be,
31
67614
1325
หรืออาจจะไปก็แล้วแต่
01:08
but they are vibrating,
32
68939
1076
แต่ที่แน่ ๆ โมเลกุลมีการสั่น
01:10
stretching,
33
70015
502
01:10
bending,
34
70517
415
01:10
and/or spinning.
35
70932
1440
ยืดหด
งอไป งอมา
และ/หรือ หมุนตัว
01:12
Take methane,
36
72372
750
ลองดู มีเทน
01:13
which is four hydrogens
37
73122
1147
ซึ่งมีไฮโดรเจน 4 ตัว
01:14
attached to a central carbon,
38
74269
1409
ยึดกับคาร์บอนตรงกลาง
01:15
as an example.
39
75678
946
เป็นตัวอย่าง
01:16
Drawn on paper,
40
76624
877
ถ้าวาดลงบนกระดาษ
01:17
it's just a still tetrahedron.
41
77501
2298
ก็จะได้แค่ภาพทรงสี่หน้า
01:19
But in real life, it's a jiggling mess.
42
79799
2668
แต่ในความเป็นจริง มันขยับเคลื่อนไหวไม่หยุด
01:22
The kinetic energy of molecules
43
82467
1340
พลังงานจลน์ของโมเลกุล
01:23
is exactly the same type of energy
44
83807
1913
ก็เป็นพลังงานชนิดเดียวกันเลย
01:25
as the energy you have
45
85720
1400
กับพลังงานที่คุณใช้
01:27
when you're moving around,
46
87120
1314
เคลื่อนที่ไปไหนมาไหน
01:28
except that you can be still
47
88434
1624
ต่างกันแค่คุณอาจหยุดอยู่นิ่ง ๆ ได้
01:30
and molecules can't.
48
90058
1762
แต่โมเลกุลอยู่นิ่งไม่ได้
01:31
If you suck the kinetic energy
49
91820
1495
ถ้าคุณดูดพลังงานจลน์
01:33
out of a group of molecules,
50
93315
1197
ออกจากโมเลกุล
01:34
they'll move less,
51
94512
1258
โมเลกุลจะขยับน้อยลง
01:35
but they'll never fully stop.
52
95770
1496
แต่มันไม่เคยหยุดนิ่งสนิท
01:37
Now, in any group of molecules,
53
97266
1751
ทีนี้ ไม่ว่าในกลุ่มโมเลกุลไหนก็ตาม
01:39
some will have more kinetic energy than others.
54
99017
2837
บางตัวจะมีพลังงานจลน์สูงกว่าเพื่อน ๆ
01:41
And if we calculate
55
101854
701
และถ้าเราคำนวณ
01:42
the average kinetic energy of the group,
56
102555
1965
พลังงานจลน์เฉลี่ยของทั้งกลุ่ม
01:44
we'd have a number mathematically related to
57
104520
2814
เราจะได้ตัวเลขที่สัมพันธ์เชิงคณิตศาสตร์กับ
01:47
temperature.
58
107334
1325
อุณหภูมิ
01:48
So, the more kinetic energy
59
108659
1410
ดังนั้น ยิ่งกลุ่มของโมเลกุล
01:50
a group of molecules has,
60
110069
1307
มีพลังงานจลน์มากเท่าไหร่
01:51
the higher its temperature.
61
111376
1500
อุณหภูมิก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
01:52
And that means that on a hot day,
62
112876
1686
และก็หมายความว่า ในวันที่อากาศร้อน
01:54
the molecules in the air around you
63
114562
1669
โมเลกุลในอากาศรอบตัวคุณ
01:56
are spinning, stretching, bending,
64
116231
1786
จะหมุน ยืดหด งอไป งอมา
01:58
and generally shooting around much faster
65
118017
2179
และโดยรวม ๆ วิ่งไปวิ่งมารวดเร็วกว่า
02:00
than on a cold day.
66
120196
2126
ในวันที่อากาศหนาว
02:02
Now, hot and cold, by the way,
67
122322
1953
จะร้อน หรือจะหนาว
02:04
are relative terms.
68
124275
1370
ก็แค่คำเปรียบเทียบ
02:05
They're always used to compare
69
125645
1496
สองคำนี้ใช้สำหรับเปรียบเทียบ
02:07
one thing to something else.
70
127141
1508
สิ่งหนึ่งกับอีกสิ่ง
02:08
So, on that hot summer day,
71
128649
1220
ในฤดูร้อน วันที่อากาศร้อน
02:09
the air molecules have more kinetic energy
72
129869
1945
โมเลกุลอากาศจะมีพลังงานจลน์สูงกว่า
02:11
than the molecules in your skin.
73
131814
2790
โมเลกุลในผิวหนังของคุณ
02:14
So, when those air molecules crash into you,
74
134604
2375
ดังนั้น เมื่อโมเลกุลอากาศชนเข้ากับตัวคุณ
02:16
they transfer some of their energy
75
136979
1762
มันจะถ่ายเทพลังงานส่วนหนึ่ง
02:18
to the molecules in your skin,
76
138741
1752
มาให้โมเลกุลในผิวคุณ
02:20
and you feel that as heat.
77
140493
2318
และคุณจะรู้สึกว่า นี่คือความร้อน
02:22
On a cold day,
78
142811
770
ในวันที่อากาศหนาว
02:23
the air molecules have less kinetic energy
79
143581
2176
โมเลกุลอากาศจะมีพลังงานจลน์ต่ำกว่า
02:25
than the molecules in your skin,
80
145757
1351
โมเลกุลในผิวของคุณ
02:27
so when you crash into those air molecules,
81
147108
2373
ดังนั้นเมื่อคุณกระทบเข้ากับโมเลกุลอากาศ
02:29
you actually transfer
82
149481
1245
คุณจะถ่ายเท
02:30
some of your kinetic energy to them,
83
150726
2506
พลังงานจลน์ส่วนหนึ่งให้กับโมเลกุลในอากาศ
02:33
and you feel that as cold.
84
153232
2741
และคุณจะรู้สึกว่า นี่คือความเย็น
02:35
You can trace the path of energy around you.
85
155973
2624
คุณสามารถติดตามเส้นทางของพลังงานรอบตัวคุณได้
02:38
Try it at your next cookout.
86
158597
1646
ลองดู เวลาคุณไปทำอาหารนอกบ้าน
02:40
You burn charcoal
87
160243
905
คุณเผาถ่าน
02:41
and the release of that chemical potential energy
88
161148
1997
และพลังงานศักย์เชิงเคมีก็ถูกปลดปล่อยออกมา
02:43
shows up as extreme heat and light.
89
163145
2580
ในรูปความร้อนสูงและแสง
02:45
The heat then makes the molecules
90
165725
1548
ความร้อนนี้ทำให้โมเลกุล
02:47
of your burgers, your hot dogs, or your vegetables
91
167273
2783
ของเบอร์เกอร์ ฮอตดอก หรือผักของคุณ
02:50
vibrate until their own bonds break
92
170056
2253
สั่นจนพันธะของมันถูกทำลาย
02:52
and new chemical structures are formed.
93
172309
2340
และมีโครงสร้างทางเคมีใหม่เกิดขึ้นมา
02:54
Too much heat and you have a charred mess;
94
174649
1997
ถ้าความร้อนสูงเกินไป อาหารก็จะไหม้เป็นตอตะโก
02:56
just enough and you have dinner.
95
176646
1684
ถ้าร้อนกำลังดี คุณก็จะมีมื้อเย็นรับประทาน
02:58
Once in your body,
96
178330
1124
เมื่อเข้าไปในร่างกาย
02:59
the food molecules in your delicious,
97
179454
1621
โมเลกุลอาหาร ซึ่งจะอร่อย
03:01
or charred,
98
181075
1222
หรือไหม้เกรียม
03:02
dinner get broken down,
99
182297
1532
ล้วนถูกย่อยสลาย
03:03
and the energy released
100
183829
987
และพลังงานที่ปล่อยออกมา
03:04
is used to either keep you alive right now
101
184816
2530
จะถูกใช้เพื่อการดำรงชีวิตในขณะนี้
03:07
or it's stored for later in different molecules.
102
187346
2993
หรือถูกเก็บไว้ใช้ภายหลัง ในโมเลกุลรูปแบบอื่น
03:10
As night falls,
103
190339
1413
เมื่อค่ำลง
03:11
the hot summer air cools
104
191752
1465
อากาศของฤดูร้อนก็ค่อยเย็นลง
03:13
and the flow of energy into you slows.
105
193217
2638
และพลังงานจะไหลเข้าสู่ตัวคุณช้าลง
03:15
Then, as the air reaches your skin temperature,
106
195855
2696
เมื่ออากาศมีอุณหภูมิเท่ากับผิวหนังของคุณ
03:18
for the briefest of moments,
107
198551
1261
ในชั่วเวลาสั้น ๆ
03:19
the flow stops.
108
199812
1329
พลังงานจะหยุดไหล
03:21
And then it starts up again
109
201141
1254
แล้วก็กลับมาไหลอีก
03:22
in the opposite direction
110
202395
1245
ในทิศทางตรงกันข้าม
03:23
as energy leaves the warmer surface of your skin
111
203640
2718
พลังงานจะออกจากผิวของคุณซึ่งอุ่นกว่า
03:26
to return to the universe around you,
112
206358
2700
กลับไปยังจักรวาลรอบตัว
03:29
that energy, neither created nor destroyed,
113
209058
2668
พลังงานไม่สามารถถูกสร้างหรือทำลายได้
03:31
but ever shape-shifting,
114
211726
1894
แค่เปลี่ยนรูปไปมา
03:33
the chameleon phoenix of our physical world.
115
213620
2610
ดุจนกอมตะผู้แปลงโฉมไปในโลกกายภาพใบนี้
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7