The Greek myth of Demeter's revenge - Iseult Gillespie

Translator: Varintorn Tacha Reviewer: Natthapat Mardech

Mestra, Princess of Thessaly, was far from home.

นางเมสตรา เจ้าหญิงแห่งเทสแห่งเทสซาลี เดินทางมาไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนเหลือเกิน

She had watched her father, King Erysichthon,

พระนางได้เฝ้ามองพระบิดา พระเจ้าเอริสิชโทน

plunge into a ruin of his own making.

จมดิ่งลงสู่ความพินาศ ที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้นเอง

Now, to save himself, he sold his own daughter to the highest bidder.

ในเวลานี้ เพื่อช่วยตัวเขาเอง เขาได้ขายบุตรีให้ผู้ที่เสนอราคาสูงสุด

But Mestra refused to accept this fate.

แต่นางเมสตราปฎิเสธที่จะรับโชคชะตานี้

Finding herself momentarily alone, she began to plan her escape.

เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังชั่วขณะหนึ่ง นางจึงเริ่มวางแผนหลบหนี

Months earlier, Erysichthon had decided to build himself a gleaming new hall,

หลายเดือนก่อนหน้า เอริสิชโทนประสงค์จะสร้าง ห้องโถงใหม่อันแวววาวให้ตนเอง

declaring that only the finest wood would suffice.

โดยดำริว่า แค่ไม้ที่ดีที่สุดเท่านั้น จึงจะเหมาะสมเพียงพอ

The king was well known for spurning the gods,

กษัตริย์ผู้นี้ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่อง การเหยียดหยามทวยเทพ

as he was more interested in honoring himself.

เนื่องจากเขาสนใจที่จะ ให้เกียรติตัวเองมากกว่า

But in an unprecedented act of disrespect,

แต่ด้วยการกระทำที่ไม่เคารพ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

he marched his men into the sacred grove of Demeter,

เขาได้เดินทัพคนของเขาไปยัง ป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งดิมีเทอร์

goddess of food and agriculture.

เทพีแห่งอาหารและเกษตรกรรม

Ignoring the prayer offerings that hung from the trees,

โดยไม่สนใจเครื่องบูชา ที่ห้อยระโยงระยางลงมา

Erysichthon headed straight for the most magnificent oak.

เอริสิชโทนมุ่งหน้าตรงไปยัง ต้นโอ๊กที่งดงามที่สุด

As he swung his axe, the tree trembled and turned pale.

ขณะที่เขาเหวี่ยงขวาน ต้นไม้ก็สั่นเทาและซีดเซียว

Blood gushed from the wound, and a strangled cry rung out.

เลือดไหลออกมาจากบาดแผล และเสียงร้องดั่งถูกรัดคอก็ดังออกมา

It was the voice of one of Demeter’s wood nymphs who resided in the tree.

มันเป็นเสียงของนางไม้ไม้บริวารของ ดิมีเทอร์ตนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในต้นไม้

With her last breaths, she called out to her patron for revenge.

ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย นางก็ตะโกนเรียก ผู้มีพระคุณเพื่อแก้แค้น

Erysichthon, though, was unfazed.

เอริสิชโทนไม่สะทกสะท้าน

He decimated the rest of the forest and dragged the wood back to his palace.

เขาทำลายป่าที่เหลือ และลากไม้กลับเข้าไปในวังของเขา

Upon learning of the loss and destruction,

เมื่อทราบถึงการสูญเสียและการทำลายล้าง

Demeter quaked the earth with her anger.

ดิมีเทอร์ทำให้โลกสั่นสะเทือน ด้วยความพิโรธของนาง

Swiftly, she ordered a mountain nymph to go and enlist the help

นางสั่งให้นางไม้แห่งภูเขาไปขอความช่วยเหลือ

of another fearsome goddess.

จากเทพีผู้น่าเกรงขาม อีกองค์หนึ่งอย่างรวดเร็ว

In a dragon-drawn chariot,

ในรถม้าลากมังกร

the mountain nymph soared over barren lands and icy seas.

นางไม้แห่งภูเขาทะยาน เหนือดินแดนแห้งแล้งและทะเลน้ำแข็ง

At last, she reached the remote lair of Hunger, goddess of famine.

ในที่สุด นางก็มาถึงถ้ำอันไกลโพ้นของ ฮังเกอร์ เทพีแห่งทุพภิกขภัย

She found her picking through weeds with her rotten nails and teeth,

นางไม้พบว่า เทพีฮังเกอร์ กำลังเล็มหญ้าด้วยเล็บและฟันที่เน่าเปื่อย

clutching her hollow stomach and twisting her knotted limbs.

มือลูบท้องกลวงโบ๋ และบิดแขนขาที่เป็นปุ่มปม

Not daring to come too close,

นางไม้ไม่กล้าเข้ามาใกล้เกินไป

the nymph called for Hunger and shared Demeter’s vengeful plan.

นางจึงเรียกหาฮังเกอร์ และเล่าถึงแผนการล้างแค้นของดิมีเทอร์ให้ฟัง

Hunger usually kept to her lair— but she relished this gruesome mission.

โดยปกติแล้วฮังเกอร์จะไม่ออกจากถ้ำของนาง แต่นางก็ชอบใจกับภารกิจอันน่าสยดสยองนี้

Under the cover of night, she crept into the palace

ภายใต้ความมืดมิดยามราตรี นางพุ่งเข้าไปในพระราชวัง

and released her famished breath into the sleeping king.

และระบายลมหายใจอันหิวโหยของนาง รดรินกายาของราชาในห้วงนิทรา

Erysichthon immediately began to dream of a lavish feast,

เอริสิชโทนเริ่มฝันถึง งานเลี้ยงอันหรูหราทันที

gulping air and grinding his teeth.

กลืนอากาศและขบฟัน

He awoke to a ravenous hunger, which only seemed to increase as he ate.

เขาตื่นขึ้นมาด้วยความหิวโหย ซึ่งดูเหมือนจะ ไม่ลดลงแม้ว่าจะกินเข้าไปมากเท่าใดก็ตาม

As Mestra looked on in horror,

ขณะที่เมสตรามองด้วยความหวาดกลัว

her father devoured all the food in the palace,

พระบิดาของนางเขมือบอาหารในวังจนเกลี้ยง

before calling for the city’s crops and goods.

ก่อนที่เขาจะเรียกหาผลิตผลทั้งหมดของเมือง

But no matter how many feasts he devoured, he felt empty and weak.

แต่ไม่ว่าจะสวาปามอาหารไปเท่าไหร่ เขาก็ยังรู้สึกว่างเปล่าและอ่อนแอ

Before long, Erysichthon had sold his entire estate for food—

ไม่นานนัก เอริสิชโทนก็ขาย ทัพย์สินทั้งหมดเพื่อแลกเป็นอาหาร

with only Mestra left by his side.

โดยเหลือเพียงเมสตราเท่านั้น ที่ยังอยู่เคียงข้างเขา

But not even his loyal daughter could escape the depths of his greed,

แต่แม้แต่บุตรีผู้ซื่อสัตย์ของเขาก็ไม่อาจ หลีกหนีจากความโลภอันใหญ่หลวงของเขาได้

and he shamelessly sold her into slavery.

และเขาก็ขายนางให้เป็นทาสอย่างหน้าไม่อาย

As she set sail with her captor, Mestra stared at the sea.

ขณะที่นางออกเดินทางพร้อมกับผู้คุม เมสตราจ้องมองไปที่ทะเล

This wasn’t the first time she’d suffered at the hands of men—

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นาง ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือบุรุษ

years before, she’d been violently pursued and assaulted by the god Poseidon.

เมื่อหลายปีก่อน นางถูกเทพโพไซดอน ไล่ตามและล่วงละเมิดอย่างทารุณ

Now, she demanded his help.

บัดนี้ นางต้องเรียกร้องความช่วยเหลือจากเขา

As an act of repentance,

เพื่อเป็นการแสดงความสำนึกผิดบาป

Poseidon granted her the power to change her shape at will.

โพไซดอนมอบพลังให้นาง แปลงกายได้ตามใจปราถนา

With this, Mestra immediately transformed into a fisherman.

ด้วยเหตุนี้ เมสตราจึงจำแลงกาย เป็นชาวประมงหนุ่มในทันที

And distracting her captor with a bounty of fish, she escaped.

และหันเหความสนใจของผู้เป็นนายทาส ด้วยปลาฝูงใหญ่ นางก็หลบหนีออกมาสำเร็จ

For the first time, Mestra was in control,

นับเป็นครั้งแรกที่นางเมสตราเป็นผู้ควบคุม

able to freely adapt and slip away from any situation.

สามารถปรับตัวได้อย่างอิสระ และหลุดพ้นจากทุกสถานการณ์

But she felt compelled to return to her tortured father.

แต่นางรู้สึกว่า ถูกบังคับให้กลับไปหา พระบิดาที่ทารุณนาง

However, when Erysichthon discovered Mestra’s new powers,

อย่างไรก็ตาม เมื่อเอริสิชโทนได้รู้ถึงพลังใหม่ของเมสตรา

he only saw an opportunity for himself.

เขากลับมองเห็นเพียงโอกาส สำหรับตัวเขาเองเท่านั้น

He exploited his talented daughter, selling her again and again for food.

เขาเอาเปรียบพรสวรรค์ของบุตรี โดยการ เร่ขายนางแลกกับอาหารครั้งแล้วครั้งเล่า

Each time, she gracefully transformed herself—

แต่ละครั้ง นางจะจำแลงแปลงกายอย่างสง่างาม

morphing into a swift-footed mare, a soaring bird, or an elusive deer

โดยแปลงเป็นแม่ม้าที่ปราดเปรียว นกที่ล่องทะยาน หรือกวางที่ว่องไว

to steal more meals while evading capture.

เพื่อขโมยอาหารเพิ่ม ในขณะที่หลบเลี่ยงจากการจับกุม

But as her father continued to sell her at higher and higher prices,

แต่เมื่อพระบิดายังคงเร่ขายนาง ในราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ

Mestra was left with little hope.

ความหวังของนางเมสตราก็เหลือเพียงริบหรี่

One day, when arriving home in one of her many forms,

วันหนึ่งเมื่อกลับมาถึงเมือง ด้วยหนึ่งในร่างจำแลงของนาง

Mestra entered the hollow palace only to discover the king’s lifeless body—

เมสตราเข้าไปในวังว่างเปล่าเพียงเพื่อ พบกับร่างที่ไร้วิญญาณขององค์ราชา

Erysichthon’s hunger had grown so great that he had consumed his own limbs.

ด้วยความหิวโหยของเอริสิชโทนที่เพิ่ม มากขึ้น ๆ เขากัดกินแขนขาของตัวเองจนหมดสิ้น

Gazing upon her wasted father, Mestra’s hope returned.

มองดูร่างพระบิดาอันดับสูญของนาง ความหวังของเมสตราก็หวนคืนมาอีกครั้ง

She was no longer unfairly burdened with the wrath of the gods

นางไม่มีภาระอันอยุติธรรม จากความพิโรธของทวยเทพ

that the king had courted.

ที่กษัตริย์ได้ก่อขึ้นอีกต่อไป

Untethered from her father’s selfish agenda

หลุดพ้นจากวาระอันเห็นแก่ตัวของพระบิดา

and buoyed by her ability to transform herself at will,

และแรงหนุนจากพลังของนาง ในการแปลงกายตามใจปราถนา

Mestra was finally free.

ในที่สุด เมสตราก็เป็นไท จากพันธนาการทั้งปวง