Why do we pass gas? - Purna Kashyap

ทำไมเราจึงตด? - พัวนา คาชแยพ (Purna Kashyap)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

Flatulence, or passing gas, is a normal daily phenomenon.

การผายลมหรือปล่อยตด เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน

Most individuals, yes, that includes you,

คนส่วนใหญ่ รวมถึงคุณด้วย

will make anywhere from 500-1500 milliliters of gas

จะปล่อยก๊าซประมาณ 500-1500 มิลลิลิตร

and can pass gas ten to twenty times a day.

และสามารถปล่อยตดได้ประมาณ 10 - 20 หน/วัน

But where does this bodily gas come from?

แล้วก๊าซกลิ่นแรงนี่มาจากไหนกัน

A small proportion may come from ingesting air during sleep, or at other times,

ซึ่งในส่วนน้อยอาจมาจากก๊าซในลำไส้ ระหว่างที่คุณนอน หรือเวลาอื่นๆ

but the majority of gas is produced by bacteria in our intestines

แต่ก๊าซส่วนใหญ่ถูกผลิตขึ้น โดยแบคทีเรียในลำไส้

as they digest parts of food which we cannot.

ในขณะที่พวกมันย่อยอาหาร ในส่วนที่เราย่อยไม่ได้

Our intestine is home to trillions of bacteria

ลำไส้ของพวกเรา เป็นบ้านของแบคทีเรียเป็นพันล้าน

living in a symbiotic relationship with us.

ที่อาศัยอยู่ในความสัมพันธ์แบบพึ่งพากับเรา

We provide them with a safe place to stay and food to eat.

เรามีที่คุ้มภัยไว้ให้พวกมันอยู่ และอาหารให้พวกมันกิน

In exchange, they help us extract energy from our food,

เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน พวกมันช่วยสกัดพลังงานจากอาหารของเรา

make vitamins for us, like vitamin B and K, boost our immune system,

ผลิตวิตามินให้เรา เช่นวิตามินบี และเค เพื่อส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของเรา

and play an important role in gastrointestinal barrier function,

และมีบทบาทหน้าที่สำคัญ คือ เป็นปราการให้ระบบทางเดินอาหาร

motility and the development of various organ systems.

การเคลื่อนไหว และการพัฒนา ของระบบอวัยวะต่างๆ

Clearly, it's in our best interest to keep these bacteria happy.

เป็นที่ชัดเจนว่า เราควรใส่ใจ ถึงสาระทุขสุกดิบของแบคทีเรียพวกนี้มากนั้น

Gut bacteria get their nutrition primarily from undigested food,

แบคทีเรียในลำไส้ได้สารอาหารหลัก จากอาหารที่ไม่ถูกย่อย

such as carbohydrates and proteins, which come to the large intestine.

เช่น คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ซึ่งเข้ามาในลำไส้ใหญ่

They ferment this undigested food to produce a wide range of compounds,

พวกมันหมักอาหารที่ไม่ถูกย่อยเหล่านี้ เพื่อผลิตสารประกอบมากมาย

such as short-chain fatty acids and, of course, gases.

เช่น กรดไขมันสายสั้น และแน่นอน ก๊าซ

Hydrogen and carbon dioxide are the most common gaseous products

ไฮโดรเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นผลิตภัณฑ์ก๊าซที่พบมากที่สุด

of bacterial fermentation, and are odorless.

จากการหมักของแบคทีเรีย และไม่มีกลิ่นใดๆ

Some people also produce methane due to specific microbes present in their gut.

บางคนผลิตมีเทน ด้วยเหตุที่ มีจุลชีพจำเพาะอยู่ในลำไส้ของพวกเขา

But methane is actually odorless, too.

แต่มีเทนนั้นก็ไม่มีกลิ่นเช่นกัน

Well then, what stinks?

แล้วอย่างนี้ อะไรกันที่เหม็น

The foul smell is usually due to volatile sulfur compounds,

กลิ่นสุดแย่ตามปกติแล้วเกิดจาก สารประกอบซัลเฟอร์ระเหย

such as hydrogen sulfide and methanethiol, or methyl mercaptan.

เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และมีเทนเอทิออล์ หรือ เมทิล เมอร์แคปเทน

These gases, however, constitute less than 1% of volume,

อย่างไรก็ดี ก๊าซเหล่านี้ มีอยู่น้อยกว่า 1% ของปริมาตร

and are often seen with ingestion of amino acids containing sulfur,

และมักจะพบได้เมื่อมีการรับประทานกรดอะมิโน ที่มีซัลเฟอร์อยู่

which may explain the foul smell of gas from certain high protein diets.

ซึ่งอาจอธิบายกลิ่นแย่ๆ ของก๊าซ ได้ว่ามาจากการบริโภคโปรตีนเข้าไปมาก

Increased passage of gas is commonly noticed after eating foods

ตดที่เพิ่มขึ้นจะพบได้ตามปกติ หลังการรับประทานอาหาร

with high amounts of indigestible carbohydrates,

ที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยไม่ได้ เป็นปริมาณมาก

like beans, lentils, dairy products, onions, garlic, leeks, radishes,

เช่นถั่ว เลนทิล ผลิตภัณฑ์จากนม หอม กระเทียม ลีค ไชเท้า

potatoes, oats, wheat, cauliflower, broccoli, cabbage, and brussel sprouts.

มันฝรั่ง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี กล่ำดอก บล๊อคโคลี ผักกาด และบรัสเซล สเปราท์

Humans lack the enzymes,

คนขาดเอนไซม์

so the bacteria able to ferment complex carbohydrates take over,

ดังนั้นแบคทีเรียที่สามารถหมักคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จึงเข้ามาจัดการแทน

and this naturally leads to more gas than usual.

และนี่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่นำไปสู่ก๊าซที่มากขึ้น

But if you feel uncomfortable, bloated or visibly distended,

แต่ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย รู้สึกอืดๆ หรือบวมๆ

this may indicate impaired movement of gas along the gastrointestinal track.

นี่อาจเป็นการบอกถึงการเคลื่อนที่ซึ่งไม่ปกติ ของก๊าซไปตามทางเดินอาหาร

It's important not to just blame certain foods

มันสำคัญที่เราจะไม่เอาแต่โทษอาหารบางชนิด

for gas and bloating and then avoid them.

ว่าเป็นตัวการของก๊าซและอาการท้องอืด และหลีกเลี่ยงพวกมัน

You don't want to starve the bacteria that digest these complex carbohydrates,

คุณคงไม่อยากทำให้แบคทีเรีย ที่ย่อยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเหล่านี้อดอยาก

or they'll have to start eating the sugars in the mucus lining of your intestines.

ไม่งั้นพวกมันจะเริ่มกินน้ำตาล ในชั้นเมือกเคลือบของลำไส้

Your personal gas will vary based on what you eat,

ก๊าซส่วนบุคคลของคุณจะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณกินอะไร

and what bacteria are in your gut.

และชนิดแบคทีเรียในลำไส้ของคุณ

For example, from the same starting sugar,

เช่น จากน้ำตาลเริ่มต้นเหมือนๆ กัน

the bacteria clostridium produces carbon dioxide, butyrate and hydrogen,

แบคทีเรีย คลอสทริเดียมผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ บิวไทเรต และออกซิเจน

while propionibacterium can produce carbon dioxide, propionate and acetate.

ในขณะที่โพรพิโนแบคทีเรียสามารถผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ โพรพิโนเอต และอะซิเตต

At the same time, methanogens can use hydrogen and carbon dioxide

ในเวลาเดียวกัน เมทะโนเจน สามารถใช้ไฮโดรเจนและคาร์บอดไดออกได์

produced by other bacteria to generate methane,

ที่ผลิตโดยแบคทีเรียอื่นๆ ในการสร้างมีเทน

which can reduce the total volume of gas by using up hydrogen and carbon dioxide.

ซึ่งสามารถลดปริมาณของก๊าซ โดยใช้ไฮโดรเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์จนเรียบ

So there's a complex web among intestinal bacteria

ดังนั้น มันมีเครือข่ายที่ซับซ้อน ระหว่างแบคทีเรียในลำไส้

allowing them to flourish by either directly consuming undigested food,

ที่ทำให้พวกมันได้รับการเลี้ยงดูทุกวัน โดยกินที่เป็นอาหารที่เราย่อยไม่ได้

or using what other bacteria produce.

หรือใช้สิ่งที่แบคทีเรียอื่นๆ ผลิตออกมา

This interaction largely determines the amount and type of gas produced,

ความสัมพันธ์นี้เป็นตัวกำหนดหลัก ของปริมาณและชนิดของก๊าซที่ถูกผลิต

so gas production is a sign that your gut bacteria are at work.

ดังนั้น การผลิตก๊าซจึงเป็นสัญญาณว่า แบคทีเรียนในลำไส้คุณกำลังทำงาน

But in some instances, people may develop abnormal increased flatulence.

แต่ในบางกรณี เราอาจมีอาการผิดปกติ เนื่องจากก๊าซในกระเพาะ

A common example is lactose intolerance.

ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย คือการแพ้นม (lactose intolerance)

Most individuals have the enzyme for breaking down lactose,

คนส่วนใหญ่มีเอนไซม์สำหรับการย่อยแล็คโตส

a sugar present in milk and milk-derived products.

ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในนม และผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม

But some people either lack it entirely, or have a reduced amount,

แต่บางคนอาจไม่มีเอนไซม์นั้นเลย หรือเอนไซม์นั้นในปริมาณที่ไม่มาก

such as after a gastrointestinal infection,

เช่น หลังจากเกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร

so they're unable to digest lactose products and may experience cramping,

ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถย่อยผลิตภัณฑ์ ที่มีแล็คโตส และอาจรู้สึกปวดท้อง

along with increased flatulence due to bacterial fermentation.

ร่วมกับการมีก๊าซเพิ่มขึ้น เพราะการหมักโดยแบคทีเรีย

But remember, most gas is produced

แต่จำไว้ว่า ก๊าซส่วนใหญ่ที่ถูกผลิต

as a natural result of bacterial fermentation in the intestine,

ในฐานะผลลัพธ์ทางธรรมชาติ ของการหมักโดยแบคทีเรียในลำไส้

and indicates healthy functioning of the gut.

และบ่งบอกถึงลำไส้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

The amount and type can vary based on your diet and the bacteria in your intestine.

ปริมาณและชนิดนั้นแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารและแบคทีเรีย

Exercise social courtesy while passing gas, and do try to forgive your bacteria.

บริหารมารยาททางสังคมเมื่อคุณต้องผายลม และจงให้อภัยแบคทีเรียของคุณ

They're only trying to be helpful.

พวกมันแค่พยายามช่วยก็เท่านั้นเอง