Learn English Vocabulary Daily #17.1 — British English Podcast

Hello, and welcome to The English Like a Native Podcast.

สวัสดีและยินดีต้อนรับสู่ The English Like a Native Podcast

My name is Anna and you are listening to Week 17, Day 1 of Your English

ฉันชื่อแอนนา และคุณกำลังฟัง Your English

Five a Day, the series that aims to increase your active vocabulary

Five a Day สัปดาห์ที่ 17 วันที่ 1 ซีรีส์ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มคำศัพท์ที่ใช้งานของคุณ

by five pieces every single day of the week from Monday to Friday.

5 คำทุกวันในสัปดาห์ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์

Let's kick off today's list with a noun.

มาเริ่มรายการวันนี้ด้วยคำนามกันดีกว่า

We start with commodity, commodity.

เราเริ่มต้นด้วยสินค้าโภคภัณฑ์

We spell this C O M M O D I T Y.

เราสะกด CommODIT Y.

Commodity.

Commodity นี้

A commodity is a substance or a product that can be traded, bought or sold.

สินค้าโภคภัณฑ์คือสารหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถซื้อขาย ซื้อ หรือขายได้

So, every country has some form of commodity.

ดังนั้นทุกประเทศจึงมีสินค้าโภคภัณฑ์บางรูปแบบ

They have many commodities that are traded.

พวกเขามีสินค้ามากมายที่มีการซื้อขาย

Some internally, so nationally or domestically, and some externally,

บางส่วนภายใน ประเทศหรือในประเทศ และบางส่วนภายนอก ระหว่าง

internationally, globally.

ประเทศ ทั่วโลก

What commodities does your country trade internationally?

ประเทศของคุณซื้อขายสินค้าอะไรในระดับสากล?

Here's an example sentence,

ต่อไปนี้เป็นประโยคตัวอย่าง

"The country's most valuable commodities include tin and diamonds."

"สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีค่าที่สุดของประเทศ ได้แก่ ดีบุกและเพชร"

Next on our list is an adjective and it is bland, bland.

ถัดไปในรายการของเราคือคำคุณศัพท์และเป็นคำสุภาพอ่อนโยน

We spell this B L A N D.

เราสะกดคำนี้ว่า BLAN D.

Bland.

Bland

If something is described as bland, then it's not very strong.

หากสิ่งใดถูกอธิบายว่าจืดชืด แสดงว่าสิ่งนั้นไม่รุนแรงนัก

It doesn't have a strong taste if we're talking about food or drink, or it

จะไม่มีรสนิยมที่รุนแรงหากพูดถึงอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือ

doesn't have a very strong character or personality if it's a person.

ไม่มีบุคลิกหรือบุคลิกที่แข็งแกร่งมากนักหากเป็นคน

So, it's not a very nice thing actually to say that someone's quite bland.

ดังนั้น มันไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ ที่จะบอกว่าใครบางคนค่อนข้างอ่อนโยน

So, I would be very upset if someone said,

ดังนั้น ฉันจะเสียใจมากถ้ามีคนพูดว่า

"Oh yes, Anna's a very bland girl."

"โอ้ ใช่แล้ว แอนนาเป็นผู้หญิงที่สุภาพมาก"

Hopefully no one would say that about me, but bland.

หวังว่าคงไม่มีใครพูดแบบนั้นเกี่ยวกับฉัน แต่ก็สุภาพ

Not being very strong or characterful, not very interesting, not very energetic.

ไม่เข้มแข็งหรือมีอุปนิสัยมากนัก ไม่น่าสนใจ ไม่กระตือรือร้นมากนัก

Here's an example sentence,

ต่อไปนี้เป็นประโยคตัวอย่าง

"This casserole is very bland, did you forget to add the herb mix?"

“หม้อปรุงอาหารนี้จืดมาก คุณลืมใส่ส่วนผสมสมุนไพรหรือเปล่า?”

Alright, moving on to another noun.

เอาล่ะ ย้ายไปยังคำนามอื่นแล้ว

This is a favourite of mine and it is page-turner.

นี่เป็นเรื่องโปรดของฉันและเป็นเพจเทิร์นเนอร์

Page-turner.

พลิกหน้า

We spell this P A G E, hyphen; turner, T U R N E R.

เราสะกดหน้านี้ ยัติภังค์; เทิร์นเนอร์ เทิร์นเนอร์ อาร์.

Page-turner.

เพจเทอร์เนอร์

A page-turner refers to a book that's so exciting that you can't help

คนพลิกหน้าหมายถึงหนังสือที่น่าตื่นเต้นจนคุณอดไม่ได้ที่จะ

but turn the pages very quickly.

พลิกหน้าอย่างรวดเร็ว

You keep reading because you have to know what happens next.

คุณอ่านต่อเพราะคุณต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

It's a very interesting and exciting book.

เป็นหนังสือที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นมาก

For example,

ตัวอย่างเช่น

"The last Dan Brown book I read was a real page-turner, I

"หนังสือของแดน บราวน์เล่มสุดท้ายที่ฉันอ่านพลิกหน้าได้จริงๆ ฉัน

finished it in three nights!"

อ่านจบในสามคืน!"

Can you think of the last page-turner that you picked up?

คุณนึกถึงคนเปลี่ยนหน้าคนสุดท้ายที่คุณหยิบขึ้นมาได้ไหม?

Moving on, we have the adjective eccentric, eccentric.

ต่อไปเรามีคำคุณศัพท์ ประหลาด, ประหลาด

We spell this E C C E N T R I C.

เราสะกดคำนี้ว่า ECCENTRI C.

Eccentric.

Eccentric

If something or someone is described as eccentric, then they

หากบางสิ่งหรือบางคนถูกอธิบายว่าประหลาด แสดงว่าสิ่งเหล่านั้น

are strange and slightly unusual.

แปลกและผิดปกติเล็กน้อย

Sometimes in a fun or humorous way.

บางครั้งก็สนุกสนานหรือตลกขบขัน

I always had an eccentric drama teacher.

ฉันมักจะมีครูสอนละครที่แปลกประหลาด

I had one at college, I had one at school, and I had one at drama school.

ฉันมีอันหนึ่งที่วิทยาลัย ฉันมีอันหนึ่งที่โรงเรียน และฉันมีอันหนึ่งที่โรงเรียนการละคร

Drama teachers do tend to be quite eccentric.

ครูสอนละครมักจะค่อนข้างแปลก

They're a little bit strange, a little bit unusual.

พวกมันแปลกนิดหน่อย ผิดปกตินิดหน่อย

They're not like all the other teachers.

พวกเขาไม่เหมือนครูคนอื่นๆ

They might wear flamboyant clothing, and walk in a different way,

พวกเขาอาจสวมเสื้อผ้าฉูดฉาด เดินไปทางอื่น

and walk into the room and go,

แล้วเดินเข้าไปในห้องแล้วพูดว่า

"Hello darlings, what a lovely, beautiful classroom full of people.

"สวัสดีที่รัก ห้องเรียนที่สวยงามและสวยงามเต็มไปด้วยผู้คน

Now you, delicious human beings, get down on the floor and pretend to be cats.

บัดนี้ เจ้ามนุษย์ผู้แสนอร่อย ลงไปบนพื้นและแสร้งทำเป็นว่า เป็นแมว

Go!"

ไป!"

Have you ever come across an eccentric person?

คุณเคยเจอคนประหลาดบ้างไหม?

Or do you have any eccentric clothing?

หรือมีเสื้อผ้าแปลกๆ บ้างไหม?

Here's an example sentence,

ต่อไปนี้เป็นประโยคตัวอย่าง

"Why do you always have to wear such eccentric clothes?

“ทำไมคุณต้องสวมเสื้อผ้าประหลาดๆ แบบนี้อยู่เสมอ?

You make me look so boring!"

คุณทำให้ฉันดูน่าเบื่อมาก!”

Last on our list is a noun and it is prose, prose.

สุดท้ายในรายการของเราคือคำนามและเป็นร้อยแก้วร้อยแก้ว

We spell this P R O S E, prose, prose.

เราสะกดคำนี้ว่า PROSE, prose, prose

Notice the S is voiced, so we have a Z sound.

สังเกตว่าเสียง S ดังขึ้น เราก็เลยมีเสียง Z

Prose.

ร้อยแก้ว.

Prose refers to written language that is in ordinary form rather than poetry.

ร้อยแก้วหมายถึงภาษาเขียนที่อยู่ในรูปแบบธรรมดามากกว่าบทกวี

So, it's not poetry, it's just ordinary spoken word, written as we would speak.

ดังนั้น มันจึงไม่ใช่บทกวี มันเป็นเพียงคำพูดธรรมดาๆ ที่เขียนตามที่เราจะพูด

Here's an example sentence,

ต่อไปนี้เป็นประโยคตัวอย่าง

"I always preferred reading prose to poetry."

"ฉันมักจะชอบอ่านร้อยแก้วมากกว่าบทกวี"

Alright, let's recap our five for today.

เอาล่ะ มาสรุปห้ารายการของเราสำหรับวันนี้กันดีกว่า

We started with the noun commodity, a substance or product

เราเริ่มต้นด้วยคำนามสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นสารหรือผลิตภัณฑ์

that can be bought or sold.

ที่สามารถซื้อหรือขายได้

Then we moved on to the adjective bland, which is having very little taste

จากนั้นเรามาดูคำคุณศัพท์ที่สุภาพซึ่งมีรสนิยม

or character, not very interesting.

หรือลักษณะเฉพาะน้อยมากซึ่งไม่น่าสนใจมากนัก

We moved on to the noun page-turner, a book that you have to read quickly

เราเปลี่ยนไปใช้คำนามที่เปลี่ยนหน้า ซึ่งเป็นหนังสือที่คุณต้องอ่านอย่างรวดเร็ว

because you just find it so interesting.

เพราะคุณพบว่ามันน่าสนใจมาก

You turn the pages over and over again.

คุณพลิกหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

Then we had the adjective eccentric, something that's unusual and strange,

จากนั้นเราก็มีคำคุณศัพท์ว่า พิสดาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและแปลก

often in a fun or humorous way.

มักจะเป็นไปในทางที่สนุกสนานหรือตลกขบขัน

And we finished with the noun prose, referring to language

และเราก็ปิดท้ายด้วยคำนามร้อยแก้ว ซึ่งหมายถึงภาษา

that's written in the way that it's spoken, rather than poetry.

ที่เขียนด้วยวิธีการพูด ไม่ใช่บทกวี

Okay, let's do this for pronunciation, please repeat after me.

โอเค มาทำแบบนี้เพื่อการออกเสียงกัน โปรดพูดตามฉันอีกครั้ง

Commodity.

สินค้าโภคภัณฑ์

Commodity.

สินค้าโภคภัณฑ์

Bland.

จืดชืด

Bland.

จืดชืด

Page-turner.

พลิกหน้า

Page-turner.

พลิกหน้า

Eccentric.

แหกคอก.

Eccentric.

แหกคอก.

Prose.

ร้อยแก้ว.

Prose.

ร้อยแก้ว.

Brilliant.

ฉลาดหลักแหลม.

Okay, let me test you.

เอาล่ะ ให้ฉันทดสอบคุณ

If I pick up a book and I just can't put it down, I just keep

ถ้าฉันหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้ววางไม่ลง ฉันก็แค่อ่านมัน

going through it until I've read it, what would I call that book?

ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้อ่าน จะเรียกว่าหนังสือเล่มนั้นว่าอะไร?

A page-turner.

เป็นคนเปลี่ยนหน้า

And when I discuss the substances that my country buys and

และเมื่อฉันพูดคุยเกี่ยวกับสารที่ประเทศของฉันซื้อและ

sells, what am I referring to?

ขาย ฉันหมายถึงอะไร?

Commodities, of course.

สินค้าโภคภัณฑ์แน่นอน

And if I say, "I'm very sorry, I cooked this casserole, but it

และถ้าฉันพูดว่า "ฉันขอโทษจริงๆ ฉันปรุงหม้อปรุงอาหารนี้แล้ว แต่มัน

doesn't really taste of anything."

ไม่ได้รสชาติอะไรเลยจริงๆ"

What adjective could I use here?

ฉันสามารถใช้คำคุณศัพท์อะไรในที่นี้?

Bland, bland.

จืดชืด.

And then I'm going to introduce you to my very strange and slightly

จากนั้นฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักกับ

unusual aunt, who is a drama teacher.

ป้าของฉันที่แปลกและแปลกประหลาดเล็กน้อยซึ่งเป็นครูสอนละคร

I would often describe her as being quite...

ฉันมักจะอธิบายว่าเธอค่อนข้าง...

eccentric, eccentric.

แปลกประหลาด แปลกประหลาด

And she loves reading Shakespeare, but she particularly enjoys reading

และเธอชอบอ่านหนังสือเชกสเปียร์ แต่เธอชอบอ่าน

his written word that's in ordinary form rather than his poetic work.

คำเขียนของเขาที่อยู่ในรูปแบบธรรมดามากกว่าอ่านบทกวีของเขา เป็นพิเศษ

What am I referring to here?

ฉันหมายถึงอะไรที่นี่?

How can I refer to this written language in its ordinary form?

ฉันจะอ้างถึงภาษาเขียนนี้ในรูปแบบปกติได้อย่างไร

Prose, prose.

ร้อยแก้วร้อยแก้ว

Very good.

ดีมาก.

Let's put this all together in a special review.

เอาทั้งหมดนี้มารวมกันเป็นรีวิวพิเศษเลย

Today I'd like to share a book recommendation with you.

วันนี้ฉันอยากจะแบ่งปันคำแนะนำหนังสือกับคุณ

I'm a big fan of reading as a means of improving language skills, and I hope

ฉันเป็นแฟนตัวยงของการอ่านซึ่งเป็นวิธีในการพัฒนาทักษะทางภาษา และฉันหวังว่า

I can entice you to pick up this great page-turner and enjoy reading as much,

ฉันจะดึงดูดให้คุณเลือกผู้พลิกหน้าที่ยอดเยี่ยมนี้ และสนุกกับการอ่านให้มากที่สุด

and learn some new vocabulary, as I did.

และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ เหมือนที่ฉันทำ

The book is called Fahrenheit 451 and was written by Ray Bradbury.

หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า Fahrenheit 451 และเขียนโดย Ray Bradbury

Here's the review.

นี่คือการทบทวน

Guy Montag is a fireman.

Guy Montag เป็นนักดับเพลิง

His job is to destroy the most illegal of commodities, the printed book, along

งานของเขาคือทำลายสินค้าที่ผิดกฎหมายที่สุด หนังสือที่พิมพ์ออกมา พร้อม

with the houses in which it's hidden.

กับบ้านที่ซ่อนอยู่

Montag never questions the destruction and ruin his actions cause, returning

มอนทากไม่เคยตั้งคำถามถึงการทำลายล้างและทำลายการกระทำของเขา โดยกลับมา

each day to his bland life and his wife Mildred, who spends all

ในแต่ละวันสู่ชีวิตอันแสนธรรมดาของเขาและมิลเดรด ภรรยาของเขา ซึ่งใช้เวลาทั้ง

day with her television "family".

วันกับ "ครอบครัว" ทางโทรทัศน์ของเธอ

But when he meets an eccentric young neighbour, Clarisse, who introduces

แต่เมื่อเขาได้พบกับเพื่อนบ้านสาวผู้แปลกประหลาดอย่างคลาริสซี ผู้ซึ่งแนะนำให้

him to a past where people didn't live in fear, and a present where

เขารู้จักกับอดีตที่ผู้คนไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยความกลัว และปัจจุบันที่

the world is seen through the ideas of books rather than the mindless

โลกถูกมองผ่านความคิดของหนังสือ มากกว่าที่จะพูดคุยไร้สาระ

chatter of television, Montag begins to question everything he has known.

ทางโทรทัศน์ มอนทากก็เริ่มที่จะ ถามทุกสิ่งที่เขารู้

Alongside Orwell's 1984 and Huxley's Brave New World, Fahrenheit 451 is

Fahrenheit 451 เป็น นวนิยายคลาสสิกเกี่ยวกับอนาคตหลังการศึกษา

the classic novel of a post-literate future and a pathetic account of the

ของ Orwell และ Brave New World ของ Huxley และเรื่องราวอันน่าสมเพชเกี่ยวกับ

enslavement of Western civilisation by media, drugs, and conformity.

การเป็นทาสของอารยธรรมตะวันตกโดยสื่อ ยาเสพติด และความสอดคล้อง

Bradbury's powerful and poetic prose combines with an uncanny insight into

ร้อยแก้วอันทรงพลังและบทกวีของ Bradbury ผสมผสานกับความเข้าใจอันลึกซึ้งเกี่ยวกับ

the potential of technology to create a novel that still has the power

ศักยภาพของเทคโนโลยีเพื่อสร้างนวนิยายที่ยังคงมีพลัง

to astonish and shock more than 50 years after its first publication.

ที่ทำให้ประหลาดใจและตกตะลึงมากว่า 50 ปีหลังจากการตีพิมพ์ครั้งแรก

And there we go.

และไปที่นั่น

That's the review.

นั่นคือการทบทวน

I'm aware that there are some words in this review that you may

ฉันรู้ว่าในรีวิวนี้มีคำศัพท์บางคำที่คุณอาจ

not know yet, so, I will write more about those words tomorrow.

ยังไม่รู้ เลยจะมาเขียนเกี่ยวกับคำศัพท์เหล่านั้นเพิ่มเติมพรุ่งนี้

Book reviews are always very useful and I hope to be able to share some more

การวิจารณ์หนังสือมีประโยชน์มากเสมอ และฉันหวังว่าจะได้แบ่งปัน

of my favourite books with you soon.

หนังสือเล่มโปรดบางเล่มกับคุณอีกเร็วๆ นี้

Until next time, take very good care and goodbye.

คราวหน้าจะดูแลและลาเป็นอย่างดี