How forgiveness can create a more just legal system | Martha Minow

Translator: Panitan Suvannaroj Reviewer: Wachara Fungwacharakorn

Would you ever forgive a person who kills a member of your family?

คุณเคยให้อภัยคนที่ฆ่า สมาชิกในครอบครัวของคุณรึเปล่า?

In September of 2019,

ในเดือนกันยายน 2019

Dallas police officer Amber Guyger was sentenced for murder,

ตำรวจเมืองดัลลาส แอมเบอร์ กายเกอร์ ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม

and then the brother of the victim

และตอนนั้นพี่ชายของเหยื่อ

forgave her.

ให้อภัยเธอ

Brandt Jean was 18 years old,

แบรนดท์ จอน อายุ 18 ปี

and I joined the rest of the country watching on television in awe

และฉันได้ร่วมกับคนที่เหลือในประเทศ ดูโทรทัศน์ ด้วยความตกตะลึง

at that act of grace.

ในการกระทำที่เมตตานั้น

But I also worried.

แต่ฉันก็กังวลด้วย

I worried that people who are African American like Brandt Jean

ฉันกังวลว่าประชาชนที่เป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน เช่นเดียวกับแบรนดท์ จอน

are expected to forgive more often than other people.

ถูกคาดหวังว่าจะให้อภัยบ่อยครั้ง กว่าคนอื่น

And I worried that a white police officer like Amber Guyger

และฉันกังวลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว เช่น แอมเบอร์ กายเกอร์

receives a lesser sentence

ได้รับโทษน้อยกว่า

than other people who commit wrongful killings.

คนอื่นๆ ที่ทำความผิดฐานฆาตกรรม

But because I'm a law professor,

แต่เพราะฉันเป็นอาจารย์กฎหมาย

I also worried about the law itself.

ฉันยังกังวลเกี่ยวกับตัวกฎหมายด้วย

The law leans so severely towards punishment these days

กฎหมายที่เน้นการลงโทษ เป็นส่วนใหญ่อย่างทุกวันนี้

that it's part of the problem.

กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา

And that's what I want to talk about here.

และนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะพูดถึงที่นี่

The powerful example of one individual's forgiveness

ตัวอย่างที่ทรงพลังจาก การให้อภัยของบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง

makes me worry that lawyers and officials too often overlook the tools

ทำให้ฉันกังวลว่า ทนายและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มักจะมองข้ามเครื่องมือ

that law itself creates to allow forgiveness,

ซึ่งกฎหมายเองได้สร้างขึ้นเพื่อยินยอม ให้มีการให้อภัย

when the principle should be the cornerstone of a thriving society.

ทั้งที่หลักการนี้ควรเป็นหลักสำคัญ ของสังคมที่เจริญเติบโตขึ้น

I worry that lawyers and officials do not adequately use the tools of forgiveness,

ฉันกังวลว่า ทนายและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้ใช้เครื่องมือแห่งการให้อภัยอย่างเพียงพอ

by which I mean letting go of justified grievance.

ซึ่งฉันหมายถึง การปลดปล่อย ความคับข้องใจจากการถูกตัดสิน

And those tools are many.

และเครื่องมือนั้นมีมากมาย

They include pardons, commutations, expungement,

พวกมันรวมถึงการยกโทษ, การลดโทษ, การลบล้างความผิด

bankruptcy for debt

การล้มละลายสำหรับหนี้

and the discretion that's held by police and prosecutors and judges.

และการให้ดุลพินิจแก่ตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษา

But I also worry -- I worry a lot --

ฉันยังกังวล -- ฉันกังวลเยอะเลย --

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I worry that these tools, when used, replicate the disparities,

ฉันกังวลว่าเครื่องมือเหล่านี้เมื่อถูกใช้แล้ว จะตอกย้ำการแบ่งแยก

the inequities along the lines of race and class and other markers

ความไม่เสมอภาคระหว่างเชื้อชาติ ชนชั้น และเรื่องอื่นๆ

of advantage and disadvantage.

ที่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ

Biases or privileged access are at work

เรากำลังใช้อคติและการเข้าถึงสิทธิพิเศษ

when United States presidents pardon people charged with crimes.

ในตอนที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อภัยโทษคนที่ถูกดำเนินคดีอาญา

Historically, white people are pardoned four times as often

โดยประวัติศาสตร์แล้ว คนผิวขาว จะได้รับการอภัยโทษบ่อยกว่าสี่เท่า

as members of minority groups for the same crime, same sentence.

เมื่อเทียบกับคนกลุ่มน้อยที่ทำความผิด ในคดีแบบเดียวกัน ต้องโทษแบบเดียวกัน

Forgiveness between individuals is supported by every religious tradition,

การให้อภัยระหว่างบุคคลได้รับการสนับสนุน ในประเพณีของทุกศาสนา

every philosophic tradition.

และในทุกประเพณีทางปรัชญา

And medical evidence now shows

และหลักฐานทางการแพทย์ในปัจจุบันแสดงถึง

the health benefits of letting go of grievances and resentments.

ประโยชน์ด้านสุขภาพในการปล่อย ความคับข้องใจและความแค้นใจ

As Nelson Mandela led South Africa's transition

ตอนที่ เนลสัน แมนเดลา ได้นำ ประเทศแอฟริกาใต้เปลี่ยนผ่าน

from apartheid to democracy,

จากการแบ่งแยกสีผิวสู่ประชาธิปไตย

he explained,

ท่านได้อธิบายว่า

"Resentment is like drinking a poison and hoping it will kill your enemies."

"ความแค้นเป็นเหมือนการดื่มยาพิษ และหวังว่ายาพิษนั้นจะฆ่าศัตรูของคุณ"

Law can remove the penalties for those who apologize and seek forgiveness.

กฎหมายสามารถยกเลิกความผิดให้แก่ ผู้ที่ขอโทษและแสวงหาการให้อภัย

For example, in 39 states in the United States

ตัวอย่างเช่น ใน 39 รัฐของ สหรัฐอเมริกา

and the District of Columbia,

และในเขตโคลัมเบีย

there are laws that allow medical professionals to apologize

มีกฎหมายที่ยินยอม ให้ผู้ประกอบอาชีพแพทย์ได้ขออภัย

when something goes wrong

เมื่อมีบางอย่างผิดพลาด

and not fear that that statement could later be used against them

และไม่ต้องกลัวว่าการแจ้งดังกล่าว จะนำถูกนำมาใช้ต่อพวกเขาภายหลัง

in an action for damages.

ในการดำเนินคดีเรียกค่าเสียหาย

More actively, bankruptcy law offers debtors, under some conditions,

ที่น่าสนใจมากกว่า กฎหมายล้มละลาย ภายใต้เงื่อนไขบางประการได้ให้โอกาสลูกหนี้

the chance to start anew.

ในการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

Pardons and expungements sealing criminal records can, too.

การอภัยโทษและและการล้างความผิด ในประวัติอาชญากรรมก็สามารถทำได้เช่นกัน

I have been teaching law for almost 40 years, hard to believe,

ฉันสอนกฎหมายมาเกือบ 40 ปี ไม่น่าเชื่อ

but recently, I realized

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันได้รู้ว่า

that we don't teach law students about the tools of forgiveness

พวกเราไม่ได้สอนนักเรียนกฎหมายเกี่ยวกับ เครื่องมือของการให้อภัย

that are within the legal system,

ที่อยู่ภายในระบบกฎหมายของเรา

and nor do law schools usually explore

และไม่มีโรงเรียนกฎหมายใดที่มักจะสำรวจ

the potential for new avenues for forgiveness

ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในวิธีการให้อภัย

that law can adopt or assist.

โดยนำกฎหมายมาใช้หรือช่วยเหลือ

These are lost opportunities.

นี่เป็นโอกาสที่สูญเสียไป

These are lost obligations, even,

นี่คือการบังคับใช้ที่หายไปเช่นกัน

because the students that I teach

เพราะนักเรียนกฎหมายที่ฉันสอน

will become prosecutors, judges, governors, presidents.

จะเป็นอัยการ ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประธานาธิบดี

Barack Obama, my former student,

บารัค โอบามา ศิษย์เก่าของฉัน

used his power as the President of the United States to give pardons.

ใช้อำนาจของเขาในฐานะ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในการอภัยโทษ

That released several hundred people from prison after the law changed

ซึ่งปลดปล่อยคน 700 คนจากคุก ภายหลังจากการแก้ไขกฎหมาย

to provide shorter sentences for the same drug crimes

เพื่อลดระยะเวลาการต้องโทษ ในคดียาเสพติด

for which they had been convicted.

ที่พวกเขาถูกตั้งข้อหา

But if he hadn't used his pardon power, they would still be in prison.

แต่ถ้าเขาไม่ได้ใช้อำนาจในการอภัยโทษ พวกเขาก็ยังคงอยู่ในคุก

Legal tools of forgiveness should be used more,

เครื่องมือทางกฎหมายในการอภัยโทษ ควรถูกใช้ให้มากขึ้น

but not without reason and not with bias.

แต่ไม่ใช่โดยไม่มีเหตุผลและต้องไม่มีอคติ

A "New Yorker" cartoon shows a judge with a big nose and a big mustache

ตัวการ์ตูน "นิวยอร์คเกอร์" แสดงถึงผู้พิพากษา ที่มีจมูกและหนวดใหญ่

looking down at a defendant with the exact same nose

มองลงมาที่จำเลยที่มีจมูกขนาดเดียวกัน

and exact same mustache

และหนวดขนาดเดียวกัน

and says, "Obviously not guilty."

และบอกว่า "ชัดเจนเลยว่าไม่มีความผิด"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Forgiveness could undermine the commitment that law has

การให้อภัยอาจบ่อนทำลาย อำนาจที่กฎหมายผูกมัด

to treat people the same under the same circumstances,

เพื่อปฏิบัติต่อบุคคลเหมือนกัน ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน

to apply rules evenly.

เพื่อบังคับใช้กฎได้อย่างเท่าเทียมกัน

In this age of resentment, mass incarceration,

ในยุคสมัยแห่งความคับแค้นใจนี้ มีการจำคุกคนจำนวนมากขึ้น

widespread consumer debt,

หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวขึ้น

we need more forgiveness, but we need a philosophy of forgiveness.

เราต้องการการให้อภัยมากขึ้น แต่เราก็ต้องการปรัชญาแห่งการให้อภัย

We need to forgive fairly.

เราจะต้องให้อภัยอย่างเท่าเทียม

Contrast the treatment globally of child soldiers

ลองเปรียบเทียบระหว่าง การจัดการเรื่องทหารเด็กทั่วโลก

with the treatment of juvenile offenders in the United States.

กับการจัดการผู้กระทำความผิด ที่เป็นเยาวชนในสหรัฐอเมริกา

International human rights condemn and punish adults

องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ประณามและลงโทษผู้ใหญ่

who involve children in armed conflict

ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เด็กในความขัดแย้งที่ใช้อาวุธ

as those most responsible,

ในฐานะผู้ที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด

but treat the children themselves quite differently.

แต่ปฏิบัติกับเด็กเอง ค่อนข้างแตกต่างออกไป

The International Criminal Court,

ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ

now with 122 member nations,

ที่ตอนนี้มีประเทศสมาชิก 122 ประเทศ

convicted Thomas Lubanga, warlord in the [Democratic Republic of the] Congo,

กล่าวโทษ โทมัส ลูบานกา ผู้นำทหารใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

for enlisting, recruiting and deploying children, teens, as soldiers.

สำหรับการเกณฑ์ การรับสมัคร และการใช้เด็ก วัยรุ่น ในฐานะทหาร

Many nations commit to ensuring that people under the age of 15

หลายชาติผูกมัดตนเองเพื่อให้แน่ใจว่า บุคคลอายุต่ำกว่า 15 ปี

do not become child soldiers,

จะไม่เป็นทหารเด็ก

and most nations treat those who do become soldiers

และเกือบทุกประเทศปฏิบัติกับ เด็กที่กลายเป็นทหาร

not as objects of punishment

ไม่ใช่วัตถุสำหรับการลงโทษ

but as people deserving a fresh start.

แต่เป็นบุคคลที่สมควรได้รับการเริ่มต้นใหม่

Compare and contrast how the United States treats juvenile offenders,

เมื่อเปรียบเทียบกับการที่สหรัฐอเมริกา จัดการต่อผู้กระทำความผิดที่เป็นเยาวชน

where we severely punish minors,

ซึ่งเราลงโทษเยาวชนอย่างรุนแรง

often moving them to adult courts, even adult prisons.

บ่อยครั้งได้ย้ายพวกเขาไปยังศาลสำหรับผู้ใหญ่ หรือแม้กระทั่งคุกของผู้ใหญ่

And yet, like child soldiers,

และนอกจากนี้ เหมือนกับทหารเด็ก

teens and children are drawn into violent activity in the United States

วัยรุ่นและเด็กถูกลากเข้าสู่ กิจกรรมที่มีความรุนแรงในสหรัฐอเมริกา

when there are few options,

เพียงเพราะเขามีทางเลือกจำกัด

when they are threatened

เพียงเพราะเขาถูกข่มขู่

or when adults induce them with money or ideology.

หรือเพียงเพราะผู้ใหญ่ชักจูงเขา ด้วยเงินหรืออุดมการณ์

The rhetoric of innocence is resonant when we talk about child soldiers,

โวหารเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ถูกใช้ซ้ำ ๆ เมื่อพวกเราพูดถึงทหารเด็ก

but not when we talk about teen gang members in the United States.

แต่ไม่เคยถูกใช้เมื่อเราพูดถึง สมาชิกแก๊งวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกา

Yet in both settings, youth are caught in worlds that are made by adults,

ทั้ง ๆ ที่ ในสภาพแวดล้อมทั้งคู่ เยาวชนถูกจับกุม ในโลกที่บงการโดยผู้ใหญ่

and forgiveness can offer both accountability and fresh starts.

และการให้อภัยสามารถให้ ทั้งความรับผิดชอบและการเริ่มต้นใหม่

What if, instead, young people caught in criminal activity and violence

ถ้าหากแทนที่เยาวชนเด็กจะถูกจับ ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายหรือความรุนแรง

could have chances to accept responsibility

มีโอกาสที่จะแสดงความรับผิดชอบ

while learning and rebuilding their lives and their own communities?

ในขณะเดียวกัน ได้เรียนรู้และสร้างชีวิตของพวกเขา และสังคมของพวกเขาขึ้นมาใหม่

Legal frameworks inviting youth to describe their conduct

กรอบทางกฎหมายที่ชักจูงเยาวชน ให้อธิบายเรื่องราวของตน

could also involve community members to hear and forgive.

ยังสามารถดึงให้สมาชิกสังคม มีส่วนร่วมรับฟังเรื่องราวและให้อภัย

Called "restorative justice,"

ภายใต้ "กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์"

such efforts emphasize accountability and service

กระบวนการนี้เน้น ความรับผิดชอบและการให้บริการ

rather than punishment.

มากกว่าการลงโทษ

Many schools in the United States have turned to use restorative justice methods

หลายโรงเรียนในสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนมาใช้ กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์

to resolve conflicts and to prevent them,

เพื่อแก้ไขและป้องกันความขัดแย้ง

and to disrupt the school-to-prison pipeline.

และเพื่อขัดขวาง เส้นทางที่นำคน จากโรงเรียนไปสู่คุก

Some American high schools have replaced automatic suspensions

โรงเรียนมัธยมอเมริกาบางแห่งได้เปลี่ยน การพักการเรียนโดยอัตโนมัติ

with opportunities for victims to narrate their experiences

เป็นโอกาสสำหรับเหยื่อในการอธิบายถึง ประสบการณ์ที่ได้รับ

and for offenders to take responsibility for their actions.

และให้ผู้กระทำผิดรับผิดชอบในการกระทำของตน

As they describe their experiences and feelings about a theft

ในขณะที่ พวกเขาอธิบายประสบการณ์ และความรู้สึกของพวกเขา ต่อการขโมย

or hateful graffiti or a verbal or physical assault,

หรือการเขียนกำแพงด้วยความเกลียดชัง หรือการแสดงความรุนแรงทางวาจาหรือทางกาย

the victims and offenders often express strong emotions.

เหยื่อและผู้กระทำผิดมักแสดงอารมณ์รุนแรง

And other members of the community take turns

และสมาชิกอื่น ๆ ในสังคมใช้โอกาส

describing the impact of the offense on them.

อธิบายถึงผลกระทบของการกระทำผิด ที่มีต่อพวกเขา

The leader is often a student peer, who is trained to deescalate the conflict

ผู้นำมักจะเป็นเพื่อนนักเรียนที่ได้รับการอบรม ในการลดระดับความขัดแย้ง

and orchestrate a conversation about what the offender can do

และสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับ สิ่งที่ผู้กระทำผิดสามารถทำ

that would help the victim.

เพื่อช่วยเหลือเหยื่อได้

Together, they come to an agreement about how to move forward,

พวกเขาจะร่วมกันสร้างข้อตกลง เกี่ยวกับวิธีการเดินต่อไปข้างหน้า

what the wrongdoer can do to repair the injury

สิ่งที่ผู้กระทำผิดสามารถทำ เพื่อแก้ไขความเสียหาย

and what all could do to better avoid future conflicts.

และสิ่งที่ควรทำ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งในอนาคต

Consider this example, recently in a publication.

พิจารณาถึงตัวอย่างกรณีนี้ ที่เพิ่งจะได้รับการตีพิมพ์

A young woman named Mercedes M. transferred, in California,

ในแคลิฟอร์เนีย หญิงวัยรุ่นชื่อ เมอร์ซิเดส เอ็ม ถูกย้าย

from one high school to another

จากโรงเรียนมัธยมหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง

after she was so repeatedly suspended in her old high school

หลังจากเธอได้ถูกพักการเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าใน โรงเรียนมัธยมแห่งเดิม

for getting into fights.

เพราะมีส่วนในการทะเลาะวิวาท

And here in her new high school,

และ ที่โรงเรียนมัธยมใหม่แห่งนี้

two other young women accused her of lying

หญิงวัยรุ่น 2 คนกล่าวหาว่าเธอโกหก

and called her the b-word.

และเรียกเธอด้วยคำที่ขึ้นต้นด้วยตัว b

A counselor came over and talked to her and earned enough trust

ผู้ให้คำปรึกษาได้เข้ามาพูดคุยกับเธอ และได้รับความไว้วางใจมากพอ

that she acknowledged she had stolen the shoes of one of the other classmates.

จนเธอยอมรับว่าเธอได้ขโมยรองเท้าของ เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง

Turns out, the three of them had known each other for a long time,

ปรากฏว่า ทั้งสามคนได้รู้จักกัน เป็นระยะเวลายาวนาน

and they didn't know any other way to deal with each other

และพวกเขาไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อกันอย่างไร

other than to fight.

นอกเหนือจากต่อสู้กัน

The facilitator invited them to participate in a circle,

ผู้ประสานงานจึงเชิญพวกเขา มาร่วมประชุมกลุ่มย่อย

a confidential conversation about what happened,

ซึ่งพูดคุยได้อย่างเปิดอก เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

and they agreed.

และพวกเขาก็ตกลง

And initially, each of them expressed a lot of emotion.

ในตอนแรก พวกเขาแต่ละคนแสดง อารมณ์ออกมามากมาย

And then Mercedes apologized.

และเมื่อ เมอร์ซิเดสกล่าวคำขอโทษ

And she said she had stolen the shoes,

และพูดว่า เธอขโมยรองเท้า

but she did so because she wanted to sell them

แต่เธอทำเพราะเธอต้องการจะขายมัน

and take the money to pay for a drug test

และนำเงินที่ได้รับ ไปตรวจสารเสพติด

so that her mother could show she was clean

เพื่อว่าแม่ของเธอจะสามารถแสดงได้ว่า เธอไม่ได้เสพยา

and try to regain custody of two younger children

และพยายามที่จะขอคืนสิทธิการดูแล เด็กที่เล็กกว่า 2 คน

who were then in state protective care.

ซึ่งอยู่ในความดูแลของรัฐ

The other girls heard this,

เด็กหญิงคนอื่นได้ยินเรื่องนี้

saw Mercedes crying

เห็นเมอร์ซิเดสร้องไห้

and they hugged her.

และพวกเขากอดเธอ

They did not ask her to return what she'd stolen,

พวกเขาไม่ขอให้เธอคืนสิ่งที่เธอได้ขโมย

but they did say they wanted a restart.

แต่พวกเขาบอกว่าต้องการจะเริ่มต้นใหม่

They wanted a reason they could trust her.

พวกเขาต้องการเหตุผลที่พวกเขาสามารถ จะเชื่อเธอ

Later, Mercedes explained

ในภายหลัง เมอร์ซิเดสได้อธิบาย

that she was sure she would have been suspended

ว่าเธอแน่ใจเลยว่าเธอจะถูกพักการเรียน

if they hadn't had this process.

ถ้าพวกเขาไม่มีกระบวนการนี้

And her high school has reduced suspensions by more than half

และโรงเรียนของเธอได้ลดการพักการเรียน เกินกว่าครึ่งหนึ่ง

through the use of this kind of restorative justice method.

ผ่านกระบวนการยุติธรรมแบบสมานฉันท์แบบนี้

Restorative justice alternatives involve offenders and victims

กระบวนการยุติธรรมแบบสมานฉันท์เป็นทางเลือก ที่นำผู้กระทำความผิดและเหยื่อ

in communicating in ways

มาพูดคุยกันในทิศทางที่

that an adversarial and defensive process does not allow,

กระบวนการกล่าวหาและป้องกันตัวแบบเดิม ไม่สามารถทำได้

and it's become the go-to method

และมันกลายเป็นกระบวนการแรกที่เลือกใช้

in places like the District of Columbia juvenile justice system

ในองค์กรอย่าง ศาลยุติธรรมเยาวชนเขตโคลัมเบีย

and innovations like Los Angeles's Teen Court.

และองค์กรใหม่อย่าง ศาลวัยรุ่นลอสแอนเจลิส

If tuned to fairness,

หากพูดถึง ความเท่าเทียม

forgiveness methods like bankruptcy would be available

วิธีการให้อภัยอย่าง การล้มละลาย ก็สามารถใช้ได้

not only for the for-profit college that goes belly-up

ไม่แต่เฉพาะสำหรับ องค์กรแสวงหาผลกำไรที่เจ๊ง

but also for the students stuck with the loans;

แต่รวมถึงนักเรียนที่ติดหนี้เงินกู้

pardons would not be given to campaign contributors;

การอภัยโทษไม่ได้มีให้แต่เฉพาะ ผู้สนับสนุนพรรคการเมืองเท่านั้น

and black men would no longer have 20 percent longer criminal sentences

และคนผิวสีจะไม่ต้องโทษในคดีอาญา ยาวนานกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

than do white men,

เมื่อเทียบกับคนผิวขาว

due to how judges exercise discretion.

เนื่องจากวิธีการที่ศาลใช้ดุลพินิจ

Forgiveness across the board is one way to avoid such biases.

การให้อภัยอย่างทั่วถึงเป็นทางเดียวที่จะ หลีกเลี่ยงอคตินั้น

Sometimes, a society just needs a reset

บางครั้ง สังคมต้องการการเริ่มต้นใหม่

when it comes to punishment and debt.

เมื่อพูดถึงการลงโทษและการใช้หนี้

The Bible calls for periodic forgiveness of debts

ไบเบิลเรียกร้องให้มีระยะเวลา ในการยกหนี้ให้

and freeing prisoners,

และปล่อยนักโทษให้เป็นอิสระ

and it recently helped to inspire a global movement.

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ มันเป็นส่วนช่วยให้เกิด ขบวนการเคลื่อนไหวทั่วโลก

Jubilee 2000 joined Pope John Paul II

ที่เรียกว่า Jubilee 2000 ซึ่งพระสันตปาปายอห์น ปอล ที่ 2

and rock star Bono and over 60 nations

นักร้องวงร็อคอย่าง โบโน และอีกมากกว่า 60 ชาติเข้าร่วม

in an effort to seek the cancellation and succeed in canceling

เพื่อพยายามที่จะหาทางปลด และประสบความสำเร็จในการปลด

the debt of developing countries,

หนี้ของประเทศกำลังพัฒนา

amounting to over 100 billion dollars

คิดเป็นจำนวนหนี้ที่ถูกปลด

กว่า 1 ล้านล้านตอลลาร์สหรัฐ

of debt canceled,

resulting in measurable reduction in poverty.

ส่งผลให้ความยากจนลดลงไปอย่างมาก

In a similar spirit, there are people who are copying the techniques

ด้วยความคิดแบบเดียวกัน มีคนนำเทคนิค

of commercial debt collectors

ของนักทวงหนี้ทางธุรกิจ

who purchase debt for pennies on the dollar

โดยซื้อหนี้มาในราคาถูก

and then seek to enforce it.

และหาทางบังคับชำระหนี้นั้น

Late-night television host John Oliver partnered with a nonprofit group

พิธีกรรายการโทรทัศน์ช่วงดึก จอห์น โอลิเวอร์ ร่วมกับกลุ่มที่ไม่แสวงหากำไร

called RIP Medical Debt,

ที่เรียกว่า RIP Medical Debt

and for only 60,000 dollars,

ใช้เงินเพียง 60,000 ดอลลาร์

they purchased 15 million dollars' worth of medical debt,

พวกเขาได้ซื้อหนี้ค่ารักษาพยาบาลมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์

and then they forgave it.

แล้วพวกเขาก็ยกหนี้ทิ้ง

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

That allowed nearly 9,000 people to have a restart in their lives.

นั่นทำให้คนเกือบ 9,000 คน ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่

This kind of precedent should trigger and encourage more such actions.

วิธีการที่กล่าวมานี้ น่าจะกระตุ้นและสนับสนุน ให้มีกิจกรรมในลักษณะเหล่านี้มากขึ้น

It's time for a reset,

มันถึงเวลาที่จะเริ่มต้นใหม่

given mass incarceration,

ลดการจำคุกคนจำนวนมาก

medical and consumer debt

ลดหนี้ค่ารักษาพยาบาล และหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค

and given indigent criminal defendants

และลดจำเลยคดีอาชญกรรมอนาถา

who are charged and put in debt

ที่ถูกตั้งข้อหาและติดหนี้

because they're expected to pay for their own probation officers

อันเนื่องมาจากการไม่สามารถเสียค่าธรรมเนียม ให้เจ้าหน้าที่คุมความประพฤติ

and their own electronic monitors.

และเครื่องคุมความประพฤติอิเล็กทรอนิกส์ได้

Forgiving violations of law

การให้อภัยต่อการผิดกฎหมาย

or promises to pay back loans

หรือคำสัญญาว่าจะชำระหนี้คืน

does pose risks.

ย่อมก่อให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น

Forgiveness may encourage more violations.

การให้อภัยอาจสนับสนุนให้เกิด การกระทำผิดกฎหมายมากขึ้น

Economists even have a name for it.

แม้นักเศรษฐศาสตร์ยังมีชื่อให้กับมัน

They call it "moral hazard."

พวกเขาเรียกมันว่า "ความอันตรายทางศีลธรรม"

Should there be amnesty for immigration violations?

ควรมีการนิรโทษกรรม ผู้หลบหนีเข้าเมืองหรือไม่?

Should a president offer pardons to protect himself

ประธานาธิบดีควรให้อภัยโทษ เพื่อช่วยนักโทษเหล่านั้น

or to induce lawbreaking?

หรือยิ่งทำให้มีการกระทำผิดกฎหมายมากขึ้น?

These are tough questions for our time.

คำถามเหล่านี้ยังตอบได้ยาก ในช่วงเวลาของเรา

But escalating resentments hold their own dangers.

แต่การยกระดับการแก้แค้น ก็สร้างหายนะในตัวมันเอง

So does attributing blame to individuals

เช่นเดียวกับ การกล่าวหา แต่ละบุคคลว่ากระทำความผิด

for circumstances largely outside their own control.

ในสถานการณ์ที่ส่วนใหญ่ อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา

To ask how law may forgive is not to deny the fact of wrongdoing.

การถามว่ากฎหมายจะให้อภัยได้อย่างไร ไม่ได้ปฏิเสธข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิด

Rather, it's to widen the lens

หากแต่ช่วยขยายมุมมองที่กว้างขึ้น

to enable glimpses of the larger patterns

เพื่อให้มองสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพรวมมากขึ้น

and to enable new choices that can go forward

และทำให้เห็นทางเลือกใหม่ เพื่อให้สังคมดำเนินต่อไปได้

if we can wipe the slate clean.

หากเราสามารถลบล้าง ความบาดหมางที่มีอยู่ออกไป

Thank you.

ขอบคุณ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)