Patricia Burchat: Shedding light on dark matter

75,173 views ・ 2008-08-25

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Martin Venzky-Stalling
00:18
As a particle physicist, I study the elementary particles
0
18330
4000
ในฐานะนักฟิสิกส์อนุภาค ฉันศึกษาองค์ประกอบของอนุภาค
00:22
and how they interact on the most fundamental level.
1
22330
3000
และการที่มันมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในระดับมูลฐาน
00:25
For most of my research career, I've been using accelerators,
2
25330
3000
งานวิจัยส่วนใหญ่ในหน้าที่การงานของฉัน ฉันได้ใช้ตัวเร่ง
00:28
such as the electron accelerator at Stanford University, just up the road,
3
28330
3000
อย่างเช่น ตัวเร่งอิเล็กตรอน ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ห่างไปไม่ไกล
00:31
to study things on the smallest scale.
4
31330
3000
เพื่อศึกษาสิ่งที่มีขนาดเล็กที่สุด
00:34
But more recently, I've been turning my attention
5
34330
2000
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้เปลี่ยนความสนใจ
00:36
to the universe on the largest scale.
6
36330
3000
ไปยังจักรวาลในระดับใหญ่ที่สุด
00:39
Because, as I'll explain to you,
7
39330
2000
ฉันกำลังจะอธิบายให้คุณฟังว่ามันเป็นเพราะ
00:41
the questions on the smallest and the largest scale are actually very connected.
8
41330
4000
คำถามเกี่ยวกับระดับที่เล็กที่สุดและใหญ่ที่สุด แท้จริงแล้วเกี่ยวข้องกันมาก
00:45
So I'm going to tell you about our twenty-first-century view of the universe,
9
45330
5000
ฉะนั้น ฉันจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ แนวคิดที่มีต่อจักรวาลในศตวรรษที่ 21
00:50
what it's made of and what the big questions in the physical sciences are --
10
50330
3000
ว่ามันประกอบด้วยอะไร และคำถามใหญ่ของวิทยาศาสตร์กายภาพ --
00:53
at least some of the big questions.
11
53330
2000
อย่างน้อยก็บางส่วนของคำถามเหล่านั้น
00:55
So, recently, we have realized
12
55330
3000
ไม่นานมานี้ เราได้รู้ว่า
00:58
that the ordinary matter in the universe --
13
58330
2000
สสารทั่วไปในจักรวาล --
01:00
and by ordinary matter, I mean you, me,
14
60330
3000
และที่ว่าทั่วไป ฉันหมายถึง คุณ ฉัน
01:03
the planets, the stars, the galaxies --
15
63330
2000
ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ กาแล็กซี่ --
01:05
the ordinary matter makes up only a few percent
16
65330
3000
สสารทั่วไปเป็นส่วนประกอบ ของเพียบไม่กี่เปอร์เซ็นต์
01:08
of the content of the universe.
17
68330
2000
ของจักรวาล
01:10
Almost a quarter, or approximately a quarter
18
70330
3000
กว่าหนึ่งในสี่ หรือประมาณหนึ่งในสี่
01:13
of the matter in the universe, is stuff that's invisible.
19
73330
3000
ของสสารในจักรวาล คือสิ่งที่มองไม่เห็น
01:16
By invisible, I mean it doesn't absorb in the electromagnetic spectrum.
20
76330
4000
คำว่ามองไม่เห็นในที่นี้ ฉันหมายถึง มันไม่ดูดกลืนในช่วงแม่เหล็กอิเล็กตรอน
01:20
It doesn't emit in the electromagnetic spectrum. It doesn't reflect.
21
80330
3000
มันไม่เปล่งช่วงแม่เหล็กอิเล็กตรอน มันไม่สะท้อน
01:23
It doesn't interact with the electromagnetic spectrum,
22
83330
2000
มันไม่มีปฏิสัมพันธ์กับช่วงแม่เหล็กอิเล็กตรอน
01:25
which is what we use to detect things.
23
85330
2000
ซึ่งเราใช้เพื่อตรวจจับสิ่งต่าง ๆ
01:27
It doesn't interact at all. So how do we know it's there?
24
87330
3000
มันไม่มีปฏิสัมพันธ์กับอะไรเลย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันอยู่ที่นั่น
01:30
We know it's there by its gravitational effects.
25
90330
2000
เรารู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นจากผลของแรงโน้มถ่วงของมัน
01:32
In fact, this dark matter dominates
26
92330
3000
อันที่จริง สสารมืดมีผลมาก
01:35
the gravitational effects in the universe on a large scale,
27
95330
3000
ต่อผลของแรงโน้มถ่วงในจักรวาลในระดับใหญ่
01:38
and I'll be telling you about the evidence for that.
28
98330
2000
และฉันจะบอกคุณกเี่ยวกับหลักฐานเหล่านี้
01:40
What about the rest of the pie?
29
100330
2000
แล้วส่วนที่เหลือล่ะ
01:42
The rest of the pie is a very mysterious substance called dark energy.
30
102330
4000
ส่วนที่เหลือเป็นสิ่งที่เป็นปริศนามาก เรียกว่า พลังงานมืด
01:46
More about that later, OK.
31
106330
2000
ฉันจะพูดถึงมันในอีกสักครู่นะคะ
01:48
So for now, let's turn to the evidence for dark matter.
32
108330
3000
ฉะนั้นตอนนี้ เรามาดูหลักฐานของสสารมืดกัน
01:51
In these galaxies, especially in a spiral galaxy like this,
33
111330
3000
ในกาแล็กซี่ โดยเฉพาะกาแล็กซี่แบบกงจักรแบบนี้
01:54
most of the mass of the stars is concentrated in the middle of the galaxy.
34
114330
5000
มวลของดาวส่วนใหญ่กระจุกตัว อยู่ตรงกลางกาแล็กซี่
01:59
This huge mass of all these stars keeps stars in circular orbits in the galaxy.
35
119330
7000
มวลมหาศาลของดาวทุกดวงทำให้ดาวทั้งหลาย คงอยู่ในวงโคจรในกาแล็กซี่
02:06
So we have these stars going around in circles like this.
36
126330
3000
ฉะนั้น เรามีดาวพวกนี้ วนอยู่รอบ ๆ วงกลมแบบนี้
02:09
As you can imagine, even if you know physics, this should be intuitive, OK --
37
129330
4000
อย่างที่คุณนึกออก แม้ว่าคุณจะรู้ฟิสิกส์ คุณคงพอนึกเอาได้ เอาล่ะ --
02:13
that stars that are closer to the mass in the middle will be rotating at a higher speed
38
133330
6000
ดาวที่เข้าใกล้มวลที่อยู่ตรงกลาง จะหมุนด้วยควมเร็วสูง
02:19
than those that are further out here, OK.
39
139330
3000
กว่าพวกที่อยู่ห่างออกไป
02:22
So what you would expect is that if you measured the orbital speed of the stars,
40
142330
5000
ฉะนั้น สิ่งที่คุณอาจคิดก็คือ ถ้าคุณวัดความเร็วการโคจรของดาว
02:27
that they should be slower on the edges than on the inside.
41
147330
4000
พวกมันที่อยู่ตรงขอบ ควรที่จะช้ากว่าพวกที่อยู่ทางด้านใน
02:31
In other words, if we measured speed as a function of distance --
42
151330
2000
อีกนัยหนึ่ง ถ้าเราวัดความเร็ว ในฐานะที่มันเป็นฟังก์ชันของระยะทาง --
02:33
this is the only time I'm going to show a graph, OK --
43
153330
2000
ฉันสัญญาว่าจะให้คุณดูกราฟแค่ตอนนี้ค่ะ นะคะ --
02:35
we would expect that it goes down as the distance increases
44
155330
4000
เราอาจคาดว่า มันจะลดลงเมื่อระยะทางเพิ่มขึ้น
02:39
from the center of the galaxy.
45
159330
2000
จากศูนย์กลางของกาแล็กซี่
02:41
When those measurements are made,
46
161330
1000
เมื่อทำการวัดเหล่านั้น
02:42
instead what we find is that the speed is basically constant,
47
162330
3000
กลายเป็นว่าเราจะพบว่าความเร็วเป็นค่าคงที่
02:45
as a function of distance.
48
165330
2000
ในฐานะที่มันเป็นฟังก์ชันของระยะทาง
02:47
If it's constant, that means that the stars out here
49
167330
3000
ถ้ามันเป็นค่าคงที่ นั่นหมายความว่า ดาวที่อยู่ข้างนอกนั่น
02:50
are feeling the gravitational effects of matter that we do not see.
50
170330
4000
กำลังรับรู้ถึงผลจากแรงโน้มถ่วงของสสาร ที่เรามองไม่เห็น
02:54
In fact, this galaxy and every other galaxy
51
174330
3000
อันที่จริง กาแล็กซี่นี้ และทุก ๆ กาแล็กซี่
02:57
appears to be embedded in a cloud of this invisible dark matter.
52
177330
5000
เหมือนจะถูกกลบอยู่ในเมฆหมอก ของสสารมืดที่มองไม่เห็นนี้
03:02
And this cloud of matter is much more spherical than the galaxy themselves,
53
182330
4000
และเมฆของสสารที่ว่านี้ เป็นทรงกลมมากกว่าตัวกาแล็กซี่เองเสียอีก
03:06
and it extends over a much wider range than the galaxy.
54
186330
4000
และมันขยายกว้างออกไปมากกว่ากาแล็กซี่
03:10
So we see the galaxy and fixate on that, but it's actually a cloud of dark matter
55
190330
4000
ฉะนั้น เราเห็นกาแล็กซี่และจดจ้องอยู่ที่มัน แต่ที่จริงแล้วมันคือเมฆของสสารมืด
03:14
that's dominating the structure and the dynamics of this galaxy.
56
194330
5000
ที่เป็นโครงสร้างและการพลวัตหลักของกาแล็คซี่
03:19
Galaxies themselves are not strewn randomly in space;
57
199330
3000
กาแล็กซี่เองไม่ได้กระจายอยู่ในอวกาศอย่างสุุ่ม
03:22
they tend to cluster.
58
202330
2000
พวกมันมักกระจุกตัว
03:24
And this is an example of a very, actually, famous cluster, the Coma cluster.
59
204330
3000
และนี่คือตัวอย่างของกระจุกดาวที่เป็นที่รู้จักกันดี กระจุกดาวโคมา
03:27
And there are thousands of galaxies in this cluster.
60
207330
3000
และมีกาแล็กซี่มากมายหลายพันในกระจุกดาวนี้
03:30
They're the white, fuzzy, elliptical things here.
61
210330
3000
พวกมันเป็นสีขาว ยุ่งเหยิง เป็นวงรี
03:33
So these galaxy clusters -- we take a snapshot now,
62
213330
3000
ฉะนั้น กระจุกกาแล็กซี่ -- ที่เราถ่ายภาพเอาไว้ตรงนี้
03:36
we take a snapshot in a decade, it'll look identical.
63
216330
3000
เราถ่ายภาพในอีกทศวรรษหนึ่ง มันดูเหมือนกันเลย
03:39
But these galaxies are actually moving at extremely high speeds.
64
219330
4000
แต่กาแล็กซี่เหล่านี้ อันที่จริงแล้วมันเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วที่สูงมาก
03:43
They're moving around in this gravitational potential well of this cluster, OK.
65
223330
5000
พวกมันเคลื่อนที่ไปรอบบ่อแรงดึงดูด ของกระจุกดาวนี้
03:48
So all of these galaxies are moving.
66
228330
2000
ฉะนั้น กาแล็กซี่เหล่านี้กำลังเคลื่อนที่
03:50
We can measure the speeds of these galaxies, their orbital velocities,
67
230330
4000
พวกเราวัดความเร็วของกาแล็กซี่เหล่านี้ ความเร็ววงโคจรของพวกมัน
03:54
and figure out how much mass is in this cluster.
68
234330
2000
และหาว่ากระจุกดาวนั้นมีมวลเท่าไร
03:56
And again, what we find is that there is much more mass there
69
236330
4000
และอีกครั้ง สิ่งที่เราพบก็คือ ในนั้นมีมวลมากกว่า
04:00
than can be accounted for by the galaxies that we see.
70
240330
4000
ที่จะเป็นแต่ของกาแล็กซี่ที่เรามองเห็น
04:04
Or if we look in other parts of the electromagnetic spectrum,
71
244330
2000
หรือถ้าเรามองดูในอีกส่วน ของช่วงแม่เหล็กอิเล็กตรอน
04:06
we see that there's a lot of gas in this cluster, as well.
72
246330
3000
เราเห็นว่ามีก๊าซมากมายในกระจุกดาวนี้ เช่นกัน
04:09
But that cannot account for the mass either.
73
249330
2000
แต่นั่นก็สามารถจะทำให้มันมีมวลมากขนาดนั้น
04:11
In fact, there appears to be about ten times as much mass here
74
251330
3000
อันที่จริง มันมีมวลมากกว่าเป็นสิบเท่า
04:14
in the form of this invisible or dark matter
75
254330
3000
ที่อยู่รูปแบบของสิ่งที่มองไม่เห็น หรือสสารมืด
04:17
as there is in the ordinary matter, OK.
76
257330
4000
กว่าที่เป็นสสารธรรมดา
04:21
It would be nice if we could see this dark matter a little bit more directly.
77
261330
4000
มันคงจะดี ถ้าเราสามารถเห็นสสารมืดนี้ ในแบบตรงไปตรงมาได้มากกว่านี้
04:25
I'm just putting this big, blue blob on there, OK,
78
265330
2000
ฉันเพิ่งจะเอาจุดสีฟ้าวางไว้ตรงนั้น
04:27
to try to remind you that it's there.
79
267330
2000
เพื่อพยายามบอกคุณว่ามันอยู่ตรงนั้น
04:29
Can we see it more visually? Yes, we can.
80
269330
3000
เราสามารถเห็นมันด้วยตาเปล่าได้หรือไม่ ค่ะ เราทำได้
04:32
And so let me lead you through how we can do this.
81
272330
2000
และให้ฉันเล่าให้คุณฟังว่าเราทำอย่างไร
04:34
So here's an observer:
82
274330
2000
นี่คือผู้สังเกตการณ์
04:36
it could be an eye; it could be a telescope.
83
276330
2000
มันอาจเป็นตา มันอาจเป็นกล้องโทรทรรศน์
04:38
And suppose there's a galaxy out here in the universe.
84
278330
2000
และสมมติว่ามันจะมีกาแล็คซี่ในจักรวาล
04:40
How do we see that galaxy?
85
280330
2000
เรามองเห็นกาแล็กซี่นั่นได้อย่างไร
04:42
A ray of light leaves the galaxy and travels through the universe
86
282330
3000
ลำแสงออกจากกาแล็กซี่และเดินทางข้ามจักรวาล
04:45
for perhaps billions of years
87
285330
2000
ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณพันล้านปี
04:47
before it enters the telescope or your eye.
88
287330
3000
ก่อนที่มันจะเข้ามายังกล้องโทรทรรศน์ หรือตาของคุณ
04:50
Now, how do we deduce where the galaxy is?
89
290330
3000
ตอนนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากาแล็กซี่อยู่ตรงไหน
04:53
Well, we deduce it by the direction that the ray is traveling
90
293330
3000
ค่ะ เรารู้ได้จากทิศทางที่ลำแสงนั้นเดินทาง
04:56
as it enters our eye, right?
91
296330
2000
เมื่อมันเข้ามายังตาเรา ใช่ไหม
04:58
We say, the ray of light came this way;
92
298330
2000
เราบอกว่า ลำแสงมาจากทางนี้
05:00
the galaxy must be there, OK.
93
300330
2000
กาแล็กซี่จะต้องอยู่ตรงนั้น
05:02
Now, suppose I put in the middle a cluster of galaxies --
94
302330
4000
ตอนนี้ สมมติฉันเอาใจกลางกระจุกดาว ของกาแล็กซี่เข้าไป --
05:06
and don't forget the dark matter, OK.
95
306330
2000
และอย่าลืมสสารมืดนะคะ
05:08
Now, if we consider a different ray of light, one going off like this,
96
308330
4000
ทีนี้ ถ้าเราพิจารณาลำแสงต่าง ๆ ลำแสงหนึ่งเดินทางแบบนี้
05:12
we now need to take into account
97
312330
2000
ตอนนี้เราต้องพิจารณา
05:14
what Einstein predicted when he developed general relativity.
98
314330
3000
ถึงสิ่งที่ไอสไตน์คาดคะเนเอาเไว้ เมื่อเขาพัฒนาทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป
05:17
And that was that the gravitational field, due to mass,
99
317330
4000
และนั่นคือสนามความโน้มถ่วง เนื่องด้วยมวล
05:21
will deflect not only the trajectory of particles,
100
321330
3000
จะหักแหไม่ใช่แค่วิถีของอนุภาค
05:24
but will deflect light itself.
101
324330
3000
แต่จะหักเหแสงด้วย
05:27
So this light ray will not continue in a straight line,
102
327330
3000
ฉะนั้น ลำแสงจะต่อเนื่องกันไปไม่เป็นเส้นตรง
05:30
but would rather bend and could end up going into our eye.
103
330330
4000
แต่จะเบนและสามารถตกลงมาที่ตาของเราได้
05:34
Where will this observer see the galaxy?
104
334330
3000
แล้วผู้สังเกตการณ์นี้เห็นกาแล็กซี่ที่ไหน
05:37
You can respond. Up, right?
105
337330
4000
คุณอาจถามแบบนั้นใช่ไหมคะ ด้านบน ใช่แล้ว
05:41
We extrapolate backwards and say the galaxy is up here.
106
341330
3000
เราอ้างย้อนกลับและบอกว่า กาแล็กซี่อยู่ตรงนี้
05:44
Is there any other ray of light
107
344330
1000
มีลำแสงอื่น
05:45
that could make into the observer's eye from that galaxy?
108
345330
3000
ที่อาจเข้ามายังตาของผู้สังเกต จากกาแล็กซี่นั้นอีกไหม
05:48
Yes, great. I see people going down like this.
109
348330
3000
ใช่ ยอดเลย ฉันเห็นคนบอกว่าข้างล่าง
05:51
So a ray of light could go down, be bent
110
351330
2000
ฉะนั้นลำแสงอาจโค้งไปทางด้านล่าง
05:53
up into the observer's eye,
111
353330
2000
แล้วขึ้นมายังตาของผู้สังเกตการณ์
05:55
and the observer sees a ray of light here.
112
355330
2000
และผู้สังเกตการณ์เห็นลำแสงตรงนี้
05:57
Now, take into account the fact that we live in
113
357330
2000
ทีนี้ ลองคิดดูถึงข้อเท็จจริงว่า
05:59
a three-dimensional universe, OK,
114
359330
2000
เราอาศัยอยู่ในจักรวาลสามมิติ
06:01
a three-dimensional space.
115
361330
2000
อวกาศสามมิติ
06:03
Are there any other rays of light that could make it into the eye?
116
363330
3000
จะลำแสงอื่น ๆ ที่เขามายังตาเราอีกไหม
06:06
Yes! The rays would lie on a -- I'd like to see -- yeah, on a cone.
117
366330
6000
ค่ะ ลำแสงจะวางตัวในลักษณะ -- ค่ะ อย่างไรคะ -- ใช่แล้ว แบบกรวย
06:12
So there's a whole ray of light -- rays of light on a cone --
118
372330
2000
ฉะนั้น มันมีลำแสง -- ลำแสงบนกรวย
06:14
that will all be bent by that cluster
119
374330
2000
ที่ทั่งหมดจะถูกทำให้โค้งโดยครัสเตอร์
06:16
and make it into the observer's eye.
120
376330
3000
และทำให้มันเข้าไปยังตาของผู้สังเกตการณ์
06:19
If there is a cone of light coming into my eye, what do I see?
121
379330
5000
ถ้าหากมีลำแสงรูปกรวยเข้ามายังตาฉัน ฉันจะเห็นอะไร
06:24
A circle, a ring. It's called an Einstein ring. Einstein predicted that, OK.
122
384330
4000
วงกลม วงแหวน มันมีชื่อว่า วงแหวนไอสไตน์ ไอสไตน์เป็นผู้ทำนายมันเอาไว้
06:28
Now, it will only be a perfect ring if the source, the deflector
123
388330
5000
ทีนี้ มันจะเป็นวงแหวนสมบูรณ์ ถ้าหากแหล่งของตัวหักแห
06:33
and the eyeball, in this case, are all in a perfectly straight line.
124
393330
5000
และตาของเรา ในที่นี้ อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
06:38
If they're slightly skewed, we'll see a different image.
125
398330
3000
ถ้าพวกมันเบี้ยวจากกันไปเล็กน้อย พวกเราจะเห็นภาพที่ต่างออกไป
06:41
Now, you can do an experiment tonight over the reception, OK,
126
401330
3000
ทีนี้ ถ้าคุณสามารถทำการทดลองคืนนี้ได้
06:44
to figure out what that image will look like.
127
404330
3000
เพื่อค้นหาว่าคุณจะเห็นภาพแบบไหน
06:47
Because it turns out that there is a kind of lens that we can devise,
128
407330
4000
เพราะว่ากลายเป็นว่า มันมีเลนส์หลากหลายแบบ ที่เราสามารถใช้ได้
06:51
that has the right shape to produce this kind of effect.
129
411330
3000
ที่มีทรงที่เหมาะต่อการสร้างผลลัพท์ต่าง ๆ
06:54
We call this gravitational lensing.
130
414330
2000
เราเรียกมันว่า การใช้เลนส์ความโน้มถ่วง
06:56
And so, this is your instrument, OK.
131
416330
3000
และนี่คืออุปกรณ์ของคุณ
06:59
(Laughter).
132
419330
1000
(เสียงหัวเราะ)
07:00
But ignore the top part.
133
420330
3000
แต่ไม่ต้องสนใจส่วนบนนะคะ
07:03
It's the base that I want you to concentrate, OK.
134
423330
3000
ฐานต่างหากที่เราต้องการให้คุณสนใจ
07:06
So, actually, at home, whenever we break a wineglass,
135
426330
2000
ฉะนั้น ที่บ้าน เมื่อใดที่เราทำแก้วไวน์แตก
07:08
I save the bottom, take it over to the machine shop.
136
428330
2000
ฉันจะเก็บส่วนฐาน และไปยังร้านตัดแก้ว
07:10
We shave it off, and I have a little gravitational lens, OK.
137
430330
4000
เพื่อให้ขัดมันออก และทำให้ได้เลนส์ความโน้มถ่วง
07:14
So it's got the right shape to produce the lensing.
138
434330
2000
ฉะนั้น เราได้ของที่มีรูปทางตามต้องการ สำหรับทำเลนส์
07:16
And so the next thing you need to do in your experiment
139
436330
2000
และสิ่งต่อไปที่คุณต้องการในการทดลองนี้
07:18
is grab a napkin. I grabbed a piece of graph paper -- I'm a physicist. (Laughter)
140
438330
4000
คือผ้ากันเปื้อน ฉันมีกระดาษกราฟค่ะ -- พอดีว่าฉันเป็นนักฟิสิกส์ (เสียงหัวเราะ)
07:22
So, a napkin. Draw a little model galaxy in the middle.
141
442330
4000
บนผ้ากันเปื้อน วาดกาแล็กซี่ของคุณไว้ตรงกลาง
07:26
And now put the lens over the galaxy,
142
446330
3000
และตอนนี้วางเลนส์ไว้บนกาแล็กซี่
07:29
and what you'll find is that you'll see a ring, an Einstein ring.
143
449330
3000
และสิ่งที่คุณพบก็คือ คุณจะเห็นวงแหวน วงแหวนไอสไตน์
07:32
Now, move the base off to the side,
144
452330
3000
ทีนี้ เคลื่อนฐานออกไปทางด้านข้าง
07:35
and the ring will split up into arcs, OK.
145
455330
3000
และวงแหวนก็จะถูกแยกออกเป็นส่วนโค้ง
07:38
And you can put it on top of any image.
146
458330
2000
และคุณสามารถนำมันวางไว้เหนือภาพใดก็ได้
07:40
On the graph paper, you can see
147
460330
1000
บนกระดาษกราฟ คุณจะเห็น
07:41
how all the lines on the graph paper have been distorted.
148
461330
2000
ว่าเส้นต่าง ๆ บนกระดาษกราฟ ถูกทำให้ผิดรูปไปอย่างไร
07:43
And again, this is a kind of an accurate model
149
463330
3000
และอีกครั้ง สิ่งนี้เป็นตัวอย่างที่แม่นยำอย่างหนึ่ง
07:46
of what happens with the gravitational lensing.
150
466330
2000
ของสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้เลนส์ความโน้มถ่วง
07:48
OK, so the question is: do we see this in the sky?
151
468330
4000
ค่ะ คำถามก็คือว่า เราเห็นสิ่งนี้ในท้องฟ้าหรือเปล่า
07:52
Do we see arcs in the sky when we look at, say, a cluster of galaxies?
152
472330
4000
เราเห็นเส้นโค้งแบบนี้ที่เป็นครัสเตอร์ ในท้องฟ้า เมื่อเรามองขึ้นไปหรือเปล่า
07:56
And the answer is yes.
153
476330
2000
และคำตอบก็คือใช่
07:58
And so, here's an image from the Hubble Space Telescope.
154
478330
2000
และนี่คือภาพจากกล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล
08:00
Many of the images you are seeing
155
480330
2000
ภาพมากมายที่คุณกำลังดูอยู่นี้
08:02
are earlier from the Hubble Space Telescope.
156
482330
2000
มาจากกล้องโทรทัศน์อวกาศฮัลเบิล
08:04
Well, first of all, for the golden shape galaxies --
157
484330
2000
อยากแรกเลย กาแล็กซี่สีทองพวกนี้ --
08:06
those are the galaxies in the cluster.
158
486330
3000
พวกมันเป็นกาแล็กซี่ในครัสเตอร์
08:09
They're the ones that are embedded in that sea of dark matter
159
489330
4000
พวกมันคือกาแล็กซี่ที่ฝังตัวอยู่ในทะเลของสสารมืด
08:13
that are causing the bending of the light
160
493330
2000
ที่ทำให้เกิดการโค้งของแสง
08:15
to cause these optical illusions, or mirages, practically,
161
495330
3000
เพื่อทำให้เกิดภาพลวงตาหรือมิราจ
08:18
of the background galaxies.
162
498330
2000
ของกาแล็กซี่ที่อยู่ที่พื้นหลัง
08:20
So the streaks that you see, all these streaks,
163
500330
3000
ฉะนั้นเส้นที่คุณเห็นทั้งหมดนี้
08:23
are actually distorted images of galaxies that are much further away.
164
503330
4000
อันที่จริงคือภาพที่ถูกทำให้บิดเบี้ยว ของกาแล็กซี่ที่อยู่ห่างออกไปมาก
08:27
So what we can do, then, is based on how much distortion
165
507330
3000
ฉะนั้น สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้ ขึ้นอยู่กับว่ามีการทำให้เกิดการเบี้ยวนี้มากแค่ไหน
08:30
we see in those images, we can calculate how much mass
166
510330
4000
เราเห็นได้ในภาพเหล่านี้ เราสามารถคำนวณได้ว่ามีมวลเท่าไร
08:34
there must be in this cluster.
167
514330
2000
ที่อยู่ในครัสเตอร์นี้
08:36
And it's an enormous amount of mass.
168
516330
2000
และปริมาณที่มากมายของมวล
08:38
And also, you can tell by eye, by looking at this,
169
518330
2000
และยังนอกจากนี้ คุณยังบอกได้จากการมอง
08:40
that these arcs are not centered on individual galaxies.
170
520330
4000
ว่าโค้งเหล่านี้ไม่ได้มีจุดศูนย์กลาง อยู่ที่กาแล็กซี่ใดกาแล็กซี่หนึ่ง
08:44
They are centered on some more spread out structure,
171
524330
4000
พวกมันมีศูนย์กลางของโครงสร้างที่ใหญ่กว่านั้น
08:48
and that is the dark matter
172
528330
4000
และนั่นก็คือสสารมืด
08:52
in which the cluster is embedded, OK.
173
532330
3000
ซึ่งครัสเตอร์ฝังตัวอยู่
08:55
So this is the closest you can get to kind of seeing
174
535330
2000
ฉะนั้น ที่คุณสามารถเข้าถึงได้มากที่สุด อย่างน้อย ๆ ก็คือการมอง
08:57
at least the effects of the dark matter with your naked eye.
175
537330
3000
ผลลัพท์ของสสารมืดด้วยตาเปล่า
09:00
OK, so, a quick review then, to see that you're following.
176
540330
3000
ค่ะ ลองมาทวนกันดูว่า พวกคุณตามทันกันหรือเปล่า
09:03
So the evidence that we have
177
543330
2000
หลักฐานที่เรามี
09:05
that a quarter of the universe is dark matter --
178
545330
2000
ว่าหนึ่งในสี่ของจักรวาลคือสสารมืด --
09:07
this gravitationally attracting stuff --
179
547330
2000
การมีปฏิสัมพันธ์เชิงความโน้มถ่วงต่าง ๆ --
09:09
is that galaxies, the speed with which stars orbiting galaxies
180
549330
4000
ว่ากาแล็กซี่ ความเร็วซึ่งดาวโคจรรอบกาแล็กซี่
09:13
is much too large; it must be embedded in dark matter.
181
553330
3000
มีมากเกินไป มันจะต้องมีสสารมืดอยู่ในนั้น
09:16
The speed with which galaxies within clusters are orbiting is much too large;
182
556330
4000
ความเร็วซึ่งกาแล็กซี่ภายในครัสเตอร์ กำลังโคตรมีมากเกินไป
09:20
it must be embedded in dark matter.
183
560330
2000
มันจะต้องมีสสารมืดอยู่ในนั้น
09:22
And we see these gravitational lensing effects, these distortions
184
562330
4000
และเราเห็นผลการใช้เลนส์ความโน้มถ่วง การทำให้เกิดการบิดเบี้ยว
09:26
that say that, again, clusters are embedded in dark matter.
185
566330
3000
ที่บอกว่า ครัสเตอร์ถูกฝังอยู่ในสสารมืด
09:29
OK. So now, let's turn to dark energy.
186
569330
4000
เอาล่ะ ตอนนี้ ลองมาดูพลังงานมืดกัน
09:33
So to understand the evidence for dark energy, we need to discuss something
187
573330
3000
เพื่อที่จะเข้าใจหลักฐานจากพลังงานมืด เราต้องมาอภิปรายกันถึงบางสิ่งบางอย่าง
09:36
that Stephen Hawking referred to in the previous session.
188
576330
4000
ที่สตีเฟน ฮอว์คิง กล่าวถึงในช่วงก่อน
09:40
And that is the fact that space itself is expanding.
189
580330
4000
และมันเป็นความจริงที่อวกาศขยายตัว
09:44
So if we imagine a section of our infinite universe --
190
584330
5000
ฉะนั้น ถ้าเราจินตนาการถึงส่วนหนึ่ง ของจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเรา --
09:49
and so I've put down four spiral galaxies, OK --
191
589330
3000
และฉันได้พูดถึงกาแล็กซี่สี่มิติไปแล้ว เอาล่ะ --
09:52
and imagine that you put down a set of tape measures,
192
592330
4000
และจินตนาการว่า คุณวางแถบวัดลงไป
09:56
so every line on here corresponds to a tape measure,
193
596330
2000
ฉะนั้น ทุกเส้นบนนี้เทียบได้กับเส้นวัด
09:58
horizontal or vertical, for measuring where things are.
194
598330
4000
ทางแนวตั้งหรือแนวนอน สำหรับการวัดว่าสิ่งนั้นอยู่ตรงไหน
10:02
If you could do this, what you would find
195
602330
2000
ถ้าคุณทำแบบนี้ได้ สิ่งที่คุณอาจพบ
10:04
that with each passing day, each passing year,
196
604330
3000
คือทุกวันที่ผ่านไป ทุกปีที่ผ่านไป
10:07
each passing billions of years, OK,
197
607330
3000
ทุกพันล้านปีที่ผ่านไป
10:10
the distance between galaxies is getting greater.
198
610330
3000
ระยะระหว่างกาแล็กซีมีมากขึ้น
10:13
And it's not because galaxies are moving
199
613330
1000
และมันไม่ใช่เพราะว่ากาแล็กซี่เคลื่อนที่
10:14
away from each other through space.
200
614330
3000
ออกจากกันและกันไปในอวกาศ
10:17
They're not necessarily moving through space.
201
617330
2000
พวกมันไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่ไปในอวกาศ
10:19
They're moving away from each other
202
619330
2000
พวกมันเคลื่อนที่ออกจากกัน
10:21
because space itself is getting bigger, OK.
203
621330
3000
เพราะว่าอวกาศเองที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
10:24
That's what the expansion of the universe or space means.
204
624330
4000
นั้นคือความหมายของการขยายจักรวาลหรืออวกาศ
10:28
So they're moving further apart.
205
628330
2000
ฉะนั้น พวกมันเคลื่อนที่ออกจากกัน
10:30
Now, what Stephen Hawking mentioned, as well,
206
630330
4000
เอาล่ะ สิ่งที่สตีเฟน ฮอว์คิน กล่าวถึงเช่นกัน
10:34
is that after the Big Bang, space expanded at a very rapid rate.
207
634330
6000
คือหลังจากการเกิดบิ๊กแบง อวกาศขยายตัวออก ด้วยอัตราที่เร็วมาก
10:40
But because gravitationally attracting matter
208
640330
4000
แต่เพราะว่าสสารที่มีปฏิสัมพันธ์เชิงความโน้มถ่วง
10:44
is embedded in this space,
209
644330
2000
ถูกฝังตัวอยู่ในอวกาศ
10:46
it tends to slow down the expansion of the space, OK.
210
646330
3000
มันน่าจะทำให้การขยายตัวของอวกาศช้าลง
10:49
So the expansion slows down with time.
211
649330
3000
การขยายตัวช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป
10:52
So, in the last century, OK, people debated
212
652330
4000
ฉะนั้นในศตวรรษที่แล้ว เราถกเถียงกัน
10:56
about whether this expansion of space would continue forever;
213
656330
5000
ว่าการขยายตัวของอวกาศ จะเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือไม่
11:01
whether it would slow down, you know,
214
661330
2000
หรือว่ามันจะช้าลงไปอีก
11:03
will be slowing down, but continue forever;
215
663330
2000
มันจะช้าลง แต่เป็นอย่างนั้นตลอดไป
11:05
slow down and stop, asymptotically stop;
216
665330
5000
ช้าลงและหยุด หยุดอยู่ที่จุดกำหนดหนึ่ง
11:10
or slow down, stop, and then reverse, so it starts to contract again.
217
670330
5000
หรือช้าลง หยุด และจากนั้นย้อนกลับ เริ่มที่จะหดตัวอีกครั้ง
11:15
So a little over a decade ago,
218
675330
2000
ประมาณทศวรรษที่ผ่านมา
11:17
two groups of physicists and astronomers
219
677330
5000
นักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์สองกลุ่ม
11:22
set out to measure the rate at which
220
682330
2000
วางแผนที่จะวัดอัตรา
11:24
the expansion of space was slowing down, OK.
221
684330
4000
ของการขยายตัวของอวกาศที่ช้าลง
11:28
By how much less is it expanding today,
222
688330
2000
โดยวัดว่ามันขยายตัวน้อยลงเท่าไรในปัจจุบัน
11:30
compared to, say, a couple of billion years ago?
223
690330
3000
เทียบกับ ประมาณว่า สองสามพันล้านปีก่อน
11:33
The startling answer to this question, OK, from these experiments,
224
693330
5000
คำตอบที่น่าตกใจสำหรับคำถามนี้ก็คือ จากการทดลองดังกล่าว
11:38
was that space is expanding at a faster rate today
225
698330
4000
ก็คือ ในปัจจุบันอวกาศขยายตัวออก ด้วยอัตราที่เร็วกว่า
11:42
than it was a few billion years ago, OK.
226
702330
3000
ที่มันเคยเป็นเมื่อสองสามพันล้านปีก่อน
11:45
So the expansion of space is actually speeding up.
227
705330
3000
ฉะนั้น การขยายตัวของอวกาศนั้นเร็วขึ้น
11:48
This was a completely surprising result.
228
708330
3000
มันเป็นผลการทดลองที่น่าแปลกใจยิ่ง
11:51
There is no persuasive theoretical argument for why this should happen, OK.
229
711330
6000
ยังไม่มีการโต้เถียงทางทฤษฎีที่น่าจูงใจพอ ที่จะบอกว่าทำไมมันไม่ควรเกิดขึ้น
11:57
No one was predicting ahead of time this is what's going to be found.
230
717330
3000
ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน ว่าสิ่งนี้จะถูกค้นพบ
12:00
It was the opposite of what was expected.
231
720330
2000
มันตรงข้ามกับสิ่งที่เราคาดเอาไว้
12:02
So we need something to be able to explain that.
232
722330
3000
ฉะนั้น เราต้องการอะไรบางอย่าง ทีจะสามารถอธิบายมันได้
12:05
Now it turns out, in the mathematics,
233
725330
2000
ตอนนี้ มันกลายเป็นว่า ในทางคณิตศาสตร์
12:07
you can put it in as a term that's an energy,
234
727330
4000
คุณสามารถมองมันในแง่ของพลังงาน
12:11
but it's a completely different type of energy
235
731330
1000
แต่มันเป็นพลังงานในอีกรูปแบบที่ต่างออกไป
12:12
from anything we've ever seen before.
236
732330
2000
จากสิ่งที่เราเคยเห็นมาก่อน
12:14
We call it dark energy,
237
734330
2000
เราเรียกมันว่าพลังงานมืด
12:16
and it has this effect of causing space to expand.
238
736330
3000
และมันมีผลต่อการทำให้อวกาศขยายตัว
12:19
But we don't have a good motivation
239
739330
2000
แต่เราไม่ได้มีความตั้งใจ
12:21
for putting it in there at this point, OK.
240
741330
2000
ที่จะนำมันไว้ตรงนั้นในตอนนี้
12:23
So it's really unexplained as to why we need to put it in.
241
743330
3000
ฉะนั้น มันไม่สามารถอธิบายได้ ว่าทำไมเราต้องจัดวางมันไว้ตรงนั้น
12:26
Now, so at this point, then, what I want to really emphasize to you,
242
746330
4000
ตอนนี้ สิ่งที่ฉันอยากจะเน้นย้ำกับคุณ
12:30
is that, first of all, dark matter and dark energy
243
750330
2000
ก็คือ ประการแรก สสารมืดและพลังงานมืด
12:32
are completely different things, OK.
244
752330
2000
เป็นสิ่งที่ต่างกัน
12:34
There are really two mysteries out there as to what makes up most of the universe,
245
754330
4000
มีสองสิ่งลึกลับ ที่เป็นส่วนประกอบหลักของจักรวาล
12:38
and they have very different effects.
246
758330
3000
และพวกมันให้ผลกระทบที่ต่างกัน
12:41
Dark matter, because it gravitationally attracts,
247
761330
3000
สสารมืด เนื่องจากมันมีปฏิสัมพันธ์เชิงความโน้มถ่วง
12:44
it tends to encourage the growth of structure, OK.
248
764330
4000
มันน่าจะส่งเสริมการขยายของโครงสร้าง
12:48
So clusters of galaxies will tend to form,
249
768330
3000
ฉะนั้น ครัสเตอร์ของกาแล็กซี่จะก่อเกิดขึ้น
12:51
because of all this gravitational attraction.
250
771330
2000
ด้วยปฏิสัมพันธ์เชิงความโน้มถ่วงนี้
12:53
Dark energy, on the other hand,
251
773330
2000
ในทางตรงข้าม พลังงานมืด
12:55
is putting more and more space between the galaxies,
252
775330
4000
เพิ่มที่ว่างระหว่างกาแล็กซี่ให้มากขึ้นและมากขึ้น
12:59
makes it, the gravitational attraction between them decrease,
253
779330
3000
ทำให้ปฏิสัมพันธ์เชิงความโน้มถ่วงระหว่างพวกมัน ลดน้อยลง
13:02
and so it impedes the growth of structure.
254
782330
3000
และมันขัดขวางการขยายตัวของโครงสร้าง
13:05
So by looking at things like clusters of galaxies,
255
785330
3000
จากการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ เช่นครัสเตอร์ของกาแล็กซี่
13:08
and how they -- their number density,
256
788330
4000
และการที่พวกมัน -- ปริมาณความหนาแน่นของพวกมัน
13:12
how many there are as a function of time --
257
792330
2000
มีพวกมันมากแค่ไหน ในฐานะที่เป็นฟังก์ชันของเวลา --
13:14
we can learn about how dark matter and dark energy
258
794330
4000
พวกเราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ สสารมืดและพลังงานมืด
13:18
compete against each other in structure forming.
259
798330
3000
ที่ทำงานหักล้างกันและกันในการสร้างโครงสร้าง
13:21
In terms of dark matter, I said that we don't have any,
260
801330
3000
ในแง่ของสสารมืด ฉันบอกว่า เราไม่มี
13:24
you know, really persuasive argument for dark energy.
261
804330
4000
ข้อโต้แย้งที่น่าจูงใจพอสำหรับพลังงานมืด
13:28
Do we have anything for dark matter? And the answer is yes.
262
808330
3000
แล้วสำหรับสสารมืล่ะ คำตอบคือเรามีค่ะ
13:31
We have well-motivated candidates for the dark matter.
263
811330
3000
เรามีตัวเลือกที่เราตั้งใจไว้สำหรับสสารมืด
13:34
Now, what do I mean by well motivated?
264
814330
3000
ทีนี้ อะไรคือความหมายของคำว่าตั้งใจ
13:37
I mean that we have mathematically consistent theories
265
817330
5000
ฉันหมายความว่า เรามีทฤษฎีที่คงที่ทางคณิตศาสตร์
13:42
that were actually introduced
266
822330
2000
ที่นำไปสู่
13:44
to explain a completely different phenomenon, OK,
267
824330
3000
การอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ
13:47
things that I haven't even talked about,
268
827330
2000
สิ่งที่เรายังไม่เคยพูดถึงกัน
13:49
that each predict the existence
269
829330
3000
ที่จะคาดคะเนการมีอยู่
13:52
of a very weakly interacting, new particle.
270
832330
3000
ของอนุภาคใหม่ ที่มีปฏิสัมพันธ์ที่อ่อนมาก ๆ
13:55
So, this is exactly what you want in physics:
271
835330
2000
ฉะนั้น นี่คือสิ่งที่คุณต้องการในฟิสิกส์
13:57
where a prediction comes out of a mathematically consistent theory
272
837330
4000
เมื่อการคาดคะเนเป็นผลมาจาก ทฤษฎีที่คงที่ทางคณิตศาสตร์
14:01
that was actually developed for something else.
273
841330
2000
ที่พัฒนาจากจากสิ่งอื่น
14:03
But we don't know if either of those
274
843330
3000
แต่เราไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้
14:06
are actually the dark matter candidate, OK.
275
846330
3000
เป็นตัวแทนของสสารมืดหรือเปล่า
14:09
One or both, who knows? Or it could be something completely different.
276
849330
3000
หนึ่งหรือทั้งคู่ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือมันอาจเป็นอะไรที่ต่างออกไปเลยก็ได้
14:12
Now, we look for these dark matter particles
277
852330
2000
ตอนนี้เรามองหาอนุภาคสสารมืด
14:14
because, after all, they are here in the room, OK,
278
854330
3000
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกมันอยู่ที่นี้ในห้องนี้
14:17
and they didn't come in the door.
279
857330
1000
และพวกมันไม่ผ่านประตูเข้ามา
14:18
They just pass through anything.
280
858330
2000
พวกมันผ่านทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง
14:20
They can come through the building, through the Earth --
281
860330
2000
พวกมันผ่านตึกรามบ้านช่อง ผ่านโลก --
14:22
they're so non-interacting.
282
862330
2000
พวกมันมีปฏิสัมพันธ์กับอะไรน้อยมาก
14:24
So one way to look for them is to build detectors
283
864330
3000
ฉะนั้น วิธีการหนึ่งสำหรับการมองหาพวกมัน ก็คือการสร้างเครื่องตรวจจับ
14:27
that are extremely sensitive to a dark matter particle coming through and bumping it.
284
867330
4000
ที่ไวต่ออนุภาคสสารมืดที่ผ่านเข้ามา และชนกับมันมาก ๆ
14:31
So a crystal that will ring if that happens.
285
871330
3000
เช่นเดียวกับที่มันจะบอกได้อย่างชัดเจน เมื่อมันเกิดขึ้น
14:34
So one of my colleagues up the road and his collaborators
286
874330
2000
ฉะนั้น เพื่อนร่วมงานของฉันคนหนึ่ง ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล และผู้ร่วมงานของเขา
14:36
have built such a detector.
287
876330
2000
ได้สร้างเครื่องตรวจจับ
14:38
And they've put it deep down in an iron mine in Minnesota,
288
878330
3000
และพวกมันนำมันลงไปในเหมืองเหล็ก ที่อยู่ลึกลงไป ในมิเนโซตา
14:41
OK, deep under the ground, and in fact, in the last couple of days
289
881330
3000
ค่ะ มันลึกลงไปในดิน อันที่จริงสองสามวันก่อน
14:44
announced the most sensitive results so far.
290
884330
3000
มันประกาศผลลัพท์ ที่ละเอียดอ่อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
14:47
They haven't seen anything, OK, but it puts limits on what the mass
291
887330
3000
พวกมันไม่เห็นอะไรเลย แต่มันให้ข้อจำกัดว่ามวล
14:50
and the interaction strength of these dark matter particles are.
292
890330
3000
และความแรงปฏิสัมพันธ์ระหว่างอนุภาคสสารมืด
14:53
There's going to be a satellite telescope launched later this year
293
893330
4000
จะมีการส่งกล้องโทรทัศน์ดาวเทียมขึ้นไปในปีนี้
14:57
and it will look towards the middle of the galaxy,
294
897330
3000
และมันจะมองไปยังใจกลางของกาแล็กซี่
15:00
to see if we can see dark matter particles annihilating
295
900330
2000
เพื่อดูว่าเราจะเห็นสสารมืดทำลาย
15:02
and producing gamma rays that could be detected with this.
296
902330
4000
และสร้างรังสีแกมม่าที่สามารถตรวจจับได้ ด้วยสิ่งนี้หรือไม่
15:06
The Large Hadron Collider, a particle physics accelerator,
297
906330
3000
ลาล์จ แฮดอรน คอไลเดอร์ เครื่องเร่งอนุภาคฟิสิกส์
15:09
that we'll be turning on later this year.
298
909330
3000
ที่จะถูกเปิดใช้ต่อไปในปีนี้
15:12
It is possible that dark matter particles might be produced
299
912330
3000
มันเป็นไปได้ว่าอนุภาคสสารมืดอาจถูกสร้างขึ้น
15:15
at the Large Hadron Collider.
300
915330
2000
ที่ลาร์จ เฮดรอน คอลไลเดอร์
15:17
Now, because they are so non-interactive,
301
917330
1000
ตอนนี้ เราพว่าพวกมันไม่ตอบสนอง
15:18
they will actually escape the detector,
302
918330
3000
พวกมันจะไม่สามารถถูกตรวจจับได้ โดยเครืองตรวจจับ
15:21
so their signature will be missing energy, OK.
303
921330
3000
ฉะนั้น สิ่งที่เป็นจุดเด่นของมันก็คือพลังงานที่หายไป
15:24
Now, unfortunately, there is a lot of new physics
304
924330
3000
ตอนนี้ โชคไม่ดี ที่มีฟิสิกส์ใหม่มากมาย
15:27
whose signature could be missing energy,
305
927330
2000
ที่จุดเด่นของมันอาจเป็นพลังงานที่หายไป
15:29
so it will be hard to tell the difference.
306
929330
2000
ฉะนั้น มันจะเป็นการยากที่จะบอกความแตกต่าง
15:31
And finally, for future endeavors, there are telescopes being designed
307
931330
5000
และสุดท้ายนี้ สำหรับความพยายามในอนาคต มีกล้องโทรทรรศน์ที่กำลังถูกออกแบบ
15:36
specifically to address the questions of dark matter and dark energy --
308
936330
4000
เป็นพิเศษสำหรับตอบคำถามเกี่ยวกับสสารมืด และพลังงานมืด --
15:40
ground-based telescopes, and there are three space-based telescopes
309
940330
3000
กล้องโทรทรรศน์ที่อยู่ภาคพื้น และ กล้องโทรทรรศน์ในอวกาศอีกสามตัว
15:43
that are in competition right now
310
943330
2000
ที่กำลังแข่งกันอยู่ในตอนนี้
15:45
to be launched to investigate dark matter and dark energy.
311
945330
3000
เพื่อที่จะถูกปล่อยออกไปสำรวจสสารมืด และพลังงานมืด
15:48
So in terms of the big questions:
312
948330
2000
ฉะนั้น ในแง่มุมของคำถามสำคัญ
15:50
what is dark matter? What is dark energy?
313
950330
2000
อะไรคือสสารมืด อะไรคือพลังงานมืด
15:52
The big questions facing physics.
314
952330
2000
คำถามสำคัญที่กำลังท้าทายฟิสิกส์
15:54
And I'm sure you have lots of questions,
315
954330
3000
และฉันก็แน่ใจว่า คุณมีคำถามมากมาย
15:57
which I very much look forward to addressing
316
957330
2000
ซึ่งฉันยินดีที่จะตอบ
15:59
over the next 72 hours, while I'm here. Thank you.
317
959330
2000
ในช่วง 72 ชั่วโมงต่อจากนี้ ในขณะที่ฉันอยู่ที่นี่ ขอบคุณค่ะ
16:01
(Applause)
318
961330
3000
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7