Why paternity leave benefits everyone | The Way We Work, a TED series

- I remember the day:

Translator: Poranee Tatsanasaengsoon Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

ผมยังจำวันนั้นได้ดี

my wife was three months pregnant,

วันที่ภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน ผมรู้เลยว่าผมอยากลาคลอด

and I knew that I wanted to take time off.

But when I walked in to ask my boss,

แต่เมื่อผมเดินเข้าไปขออนุญาตหัวหน้า

I was so nervous.

ผมรู้สึกกังวลมาก

I was about to ask for seven months of paternity leave,

ผมไม่รู้เลยว่าคำตอบของหัวหน้าผม จะเป็นอย่างไร

and I just didn't know how my boss would react to that.

เมื่อผมขออนุญาตลาคลอดบุตรเป็นเวลา 7 เดือน ในฐานะคุณพ่อ

(machine whirs) (playful music)

[วิถีการทำงานของพวกเรา]

(drawer thuds)

Like most men in Japan,

เช่นเดียวกับผู้ชายส่วนใหญ่ ในญึ่ปุ่น

I grew up being told that masculinity

ผมโตมากับมุมมองต่อความเป็นเพศชาย ในแบบที่ว่า

is supposed to look a certain way.

You're supposed to be stoic and strong,

คุณจะต้องอึดและถึก

dominant and in control,

ต้องอยู่เหนือและเป็นผู้ควบคุม

the breadwinner for your family.

ต้องเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว

But when I met my wife, she challenged me on that.

จนกระทั่งผมได้พบภรรยาของผม

เธอท้าทายผมต่อมุมมองนั้นๆ

She pushed me on thinking

เธอทำให้ผมคิดใหม่เรื่องที่ว่า ฝ่ายชายต้องเป็นคนจ่ายค่าอาหารเสมอ

that men should always pay for dates,

on assuming that women should always do the childcare.

และคิดว่าหน้าที่ดูแลลูก ต้องเป็นของฝ่ายหญิงเสมอ

Japan offers both mothers and fathers,

ที่ประเทศญี่ปุ่นมีวันลาคลอดยาว 12 เดือน แบบไม่หักเงินเดือนให้ทั้งพ่อและแม่

12 months of paid parental leave.

It's been ranked number one in the world

ซึ่งติดอันดับ 1 ของโลก

in terms of length and compensation for paternity leave.

ทั้งในแง่ของระยะเวลาและค่าตอบแทน สำหรับวันลาคลอดของฝ่ายพ่อ

But here's the crazy thing:

แต่ที่บ้าบอก็คือ

In 2020, (footsteps patter)

ในปี 2020 มีคุณพ่อเพียง 7% เท่านั้น ที่ใช้สิทธินี้

only about 7% of fathers took it.

And of that 7%, 3/4 took a leave of two weeks or less.

และ 3 ใน 4 ของ 7% นั้น

เลือกลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์หรือน้อยกว่านั้น

With pressure at work,

เนื่องด้วยความกดดันในการทำงาน

most Japanese men just aren't at home

ชายชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงไม่ได้อยู่ที่บ้าน ในช่วงเวลาอันสำคัญนี้

during this pivotal time.

And that's a shame,

ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย

because paternity leave, it benefits everyone.

เพราะการลาคลอดของคุณพ่อนั้น

ให้ประโยชน์กับทุกๆคน

Here is why normalizing it is so important:

การทำให้การลาคลอดของพ่อเป็นเรื่องปกติ จึงมีความสำคัญ

I believe deeply in gender equality.

ผมเชื่อเรื่องความเท่าเทียมทางเพศอย่างมาก

I took my wife's last name,

ผมเองใช้นามกุลของภรรยา แถมยังเขียนหนังสือเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย

and even wrote a book about it.

And still, I was terrified asking for paternity leave.

ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงรู้สึกสยอง ที่จะต้องขออนุญาตลาคลอด

I'd heard of bosses denying the request,

เพราะผมได้ยินมาว่าหัวหน้ามักปฏิเสธคำขอนี้

or questioning their employee's masculinity.

หรือถามหาความเป็นชายของพนักงานเหล่านั้น

I was scared that, in asking for time off,

ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าขอลาไปแล้ว ผมอาจจะโดนตัดหาง

I might be replaced or left behind.

หรือมีใครมาทำงานแทนผมก็เป็นได้

But my boss, he accepted my request right away,

แต่ว่าหัวหน้าของผม

กลับอนุญาตให้ผมลาคลอดในทันที

which made me feel so valued,

ซึ่งทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่ามาก

and it let me focus on what was most important:

ที่ให้ผมได้ทุ่มเทพลังของผม ไปกับสิ่งที่สำคัญ

my family. (gentle piano music)

นั่นคือครอบครัวของผม

I can't describe how much joy I got

ผมไม่สามารถจะบรรยายว่าผมสุขใจแค่ไหน ที่ได้เห็นหน้าลูกผมในทุกๆวัน

seeing my newborn son each day.

I especially loved my early morning shift with him,

โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าที่เป็นกะของผม เพื่อให้ภรรยาของผม

so his mom could sleep in.

ได้นอนพักและตื่นสายหน่อย

When he was a newborn, (birds chirping)

ตอนที่ลูกชายผมยังแบเบาะ

we'd just cuddle on the couch.

ผมมักจะนั่งอุ้มเขาอยู่บนโซฟา

And when he got a little bigger,

พอโตขึ้นมาหน่อย

he became my best workout buddy,

ลูกกลายเป็นคู่หูออกกำลังกายของผม

as a cheerleader during my morning runs,

กลายเป็นเชียร์ลีดเดอร์บนรถเข็นให้ผม ตอนวิ่งในยามเข้า

in his stroller. (stroller wheels rattle)

Or, as a human dumbbell for squats and biceps curls.

หรือกลายเป็นดัมบ์เบลในร่างมนุษย์ ให้กับผม

I feel so close to my son now.

ผมรู้สึกผูกพันธ์กับลูกมาก

And it's not just me;

อย่าว่าแต่ผมเลย

men who take paternity leave experience a stronger bond

คุณพ่อคนใดก็ตามที่ได้ลาคลอด จะมีความผูกพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกๆมากกว่า

with their babies.

Research shows that the longer the paternity leave,

มีงานวิจัยบอกว่า ยิ่งคุณพ่อลาคลอดยาวนานเท่าไหร่

the more engaged the father is

จะยิ่งมีส่วนร่วมในช่วงขวบปีแรกๆของชีวิตลูก

in the first few years of a child's life.

I was shocked to learn that over half

ผมตกใจที่ได้เรียนรู้ว่า

of all US fathers report feeling dissatisfied

กว่าครึ่งของคุณพ่อชาวอเมริกัน รู้สึกไม่พอใจกับปริมาณเวลา

with the amount of time they spend with their children.

ที่ได้ใช้ไปกับลูกๆของพวกเขา

Paternity leave is a chance to change that.

การลาคลอดของคุณพ่อจึงถือเป็นโอกาสดี ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น

My relationship with my wife also deepened on my leave.

ผมเองยังผูกพันธ์กับภรรยามากขึ้น ในช่วงลาคลอดเช่นกัน

We went on a walk together every day,

พวกเราออกไปเดินเล่นด้วยกันทุกวัน

and I became a better cook and cleaner

ผมทำอาหาร และทำความสะอาดเก่งขึ้น

because I was able to spend more time

เพราะผมมีเวลาทำงานบ้านมากขึ้น

on household duties, (contents glub)

which made her happy. (steam hisses)

ภรรยาของผมจึงมีความสุข

In a McKinsey & Company survey,

จากการสำรวจของ McKinsey and Company พบว่า

90% of fathers who took paternity leave

90% ของคุณพ่อที่ใช้วันลาคลอดนั้นบอกว่า

say it improved their relationship, too.

มันช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ดีขึ้นเช่นกัน

This happens along a few different dimensions:

ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นจากหลายๆมิติด้วยกัน

First, because you gain a whole new respect

อย่างแรกเลย มันเกิดขึ้นจากความยกย่อง

for what's involved in childcare and housework,

ที่มีต่อหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับ การดูแลลูกและดูแลบ้าน

and it makes you step up and take on more.

มันเลยทำให้คุณก้าว เข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น

And by being home, you're providing emotional support.

และการที่ได้อยู่บ้านนั้น

ยังถือเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจให้ภรรยาอีกด้วย

Statistics show (steam hisses)

that when a mother's partner is involved,

สถิติบอกไว้ว่า เมื่อคู่ครองเข้ามามีบทบาท ร่วมกับบรรดาแม่ๆแล้ว

especially in the first few weeks after birth,

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงสัปดาห์แรกๆหลังคลอด

it reduces the risk of postpartum depression significantly.

จะช่วยลดโอกาสในการเกิด ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอีกด้วย

But this is really just the start,

แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

because paternity leave is also good for business.

เพราะการลาคลอดของคุณพ่อ ยังเป้็นผลดีต่อธุรกิจอีกด้วย

Paternity leave can have a profound impact

เนื่องจากการลาดังกล่าวสามารถส่งผลอันมหาศาล ต่อความเท่าเทียมทางเพศของพนักงาน

on gender equality in the workforce.

There is an inherent imbalance

ความไม่เท่าเทียมนั้นจะยังคงอยู่ต่อไป

if women take childcare leave, and men don't.

หากเพศหญิงเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ได้ลาคลอด

Working mothers are often juggling two full-time jobs,

คุณแม่ที่ทำงานไปด้วย จะต้องรับมือกับงานหนัก 2 งานด้วยกัน

one at work, and one at home. (keys clack)

ทั้งงานที่ทำงาน และงานที่บ้าน

Many don't return to the workforce

แม่หลายคนไม่ได้กลับไปทำงานอีกเลย

or decide to take reduced roles.

หรือตัดสินใจลดบทบาทในที่ทำงานลง

(baby cries) By taking paternity leave,

การลาคลอดของคุณพ่อนั้น

(alarm clock rings)

men can give women more options,

จึงทำให้บรรดาแม่ๆมีตัวเลือกมากขึ้น

and even boost their ability to rise into leadership roles.

หรือเป็นการผลักดันศักยภาพให้แม่ๆ ขึ้นมาเป็นผู้นำแทน

A study in Sweden showed that for every month

จากการศึกษาในสวีเดนพบว่า

ในทุกๆเดือนที่คุณพ่อยังคงลาคลอดอยู่

of parental leave taken by the father,

the mother's earnings increased by approximately 7%.

รายได้ของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นราวๆ 7%

It's interesting to note that 90% of female students

ผมมีตัวเลขที่น่าสนใจคือ 90% ของนักเรียนหญิงในญี่ปุ่นบอกว่า

in Japan say they'd want their future partner

พวกเขาอยากให้คู่ครองในอนาคต ลาคลอดไปด้วยกัน

to take parental leave,

and nearly 80% of men entering the workforce here,

และเกือบ 80% ของผู้ชายที่ทำงานแล้ว มีความเห็นเหมือนกันในแง่นี้

and I suspect in other countries too,

ผมว่ามันน่าจะเหมือนๆกันในอีกหลายประเทศนะ

say they want to take paternity leave.

ที่ฝ่ายชายก็อยากลาคลอดเหมือนกัน

For employers to have that open, inclusive culture

สำหรับบริษัทที่เปิดใจและยอมรับ

where paternity leave is respected,

ให้มีการลาคลอดของคุณพ่อนั้น

that can help companies attract and retain the best talent.

จะเป็นการช่วยดึงดูดและรักษาคนเก่งๆไว้ ให้อยู่กับบริษัทนานๆ

Workers are increasingly choosing the companies

เนื่องจากทุกวันนี้พนักงานเลือกงาน โดยดูจากวัฒนธรรมองค์กรมากขึ้น

based on the culture.

This is a space where any company

นี่เป็นช่องว่างที่แต่ละบริษัท สามารถเติมให้เต็มได้

can give themselves a boost.

I've been back at my job for about three months now,

ตอนนี้ผมกลับมาทำงานได้ราวๆ 3 เดือนแล้ว

and I can already tell you, I feel so much more productive.

ผมบอกได้เลยว่า

ผมรู้สึกจดจ่อกับงาน งานไหลลื่นมากขึ้น

I'm very focused, (employees chatter)

and always looking for ways to be more efficient,

แถมยังมองหาทางทำงาน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

so I can get home to my family.

เพื่อที่ผมจะได้รีบกลับบ้าน

I've heard this from many mothers coming back

ผมได้ยินเรื่องเดียวกันจากบรรดาแม่ๆ หลังจากจบลาคลอดเช่นกัน

from maternity leave, too.

And studies confirm.

ซึ่งมีการศึกษายืนยันว่า

80% of companies that offer paid family leave

80% ของบริษัท

ที่ให้ลาคลอดโดยไม่หักเงินเดือนนั้น มีผลตอบรับที่ดีในแง่ขวัญกำลังใจ

report a positive impact on morale,

and 70% notice a boost in productivity.

และ 70% สังเกตเห็นว่า มันช่วยผลักดันปริมาณผลงานอีกด้วย

It's a positive for any company.

มีแต่ผลดีต่อองค์กรทั้งนั้นฮะ

And that brings me to my final point:

นี่จึงนำผมมาสู่บทสรุปที่ว่า

Paternity leave, it's good for society.

การลาคลอดของคุณพ่อ

ดีต่อสังคม

Paternity leave is one of the big steps we can make

การลาคลอดของคุณพ่อเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญ ที่เราสามารถทำได้

in giving partners the opportunity to share their work,

ในการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของคู่ครอง

both at home and at work.

ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

It's one of our best bets to bridge the gender gap, overall.

เป็นการวางเดิมพันที่ดีที่สุด เพื่อที่จะก้าวข้ามช่องว่างระหว่างเพศ

Research shows that when that gender gap gets smaller,

หนึ่งในงานวิจัยพบว่า ช่องว่างระหว่างเพศจะเล็กลงได้

people report higher life satisfaction.

ก็ต่อเมื่อผู้คนรู้สึกพอใจในชีวิตมากขึ้น

(people cheer)

Iceland, Norway, and Finland rank top three

ประเทศอย่างไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และฟินแลนด์ อยู่ใน 3 ดับแรก

in the Global Gender Gap Index,

บนดัชนีช่องว่างระหว่างเพศของโลก

and over 70% of fathers take paternity leave.

โดยกว่า 70% ของบรรดาคุณพ่อที่นั่น ต่างก็ใช้วันลาคลอด

And if you take a look at their ranking

และเมื่อมาดูอันดับความสุขของคนในประเทศนี้ เราจะพบว่า

in the World Happiness Report,

they're very, very high.

พวกเขาอยู่ในอันดับที่สูงมากๆ

This might be a coincidence,

นี่อาจจะเป็นความบังเอิญหรือเปล่า แต่...

but I don't think so.

ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ

That freedom to be yourself

เพราะความอิสระในการเลือก

and make choices without gender expectations,

และการตัดสินใจ โดยไม่อิงต่อความคาดหวังทางเพศ

it feels really good.

มันทำให้รู้สึกดีเหลือเกิน

We live in a patriarchy, and what I've realized

พวกเราอยู่ในสังคมชายเป็นใหญ่

สิ่งที่ผมได้จากมันก็คือ โลกที่มีระบบเอื้อต่อเพศชายเนี่ย

is that the same world that systematically favors men,

it's also trapping us in a cage.

มันกลับขังเราให้อยู่ในกรงต่างหาก

We need more countries to set up systems

อยากให้หลายๆประเทศจัดตั้งระบบ

that allow all parents to take paid childcare leave,

ที่ยอมให้พ่อแม่ได้ลามาดูแลลูก โดยไม่โดนหักเงินเดือน

to give everyone new options.

เพื่อให้มีทางเลือกใหม่ๆให้กับทุกคน

We need to build a culture

that encourages and values men as caretakers,

พวกเราต้องสร้างวัฒนธรรม

ที่ช่วยส่งเสริมและให้คุณค่าแก่เพศชาย ในฐานะผู้ดูแล

because we can do it too.

เพราะพวกเราก็ทำได้เช่นกัน

(gentle music)