Skylar Tibbits: Can we make things that make themselves?

75,686 views ・ 2011-09-01

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Mahachai Sattayathamrongthian Reviewer: Thipnapa Huansuriya
00:15
Today I'd like to show you
0
15260
2000
วันนี้ผมอยากจะนำเสนอ
00:17
the future of the way we make things.
1
17260
2000
วิธีที่เราจะสร้างสิ่งของต่างๆ ในอนาคต
00:19
I believe that soon our buildings and machines
2
19260
2000
ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ตึก และ เครื่องจักร
00:21
will be self-assembling,
3
21260
2000
จะสามารถสร้างตัวมันเอง
00:23
replicating and repairing themselves.
4
23260
2000
ถอดแบบและซ่อมแซมตัวเองได้
00:25
So I'm going to show you
5
25260
2000
ก่อนอื่นผมจะแสดงให้คุณดู
00:27
what I believe is the current state of manufacturing,
6
27260
2000
ว่าวิธีการผลิตที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
00:29
and then compare that to some natural systems.
7
29260
3000
และเปรียบเทียบกระบวนการดังกล่าวกับระบบของธรรมชาติ
00:32
So in the current state of manufacturing, we have skyscrapers --
8
32260
3000
วิธีการที่เราใช้สร้างสิ่งต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น ตึกระฟ้า
00:35
two and a half years [of assembly time],
9
35260
2000
ใช้เวลาสร้าง 2 ปีครึ่ง
00:37
500,000 to a million parts,
10
37260
2000
มีชิ้นส่วนห้าแสนจนถึงล้านชิ้น
00:39
fairly complex,
11
39260
2000
และค่อนข้างซับซ้อน
00:41
new, exciting technologies in steel, concrete, glass.
12
41260
3000
เรามีเทคโนโลยีใหม่ที่น่าตื่นเต้นในงานเหล็ก, คอนกรีต, แก้ว
00:44
We have exciting machines
13
44260
2000
เรามีเครื่องมือที่น่าตื่นตาตื่นใจ
00:46
that can take us into space --
14
46260
2000
ที่สามารถนำเราไปสู่​​อวกาศ
00:48
five years [of assembly time], 2.5 million parts.
15
48260
3000
ใช้เวลาประกอบห้าปี กับชิ้นส่วน 2.5 ล้านชิ้น
00:51
But on the other side, if you look at the natural systems,
16
51260
3000
ทีนี้ ถ้าคุณลองดูระบบธรรมชาติ
00:54
we have proteins
17
54260
2000
เรามีโปรตีน
00:56
that have two million types,
18
56260
2000
นับสองล้านชนิด
00:58
can fold in 10,000 nanoseconds,
19
58260
2000
ที่สามารถพับตัวใน 10,000 นาโนวินาที,
01:00
or DNA with three billion base pairs
20
60260
2000
หรือ DNA ซึ่งมีสามพันล้านคู่พื้นฐาน
01:02
we can replicate in roughly an hour.
21
62260
3000
ที่สามารถทำสำเนาตัวเองได้ในประมาณหนึ่งชั่วโมง
01:05
So there's all of this complexity
22
65260
2000
มันมีความซับซ้อนมากมายเลยนะ
01:07
in our natural systems,
23
67260
2000
ระบบในธรรมชาติเนี่ย
01:09
but they're extremely efficient,
24
69260
2000
แต่มันก็มีประสิทธิภาพมาก
01:11
far more efficient than anything we can build,
25
71260
2000
ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดที่เราสามารถสร้างได้
01:13
far more complex than anything we can build.
26
73260
2000
ซับซ้อนมากกว่าสิ่งใดๆ ที่เราสามารถสร้างได้
01:15
They're far more efficient in terms of energy.
27
75260
2000
และมีประสิทธิภาพมากกว่าในแง่ของการใช้พลังงาน
01:17
They hardly ever make mistakes.
28
77260
3000
มันแทบไม่เคยทำผิดพลาด
01:20
And they can repair themselves for longevity.
29
80260
2000
และยังสามารถซ่อมแซมตัวเองเพื่อยืดอายุต่อไปได้
01:22
So there's something super interesting about natural systems.
30
82260
3000
ดังนั้น ระบบของธรรมชาติจึงน่าสนใจมากๆ
01:25
And if we can translate that
31
85260
2000
และถ้าเราสามารถถ่ายทอดความสามารถนี้
01:27
into our built environment,
32
87260
2000
มาใส่ในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น
01:29
then there's some exciting potential for the way that we build things.
33
89260
2000
วิธีการที่เราสร้างสิ่งต่างๆ ก็จะมีศักยภาพที่น่าทึ่ง
01:31
And I think the key to that is self-assembly.
34
91260
3000
ซึ่งผมคิดว่ากุญแจสำคัญไปสู่จุดนั้นก็คือ ความสามารถในการสร้างตัวมันเอง
01:34
So if we want to utilize self-assembly in our physical environment,
35
94260
3000
ถ้าเราต้องการนำความสามารถในการสร้างมันตัวเองมาใช้
01:37
I think there's four key factors.
36
97260
2000
ผมคิดว่า มีปัจจัยหลัก 4 อย่าง
01:39
The first is that we need to decode
37
99260
2000
ประการแรก เราจำเป็นต้องถอดรหัส
01:41
all of the complexity of what we want to build --
38
101260
2000
ความซับซ้อนทั้งหมดของสิ่งที่เราต้องการจะสร้าง
01:43
so our buildings and machines.
39
103260
2000
เช่นอาคารและเครื่องจักร
01:45
And we need to decode that into simple sequences --
40
105260
2000
เราต้องถอดรหัสพวกนี้ออกมาเป็นลำดับขั้นตอนพื้นฐาน
01:47
basically the DNA of how our buildings work.
41
107260
2000
เรียกง่ายๆ ว่าถอดรหัส DNA การสร้างอาคารต่างๆ
01:49
Then we need programmable parts
42
109260
2000
แล้วเราก็ต้องมีชิ้นส่วนที่ตั้งโปรแกรม
01:51
that can take that sequence
43
111260
2000
ให้สามารถทำงานตามลำดับขั้นดังกล่าวได้
01:53
and use that to fold up, or reconfigure.
44
113260
3000
แล้วใช้ชิ้นส่วนที่ว่านั้นในการก่อร่างหรือปรับแต่ง
01:56
We need some energy that's going to allow that to activate,
45
116260
3000
เราต้องการแหล่งพลังงานที่กระตุ้นให้กระบวนการนี้เริ่มทำงาน
01:59
allow our parts to be able to fold up from the program.
46
119260
3000
เพื่อให้ชิ้นส่วนของเราสามารถประกอบกันตามโปรแกรม
02:02
And we need some type of error correction redundancy
47
122260
2000
และเราต้องการโปรแกรมที่มาแก้ไขข้อผิดพลาดบางอย่าง
02:04
to guarantee that we have successfully built what we want.
48
124260
3000
เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะสร้างสิ่งที่เราต้องการได้สำเร็จสมบูรณ์
02:07
So I'm going to show you a number of projects
49
127260
2000
ดังนั้น ผมจะให้คุณดูโครงการต่างๆ
02:09
that my colleagues and I at MIT are working on
50
129260
2000
ที่ผมกับเพื่อนร่วมงานของผมที่ MIT กำลังศึกษาอยู่
02:11
to achieve this self-assembling future.
51
131260
2000
เพื่อสร้างสิ่งที่สามารถสร้างตัวเองได้ในอนาคต
02:13
The first two are the MacroBot and DeciBot.
52
133260
3000
สองโครงการแรกคือ MacroBot และ DeciBot
02:16
So these projects are large-scale reconfigurable robots --
53
136260
4000
มันคือหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่สามารถปรับโครงสร้างตัวเองได้
02:20
8 ft., 12 ft. long proteins.
54
140260
3000
เหมือนกับห่วงโซ่โปรตีนยาว 8 ฟุต, 12 ฟุต
02:23
They're embedded with mechanical electrical devices, sensors.
55
143260
3000
ภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์กลไกไฟฟ้าและเซ็นเซอร์
02:26
You decode what you want to fold up into,
56
146260
2000
คุณถอดรหัสสิ่งที่คุณต้องการสร้างขึ้นมา
02:28
into a sequence of angles --
57
148260
2000
เป็นลำดับของการพับตัวเป็นมุมขนาดต่างๆ
02:30
so negative 120, negative 120, 0, 0,
58
150260
2000
ติดลบ 120, ติดลบ 120, 0, 0,
02:32
120, negative 120 -- something like that;
59
152260
3000
120, ลบ 120 -- อะไรประมาณนั้น
02:35
so a sequence of angles, or turns,
60
155260
2000
ลำดับของมุม หรือ จุดเปลี่ยนต่างๆ พวกนี้
02:37
and you send that sequence through the string.
61
157260
3000
ถูกส่งเข้ามาผ่านสายส่งสัญญาณ
02:40
Each unit takes its message -- so negative 120 --
62
160260
3000
แต่ละหน่วยจะได้ข้อความของมัน-- เช่น ลบ 120
02:43
it rotates to that, checks if it got there
63
163260
2000
มันก็จะหมุนไป แล้วตรวจสอบว่าได้มุมที่ต้องการหรือยัง
02:45
and then passes it to its neighbor.
64
165260
3000
แล้วก็ส่งผ่านต่อไปยังใกล้จุดเคียง
02:48
So these are the brilliant scientists,
65
168260
2000
นี้คือสุดยอดนักวิทยาศาสตร์
02:50
engineers, designers that worked on this project.
66
170260
2000
วิศวกร, นักออกแบบที่ทำงานในโครงการนี้
02:52
And I think it really brings to light:
67
172260
2000
และผมคิดว่ามันทำให้มีคำถามผุดขึ้นมาว่า
02:54
Is this really scalable?
68
174260
2000
งานนี้ขยายผลออกไปได้จริงหรือเปล่า?
02:56
I mean, thousands of dollars, lots of man hours
69
176260
2000
เราใช้เงินหลายพันดอลลาร์ และจำนวนชั่วโมงทำงานมหาศาล
02:58
made to make this eight-foot robot.
70
178260
3000
เพื่อสร้างเจ้าหุ่นยนต์แปดฟุตตัวนี้
03:01
Can we really scale this up? Can we really embed robotics into every part?
71
181260
3000
เราสามารถขยายผลออกไปได้จริงๆ หรือ? จะนำหุ่นยนต์นี้ไปใช้ในทุกๆ เรื่องได้จริงหรือ?
03:04
The next one questions that
72
184260
2000
คำถามถัดไปคือ
03:06
and looks at passive nature,
73
186260
2000
ตอนนี้ธรรมชาติของเจ้าหุ่นนี้
03:08
or passively trying to have reconfiguration programmability.
74
188260
3000
ยังทำงานตามโปรแกรมการปรับโครงสร้างตัวเองที่ถูกป้อนเข้าไป
03:11
But it goes a step further,
75
191260
2000
แต่มันจะก้าวไปสู่ขั้นต่อไป
03:13
and it tries to have actual computation.
76
193260
2000
นั่นคือ การพยายามทำให้มันคิดคำนวณได้เองจริงๆ
03:15
It basically embeds the most fundamental building block of computing,
77
195260
2000
มันคือการฝังวงจรที่เป็นองค์ประกอบขั้นพื้นฐานที่สุดของคอมพิวเตอร์
03:17
the digital logic gate,
78
197260
2000
นั่นคือดิจิตอล ลอจิกเกต (digital logic gate)
03:19
directly into your parts.
79
199260
2000
ลงไปในชิ้นส่วนต่างๆ โดยตรง
03:21
So this is a NAND gate.
80
201260
2000
อันนี้คือเกตแบบ NAND (NAND gate)
03:23
You have one tetrahedron which is the gate
81
203260
2000
คุณมีโครงสร้างปิรามิดฐานสามเหลี่ยม
03:25
that's going to do your computing,
82
205260
2000
ที่จะทำหน้าที่คำนวณให้คุณ
03:27
and you have two input tetrahedrons.
83
207260
2000
และก็มีปิรามิดฐานสามเหลี่ยม 2 ชิ้นที่ป้อนข้อมูลเข้ามา
03:29
One of them is the input from the user, as you're building your bricks.
84
209260
3000
อันหนึ่งเป็นข้อมูลมาจากผู้ใช้ เหมือนเวลาคุณกำลังจะก่ออิฐ
03:32
The other one is from the previous brick that was placed.
85
212260
3000
ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งมาจากอิฐที่เคยก่อไว้ก่อนหน้านี้
03:35
And then it gives you an output in 3D space.
86
215260
3000
แล้วมันสุดท้ายมันจะให้ผลการคำนวณเป็นรูปแบบ 3 สามมิติ
03:38
So what this means
87
218260
2000
นั่นหมายถึง
03:40
is that the user can start plugging in what they want the bricks to do.
88
220260
3000
ผู้ใช้สามารถใส่ข้อมูลอะไรก็ตามที่พวกเขาอยากให้มันทำ
03:43
It computes on what it was doing before
89
223260
2000
แล้วมันก็จะคำนวณจากสิ่งที่มันเคยทำมาก่อน
03:45
and what you said you wanted it to do.
90
225260
2000
และข้อมูลที่คุณบอกว่าคุณอยากให้มันทำอะไร
03:47
And now it starts moving in three-dimensional space --
91
227260
2000
แล้วมันก็จะเริ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่ 3 มิติ
03:49
so up or down.
92
229260
2000
เลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลง
03:51
So on the left-hand side, [1,1] input equals 0 output, which goes down.
93
231260
3000
ทางซ้ายมือนี่ input [1,1] จะได้ output เท่ากับ 0 ซึ่งจะเป็นการเลื่อนลง
03:54
On the right-hand side,
94
234260
2000
ส่วนภาพทางขวานี่
03:56
[0,0] input is a 1 output, which goes up.
95
236260
3000
ข้อมูล input [0,0] ออกมาเป็น output เท่ากับ 1 ซึ่งจะเป็นการเลื่อนขึ้น
03:59
And so what that really means
96
239260
2000
ดังนั้น นี่หมายถึงว่า
04:01
is that our structures now contain the blueprints
97
241260
2000
ไอ้เจ้าโครงสร้างของเรานี้ ตอนนี้มันเก็บพิมพ์เขียว
04:03
of what we want to build.
98
243260
2000
ของสิ่งที่เราต้องการที่จะสร้างไว้
04:05
So they have all of the information embedded in them of what was constructed.
99
245260
3000
ดังนั้น มันมีข้อมูลทั้งหมดฝังอยู่ในตัว เกี่ยวกับสิ่งที่มันเคยสร้าง
04:08
So that means that we can have some form of self-replication.
100
248260
3000
นั่นหมายความว่า มันสามารถถอดแบบและสร้างตัวมันเองได้
04:11
In this case I call it self-guided replication,
101
251260
3000
ผมเรียกมันว่าการถอดแบบจำลองโดยมีแนวทางในตัวเอง
04:14
because your structure contains the exact blueprints.
102
254260
2000
เพราะโครงสร้างที่ว่านี้มีพิมพ์เขียวที่ชัดเจนอยู่แล้ว
04:16
If you have errors, you can replace a part.
103
256260
2000
หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น คุณก็สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้นได้
04:18
All the local information is embedded to tell you how to fix it.
104
258260
3000
ข้อมูลวิธีการแก้ไขทั้งหมดถูกฝังไว้ในระบบแล้ว
04:21
So you could have something that climbs along and reads it
105
261260
2000
ดังนั้นคุณจึงมีโครงสร้างที่ค่อยๆ เคลื่อนไหวและอ่านพิมพ์เขียวนั้น
04:23
and can output at one to one.
106
263260
2000
แล้วส่งข้อมูลออกไปหากันและกัน
04:25
It's directly embedded; there's no external instructions.
107
265260
2000
ระบบนี้ถูกฝังโดยตรงอยู่ภายในโครงสร้าง; มีไม่มีคำสั่งภายนอก
04:27
So the last project I'll show is called Biased Chains,
108
267260
3000
สุดท้าย โครงการล่าสุดที่ผมจะให้คุณดูเรียกว่า Biased Chains
04:30
and it's probably the most exciting example that we have right now
109
270260
3000
น่าจะเป็นตัวอย่างที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่เรามีในตอนนี้
04:33
of passive self-assembly systems.
110
273260
2000
ของระบบที่สร้างประกอบตัวเองตามโปรแกรมที่ได้รับ
04:35
So it takes the reconfigurability
111
275260
2000
ความสามารถในการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง
04:37
and programmability
112
277260
2000
และการที่เราสามารถตั้งโปรแกรมให้มันได้
04:39
and makes it a completely passive system.
113
279260
3000
ทำให้มันเป็นระบบที่ทำตามคำสั่งได้โดยสมบูรณ์
04:43
So basically you have a chain of elements.
114
283260
2000
เอาล่ะ อธิบายง่ายๆ คือคุณมีห่วงโซ่ขององค์ประกอบ
04:45
Each element is completely identical,
115
285260
2000
แต่ละองค์ประกอบจะเหมือนกันเป๊ะ
04:47
and they're biased.
116
287260
2000
แล้วก็มีความโน้มเอียง
04:49
So each chain, or each element, wants to turn right or left.
117
289260
3000
คือ ห่วงโซ่แต่ห่วงมีความโน้มเอียงที่จะเลี้ยวขวาหรือซ้าย
04:52
So as you assemble the chain, you're basically programming it.
118
292260
3000
ดังนั้นเมื่อคุณประกอบห่วงโซ่ ก็เหมือนคุณเขียนโปรแกรมให้มัน
04:55
You're telling each unit if it should turn right or left.
119
295260
3000
คุณบอกแต่ละหน่วยว่ามันควรจะเลี้ยวขวาหรือซ้าย
04:58
So when you shake the chain,
120
298260
3000
แล้วเมื่อคุณเขย่าห่วงโซ่
05:01
it then folds up
121
301260
2000
มันก็พับขึ้น
05:03
into any configuration that you've programmed in --
122
303260
3000
เป็นรูปแบบตามที่คุณได้ตั้งโปรแกรมไว้
05:06
so in this case, a spiral,
123
306260
2000
อย่างอันนี้ กลายเป็นเกลียว
05:08
or in this case,
124
308260
3000
ส่วนอันนี้
05:11
two cubes next to each other.
125
311260
3000
เป็นลูกบาศก์สองอันติดกัน
05:14
So you can basically program
126
314260
2000
ดังนั้นคุณจึงสามารถเขียนโปรแกรม
05:16
any three-dimensional shape --
127
316260
2000
รูปร่างสามมิติอะไรก็ได้
05:18
or one-dimensional, two-dimensional -- up into this chain completely passively.
128
318260
3000
หรือจะหนึ่งมิติสองมิติก็ได้ เพราะห่วงโซ่นี้มันทำตามคำสั่งที่เราตั้งโปรแกรมให้หมด
05:21
So what does this tell us about the future?
129
321260
2000
เอาล่ะ แล้วสิ่งเหล่านี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับอนาคต?
05:23
I think that it's telling us
130
323260
2000
ผมคิดว่ามันบอกเราว่า
05:25
that there's new possibilities for self-assembly, replication, repair
131
325260
3000
มีความเป็นไปได้ ที่เราจะมีสิ่งที่สร้าง จำลองแบบ และซ่อมแซมตัวเอง
05:28
in our physical structures, our buildings, machines.
132
328260
3000
ในโครงสร้างทางกายภาพ อาคาร และเครื่องจักรที่เราใช้
05:31
There's new programmability in these parts.
133
331260
2000
เราสามารถตั้งโปรแกรมในชิ้นส่วนของสิ่งเหล่านี้ได้มากขึ้น
05:33
And from that you have new possibilities for computing.
134
333260
2000
ซึ่งนั่นทำให้เรามีความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการคำนวณและประมวลผล
05:35
We'll have spatial computing.
135
335260
2000
เราจะมีการคำนวณเชิงพื้นที่
05:37
Imagine if our buildings, our bridges, machines,
136
337260
2000
ลองคิดดูสิ หากอาคาร, สะพาน, เครื่องจักร
05:39
all of our bricks could actually compute.
137
339260
2000
และก้อนอิฐทั้งหมดสามารถคิดคำนวณเองได้
05:41
That's amazing parallel and distributed computing power,
138
341260
2000
นั่นเป็นพลังการคำนวณและประมวลผลที่น่าทึ่ง
05:43
new design possibilities.
139
343260
2000
มันคือความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการออกแบบ
05:45
So it's exciting potential for this.
140
345260
2000
เป็นศักยภาพที่น่าตื่นเต้นสำหรับงานชิ้นนี้
05:47
So I think these projects I've showed here
141
347260
2000
ผมคิดว่าโครงการเหล่านี้ที่ผมแสดงให้คุณดู
05:49
are just a tiny step towards this future,
142
349260
2000
เป็นเพียงขั้นตอนเล็ก ๆ ไปสู่​​อนาคต
05:51
if we implement these new technologies
143
351260
2000
ถ้าเรานำเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ไปใช้
05:53
for a new self-assembling world.
144
353260
2000
เพื่อสร้างโลกใหม่ที่สร้างตัวมันเองได้ด้วยตัวมันเอง
05:55
Thank you.
145
355260
2000
ขอบคุณครับ
05:57
(Applause)
146
357260
2000
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7